“ต้องพิสูจน์”

ถาม: นักฟิสิกส์ออกมาให้ข่าวว่า

เมื่อเราตายไปแล้ว ดวงจิตเราก็จะดับสลายไปด้วย

 ซึ่งขัดแย้งกับหลักพระพุทธศาสนา

 ขอพระอาจารย์โปรดชี้แจงด้วยเจ้าค่ะ

พระอาจารย์: ก็ถามว่านักฟิสิกส์เขาเอาอะไร

มาพิสูจน์ว่ามายืนยันว่า จิตดับเวลาที่คนตายไปแล้ว

 งั้นใครเขาพูดอะไรก็ไม่ได้หมายความว่า

เขารู้จริงเห็นจริงเสมอไป เมื่อเขาพูดแล้ว

มันขัดกับสิ่งที่เราได้ฟังจากพระพุทธเจ้า

 เราก็ ขั้นต้นเราก็ไม่ต้องไปปฏิเสธไม่ต้องไปเชื่อนะ

 เราต้องไปพิสูจน์เองเราถึงจะรู้ว่า

เวลาร่างกายตายไปแล้ว จิตดับหรือเปล่า

 ถ้าเราปฏิบัติสมาธิเราจะรู้ เราจะรู้ว่าจิตไม่ดับ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

 “ต้องมีทุกข์เกิดขึ้นก่อน

    ถึงจะสามารถเห็นธรรมได้.”

ถาม : ขอเรียนถามค่ะ

พระอาจารย์ตอบไว้ว่า

การปฏิบัติให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

 เมื่อเห็นธรรมก็จะเห็นพระพุทธเจ้านั้น

 เมื่อเห็นพระพุทธเจ้า เราจะรู้ได้อย่างไรคะ

ว่าไม่ได้เป็นการมโนของจิตเราปรุงแต่งไปเอง

พระอาจารย์ : อ๋อ มันไม่ได้มโนหรอก

 เพราะมันทุกข์จะฆ่าตัวตายนี่

 แล้วพอธรรมะบอกว่าอย่าไปฆ่าเลย ต้องฆ่ากิเลส

ก็เลยเปลี่ยนจุดจากการฆ่าตัวตายมาฆ่ากิเลส

 พอฆ่ากิเลสมันก็หายทุกข์

 ฆ่าความอยากฆ่าตัวตายเสีย

 พอไม่อยากฆ่าตัวตายมันก็หายทุกข์

ยอมตายแต่ไม่ได้ตายเพราะอยากจะฆ่ามัน

 ถ้ามันยังไม่ตาย ก็ปล่อยมันอยู่ต่อไป

 มันก็จะหายทุกข์

 ทุกข์จากการที่จะต้องฆ่าตัวตายมันก็หายไป

 มันก็จะรู้ว่า อ้อ นี่คือธรรมะของพระพุทธเจ้า

ที่สามารถดับความทุกข์ใจได้

อันนี้ไม่ได้เกิดจากความคิด

 เกิดจากการใช้ธรรมะมาพลิกใจเรา

จากใจที่กำลังทุกข์

ให้กลายเป็นใจที่หายทุกข์ได้

 นี่การจะมีดวงตาเห็นธรรม

 ต้องมีทุกข์เกิดขึ้นก่อน

 ถึงจะสามารถเห็นธรรมได้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

“คิดให้มันจบ”

ถาม : ใจจะไปคิดถึงอนาคตของลูก

 กลัวเขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย

ซึ่งเป็นนิวรณ์อย่างหนึ่ง

ซึ่งทำให้การปฏิบัติภาวนาไม่ถึงไหน

กราบถามพระอาจารย์ว่า

จะปล่อยวางเรื่องลูกอย่างไรเจ้าคะ

พระอาจารย์ : อ๋อก็คิดต่อไปซิ

อย่าไปคิดแค่มหาวิทยาลัยสิ

คิดไปถึงตอนที่มันเกิด มันเจ็บ มันตาย

 คิดให้มันจบ ไปคิดครึ่งเดียวมันก็วุ่นวายนะซิ

ต้องไปคิดตอนที่มันจบ มันจะไม่วุ่นวาย

 ถ้าคิดถึงอนาคตก็คิดถึงตอนตาย

เพราะตายแล้วมันก็ไม่วุ่นวาย

มันจะจบหรือไม่จบมันก็ตายเหมือนกัน

 มันจะแก่ไม่แก่ มันก็ตายเหมือนกัน

มันจะเจ็บไม่เจ็บ มันก็ตายเหมือนกัน

 ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลกับอะไร

 เพราะในที่สุดมันก็ ตาย ให้คิดเท่านั้น.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

“กิเลสหลอก”

ถาม : ไปปฏิบัติมา แล้วรู้สึก

ไม่อยากกลับมาทำงานเลย

รู้สึกว่าเป็นนักบวชสบายกว่าเยอะ

 เพราะไม่ต้องมีภาระอะไร หน้าที่แค่มีสติ

 แล้วฝึกสมาธิให้ได้ทั้งวันโยมก็ทำได้โดยไม่อึดอัด

 แค่ขี้เกียจทำงานทางโลก แต่ไม่ขี้เกียจภาวนา

ไม่ทราบว่าคิดอย่างนี้ถูกกิเลสหลอกไหมคะ

พระอาจารย์ : เขาเรียกว่าคิดตอแหลไง (หัวเราะ)

เพราะถ้ามันคิดจริงมันต้องไม่กลับมาแล้ว

 ถ้ามันคิดแล้วมันยังกลับมา

แสดงว่ากิเลสหลอกเอาแล้ว

 แหมเวลาอยู่ก็ แหมอยากจะกลับบ้าน

 พอกลับบ้านก็คิดไม่อยากกลับ

นี่กิเลสมันจะหลอกเรา ทำให้เรารู้สึกสบายว่า

 เออเรากลับมาด้วยความเสียดาย

 แต่ความจริงมันอยากจะกลับ

 นึกว่าอยากจะกลับ มันถึงกลับมา

 ถ้ามันไม่อยากจะกลับ มันไม่กลับมาแล้ว

 เข้าใจไหม ถึงพูดว่า มันกำลังตอแหล

กำลังหลอกเรา เข้าใจหรือเปล่า (ยิ้ม)

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

“โลกทิพย์”

ถาม : จิตของมนุษย์อาศัยอยู่ตรงไหนเจ้าคะ

 ส่วนไหนของร่างกายเจ้าคะ

อาจารย์ : จิตไม่ได้อยู่ในร่างกาย

 จิตอยู่อีกโลกหนึ่ง   เราที่เรียกว่าโลกทิพย์

 โลกทิพย์นี้มันซ้อนอยู่กับโลกธาตุ

 โลกธาตุคือโลกของร่างกาย โลกนี้มีธาตุ ๔

ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบ

 ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นร่างกายของเรานี้

 สร้างมาจากธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ

 แต่ใจเป็นธาตุรู้นี้อยู่อีกโลกหนึ่ง อยู่ในโลกทิพย์

 แต่ใจสามารถเชื่อมต่อกับร่างกายได้

ด้วยการส่งกระแสจิตมาเกาะติดที่ตาหูจมูกลิ้นกาย

 ใจจึงรับรู้ว่าเวลาร่างกายเห็นรูปได้ยินเสียงได้

 รับรู้ได้ด้วยการส่งกระแสจิตที่เรียกว่าวิญญาณ

 วิญญาณในขันธ์ โสตวิญญาน จักขุวิญญาณ

ตัวนี้เหมือนตัวที่มาเชื่อมต่อระหว่างจิตกับร่างกาย

 เวลาอะไรเกิดขึ้นกับร่างกาย

 เช่นร่างกายถูกลูกระเบิดระเบิดไปเป็นเสี่ยงๆ

 ก็เพียงแต่ระเบิดที่ร่างกาย จิตนี้ไม่ถูกลูกระเบิดด้วย

เพราะอยู่คนละจุดกันอยู่คนละที่กัน

 เหมือนกับหุ่นที่เขาใช้กู้ระเบิด

หุ่นกู้ระเบิดกับผู้ที่ควบคุมหุ่นนี้อยู่คนละจุดกัน

 เชื่อมต่อด้วยสัญญาณวิทยุ

 มีสัญญาณวิทยุเชื่อมต่อกัน

หุ่นก็สามารถส่งภาพให้คนควบคุมหุ่นได้ว่า

กำลังเห็นอะไร แล้วคนควบคุม

ก็สามารถสั่งให้หุ่นทำอะไรต่างๆ ตามคำสั่งได้

แต่ถ้าเกิดระเบิดตูมตามขึ้นมา

ก็จะถูกแต่หุ่นอย่างเดียว หุ่นก็จะถูกระเบิด

 แต่ผู้ควบคุมอยู่อีกจุดหนึ่งไกลจากจุดของระเบิด

 ผู้ควบคุมก็ปลอดภัย

ฉะนั้น ไม่ต้องกลัตาย ไม่ต้องกลัวแก่

 ไม่ต้องกลัวเจ็บ คนที่กลัวนี้ไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย

 คนที่แก่เจ็บตายกลับไม่รู้เรื่อง กลับไม่กลัว

 ร่างกายมันไม่กลัวนะมันไม่รู้ว่ามันแก่

 มันไม่รู้ว่ามันเจ็บ มันไม่รู้ว่ามันตาย

 แต่ผู้รู้คือจิตใจผู้ควบคุมร่างกายนี้

กลับไปกลัวแทนร่างกาย เพราะความหลงไปคิดว่า

ตนเองเป็นร่างกายคิดว่าอยู่ในร่างกาย

คิดว่าถ้าร่างกายเป็นอะไรจิตก็จะเป็นไปกับร่างกาย

 นี่คือความรู้ที่จะทำให้เราสามารถ

ที่จะปล่อยวางร่างกายได้

แล้วก็จะไม่ต้องทุกข์กับร่างกายอีกต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ