Group Blog
All Blog
<<< "จิตสงบ" >>>










"จิตสงบ"

ถาม : ถ้าเราเดินจงกรมแล้วรู้สึกตัวเบา

เหมือนเท้าไม่สัมผัสพื้น มีความสุข

 เดินอย่างไรก็ไม่เบื่อ สภาวะแบบนี้คืออะไร

 และในเวลานี้ เราสามารถหยุดเดิน

เพื่อยืนสมาธิได้หรือไม่ครับ

พระอาจารย์ : ก็เรียกว่าจิตสงบแล้วใจจะเบา

 ใจจะสุข ความทุกข์ของร่างกายนี้

มันจะไม่มากระทบกระเทือน

ใจเป็นอุเบกขา ใจสบาย

 ไม่ชังกับความทุกข์ยากลำบากของร่างกาย

จะยืนเฉยๆก็ได้ จะเดินก็ได้แล้วแต่อัธยาศัย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 22 กรกฎาคม 2560
Last Update : 22 กรกฎาคม 2560 6:33:56 น.
Counter : 690 Pageviews.

2 comment
<<< "ใจอิ่มด้วยสมาธิ" >>>










"ใจอิ่มด้วยสมาธิ"

าม : ผมถือศีลข้อไม่กินอาหารหลังเที่ยง

ในช่วงเข้าพรรษา ถ้าหิวมากๆ

สามารถกินอะไรได้บ้าง

ที่ไม่ผิดศีลครับพระอาจารย์

พระอาจารย์ : กินสมาธิสิ นั่งสมาธิ

คนที่เขาถือศีล ๘ เขากินสมาธิกันแทน

 นั่งสมาธิแล้วพอจิตสงบมันหายหิว

 มันจะอิ่ม ที่หิวไม่ใช่ร่างกายหรอก

 ที่หิวมันหิวที่ใจ ฉะนั้นกินข้าวมันก็ไม่หายหิวอยู่ดี

 กินข้าวแล้วเดี๋ยวมันก็อยากจะกินอีก

 ถ้าไม่อยากจะกินข้าวก็ต้องนั่งสมาธิ

 นั่งสมาธิพอใจสงบแล้วมันจะไม่หิว

 นี่พระปฏิบัติเขาฉันมื้อเดียวกันได้เพราะอะไร

 ก็เพราะเขามีสมาธิกินแทนข้าวไง

 อย่างที่เรากินสมาธิอยู่ตลอดเวลา

 ใจสงบ ใจอิ่ม ตลอดเวลา มันเลยไม่หิว

ข้าวนี้มันมีไว้สำหรับร่างกาย

แต่เวลาหิวนี้ไม่ใช่ร่างกายหิวนะ

ร่างกายนี้มันกินวันละมื้อมันพอแล้ว

 ถ้ามันหิวแสดงว่าไม่ใช่ร่างกายหิวแล้ว

 แสดงว่าใจหิว ใจหิวก็ต้องกินสมาธิ

ไปกินก๋วยเตี๋ยวมันก็ไม่อิ่มน่ะ เดี๋ยวมันก็หิวอีก

 กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว

เดี๋ยวก็อยากจะกินขนมต่อใช่ไหม (หัวเราะ)

 มันจะหิวไปเรื่อย

 ฉะนั้นถ้าหิวอยากจะทำให้อิ่มจริงๆ

 ก็ต้องไปนั่งสมาธิ ที่เขาให้ถือศีล ๘

เพื่อให้เราไปกินสมาธิกัน

ไม่งั้นเราจะกินทั้งวันทั้งคืน เข้าใจไหม

 ถ้าถือศีล ๕ มันกินได้จนถึงเวลาก่อนนอนเลย

 ร่างกายมันถึงกลายเป็นตุ่มกันทุกวันนี้ (หัวเราะ)

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 20 กรกฎาคม 2560
Last Update : 20 กรกฎาคม 2560 5:14:33 น.
Counter : 1107 Pageviews.

0 comment
<<< "ร่างกายตายแล้วต้องไปเมรุ" >>>










"ร่างกายตายแล้วต้องไปเมรุ"

ถาม : ทุกคนต้องตาย ตายแล้วไปไหนครับ

พระอาจารย์ : อ๋อร่างกายก็ไปเมรุไง

ไม่ต้องถามหรอก (ยิ้ม)

ไปเมรุไปป่าช้าก็เห็นกันอยู่แล้ว

 แต่ใจผู้ใช้ร่างกายสั่งร่างกาย

ก็ไปตามบุญตามบาปที่ทำไว้

ถ้าบาปพาไปก็ไปอบายสี่

ไปเป็นเดรัจฉาน ไปเป็นเปรต

 ไปเป็นอสุรกายไปตกนรก

ถ้าบุญพาไปก็ ไปเป็นเทพชั้นต่างๆ

 หรือถ้านั่งสมาธิได้ บุญจากสมาธิก็ไปเป็นพรหม

 ถ้าได้บุญจากวิปัสสนาจากปัญญา

ก็ไปเป็นพระอริยะเจ้า

 ที่ไปของใจเรามีสองส่วนไง

 ส่วนร่างกายก็ไปที่เดียวกัน

ไปที่วัดไปที่เมรุ (หัวเราะ)

 แต่ใจนี้แล้วแต่บุญแต่บาปที่เราทำ

 เราไปคนละที่กัน

 พระอรหันต์ท่านก็ไปนิพพาน

พวกนั่งสมาธิเข้าฌานได้

ก็ไปพรหมสวรรค์ชั้นพรหม

 พวกทำบุญไม่ทำบาปก็ไปสวรรค์ชั้นเทพ

 พวกไม่ทำบุญไม่ทำบาปก็กลับมาเป็นมนุษย์

 พวกที่ทำบาปไม่ทำบุญก็ไปเป็นเดรัจฉาน

 ไปเป็นเปรต ไปเป็นผี ไปตกนรกกัน

 แล้วก็พอหมดบุญหมดบาป

ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่

 แล้วก็มาทำบุญทำบาปกันใหม่

ได้ร่างกายของมนุษย์ใหม่.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...............................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 18 กรกฎาคม 2560
Last Update : 18 กรกฎาคม 2560 4:17:48 น.
Counter : 667 Pageviews.

0 comment
<<< "ต้องมีสติอยู่กับเรื่องที่เรากำลังทำอยู่" >>>










"ต้องมีสติอยู่กับเรื่องที่เรากำลังทำอยู่"

ถาม : เรื่องของการคุมสติ

 เวลาคุยแล้วถ้าเราจับลมหายใจไปด้วย

ขณะฟังขณะพูดกับคนอื่นจะดีไหมครับ

พระอาจารย์ : ไม่ดีหรอก

 ก็ต้องตั้งสติอยู่กับเสียงที่เขาพูดมาสิ

อย่าไปดูลมเดี๋ยวก็ฟังไม่รู้เรื่องอีกเขาพูดอะไร

 มัวแต่ดูลมเข้าลมออก เขาพูดอย่างโน้นอย่างนี้

เราก็อาจจะฟังไม่เข้าใจ

เดี๋ยวก็พูดตอบเขาไปผิดๆ ถูกๆ อีก

ฉะนั้นต้องตั้งใจฟังตั้งใจพูด

คำว่าตั้งใจก็คือการมีสติ

เวลาจะพูดก็ตั้งใจพูดว่าเรากำลังจะพูดอะไร

พูดถูกหรือไม่ถูก ควรจะพูดหรือไม่ควรพูด

เวลาฟังก็ตั้งใจฟังว่าเขาพูดอะไร

 เพื่อเราจะได้เข้าใจความหมาย

 แล้วเราอาจจะต้องหาคำตอบให้กับเขา

 ฉะนั้นอย่าไปมีสติอยู่ที่ลมหายใจ

 การมีสติที่ลมหายใจนี้

เหมาะตอนที่เรานั่งเฉยๆ คนเดียว

 นั่งหลับตา แล้วก็ดูลมหายใจเข้าออก

 เรียกอานาปานสติ นั่งทำสมาธิ

แต่เวลาทำกิจกรรมต่างๆให้มีสติอยู่กับกิจกรรม

ที่เรากำลังทำอยู่ กำลังพูดก็ให้อยู่กับการพูด

กำลังฟังก็ให้อยู่กับการฟัง จะได้ไม่ผิดพลาด

ฟังแล้วจะได้ไม่ผิดพลาด ถ้าเขาพูดมาแล้ว

เราไปดูลมหายใจเขาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง

 เขาถามว่ากุฎิอยู่ที่ไหน

 ไปตอบว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกเนี่ย

 เพราะมัวแต่ดูลม แล้วไปคิดว่าเขาถามว่า

พรุ่งนี้ฝนจะตกหรือเปล่า

 แต่ความจริงเขาถามว่ากุฎิอยู่ที่ไหน

 แต่ไม่ได้ยินไง เพราะใจมัวแต่ไปคิดเรื่องอื่น

ไปอยู่กับเรื่องอื่นแทน

ฉะนั้นต้องมีสติอยู่กับเรื่องที่เรากำลังทำอยู่

 ไม่ว่าจะพูดหรือจะฟัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

 ให้มีสติอยู่กับงานที่เรากำลังทำอยู่.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 17 กรกฎาคม 2560
Last Update : 17 กรกฎาคม 2560 3:59:23 น.
Counter : 724 Pageviews.

0 comment
<<< ข้อสงสัยระหว่างพระอาจารย์กับศิษย์" >>>








"บทสนทนาถาม - ตอบ

ข้อสงสัยระหว่างพระอาจารย์กับศิษย์"

ศิษย์ : พระอรหันต์มี ๔ ประเภทนี้

ท่านสามารถแสดงธรรมได้เหมือนกันหมด

พระอาจารย์ : ก็ ๔ ประเภทนี้

ประเภทหนึ่งที่ท่านสามารถ

ในการแสดงธรรมได้อย่างกว้างขวาง

 พระอรหันต์บางท่านนี้ไม่มีความสามารถ

ท่านก็แสดงได้แบบง่ายๆ สั้นๆ

แบบภาวนาเน้อ อย่างนี้ ท่านก็แสดง

 ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนภาวนาเน้อ สติเน้อ

ท่านก็พูดแค่นี้ แต่ถ้าคนที่มีความสามารถ

ท่านก็จะขยายความให้ละเอียดขึ้น

ให้คนฟังได้เกิดความเข้าใจดีขึ้น

ศิษย์ : การแจกแจงเปรียบเทียบ หัวข้อธรรม

พระอาจารย์ : อันนี้เป็นความสามารถพิเศษ

ของพระอรหันต์

ศิษย์ : ประเภทนี้เป็นประเภทที่เท่าไหร ครับ

พระอาจารย์ : ก็รู้สึกจะเรียกเป็น ๔

ท่านมีความสามารถในการแสดงอรรถ

ในการแสดงธรรม ประเภทแรกนี้คือแบบพื้นๆ

 ไม่มีความสามารถพิเศษ ท่านเพียงแต่สามารถ

ทำกิจของท่านให้ดับความทุกข์ต่างๆได้

ศิษย์ : สุขวิปัสโกใช่ไหมครับ

พระอาจารย์ : เออ..ขั้นที่ ๒

 แบบมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

 เป็นพวกที่ ๓ ก็มีความสามารถ

นการแสดงอรรถ แสดงธรรมต่างๆได้

 พวกที่ ๔ ลืมไปแล้วเป็นอะไร มี ๔ จำพวก

 พวกเราจะได้รับประโยชน์

ก็จากพวกที่แสดงอรรถแสดงธรรมเก่ง

ศิษย์ : อย่างพระอาจารย์สุชาติ

ก็เป็นประเภทที่แสดงธรรมเก่ง

พระอาจารย์ : โอ๊ย..อันนี้ไม่รู้แล้ว

ก็อย่าไปยกตน

จะเป็นประเภทไหนก็ช่างมันแหละ

ก็มันเรื่องของบุญ เรื่องของกรรม

ของแต่ละคนที่ได้ทำมา

บุญบารมีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บางคนก็เก่งไปในทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

บางคนก็เก่งไปในทางแสดงธรรม

 อย่างพระสารีบุตรนี้

พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่อง

ว่าเก่งในการแสดงธรรม

ส่วนพระโมคคัลนานะก็แสดงเก่งในเรื่อง

การแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

พระอานนท์ก็เก่งในเรื่องความจำ

จำธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าได้หมด

 แล้วแต่ละคนก็ได้สะสม

บุญบารมีมาไม่เหมือนกัน

 เรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นของแถมไม่สำคัญ

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ

การบรรลุเป็นพระอรหันต์

ขอให้ดับกิเลสกับทุกข์

ยุติการเวียนว่ายตายเกิดได้

 อันนีก็พอแล้ว ส่วนความสามารถพิเศษนี้

 ก็เป็นเรื่องของการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น

 ถ้ามีก็ทำไป ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ทำ

 อย่างพระพุทธเจ้าบางรูปไม่มีความสามารถ

ก็ไม่แสดงธรรม

ก็เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไปก็มี

 พระอรหันต์บางรูป

ท่านแสดงธรรมไม่ชำนาญไม่เก่ง

ท่านก็ไม่แสดง ท่านก็ไม่ปรากฏเป็นที่รู้จัก

อย่างหลวงปู่มั่นนี้ ท่านแสดงธรรมเก่งมาก

จึงปรากฏมีพระอรหันต์

เป็นลูกศิษย์กันเยอะแยะเลย

 ส่วนพระอาจารย์เสาร์ท่านแสดงธรรมไม่เก่ง

ท่านก็ไม่มีลูกศิษย์ที่เป็นพระอรหันต์มาก

 เพราะท่านสอนไม่เป็น เพราะการสอนนี้

มันต้องใช้ความรู้ความสามารถพิเศษ

คือต้องรู้จักแยกแยะเปรียบเทียบอะไรต่างๆ

 ยกตัวอย่างอะไรต่างๆ มา

ศิษย์ : เวลาผมฟังเทศน์พระอาจารย์

พระอาจารย์ก็สอนเปรียบเทียบเก่ง

พระอาจารย์ : มันก็เป็นไปตามธรรมชาติของเรา

 เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเทศน์แบบนี้

แต่เวลาเราจะพูดอะไรจะอธิบายอะไร

 เราก็อยากให้คนฟังเขาเข้าใจใช่ไหม

 เราก็ต้องยกตัวอย่างให้เขาเห็น

ถ้าเขาเห็นแล้วเขาก็จะเข้าใจ

 เพราะเมื่อก่อนนี้เราก็ใช้อาศัยดูตัวอย่าง

ที่ทำให้เราเกิดความเข้าใจ

 อย่างสมัยเด็ก ๆ เราอยากจะรู้ว่า

ทำไมโลกกลม ทำไมมันไม่แบน

ก็เขาสอนบอกว่า

ให้ดูเวลาเรือวิ่งเข้ามาจากทะเล

ดูว่าจะเห็นอะไรก่อน

 ถ้าโลกมันแบนก็ต้องเห็นเรือ

เห็นเสากระโดงพร้อมกัน

 แต่ถ้ามันไม่เรียบ

มันโค้งมันก็ต้องเห็นส่วนที่สูงก่อน

 ยกตัวอย่าง ใช่ไหม เวลาเราเห็นเรือเข้ามานี้

เราเห็นทั้งรำพร้อมกันหรือเปล่า

เราต้องเห็นเสากระโดงก่อนใช่ไหม

 เหมือนคนที่ขี่ม้าข้ามเขามานี้

เราก็ต้องเห็นอะไรก่อน

เราก็ต้องเห็นคนขี่ก่อนใช่ไหม

ก่อนจะเห็นตัวม้า เพราะพื้นมันไม่เรียบ

ถ้าพื้นมันเรียบมันก็เห็นพร้อมกันหมด

อันนี้มันก็เป็นการยกตัวอย่าง

พระพุทธเจ้าเวลาแสดงธรรม
ท่านก็ยกตัวอย่าง

ลองอ่านพระธรรมพระสูตร

ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

 แสดงอะไรก็จะยกตัวอย่างเช่น

 เรื่องของกรรมการทำความดีความชั่ว

 ท่านก็เปรียบเหมือนกับรอยของล้อเกวียน

กับตัวล้อเกวียน ล้อเกวียนนี้เวลามันหมุนไปไหน

มันก็ต้องมีรอยเท้าตามไปใช่ไหม

ฉันใดบุญที่เราทำมันก็ต้องมีผลตามมา

บาปที่เราทำมามันก็ต้องมีผลตามมาเหมือนกัน

 เปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับว่ามีไฟ

มันก็ต้องมีควันใช่ไหม

มีควันมันก็ต้องมีไฟใช่ไหม

 ของเปรียบเทียบกันได้

ถ้ามีการกระทำมันก็ต้องมีผลตามมา

 ผลดีหรือผลชั่วก็ต้องอยู่ที่การกระทำดี

หรือการกระทำชั่วนั่นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖

“บัว ๔ เหล่า”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอยคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 กรกฎาคม 2560
Last Update : 16 กรกฎาคม 2560 5:21:24 น.
Counter : 762 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ