Group Blog
All Blog
<<< "การรับใช้ครูบาอาจารย์ได้ฝึกสติ" >>>










“ผู้ที่ได้รับโอกาสรับใช้ครูบาอาจารย์

  จึงมีโอกาสได้ฝึกสติเป็นอย่างมาก”

ถาม : ในหนังสือปฏิปทาที่หลวงตาเขียนว่า

เวลาปูผ้าปูที่นอนให้หลวงปู่มั่น

แทบจะเอาดินสอขีดตำแหน่ง และมุมไว้

 แต่ขนาดนั้นยังโดนหลวงปู่มั่นตำหนิ

 แสดงว่าเวลาทำงานถวายครูบาอาจารย์

 นอกจากความเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างทำต้องมีสติกำกับตลอดใช่ไหมคะ

พระอาจารย์ : คือการที่เราไปรับใช้ครูบาอาจารย์

ด้วยการกระทำอะไรต่างๆ นี้เป็นการฝึกสตินั่นเอง

เพราะครูบาอาจารย์ท่านจะมีความเข้มงวดกวดขัน

กับการกระทำทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำนี้ต้องมีเหตุมีผล

 ทำแล้วก็ต้องเรียบร้อยเหมือนกันทุกครั้งไป

 เวลาใดที่ทำแล้วไม่เรียบร้อยไม่เหมือนกับทุกครั้งนี้

ก็แสดงว่าใจเราลอยใจเราเผลอ

 มัวแต่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ในขณะที่เราทำกิจวัตร

 ทำงานต่างๆ ก็จะทำให้ไม่เกิดความเรียบร้อย

ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยกระทำ

 พอทำอย่างนี้มันก็ส่งผลฟ้องไปที่ครูบาอาจารย์แล้วว่า

สติเราไม่มีแล้ว ท่านก็เลยต้องมาช่วยเรา

ด้วยการตำหนิติเตียนเรา ข่มขู่เรา

บางทีถึงกลับไล่ออกไปไม่ให้มาทำหน้าที่นี้

ถ้าเราอยากจะทำหน้าที่เราก็จะต้องมีความระมัดระวัง

ความระมัดระวังนี้ก็คือการเจริญสติดีๆ นี่เอง

 ผู้ที่ได้รับโอกาสไปรับใช้ครูบาอาจารย์

 จึงมีโอกาสที่จะได้ฝึกสติเป็นอย่างมาก

พอก้าวเข้าไปสู่หน้าท่านนี้ใจมันต้องอยู่กับปัจจุบันตลอด

 อยู่กับการเคลื่อนไหวทุกก้าวย่างเลย

 อยู่กับการเคลื่อนไหวการกระทำอะไรต่างๆ

 อย่างนี้ก็เรียกว่ามีสติแล้ว และนอกจากมีสติ

ก็จะได้ปัญญาท่านจะคอยสอนคอยแนะ

วิธีการกระทำอะไรต่างๆ ที่ถูกต้องที่เหมาะที่สมที่ควร

 อันนี้แหละที่ลูกศิษย์ลูกหาจึงอยากปรนนิบัติ

รับใช้ครูบาอาจารย์กัน เพราะถ้าอยู่ตามลำพังนี้

 จะไม่มีเหตุการมาบังคับให้เจริญสติ

จะไม่มีใครสอนให้เกิดปัญญาขึ้นมา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

“ดับไฟด้วยมรรค”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 28 มีนาคม 2561
Last Update : 28 มีนาคม 2561 11:15:21 น.
Counter : 356 Pageviews.

0 comment
<<< "เจริญมุฑิตา" >>>










“เจริญมุทิตา”

ถาม : กราบเรียนถามเจ้าค่ะ

 ความอิจฉาในใจเราจะแก้ได้อย่างไรคะ

พระอาจารย์ : ก็ต้องเจริญมุทิตา

คือ ความยินดีกับความสุขความเจริญของผู้อื่น

 เวลาเห็นใครเขาสุขเขาเจริญก็สาธุชื่นชมยินดี

 อย่าไปอยากให้เราเป็นเหมือนเขา

 ให้เราคิดว่าเรายังไม่ถึงเวลา

 เปรียบเหมือนกับเป็นดอกไม้ก็แล้วกัน

ดอกไม้ของเขาบานแล้ว ของเรายังตูมอยู่

เราก็รอเวลา เราพยายามรดน้ำอะไรไป

 ต่อไปดอกไม้ของเราก็จะบานขึ้นมาเอง

ให้คิดอย่างนี้แล้วเราจะได้ไม่ไปอิจฉาเขา

 ให้คิดว่ามันถึงเวลาของเขาแล้ว

ที่เขาจะได้ความสุขความเจริญ

แต่ยังไม่ถึงเวลาของเรา

 เราก็ต้องใจเย็นๆ รอไปก่อน

 เขามีความสุขความเจริญ

 เราก็แสดงความยินดีให้กับเขา

 เขากับเราจะได้เป็นเพื่อนกัน

ถ้าเราไปอิจฉาริษยา

ก็อาจจะกลายเป็นศัตรูกันขึ้นมา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 26 มีนาคม 2561
Last Update : 26 มีนาคม 2561 9:07:52 น.
Counter : 401 Pageviews.

0 comment
<<< " คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ” >>>










“คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่

  นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ”

ถาม : กราบนมัสการพระคุณเจ้า

 เรียนถามว่าในบทสวดมนต์แปลทำวัตรเช้า

 คำว่า คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษนั้น

 มีความหมายว่าอย่างไรครับ

พระอาจารย์ : ก็พระอริยบุคคลมีอยู่ ๔ ระดับไง

พระโสดาบัน พระสกิทาคามี

 พระอนาคามี พระอรหันต์

แต่ละระดับก็มี ๒ ขั้นตอน คือขั้นมรรคกับขั้นผล

 พระโสดาบันนี้ก่อนจะเป็นพระโสดาบัน

ต้องผ่านขั้นมรรคก่อน คือต้องเรียนก่อน

เหมือนที่นักศึกษาก่อนที่จะได้ปริญญาตรีนี้

ต้องเรียนจบ ๔ ปีก่อน ช่วงที่เรียนนี้

เราไม่เรียกว่าเป็นบัณฑิตใช่ไหม

 เพราะยังไม่ได้รับปริญญา

 ช่วงนั้นเราเรียกว่ามรรค

 ผู้ที่กำลังศึกษาเพื่อที่จะให้บรรลุ

เป็นพระโสดาบันนี้ เรียกว่ากำลังเจริญมรรคอยู่

พอเจริญมรรคจนถึงขั้นที่บรรลุเป็นพระโสดาบันได้

 เราก็เรียกว่าเป็นพระโสดาบัน

ฉะนั้นเอาแต่ละขั้นจะมีบุคคล ๒ คน

ขั้นโสดาปัตติมรรคกับโสดาปัตติผล (เป็น ๑ คู่)

 (๔ คู่มี ๔ ระดับ)
โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล ๑ คู่
สกิทาคามีมรรค สกิทาคามิผล
อนาคามิมรรค อนาคามิผล
อรหัตตมรรค อรหัตตผล

ก็เลยเป็น ๔ บุคคล แต่ ๔ คู่

บุคคลเปลี่ยนจากขั้นมรรคไปสู่ขั้นผล ๑ คู่

 เข้าใจไหม ถูกต้องตามที่เขาถามไหม

ก็เลยมี ๘ บุคคล ที่เราสวดนี่ ในบทสุปฏิปันโนนี่

 ท่านแยกไว้ว่าเป็น ๔ ระดับ แต่เป็น ๘ บุคคล.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.....................................

สนทนาธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๑






ขอบคุณที่มา fb' พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 23 มีนาคม 2561
Last Update : 23 มีนาคม 2561 10:41:52 น.
Counter : 1038 Pageviews.

0 comment
<<< "เบรคของใจ" >>>










“เบรคของใจ”

ถาม : โปรดเมตตาสั่งสอนเรื่องความฟุ้งซ่าน

คิดโน่นคิดนี่ ไม่ค่อยมีสมาธิครับ

พระอาจารย์ : ก็ไม่มีสติคอยควบคุมใจไง

ถ้าเป็นรถก็ไม่มีเบรค มีแต่คันเร่ง

เหยียบให้มันวิ่งอย่างเดียว หยุดมันไม่เป็น

 เราต้องติดเบรค เบรคของใจก็คือสติ

วิธีสร้างสติก็ให้บริกรรมพุทโธไป พุทโธพุทโธไป

เวลาที่เราไม่ต้องคิดอะไรก็หมั่นพุทโธ

อย่าปล่อยให้มันคิด ทำงานที่เราไม่ต้องใช้ความคิด

 ก็พุทโธไป กวาดบ้านถูบ้าน ซักเสื้อผ้า

ล้างหน้าล้างตา แปรงฟัน หวีเผ้าหวีผม

 รับประทานอาหาร พุทโธไป

 อย่าปล่อยให้คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้

แล้วต่อไปเราก็จะมีสติ มีสมาธิ จิตก็จะตั้งมั่น.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 มีนาคม 2561
Last Update : 21 มีนาคม 2561 5:51:58 น.
Counter : 454 Pageviews.

0 comment
<<< "อยู่ที่กำลังของผู้ปฏิบัติ" >>>











“อยู่ที่กำลังของผู้ปฏิบัติ”

ถาม : ไปวัดทำบุญตักบาตร

 กับ ไปวัดฟังเทศน์จากพระปฏิบัติมีธรรมแท้

 สองอย่างนี้อันไหนมีอานิสงส์ผลบุญดีกว่ากันครับ

พระอาจารย์ : อ๋อ ฟังธรรมมันอานิสงส์มันมากกว่า

 แต่การทำบุญมันก็จำเป็นเหมือนกัน

 เพราะมันเป็นบุญคนละอย่าง

การฟังธรรมก็เหมือนกับได้ยารักษาโรคใจ

 ส่วนการทำบุญก็เหมือนได้อาหารมาหล่อเลี้ยงจิตใจ

 เพราะฉะนั้น หนึ่งก็อยู่ที่กำลังของผู้ปฏิบัติด้วยว่า

 ถ้ายังไม่มีกำลังที่จะไปรับอาหาร ไม่รับธรรมะ

ฟังธรรมอาจจะไม่รู้เรื่อง

แล้วก็จะไม่ได้ประโยชน์จากการฟังธรรม

 แต่ไปทำบุญใส่บาตร มันทำได้ง่ายกว่า

 มันก็จะได้รับประโยชน์เร็วกว่า

ทำให้ใจมีความสุขมีความอิ่มได้

 ดังนั้นเราอย่าไปเรียกว่าจะต้องทำบุญที่มันดีกว่า

 เพราะว่าบุญที่ดีกว่ามันอาจจะยากกว่า

 เพราะฉะนั้น เราต้องดูกำลังของเรา

ว่าเราอยู่ในระดับไหน

 ถ้าอยู่ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมได้

 อย่างนี้ก็ฟังธรรมจะดีกว่า

 แต่ถ้าเรายังฟังธรรมแล้วยังไม่รู้เรื่อง

 ฟังธรรมแล้วยังไม่บรรลุ ใจยังวุ่นวายอยู่

 ไปทำบุญดีกว่า ทำบุญทำทานแล้ว

จะทำให้ใจเรามีความสุขสบายใจกว่า.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

....................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 15 มีนาคม 2561
Last Update : 15 มีนาคม 2561 5:50:47 น.
Counter : 274 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ