Group Blog
<<< "กูคือถังขยะ" >>>










"กูคือถังขยะ"

"อันตัวกูนี่เปรียบเช่นถังขยะที่วางไว้ ณ ที่โล่งแจ้ง

ถังขยะไม่มีความรู้สึกหนาว ร้อน หิวกระหาย

ทุกข์ทรมานใดๆ ใครจะด่า ใครจะชอบ ใครจะรัก

ใครจะสรรเสริญ ใครจะนินทา ใครจะกราบไหว้บูชา

 ใครจะทุบตี ถ่มนํ้าลาย นํ้ามูก นํ้าคูถต่างๆ ลงใส่ถังขยะ

 ถังขยะจะไม่รู้ซึกดีใจหรือเสียใจ 

แต่ขอให้พิจารณาตัวของตัวเองว่า เราได้ทำดีหรือชั่ว

 ตามที่เขาว่าแล้วหรือยัง

 วางตัวให้อยู่ในอุเบกขาธรรมเท่านี่

ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ละวาง"

"คนว่ากูดีก็มี คนว่ากูไม่ดีก็มี แต่ว่าอย่าไปหลง

 เขาว่าดีก็ช่างเขา เขาว่าชั่วก็ช่างเขา

ดีหรือชั่วมันอยู่ที่ตัวของตัวเอง 

คนมายกย่องสรรเสริญเยินยอก็มี แต่ว่าเราอย่าไปดีใจ 

เขาว่าชั่วก็อย่าไปเสียใจ กูถือว่าใครจะว่ากูดี กูก็ไม่ดีใจ 

ใครจะว่ากูชั่วก็ไม่เสียใจ ดีหรือชั่วตัวกูรู้ดี 

ใครจะมายกย่องสรรเสริญเยินยอว่า

กูดีอย่างนั้น กูดีอย่างนี้ 

ถ้าเขาว่าดี ก็มานั่งยิ้ม ถ้าเขาว่าไม่ดีก็เสียใจ ..

โอวาทธรรม.หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ






ขอบคุณที่มา fb. ไม้ขีดครับ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 30 มกราคม 2562
Last Update : 30 มกราคม 2562 9:11:22 น.
Counter : 189 Pageviews.

0 comment
<<< "ทุกขสัจ" >>>










"ทุกขสัจ"


อย่ามีความหลงใหลใฝ่ฝันในชีวิต

จงอย่าคิดว่า เราไม่ตายเราไม่แก่

ให้คิดถึงอริยสัจเสียก่อนเป็นอันดับแรก

 โดยเฉพาะทุกขสัจ

พระพุทธเจ้าทรงสอน ไม่ว่าสอนใครทั้งหมด

เมื่อขึ้น สุดท้ายท่านก็ลงอริยสัจคิดให้เข้าใจ

เพียงแค่ทุกขสัจอย่างเดียวให้เข้าใจจริงๆ

ถ้าเห็นทุกข์ตัวเดียว อีก3 ตัวปรากฏ

คำว่าสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์

ในเมื่อเรารู้ทุกข์ เราก็รู้ว่าใครทำให้เราทุกข์

อะไรทำให้เราเป็นทุกข์ ไม่ต้องไปนั่งคิด

ถ้าเราเห็นทุกข์และเข้าใจในทุกข์แล้ว

ก็มีความเบื่อหน่ายในทุกข์

 เพราะการเกิด นิโรธความดับมันก็เกิด

 เมื่อนิโรธความดับเกิดขึ้นมาแล้ว

ก็ชื่อว่า ถึงที่สุดแห่งพุทธศาสนา

คือ ความเข้าใจถึงที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงสอน.

โอวาทธรรม.หลวงพ่อจง พุทฺธสโร






ขอบคุณที่มา fb.  ไม้ขีดครับ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 22 มกราคม 2562
Last Update : 22 มกราคม 2562 9:24:45 น.
Counter : 281 Pageviews.

0 comment
<<< "ผลของการแสวงหาสมบัติ" >>>









"ผลของการแสวงหาสมบัติ"

“สมบัติในโลกเราแสวงหามาเป็นความสุขก็พอหาได้

จะแสวงหามาเป็นไฟก็ทำให้ฉิบหายได้

 จริงๆข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลา

 ของผู้แสวงหาแต่ละราย

ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน

 จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา

 จะเข้าใจว่าท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทอง

เครื่องหวงแหนอย่างนั้นหรือ

เข้าใจว่าเป็นคนร่ำรวยสวยงาม

เฉพาะสมัยพวกเราเท่านั้นหรือ

 จึงพากันรักพากันหวงพากันห่วง

จนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย

 บ้านเมืองเราสมัยนี้ไม่มีป่าช้าสำหรับเผา

หรือฝังคนตายอย่างนั้นหรือ

จึงสำคัญว่าตนจะไม่ตาย

 และพากันประมาทจนลืมเนื้อลืมตัว

 กลัวแต่จะไม่ได้กิน ไม่ได้นอน

กลัวแต่จะไม่ได้เพลิดไม่ได้เพลิน

 ประหนึ่งโลกจะดับสูญไปเดี๋ยวนี้

 จึงรีบพากันตักตวงเอาความไม่เป็นท่าใส่ตน

แทบหาบไม่ไหว อันสิ่งเหล่านี้ แม้แต่สัตว์

เขามีได้เหมือนมนุษย์เรา อย่าสำคัญว่าตนเก่งกาจ

สามารถฉลาดรู้ยิ่งกว่าเขาเลย

ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตามาทับถมตัวเอง

จนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอก

อาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ใครจะไปทราบได้

ถ้าไม่เตรียมทราบไว้ตั้งแต่บัดนี้”

พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

...........................

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ. ๒๔๑๓ – ๒๔๙๒)







ขอบคุณที่มา fb. ธรรมะพระธุดงคกรรมฐาน

สายพระบูรพาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ

ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 มกราคม 2562
Last Update : 12 มกราคม 2562 8:45:49 น.
Counter : 345 Pageviews.

0 comment
<<< "การเจริญทางปัญญา" >>>









"การเจริญทางปัญญา"

การก้าวเดินทางปัญญา ใช้การพิจารณารูปขันธ์

 นามขันธ์ และสภาวธรรมต่างๆ ทั้งสองสิ่งนี้

รวมลงเป็นไตรลักษณ์ รูปขันธ์ คือ กาย

 ที่เป็นธาตุ 4 เป็นไตรลักษณ์

นามขันธ์ ประกอบด้วย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

 ละเอียดลงไปในจิต ซึ่งเป็นรังของอวิชชา

การเจริญทางปัญญา ต้องพิจารณากายเป็นพื้นฐาน

 ให้พิจารณาให้ถ่องแท้ รู้ให้ชัด

 เพราะกายเป็นบ่อเกิดของตัณหาที่ทำให้

ต้องเวียนว่ายในวัฏสงสาร

การก้าวออกทางปัญญาคือการพิจารณากาย

ที่เป็นบ่อเกิดแห่งกิเลสที่ทำให้หลงยึดหลงติด

 ยึดมั่นในรูปกายนี้มานานแสนนาน ชั่วกัปชั่วกัลป์

ให้รู้จักปล่อยวางอุปาทานนี้เพื่อตัดวัฏสงสาร

 ให้รู้ทัน เห็นตามสภาวธรรมทั้งปวง แล้วปล่อยวาง

 ละในสิ่งที่เป็นโทษ และความอยาก

 และละการกระทำทั้งปวงที่มีกิเลสเป็นพื้นฐาน

การพิจารณากายหรืออวัยวะส่วนใดในห้องกรรมฐาน

ต้องพิจารณาให้เข้าใจละเอียดเป็นธาตุ

 เช่น ผมของเราก็เหมือนกับผมของเขา

เวลาพิจารณาให้พิจารณาให้ละเอียด

 ตัวอย่างเช่น จะพิจารณาช่องปาก

ก็ให้ดูให้เห็นปาก เห็นฟัน ให้เห็นเพดานปาก

 พิจารณาให้ชัด เริ่มต้นอาจส่องกระจกดู

ให้เห็นรูปร่างให้ชัด ให้เกิดเป็นสัญญาก่อน

 แล้วเมื่อเวลาจะพิจารณา

ก็ให้พิจารณาไปให้ละเอียด

 เมื่อเริ่มปฏิบัติต้องฝ่าฟัน

เมื่อเกิดทุกขเวทนาต้องอดทน และผ่านไปให้ได้

ให้พิจารณาว่าส่วนไหนที่เป็นเรา ขน ผม

 หรือความเจ็บ ให้ทำต่อไป

 แต่อะไรที่ทำให้เจริญทางภาวนา

ให้สังเกตและทำลงตรงจุดนั้น

เช่น การอดอาหาร เป็นต้น.

พระอาจารย์บัณฑิต สุปณฺฑิโต






ขอบคุณที่มา fb. ไม้ขีดครับ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 มกราคม 2562
Last Update : 8 มกราคม 2562 8:54:19 น.
Counter : 285 Pageviews.

0 comment
1  2  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ