Group Blog
All Blog
<<< "เลือกเดินทางธรรม" >>>









“เลือกเดินทางธรรม”

ทางธรรมนี้เป็นทางยากลาบากในเบื้องต้น

 เพราะเป็นทางที่เราไม่เคยไป

และเป็นทางที่เราต้องสละทางโลก

 การสละทางโลกแล้วมาทางธรรมนี้

 มันทำให้เราทุกข์ทรมานกัน

 เพราะเราเคยหาความสุข

ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย กัน

 พอเรามาทางธรรมก็ต้องยุติการหาความสุข

ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

ดังนั้น การมาถือศีล ๘ มาปลีกวิเวก

จึงเป็นสิ่งที่ทรมานใจ

ทางร่างกายไม่มีอะไร ร่างกายสบายจะตายไป

อยู่วัดไม่ต้องแบกหาม ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยยาก

เพียงแต่ให้มาสู้กับกิเลสตัณหาเท่านั้นเอง

 แต่มันกลับเป็นความเหนื่อยยาก ทางจิตใจ

ที่บุคคลส่วนใหญ่ไม่อยากจะทำกัน

 เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า เขาไม่มีโอกาส

ได้ศึกษาจากผู้รู้จริงเห็นจริง

ไม่เคยได้ฟังธรรมของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

 ก็เลยไม่เห็นคุณค่าของการปฏิบัติ

ที่ต้องทุกข์ยากลำบาก ก็เลย ไม่มีความยินดี

ในการที่จะเข้าหาธรรมกัน

 กลับมีความยินดีกับการหาลาภ ยศ สรรเสริญ

การหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กาย กัน

 เพราะยังมีความ สามารถที่จะหาได้

เพราะร่างกายยังแข็งแรง

แต่เขาไม่ได้มองถึงอนาคตของ ร่างกาย

ว่าต่อไปร่างกายก็จะต้องแก่ลงไปเรื่อยๆ

 แล้วก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วในที่สุดก็ต้องตายไป

ถ้าเขาเห็นอย่างพระพุทธเจ้าเห็นนี้

 เขาก็อาจจะเปลี่ยนทางเดินของเขาก็ได้

เพราะการเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย

ของพระพุทธเจ้านี่แหละที่ทำให้

พระองค์เปลี่ยนทางเดินจากการเดินในทางโลก

 ทางไปสู่การเป็นพระมหา จักรพรรดิ

พระองค์ก็ทรงเปลี่ยนมาทางที่จะไป

สู่การบรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

 แต่เป็นทางที่พระองค์จะต้อง ทุกข์ยากลำบาก

ในทางการกินอยู่และทางจิตใจ

ทางร่างกายก็อยู่แบบขอทาน

แต่ก่อนพระองค์เคยอยู่ในพระราชวัง

 แต่พอออกบวชก็ต้องอยู่แบบขอทาน

 อยู่ตามมีตามเกิด อยู่ตามป่าตามเขา

เพราะเป็นที่เหมาะสมต่อการบาเพ็ญสมณธรรม

 เป็นที่เหมาะสมต่อการทำจิตใจให้สงบ

 และ ต้องเจริญปัญญา

พระองค์ก็เลยต้องเสด็จออกจากพระราชวัง

ที่มีความสุขทางด้านลาภ ยศ สรรเสริญ

ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

 แล้วก็ไปอยู่แบบเดียวดายตามลาพัง

 อยู่โดยปราศจาก รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะต่างๆ

 ถ้าพระทัยไม่มีความหนักแน่นมุ่งมั่น

ต่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่จะเกิดขึ้น

จากความแก่ ความเจ็บ ความตาย

พระองค์ก็ไม่สามารถที่จะเสด็จออก

จากพระราชวังไปได้ แต่เนื่องจากมีความเห็นภัย

 ในความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่จะตามมา

 พระองค์จึงยอมทนทุกข์ทรมาน

กับการอยู่แบบ ขอทานอยู่ในป่าในเขา

 อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ว้าเหว่เปล่าเปลี่ยว

 ด้วยความพยายามที่จะบำเพ็ญ และปฏิบัติ

 จึงทำให้พระองค์สามารถที่จะบรรลุธรรม

และหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้

 กลายเป็นสรณะเป็นที่พึ่งให้แก่โลกมาจนถึง บัดนี้

เวลา ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว

 ถ้าเราไม่มีการเสียสละของพระพุทธเจ้า

การเลือกเดินทางธรรมของพระพุทธเจ้า

 พวกเราก็จะไม่มีใครมาสั่งมาสอนให้ได้มาปฏิบัติ

 ให้ได้เดินไปในทางธรรมกัน

 เราก็จะติดอยู่กับการเดินในทางโลก

 ติดอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น

ชาตินี้จึงเป็นชาติที่โชคดีของพวกเรา

ที่ได้มาพบกับผู้ที่สั่งสอนทางธรรม

นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา

จนกระทั่งถึงพระสาวกทั้งหลาย

ที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ ถ้าไม่มีท่านเหล่านี้

 เราจะไม่สามารถที่จะเดินไปในทางธรรมได้

ด้วยตัวเราเองลำพัง เราต้องมีผู้นำทาง

การได้มาเกิดพบกับพระพุทธศาสนา

จึงเป็นโชควาสนาจริงๆ นานๆ ถึงจะมีโอกาส

ได้พบกับพระพุทธศาสนาสักครั้งหนึ่ง

 โอกาสที่จะได้มาเป็นมนุษย์

และได้มาพบกับพระพุทธศาสนานี้มันแสนจะยาก

 ลำพังพระพุทธศาสนาเอง

 ก็นานๆ ถึงจะปรากฏขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง

แล้วการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ของเรา

ก็ใช้เวลาพอสมควร

กว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์แต่ละครั้ง

 เพราะหลังจากที่เราตายไปแล้ว

เราก็ต้องไปใช้บาปใช้บุญที่เราทำไว้

กว่าจะกลับมาก็เป็นเวลาหลายปีด้วยกัน

 จังหวะที่จะได้มาเป็นมนุษย์

และจังหวะที่จะได้พบกับพระพุทธศาสนา

จึงเป็นสิ่งที่ยากมากนี่คือเรื่องเส้นทางของชีวิต

ที่พวกเราสามารถเลือกกันได้

 คือเส้นทางทางโลกกับ เส้นทางทางธรรม

 ถ้าเราต้องการความสุขความสบายในปัจจุบัน

เหมือนกับที่เรามีกันอยู่นี้ เราก็ไปทางโลกกัน

 เราก็ไปหาความสุขทางตา หู จมูก ลิ้น กาย กัน

 แต่เราต้องรู้ว่าต่อไปมันจะหมด

เมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย มันเสื่อมสภาพลง

 หรือเวลาที่เราไม่สามารถที่จะหา

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะต่างๆ มาเสพได้

 เวลานั้นเราก็จะเป็นเหมือนคนที่ติดยาเสพติด

แต่ไม่มียาเสพติดเสพ มันก็จะทุกข์ ทรมานใจไป

 แล้วมันก็จะทำให้เราเวลาตายไปแล้ว

ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาเสพใหม่ มาติดใหม่

 เพราะเหตุที่ทาให้เราติดมันยังมีอยู่ในใจ

ก็คือตัณหาความอยากต่างๆ นี่เอง

ถ้าเราไม่กำจัดมัน การเวียนว่ายตายเกิดนี้

จะไม่มีสิ้นสุด มันจะมีต่อไปเรื่อยๆ

 แต่ถ้าเราเลือกมาทางธรรมแล้วเรา

ยอมทุกข์ยากลำบากกับการมาบำเพ็ญ มาอยู่วัด

 มาปลีกวิเวก มาสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย

มาเจริญสติคอยควบคุมความคิด ความอยากต่างๆ

 แล้วพอจิตสงบพอได้สมาธิได้ความสงบแล้ว

 เวลาใช้ปัญญาก็จะสามารถที่จะทำลายตัณหา

ความอยากต่างๆ ให้หมดไปจากใจได้

แล้วเราจะ ได้พบกับความสุข

ที่ไม่มีความทุกข์ตามมา

จะมีแต่ความสุขล้วนๆ ไปตลอดไม่มี วันสิ้นสุด

 ท่านถึงเรียกความสุขแบบนี้ว่าบรมสุข

นิพพานัง ปรมัง สุขัง กำลังรอ พวกท่านอยู่

 ขอให้ท่านมีความศรัทธามีความเชื่อ

ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 และมีความจริงจังต่อการศึกษาและการปฏิบัติ

 แล้วพระนิพพานก็จะมาอยู่กับท่าน ต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

“ผู้ไกลจากทุกข์”

 วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาดโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 10 กันยายน 2561
Last Update : 10 กันยายน 2561 6:59:54 น.
Counter : 878 Pageviews.

0 comment
<<< "หน้าที่ของเงินทอง" >>>









"หน้าที่ของเงินทอง"

เงินทองก็เป็นของในโลกนี้ ไม่มีใครเอาติดตัวไปได้

 เงินทองก็มีไว้รับใช้ร่างกายของเรา

 ให้ร่างกายเราอยู่อย่างสุขสบาย มีปัจจัยสี่

มีอาหาร มียารักษาโรค มีเครื่องนุ่งห่ม มีที่อยู่อาศัย

พอเรามีครบแล้วมีมากกว่านั้นก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร

 เพราะไม่สามารถเอาไปให้ความสุขกับจิตใจได้

 จะให้ความสุขกับจิตใจ ก็ต้องเอาเงินทองที่เหลืออยู่

จากการใช้ในการดูแลร่างกายนี้ เอาไปทำบุญ

พอเราเอาเงินทองไปทำบุญ

 เราก็จะได้บุญที่จะเป็นความสุขของใจ

 ถ้าเอาเงินทองไปซื้อความสุขทางร่างกาย

ก็จะได้ความสุขปลอม ได้ความสุขเดี๋ยวเดียว

 เช่นเราไปเที่ยวเราก็ได้ความสุขตอนที่เราไปเที่ยวกัน

 พอเรากลับมาบ้านความสุขนั้นก็หายไป

 ความอยากเที่ยวก็มาอีก

 ก็ต้องไปเที่ยวอีกถึงจะมีความสุข

ถ้าไม่ได้เที่ยวก็กลับเป็นความทุกข์ไป

 แต่ถ้าเราเอาเงินที่จะไปเที่ยวนี้มาทำบุญ

 เราจะได้ความสุขใจอิ่มใจ

ที่ไม่ได้หมดไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับการไปเที่ยว

 เราทำบุญแล้วความอยากไปเที่ยวก็ไม่มี

 ทำให้เราอยู่บ้านเฉยๆ ได้

 อยู่ไม่ได้ทำอะไรก็มีความสุข อยู่เฉยๆ ก็มีความสุข

 เพราะบุญที่เราทำมันเป็นเหมือนอาหารหล่อเลี้ยงจิตใจ

 ทำให้ใจไม่หิวกับความต้องการ

ไปทำตามความอยากต่างๆ

 การทำบุญนี้เป็นการมาสลายความอยากใช้เงิน

ไปในทางที่เป็นโทษ ใช้เงินไปในทางที่

ทำให้เกิดความอยากขึ้นมาเรื่อยๆ

เช่นเอาเงินไปเที่ยวเอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ

ซื้อแล้วแทนที่มันจะพอ มันไม่พอ

มันกลับอยากจะซื้ออีก อยากจะได้อีก

 ไปเที่ยวก็อยากจะไปเที่ยวอีก

 แต่ถ้าเอาเงินที่จะใช้กับสิ่งเหล่านี้ไปทำบุญ

มันก็ทำให้ความอยากเที่ยว

อยากใช้เงินต่างๆ มันน้อยลงไป

ถ้าเราทำเรื่อยๆ ต่อไป

เราจะไม่มีความรู้สึกอยากจะเที่ยว

 อยากจะซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ

เพราะใจเรามีบุญมีความสุขใจที่เกิดจากการทำบุญ

ระงับความอยากต่างๆ ความอยากใช้เงินต่างๆ ได้

 นี่คือหน้าที่ของเงินทองที่พวกเรามีอยู่

 ส่วนหนึ่งก็ต้องมีไว้สำหรับดูแลร่างกาย

 เพราะร่างกายถ้าขาดปัจจัยสี่

 ร่างกายก็จะต้องทุกข์ยากลำบากหรือเจ็บไข้ได้ป่วย

หรือถึงกับเสียชีวิตไป เราก็ต้องมีเงินทอง

ส่วนนี้ไว้สำหรับเลี้ยงดูร่างกาย

 แต่ถ้าเรามีมากกว่าที่เราจะใช้กับการดูแลร่างกายได้

ก็อย่าเอาไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือยซื้อของไม่จำเป็น

 เอาไปทำตามความอยากต่างๆ

เพราะมันจะเป็นการสร้างความทุกข์ให้กับใจ

แทนที่จะให้ความสุขกับใจ

 มันจะสร้างความอยากให้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...............................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๐







ขอบคุณทีมา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 กันยายน 2561
Last Update : 8 กันยายน 2561 6:22:50 น.
Counter : 521 Pageviews.

0 comment
<<< "คำสอนของบัณฑิต" >>>







“คำสอนของบัณฑิต”

ความหมายของการคบบัณฑิต

บัณฑิตก็ต้องอยู่ที่วัดวาอารามต่างๆ

 เพราะนั่นคือที่อยู่ของบัณฑิต

ที่อยู่ของคนพาลก็อยู่ตามสถานที่เล่นการพนัน

 สถานที่ดื่มสุรายาเมา

 สถานที่ที่มีการบันเทิงอะไรต่างๆ

มีการละเล่นอะไรต่างๆ

อันนั้นเป็นสถานที่ของคนพาลอยู่กัน

 เวลาถ้าเราไปอยู่ตามสถานที่เหล่านั้น

เราจะพบแต่คนพาล

ถ้าเราอยากจะพบกับคนฉลาดเราก็ต้องไปวัดกัน

 ที่วัดนี้จะมีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

 อย่างน้อยก็จะมีพระพุทธรูปให้เราได้กราบไหว้

 มีพระธรรมคำสอนให้เราได้ศึกษา

 มีพระอริยสงฆ์สาวกที่จะคอยชวนเชิญเรา

ให้เราไปกระทำในสิ่งที่ดี ให้เราไปทำบุญ

 ให้เราไปละบาป

และให้เราไปชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์

เพราะว่านอกจากการทำบุญและการไม่ทำบาปแล้ว

 สิ่งที่เราควรจะกระทำอีกข้อหนึ่งก็คือ

 การชำระใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์

ปราศจากกิเลสตัณหาเครื่องเศร้าหมองต่างๆ

 เพราะถ้าเรายังไม่ได้ชำระใจของเรา

 ใจของเรายังมีโอกาสที่จะไปทำบาปได้

ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่เรื่อยๆ

ต่อไป ถ้าเราไม่อยากจะกลับมา

เกิดแก่เจ็บตายอยู่เรื่อยๆ

 อย่างที่เรากำลังทำกันอยู่ในขณะนี้

 เราก็ต้องชำระกิเลสตัณหาความเศร้าหมองต่างๆ

 ที่มีอยู่ในใจของเราให้หมดไปให้ได้

นี่คือคำสอนของบัณฑิต

ของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์

จะสอน ๓ ข้อด้วยกัน สอนให้ทำบุญ

สอนให้ละบาป สอนให้ชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์

 ชำระกิเลสตัณหา

ที่เป็นเหตุของการไปเวียนว่ายตายเกิด

 ส่วนบุญกับบาปนี้เป็นเหตุของการไปอยู่

ที่ไปเกิดที่สวรรค์หรือไปเกิดในอบาย

 แต่เหตุที่พาให้ไปเกิดในสวรรค์

เหตุที่พาให้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่เรื่อยๆ

 นี้คือกิเลสตัณหาความโลภความอยากต่างๆ

 ถ้ายังไม่ได้กำจัดความโลภความอยากต่างๆ

 ให้หมดไปจากใจ ใจก็ยังต้องกลับมา

เกิดแก่เจ็บตายอยู่เรื่อยๆ

 หลังจากที่ได้ไปรับผลบุญรับผลบาปแล้ว

เวลาตายไปถ้าไม่ได้ทำบาป

ทำแต่บุญก็จะไปรับผลบุญในสวรรค์ชั้นต่างๆ

 แล้วพอบุญที่ได้ส่งให้ไปสวรรค์ชั้นต่างๆ นั้นหมดลง

 ใจก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่

 กลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายใหม่

ทำบุญทำบาปใหม่ ถ้าตายไปแล้วทำบาป

 ถ้าอยู่แล้วไม่ได้ทำบุญทำแต่บาป

ตายไปก็จะไปรับผลบาปในอบาย

 ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง ไปเกิดเป็นเปรต

 เป็นอสุรกาย ไปตกนรกบ้าง

พอใช้ผลบาปหมดแล้ว

ก็จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่

กลับมาทำบุญทำบาปใหม่

 กลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายใหม่

ถ้าไม่อยากจะกลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย

มาทำบุญทำบาปใหม่

 ก็ต้องชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์

 กำจัดความโลภกำจัดความอยากต่างๆ

 ให้หมดไปจากใจให้ได้

การที่จะกำจัดความโลภความอยากต่างๆ

ให้หมดไปจากใจให้ได้นั้น

 จำเป็นจะต้องทุ่มเทเวลาชีวิตจิตใจ

ให้กับการชำระอย่างเดียว

 แต่ถ้ายังต้องไปทำอะไรอย่างอื่นอยู่

 จะไม่มีเวลาพอที่จะมาชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์ได้

 ผู้ที่อยากจะชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์

ไม่กลับมาเกิดแก่เจ็บอีกต่อไป เช่นพระพุทธเจ้า

และพระสาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้น

 จำเป็นที่จะต้องออกบวชกัน

 จำเป็นที่จะต้องสละเพศของฆราวาส

ของผู้ครองเรือนไป

 สละทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง สละครอบครัว

 สละความสุขของผู้ปกครองเรือน

 สละความสุขที่ได้จากลาภยศสรรเสริญ

สละความสุขที่ได้จากการเสพ

รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆ

 เพราะการกระทำเหล่านี้จะทำให้ไม่มีเวลา

ไปชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์ได้

นอกจากไม่ชำระแล้ว

กลับเพิ่มความไม่สะอาดให้มากขึ้น

เพราะการกระทำการหาความสุข

จากลาภยศสรรเสริญจากรูปเสียงกลิ่นรสนี้

เกิดจากการมีความโลภมีความอยาก

ในลาภยศสรรเสริญ

 ในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะนี้เอง

 แทนที่จะชำระกลับเพิ่มมากขึ้น

ให้มันมีมากขึ้นไปภายในใจ

แทนที่จะตัดภพตัดชาติให้น้อยลงไป

 กลับทำให้มีภพชาติมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้าเรายังแสวงหาลาภยศสรรเสริญ

 แสวงหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายอยู่

 เราต้องเลิกแสวงหาลาภยศสรรเสริญสุข

 แล้วไปแสวงหาความสงบ

ซึ่งเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง

ที่จะไม่ทำให้เราต้องไปเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป

เพราะความสุขที่ได้จากความสงบนี้

เป็นผลที่เกิดจากการชำระ

ความโลภความอยากนั่นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

“การกระทำที่เป็นมงคล”





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 05 กันยายน 2561
Last Update : 5 กันยายน 2561 6:52:10 น.
Counter : 762 Pageviews.

0 comment
<<< "ลักษณะของอนิจจัง" >>>










"ลักษณะของอนิจจัง"

อะไรคือสิ่งที่เป็นทุกข์แต่กลับถูกเห็นว่าเป็นสุข

 ก็ ลาภ ยศ สรรเสริญ กามสุข นั่นไง

ที่ทุกๆ คนปรารถนากัน

ไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่อยากได้กัน

 มีแต่อยากมีเงินทองมากๆ มีตำแหน่งสูงๆ

 มีคนสรรเสริญมากๆ มีกามสุขมากๆ ด้วยกันทั้งนั้น

 แต่สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้ากลับทรงเห็น

ด้วยพระปัญญาญาณว่าเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุใด

 ทุกข์เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของไม่เที่ยง

 เป็นของไม่แน่นอน มีอยู่ในวันนี้

 พรุ่งนี้ก็อาจจะหมดไปได้

รวยวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะจนได้

เป็นนายกวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะ

กลับมาเป็นคนธรรมดาสามัญก็ได้

วันนี้มีคนสรรเสริญ พรุ่งนี้ก็อาจจะมีคนด่าเอาก็ได้

 วันนี้มีกามสุขกัน ได้ไปเที่ยวกัน ก็มีความสุข

 แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่มีก็ได้

 เพราะสิ่งที่ให้ความสุขอาจจะหายจากไปก็ได้

 เช่นมีความสุขกับแฟน สามี ภรรยา

แต่พรุ่งนี้แฟน สามี ภรรยา อาจจะจากไปก็ได้

 ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจจะตายจากไป

อาจจะทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เข้าอกเข้าใจกัน

 ก็แยกทางกันไป ทิ้งกันไปก็ได้

นี่คือลักษณะของความเป็นอนิจจัง

 เมื่อเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ความสุขที่มีอยู่

ก็จะกลายเป็นความทุกข์ เป็นอนัตตา

เพราะไม่ได้เป็นของเราอย่างแท้จริง

 เราไม่สามารถที่จะเอาสิ่งต่างๆ

 ไว้เป็นของๆ เราได้ไปตลอด

 ถึงเวลาจะหายไป หมดไป

ก็จะเป็นไปตามเรื่องของเขา ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม

ไม่ได้ชำระอวิชชาความมืดบอด

ความหลงในจิตใจ จะไม่เห็นสภาพที่แท้จริง

ของสภาวธรรมเหล่านี้ แล้วก็จะหลงไปเรื่อยๆ

 แล้วก็จะอยากไปเรื่อยๆ

 อยากไปจนกระทั่งวันตายเลย

 เมื่อตายไปแล้ว ความอยากนี้ก็จะเป็นตัวผลักดัน

ให้จิตไปเกิดใหม่ ไปหาภพใหม่ชาติใหม่

 แล้วก็ไปอยากต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

 มีภพชาติมากมายก่ายกองนับไม่ถ้วน

 พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า

น้ำตาที่เราหลั่งแต่ละภพแต่ละชาติ

ที่เกิดจากความทุกข์นั้น ถ้าเอามารวมกันแล้ว

น้ำตาที่หลั่งนี้จะมากยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก

 คิดดูสิว่าภพชาติจะมากแค่ไหน

 น้ำตาที่หลั่งมานี้มากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก

นี่คือเรื่องของภพชาติ เรื่องของความทุกข์

ที่มีอยู่ในจิตใจที่เกิดจาก อวิชชา

 ความหลง ความไม่รู้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


...........................................

ธรรมะบนเขา (กำลังใจ ๕)

วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๔





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 04 กันยายน 2561
Last Update : 4 กันยายน 2561 10:46:17 น.
Counter : 454 Pageviews.

0 comment
<<< "เสบียงใจ" >>>









"เสบียงใจ"

อย่าไปหาสิ่งที่ไม่เที่ยง

สิ่งที่ไม่ใช่เป็นของเราอย่างแท้จริง

ให้มาหาสิ่งที่เที่ยงสิ่งที่เป็นของเราอย่างแท้จริง

 ก็คือการทำใจให้สงบนี้เอง

ความสงบของใจนี่แหละเป็นความสุขที่แท้จริง

 เป็นสมบัติที่แท้จริงของเรา

 เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอนจะอยู่กับเราไปตลอด

 ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนแห่งใด ภพใดชาติใด

ถ้าเรามีความสงบแล้วเราจะมีความสุขตลอดเวลา

เช่น ใจของพระพุทธเจ้าและใจของพระอรหันต์

 ท่านไม่ต้องการสิ่งใด ไม่ต้องการสิ่งต่างๆ

 ที่มีอยู่ในโลกนี้ เพราะท่านเห็นด้วยวิปัสสนาญาณ

ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทุกข์ เพราะไม่เที่ยง

 เพราะไม่ใช่เป็นของเรา

ท่านจึงไม่ต้องการอะไรในโลกนี้

 ท่านจึงไม่กลับมาเกิดเหมือนพวกเรา

พวกเรายังไม่รู้ยังไม่คิดว่ามันเป็นทุกข์กัน

 เราจึงอยากจะกลับมาอยู่เรื่อยๆ

พอตายจากร่างกายนี้ไป

พอไปรับผลบุญผลบาปเสร็จก็กลับมาเกิดใหม่

 กลับมาหาสิ่งต่างๆ ที่เราอยากได้ใหม่

เพราะเราไม่มีวิปัสสนาญาณ ไม่มีปัญญา

 ถ้ามีปัญญาแล้วรับรองได้ว่าจะไม่อยากจะกลับมาเกิด

 เพราะมันมีแต่ความทุกข์ ทุกข์ตั้งแต่เกิดออกมา

 ออกจากท้องแม่ก็ต้องหายใจ

 ออกมาแล้วก็ต้องร้องไห้เพราะความหิว

 เพราะต้องมาสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เคยได้สัมผัส

 เพราะเวลาอยู่ในท้องแม่นี้มีบรรยากาศที่อบอุ่นสบาย

 แต่พอออกมาข้างนอก บรรยากาศเปลี่ยนไป

 ต้องหายใจเอง ต้องหาน้ำกินเอง ต้องดื่มน้ำเอง

 ต้องกินอาหารเอง เป็นความทุกข์ตั้งแต่เกิด

 แล้วก็ทุกข์ไปเรื่อยๆ เพราะต้องหากินหาอยู่ไปเรื่อยๆ

 แล้วก็ต้องมาทุกข์กับความแก่ ทุกข์กับความเจ็บ

 แล้วก็มาทุกข์กับความตาย ทุกข์กับความผิดหวัง

 ทุกข์กับการพลัดพรากจากคนที่เรารักเราชอบไป

คนที่มีวิปัสสนาญาณอย่างพระพุทธเจ้า

 จึงไม่ปรารถนาที่จะกลับมาเกิด

ท่านจึงไม่กลับมาเกิดกัน

เพราะการเกิดเหมือนกับเดินเข้ากองไฟ

คนที่ออกจากกองไฟแล้วจะเห็นความแตกต่าง

ระหว่างการอยู่ในกองไฟกับอยู่นอกกองไฟ

 แต่คนที่ยังไม่เคยออกจากกองไฟก็ยังไม่คิดว่า

 อยู่ในกองไฟนี้มันสนุกเหลือเกิน

 ถึงแม้ว่าจะร้องห่มร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ

 ก็ไม่เคยเข็ดไม่เคยหลาบ

 พอเสียคนนี้ไปเดี๋ยวไม่นานก็หาคนใหม่มาอีกแล้ว

 พอเสียสิ่งนี้ไปเดี๋ยวก็หาสิ่งใหม่มาทดแทนอีกแล้ว

 ได้มาเท่าไหร่ก็ต้องเสียไปเท่านั้น

แต่ถ้ามีวิปัสสนาญาณ มีปัญญาแล้ว

จะไม่ต้องการอะไร เพราะเข็ด

 เห็นแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นทุกข์.

 

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...................................


ธรรมะในศาลา

วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘

“เสบียงใจ”








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 03 กันยายน 2561
Last Update : 3 กันยายน 2561 11:58:57 น.
Counter : 424 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ