Group Blog
All Blog
<<< ปุถุชนผู้ตามกระแสโลก >>>










"ปุถุชนผู้ตามกระแสโลก"

กรรมเก่าเราแก้ไม่ได้

 แต่กรรมใหม่เราแก้ได้

ด้วยการไม่ทำกรรมใหม่

เมื่อเราทำบุญแล้วเราจะทำบาปน้อยลง

 ทำทานแล้วก็จะเกิดศีลตามมา

ไม่อยากไปทำบาปทำกรรม

 เพราะการทำบุญทำให้มีความเมตตา

มีความกรุณามีความสงสารผู้อื่น

 เวลาจะทำอะไรก็จะคำนึงถึง

ความรู้สึกของผู้อื่น

 เราอยากจะให้ผู้อื่นมีความสุข

เราถึงทำบุญ ก็เลยทำให้เรา

ไม่คิดอยากจะเบียดเบียนผู้อื่น

แต่ถ้าเราไม่ทำบุญ หาเงินมาได้เท่าไรก็เก็บไว้

เวลาใครจะมาแย่งไปก็อาจจะฆ่ากันเลยก็ได้

 เพราะยังรักทรัพย์สมบัติเป็นของเราอยู่

ใครจะมาแย่งจากเราไปก็ต้องต่อสู้กัน

 แต่ถ้าเคยฝึกให้ทานอยู่เรื่อยๆ

 เวลาใครจะมาแบ่งไปบ้างก็ให้เขาไปก็ได้

 ถือว่าเป็นการทำบุญเหมือนกัน

ก็ให้เขาไป แทนที่จะไปโกรธแค้นโกรธเคือง

 อยากจะไปทำร้ายเขา ก็กลับไม่คิดอย่างนั้น

กลับคิดว่าเขาเป็นเจ้าหนี้ของเรา

 เราเคยเป็นหนี้เขามาในอดีตก็ชดใช้หนี้ไป

 หรือเขามีปัญญาสามารถเอาจากเราไปได้

ก็ให้เขาไป ถ้าเขาเก่ง

เขาหลอกเอาเงินของเราไปได้ก็เอาไป

 ถ้าเขาขโมยไปได้ก็ไม่ว่าอะไรไป

 เมื่อสูญไปแล้วเราจะไม่โกรธจะไม่เกลียดเขา

 เพราะถือว่าเป็นการทำบุญให้ทาน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

........................

ธรรมะบนเขา

หนังสือทวนกระแส








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 19 มีนาคม 2560
Last Update : 19 มีนาคม 2560 9:33:24 น.
Counter : 819 Pageviews.

0 comment
<<< สติ กับ ปัญญา >>>










"สติกับปัญญา"

มรรค มีสองตัวคือ สติ กับ ปัญญา

 ถ้าสติก็หยุดความอยากได้ชั่วคราว

 เวลาที่เราพุทโธสติก็หายไป

 พอเราเผลอไม่พุทโธ

เดี๋ยวมันก็คิดถึงของอยากได้ขึ้นมา

แต่ถ้าใช้ปัญญาพอมันเห็นว่าเป็นทุกข์

ต่อไปมันก็ไม่คิดอยากจะได้

 เพราะคิดว่าถ้าได้มาแล้วทุกข์ เอามาทำไม

 ตอนต้นเราคิดว่า

ได้มาแล้วสุขอย่างเดียว ใช่ไหม

 แต่เราไม่คิดว่ามันมีทุกข์ตามมาด้วย

 เวลาที่มันหมดไป เวลาที่มันจากเราไป

เวลาที่มันเสียไป

 ความสุขก็กลายเป็นความทุกข์ขึ้นมา

 อย่างซื้อรถมาใหม่ๆ ดีใจ

เดี๋ยวขับสองวันเสียขึ้นมา ปวดหัวแล้ว

 แล้วยิ่งส่งไปอู่ซ่อม

ซ่อมเท่าไหร่ยิ่งไม่หายอีก

 ซ่อมได้สองวันกลับมาเสียอีกแล้ว

 ซ่อมแล้วเสียอีก ทีนี้ก็อยากจะคืนเขาแล้ว

 ไม่อยากจะได้คันนี้แล้ว

รู้อย่างนี้ไม่ซื้อดีกว่าใช่ไหม

แต่มันสายเสียแล้ว ไปซื้อมาซะก่อน

แต่ถ้าเรามีปัญญา เราก็จะไม่ซื้อ

 เช่ารถดีกว่า ขึ้นแท็กซี่ดีกว่า

 แล้วไม่ต้องมาห่วงมัน ไม่ต้องมาซ่อม

ไม่ต้องมาอะไร อันนี้คือปัญญา

 ถ้ารู้แล้วว่ามันเป็นทุกข์

ก็จะไม่เอามันอีกเด็ดขาด

 จะคิดถึงมันกี่ ร้อยครั้ง

ก็ไม่เอามันอีกเด็ดขาด

 เพราะคิดทีไรก็รู้ว่ามันทุกข์ทุกที.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 18 มีนาคม 2560
Last Update : 18 มีนาคม 2560 9:01:43 น.
Counter : 859 Pageviews.

0 comment
<<< ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน >>>









"ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน"

หน้าที่ของเราก็คือฆ่ามัน ฆ่ากิเลส

 ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ติดคุก

 ไม่ไปนรก ไม่ไปอบาย

ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน

ไม่ชอบฆ่ากันกิเลส ชอบไปฆ่าคนอื่นเหรอ

ชอบฆ่ากิเลสของคนอื่น

ฉะนั้น ต้องพยายามหยุดความอยากต่างๆ ให้ได้

ความอยากนี้เป็นตัวทำให้เกิดความเครียด

ความทุกข์ต่างๆ ขึ้นมา ถ้าเราไม่มีกำลัง

เราก็ต้องออกไปหาที่สร้างกำลัง

ที่ๆ เราอยู่นี้ไม่ได้เป็นที่สร้างกำลัง

แต่เป็นที่สร้างความอยากกัน

เราต้องไปอยู่ที่ๆ เสริมสร้างกำลัง

ที่จะต้องมาหยุดความอยาก ก็คือต้องที่วิเวก

 ที่อยู่คนเดียว ที่ห่างไกล

จากทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง

 ห่างไกลจากบุคคลต่างๆ

ห่างไกลจากเรื่องราวต่างๆ

เราก็จะได้สร้างกำลังสร้างสติ

 สติเป็นเหมือนเบรค

 เบรคที่จะหยุดความอยากต่างๆ

 ในเบื้องต้น ถ้ามีสติแล้ว

ขั้นต่อไปก็สามารถที่จะสร้างปัญญาขึ้นมา

เพื่อมาถอดถอนรากของความอยาก

 พอรากของความอยากถูกถอนไปแล้ว

ทีนี้ความอยากก็จะหมดไป

สตินี้เพียงแต่กดเอาไว้ กดความอยากเอาไว้

 พอเผลอสติ พอปล่อยให้ใจคิดปั๊บ

ความอยากก็ไหลตามออกมา

พอมันไหลตามออกมา

ถ้าอยากจะให้มันหายไปหมดไป

ก็ต้องใช้ปัญญา

 ถอนรากของความอยาก

รากของความอยากก็คือความไม่รู้

ว่าการทำตามความอยาก

นำไปสู่ความทุกข์ต่างๆ

แล้วพอเราเห็นว่า การทำตามความอยาก

ทำให้เราต้องทุกข์ เราก็จะได้ไม่ทำ

พอเราไม่ทำตามความอยาก

ความอยากก็จะหมดกำลังไป

แล้วเราก็จะไม่มีอะไรมาทำให้เราต้องทุกข์

ทำให้เราต้องเสียใจทำให้เราต้องโกรธ

ทำให้เราต้องน้อยเนื้อต่ำใจน้อยอกน้อยใจ

ทำให้เราไม่ต้องมากังวล ไม่ต้องวิตก

ไม่ต้องหวาดกลัวกับอะไรต่างๆ

นี่อยู่แค่ตรงนี้เอง อยู่ระหว่างปัญญากับสติ

 ที่จะมาหยุดความอยาก

ที่จะมาถอดถอนรากของความอยาก

 คือความหลง ความหลงก็คือ

เราเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง

เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของเราว่าเป็นของเรา

 เห็นสิ่งที่เรา ไม่สามารถที่จะไปควบคุมบังคับได้

ว่าสามารถควบคุมบังคับได้

มันเลยทำให้เราทุกข์กับสิ่งต่างๆ

ทุกข์เพราะเราอยากให้สิ่งที่ไม่เที่ยงมันเที่ยง

 ทุกข์กับร่างกายเพราะเราอยากให้ร่างกาย

ไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย แต่มันก็ต้องแก่

ต้องเจ็บต้องตายไป เวลาแก่ก็ไม่สุขแล้ว

 เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สุขแล้ว

เวลาตายก็ไม่สุข แต่เรามองไม่เห็น

ว่าเราไม่สามารถที่จะไปห้ามร่างกาย

ไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายได้

ถึงต้องสอนใจอยู่เรื่อยๆ

ว่าร่างกายมันต้องแก่ต้องเจ็บ

ต้องตาย เป็นธรรมดา

แสดงว่านี่คืออนิจจัง ไม่เที่ยง

 ล่วงพ้นความแก่ความเจ็บความตายไปไม่ได้

 หรืออนัตตา ไปทำให้มันไม่แก่

ไม่เจ็บไม่ตายไปไม่ได้

 ร่างกายนี้เราไปสั่งมันไม่ได้

สั่งได้บางอย่าง สั่งได้ในสิ่งที่มันไม่สำคัญอะไร

 สั่งให้มันเดินสั่งให้มันนอนสั่งให้มันนั่ง

 แบบนี้สั่งได้ แต่ไปสั่งเรื่องที่สำคัญๆ นี้สั่งไม่ได้

 สั่งให้มันไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายสั่งไม่ได้

ที่เราต้องมาคิดอย่างนี้บ่อยๆ

เราจะได้เห็นความจริง ว่ามันไม่เที่ยง

 มันไม่อยู่ภายใต้การควบคุมบังคับของเรา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 มีนาคม 2560
Last Update : 16 มีนาคม 2560 8:45:54 น.
Counter : 873 Pageviews.

0 comment
<<< กำลังใจ >>>









"กำลังใจ"

กำลังใจสำคัญมาก

กำลังใจเป็นบ่อให้เกิดความสุขใจ

ทำให้เราสบายใจ ไม่ต้องดิ้นรน

ทุกวันนี้เราดิ้นรนกันเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย

 แล้วเราได้อะไรจากการดิ้นรน ก็ไม่ได้อะไร

ได้ก็ได้แป๊บเดียวแล้วก็หมดไปแล้ว

 ถ้าได้ความสุขก็ได้เดี๋ยวเดียว

 มันไม่ได้ตกค้างอยู่ในใจเราเลย

ความสุขที่เราได้จากการไปเที่ยว

จากการใช้เงินทองพอใช้หมดแล้ว

มันก็หายไปหมด เหลือแต่ความอยากจะใช้เงิน

 อยากจะเที่ยวใหม่ ก็ต้องไปเที่ยวก็ต้องหาเงิน

 แล้วมันก็อยู่ในวงจรนี้แหละ

วงจรของความไม่พอ เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่พอ

 ใช้เงินมากน้อยเพียงไรก็ไม่พอ 

เราต้องออกจากวงจรอุบาทว์นี้ด้วยการไม่เที่ยว

 ด้วยการไม่ใช้เงิน ลองนั่งเฉยๆ

ลองอยู่บ้านเฉยๆ ดู ไม่ต้องใช้เงิน

ไม่ต้องไปเที่ยวกัน เราจะมีเงินเก็บไว้ได้

 เก็บไว้ใช้กับของที่จำเป็นจริงๆ ดีกว่า

 เพราะร่างกายเรายังต้องใช้เงิน

 ต้องใช้เงินซื้ออาหาร

 ใช้เงินรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

 ใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟอะไรต่างๆ ที่มันจำเป็น

 ถ้าเราเอาไปใช้กับของที่มันไม่จำเป็น

พอถึงเวลาจะใช้กับของจำเป็นก็จะไม่มีใช้ 

ตอนนี้ฝรั่งเขากำลังถกเถียงกันว่า

จะซื้อไอโฟนใหม่หรือจะซื้อประกันสุขภาพดี

 หากว่าเรามีเงินไม่พอ เราก็ต้องเลือก

ว่าเราจะซื้ออะไร ก็ต้องซื้อประกันสุขภาพ

จะดีกว่ากันใช่ไหม เพราะเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย

ก็จะได้มียามีหมอรักษา

ถ้าซื้อไอโฟนมาก็รักษาเราไม่ได้นะ

 เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วย

ฉะนั้น เราต้องรู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์กับเรา

 อย่าให้มันเกิดโทษกับเรา ใช้เงินไปเที่ยว

กับใช้เงินซื้อของตามความอยากต่างๆ

ของที่เราไม่จำเป็นจะต้องซื้อก็ไม่ต้องมีมัน

 มันจะทำให้เราไม่มีเงินเก็บ

สำหรับจะใช้ในสิ่งที่จำเป็นต่อไป

เพราะมันใช้แล้วมันจะติด เที่ยวนี้มันจะติด

 เที่ยวแล้วต้องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ

 ซื้อของที่ไม่จำเป็นก็จะซื้ออยู่เรื่อยๆ

เห็นอะไรชอบก็อยากจะได้ก็ซื้อมา

 ซื้อมาแล้วก็เก็บไว้ ไม่ได้เอาไปใช้

ไม่ได้เอาไปทำประโยชน์

 แล้วเงินทองก็จะไม่พอใช้

เราก็ต้องไปหาเงินทอง

แล้วถ้าไม่ระวังก็อาจจะต้องไปทำบาป

ในการหาเงินทอง ไปโกหกบ้าง ไปโกงบ้าง

เพื่อให้ได้เงินได้ทองมา

แล้วก็อาจจะต้องไปรับโทษจากการทำบาป

 ไปโกงไปหลอกลวง เดี๋ยวก็มีปัญหาตามมาอีก

 นี่เป็นเพราะว่าเราไม่มีกำลังใจกัน

 เราไม่มีกำลังใจสู้กับความอยาก

เราถูกความอยากหลอก

ให้เราลากให้เราไปเหน็ดเหนื่อย

 แล้วไม่ได้อะไร.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

สนทนาธรรมมะบนเขา

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐









ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ





Create Date : 14 มีนาคม 2560
Last Update : 14 มีนาคม 2560 9:21:54 น.
Counter : 840 Pageviews.

0 comment
<<< การพัฒนาจิตใจแบบยั่งยืน >>>










"การพัฒนาจิตใจแบบยั่งยืน"

ถ้าเราได้ศึกษาวิปัสสนาภาวนา

 ศึกษาวิธีที่จะใช้ปัญญา

มากำจัดตัณหาความอยากต่างๆ

 พอเราใช้เป็นแล้ว เราก็จะสามารถระงับ

ตัณหาความอยากต่างๆ ได้ทันที

เช่นเวลาเราอยากได้อะไร เราก็ต้องเห็นว่า

สิ่งที่เราอยากได้นี้มันนำไปสู่ความทุกข์

ไม่ได้นำไปสู่ความสุขในบั้นปลาย

 และในเบื้องต้นมันจะนำไปสู่ความสุขก่อน

 แต่พอความสุขที่ได้มานั้นมันเสื่อมไป

 ความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่

เช่นเวลาที่เราอยากได้ทรัพย์ได้ลาภ

 เวลาเราได้ลาภมาเราก็ดีอกดีใจกัน

 มีความสุขกัน แต่พอเราใช้เงินทอง

ที่เราหามาได้หมดไปแล้ว ทีนี้ความสุขนั้น

ก็จะหมดไป แล้วความทุกข์ก็จะปรากฏขึ้นมา

 เพราะเราจะไม่มีเงินทองใช้สอยอีกต่อไป

เราก็ต้องทุกข์กับการไปหาเงินทองกันใหม่

 แล้วพอเราได้มาเราก็สุขกับมันไป

สุขกับมันจากการที่เราได้มา

 สุขจากการที่ได้ใช้มัน พอได้มาใช้มันไป

เดี๋ยวมันก็หมดอีก พอมันหมดอีกก็ทุกข์อีก

แต่ถ้าเราเห็นด้วยปัญญาว่านี่

ไม่ใช่เป็นวิธีที่จะไปสร้างความสุขกัน

วิธีที่จะสร้างความสุขก็คือ

ต้องไม่ไปอยากหาลาภยศสรรเสริญสุขกัน

 ให้เราอยู่เฉยๆ กัน ให้เราหยุดความอยากกัน

ถ้าเราหยุดความอยากได้

ไม่ทำตามความอยากได้

ใจเราก็จะกลับมาสู่ความสงบ

กลับมาสู่ความสุข ที่เป็นความสุขที่ดีกว่า

ความสุขที่เราได้จากลาภยศสรรเสริญ

แล้วก็จะเป็นความสุขที่ยั่งยืน

เราสามารถกำจัดความอยากต่างๆ

ให้หมดไปจากใจได้ ต่อไปใจของเรา

ก็จะไม่มีอะไรมาทำลายความสุข

ที่ เกิดจากความสงบ ความสุขที่เกิดจาก

การไม่มีความอยากต่างๆ

ไม่มีกิเลสตัณหาอยู่ในใจ

ถ้าได้พัฒนาไปถึงขั้นนั้น

ก็เรียกว่าได้ถึงขั้นของพระอรหันต์

 ได้ขั้นพระนิพพาน ได้ขั้นที่ถาวรเต็มร้อย

ถ้าได้ขั้นที่หนึ่งก็จะได้เพียงหนึ่งในสี่

 ถ้าได้ขั้นที่สองก็จะได้สองในสี่

ขั้นที่สามก็จะได้สามในสี่

ขั้นที่สี่ก็จะได้เต็มร้อย

คือได้พัฒนาอย่างเต็มร้อย

ได้ความสุขอย่างเต็มร้อย

แล้วก็ ไม่ต้องทำการพัฒนาอีกต่อไป

การพัฒนาแบบยั่งยืนนี้ มีวันสิ้นสุดลง 

งานทางด้านจิตใจนี้มีวันจบ

 แต่งานทางด้านลาภยศสรรเสริญ

 ทางด้านความสุขทาง

ตาหูจมูกลิ้นกายนี้ไม่มีวันจบ

 ต่อให้พัฒนาไปมากน้อยเพียงไร

ได้มามากน้อยเพียงไร ก็ยังต้องพัฒนากันต่อไป

 หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องคอยรักษา

สิ่งที่พัฒนาให้อยู่ต่อไป ต่อให้รักษาดีขนาดไหน

 มันก็จะต้องเสื่อมหมดไปอยู่ดี.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๐

"การพัฒนาจิตใจแบบยั่งยืน"






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ






Create Date : 12 มีนาคม 2560
Last Update : 12 มีนาคม 2560 8:03:00 น.
Counter : 918 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ