Group Blog
All Blog
(•‿•✿) จากทะเลมุ่งสู่ยอดดอย ตอนที่ 10 พาชมโครงการหลวง (ตอนกุหลาบแสนสวย)✿





ชมความงามทางด้านซ้ายมือกันแล้ว
   ลองหันมาทางขวามือซิคะ โรงเรือนกุหลาบค่ะ
  สวยมาก ดอกโตมาก ทุกสีสคราญตา
ดอกที่นี่เขาตัดไปขายที่ร้านของโครงการหลวงค่ะ
  ช่อละ 350 บาทที่สนามบินก็มีค่ะ ไม่แพงเลย
   มีตั้งหลายดอก ดอกใหญ่สีสดสวยค่ะ
ถ้าพบเจอที่ไหนอย่าลืมอุดหนุน
สินค้าของโครงการหลวงด้วยนะคะ
ไทยทำ ไทยซื้อค่ะ เงินทองไม่ออกนอกประเทศนะคะ
  เอาละชมดอกกุหลาบกันนะคะ 
  ถ่ายสวยมั่งไม่สวยมั่งตามประสามือสมัครเล่น
  แต่ที่แน่ๆอยากให้ทุกคนมีความสุขด้วยกันค่ะ




























































































































เบื่อหรือยังจ๊ะ ยังมีอีกมาก สวยๆทั้งนั้น 
 ดอกใหญ่มากถ้าอยากรู้ว่าใหญ่ขนาดไหน 
 ก็ลองยกฝ่ามือขึ้นแล้วกางนิ้วทั้ง 5 ออกซิจ๊ะ
นั่นแหละค่ะขนาดของดอกละ
   ถ่ายเต็มหน้าจอโดยไม่จำเป็นต้องซูม
    ออกจากสวนกุหลาบแล้ว
เราไปชมสวนบอนไซกันดีกว่านะ





Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2561 11:50:17 น.
Counter : 1140 Pageviews.

0 comment
(•‿•✿) จากทะเลมุ่งสู่ยอดดอย ตอนที่ 9 พาชมโครงการหลวง(ต่อ) ✿





เดินทางออกจากสวนบ๊วย สู่สวนดอกไม้นานาพันธุ์
  ที่ตรงนี้จัดเป็นประตูทางเข้าไปชมในสวน
ซึ่งทำโครงไว้สูงคลุมด้วยแสลน
เพื่อพรางแสง และกันแมลง 
  ดอกไม้ที่จัดไว้ให้ชื่นชมกันนี้เป็นไม้ดอกเมืองหนาว 
  ซึ่งไม่ชอบแสงแดดมากนัก 
  และเนื่องจากอากาศช่วงนี้เริ่มเย็นลง
เพราะเป็นช่วงต้นหนาวแล้ว ต้นไม้ที่เลี้ยงไว้ในที่นี้
จึงเริ่มออกดอกบานสพรั่งมากมายลานตา
    สวยงามมากจนบรรยายไม่ถูก
   รู้แต่ว่าเมื่อเข้ามาชมแล้วมีความสุขมากมายนัก
    สุขจนต้องแบ่งปันความสุขเหล่านี้
มาให้กับพวกท่านทั้งหลาย 
  อย่างน้อยเมื่อได้ชื่นชมดอกไม้สวยๆ 
  ที่เราตั้งใจถ่ายรูปเอามามอบให้กับท่านได้ชมกัน
อาจจะช่วยให้ท่านสุขกายสบายใจขึ้นบ้างนะจ๊ะ


















ดอกไม้ที่จัดมาให้ชมนั้น
   ส่วนมากจำชื่อไม่ได้หรอกเพราะมักจะมีชื่อฝรั่งกัน
    ก็พันธุ์เธอมาจากต่างประเทศเป็นส่วนมาก
 เมื่อนำเข้ามาปลูกในเมืองไทย
ก็ปลูกได้เฉพาะที่มีอากาศเย็นๆ
   เธอถึงจะออกดอกสวยๆให้เราชื่นชมกัน
   นอกจากบางพันธุ์เท่านั้นที่ชอบแสงแดด
นั่นแหละถึงจะนำมาปลูกแถวทะเลบ้านเราได้
แต่ถึงอย่างไรเธอก็มาอวดความงามในบ้านเราแล้วละ
   ถ้ามีโอกาสก็ขึ้นไปเที่ยวชมกันนะจ๊ะ
   เที่ยวเมืองไทยเงินทองไม่ไปไหน
  หมุนเวียนอยู่ในบ้านเรานี่เอง
   บ้านเรายังมีที่เที่ยวสวยๆตามธรรมชาติอีกมาก
ไม่แพ้ที่ใดในโลกหรอกนะจ๊ะ












































































































































เบื่อหรือยังจ๊ะ ไปข้างนอกกันนะ
 จะพาไปดูดอกไม้สวยๆที่ถูกบรรจงแต่งขึ้นมา
  เดินออกมาจากโรงเรือนแล้ว
เดินข้ามถนนตามมานะอยู่ตรงข้ามกันเท่านั้นเอง
  เอาละถึงแล้ว เชิญชมได้แล้วนะจ๊ะ
  ซ้ายมือคือดอกไม้หลากหลายสี สวยงาม
  ด้านขวามือคือโรงเรือนเลี้ยงดอกกุหลาบ
ค่อยๆชมไปนะ จะได้มีความสุขด้วยกันไงจ๊ะ
  ก่อนอื่่นเราลอดซุ้มหัวใจกัน
ก่อนนะ เราจะได้ใจตรงกันไง ฮิๆๆๆๆ






















































วันนี้ขอส่งความสุขให้กับคุณๆ แค่นี้ก่อนนะ
ยังมีความสุขเหลืออยู่อีกมากมาย
   แล้วจะค่อยๆทยอยลงให้มีความสุขกันนะจ๊ะ 
  ด้วยวัยที่เดินทางมาจนเกือบถึงปลายทางแล้ว 
  ทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจเหมือนก่อน
ร่างกายค่อนข้างเหนื่้อยล้า 
 เร็วเกินควร 
 เพิ่งรู้นะเนี่ยะว่า ชักจะแก่จริงๆซะแล้ว
   ดังนั้นจึงขอส่งหัวใจมายังทุกท่านที่ติดตามดูนะจ๊ะ
  ขอให้มีความสุข
สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ ตลอดไปนะจ๊ะ






Create Date : 28 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2561 11:19:20 น.
Counter : 1309 Pageviews.

0 comment
(•‿•✿) จากทะเลมุ่งสู่ยอดดอย ตอนที่ 8 พาชมโครงการหลวง ✿





หลังจากนำผลผลิตจากหญ้าไปให้ชาวเขาดู
 และแนะนำวิธีการทำให้แล้ว
   เราก็ออกเดินทางเที่ยวชมโครงการหลวง
ที่มีมากมายหลากหลาย แต่ที่ชอบมากๆคือ ดอกไม้
   และต้นไม้ที่โครงการนำมาปลูกเป็นผลผลิตขาย
  โดยเฉพาะต้นบ๊วยนั้นปลูกเป็นระเบียบสวยงามมาก
   รับรองว่าถ้าท่านได้ไปเที่ยวก็อดไม่ได้
ที่จะต้องเก็บภาพสวยๆมาแน่นอน
   แต่ถึงแม้ท่านยังไม่มีโอกาสไป 
  ก็เที่ยวกับเราก่อนก็แล้วกันนะ
   เพราะจะพยายามเล่าเรื่อง
  และเก็บภาพส่วยๆมาฝากทุกท่านให้มากที่สุด
   เมื่อเรามีความสุขแล้ว
เราก็อยากจะแบ่งปันความสุขนี้
ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคนด้วย 
  มาเที่ยวชมดอกไม้สวยๆ
และมีความสุขด้วยกันนะคะ




นี่คือแปลงผักกาดแก้ว 
 (เรียกอย่างนี้ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้)
ที่เขาใช้ทำผักสลัดน่ะ ต้นยังไม่โตเท่าไรแต่ก็งามมาก
  เมื่อโตได้ที่แล้วเขาก็จะตัดไปแพ็คส่งยังที่ต่างๆ
  ที่จำหน่ายสินค้าของโครงการหลวง
สถานที่แพ็คก็อยู่ใกล้ๆกับบ้านที่เราพักนั่นแหละ
 ห้องที่แพ็คสินค้าโครงการหลวงนั้น
เขาสะอาดสะอ้านถูกต้องตามหลัก
ของกระทรวงสาธารณสุขเลยละ
และจะมีรถบรรทุกของโครงการหลวง
ซึ่งเป็นตู้มิดชิดมาขนไปส่งจำหน่ายทุกวัน








หน้าโรงเรือนจะมีซุ้มต้นมะระแม้ว (หรือมะระหวาน)
 เลื้อยทอดยอด ออกลูกให้ชมกัน สวยงามมาก
   มะระนี้น่ะถ้าชื่อผิดอย่าว่ากันนะ
เพราะเราก็เพิ่งเคยเห็นต้น
   แต่ผลเคยรับประทานแล้วแต่ไม่บ่อย
รสชาติก็พูดได้ว่าหวานจริงๆ 
  ผัดไข่ก็อร่อย ผ่าต้มจิ้มน้ำพริกก็อร่อยเช่นกัน
   แต่ยังสงสัยว่าทำไมเรียกมะระนะ
   เพราะไม่เห็นจะมีรสขมเลย
   ถ้าท่านไปพบที่ไหน
ลองซื้อมาทำอาหารรับประทานดูนะ
อร่อยจริงๆจ้า








เมื่อเข้าไปในโรงเรือนเรา
จะเห็นต้นมะเขือเทศลูกเล็กๆเท่าลูกองุ่น 
  สมัยที่เรารับราชการอยู่ภาคเหนือ
มะเขือนี้คนเหนือเขาเรียก มะเขือส้ม 
  เขาใช้ใส่น้ำพริกอ่อง
   และใส่แกงทางเหนือหลายชนิดเชียว 
  รสชาติก็ออกเปรี้ยวนะ อร่อยอีกนั่นแหละ
  เราชอบทาน 
เป็นไม้เลื้อยที่เวลาออกลูกแล้วจะสวยงามมาก
   เอามาฝากนะจ๊ะ














เดินไปได้สักพักก็เหลือบไปเห็นต้นอะไรนะ
มีลูกเหมือนมะเขือเทศ
ขนาดเท่ามะเขือเทศสีดาลูกใหญ่นั่นแหละ
   รูปลักษณะกลมรี
แต่ทำไมต้นถึงได้สูงนักนะ
   ต้นสูงขนาดเราต้องแหงนมองลูก
และลักษณะต้นก็เป็นไม้ยืนต้น
   ไม่เลื้อยอย่างมะเขือเทศทั่วไป
มีเพียงผลเท่านั้นที่เหมือนมะเขือเทศมาก
   ด้วยความสงสัย จึงถามเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่
ว่ามันคือต้นอะไรเหมือนมะเขือเทศมาก
เจ้าหน้าที่ได้ให้ความกระจ่างว่า
   มันคือมะเขือเทศนี่แหละแต่เป็นพันธุ์ใหม่
เหมือนไม้ยืนต้นทั่วไป
   ไม่เลื้อยให้เกะกะแต่ออกลูกปกติ
และรสชาติก็คือมะเขือเทศนั่นเอง
   ไม่ได้ลองชิมหรอกเขาบอกมาเรา
ก็บอกไปก็เท่านั้น








เดินผ่านมาอีกหน่อยก็พบกับแปลงกล่ำปม
  รูปร่างต้นเราก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ
   ปมเธอเป็นสีม่วงอมชมพูสวยเชียว
  สงสัยว่าเนื้อเธอคงจะหวานอร่อยละนะ
   ยังไม่เคยลองสักที แต่แค่เห็นต้น
เธอก็หลงความงามซะแล้ว








ใกล้ๆกัน เห็นดอกกล่ำที่เราเห็นในตลาดทั่วไป
  เธอสวยเมื่ออยู่กับต้นเลยถ่ายรูปมาให้ดูเล่น
   สวยไม๊จ๊ะ





นี่ก็ดอกสวย น่าจะเป็นดอกกวางตุ้งนะ
  เดาเอาน่ะ เห็นดอกเธอสวยอย่างนี้แล้ว
อยากปลูกไว้ชม มากกว่าปลูกไว้รับประทานนะ
   แต่ที่แน่ๆลวกจิ้มน้ำพริกน่ะ อร่อยเชียวละ











และดอกที่เป็นสีชมพูหวาน ดั่งนางในฝันนี่น่ะ
 เขาเรียกดอกท้อ ที่เรียกถูกเพราะ
เห็นลูกท้อห้อยอยู่ตรงปลายกิ่ง 
 คิดว่าคงไม่ผิดหรอก ทีนี้ก็กระจ่างแล้วซินะ
ว่า ทำไมคนจีนจึงเปรียบสาวสวยเหมือนดอกท้อ
    ก็ดูซิเธองามจนแทบไม่มีที่ติ สวยขาดบาดใจจริงๆ
เห็นด้วยไม๊จ๊ะ อย่างนี้ถ้านำไปปลูกบ้านเราละก็
  รับรองว่าไม่ว่ากี่ชาติก็ไม่ได้สัมผัส
ความงามของดอกเธอหรอกจ้า.....
ยกเว้นเธอจะเดินได้และมีลมหายใจเท่านั้น
  เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถึงจะเอามาขยายพันธุ์
ได้ อ้าว...เขียนไปเขียนมา 
  จากดอกท้อจะกลายเป็นสาวงามซะแล้ว
ฮิๆๆๆๆ








และนี่ก็คือต้นบ๊วย เห็นไม๊จ๊ะ
กิ่งก้านของเธอน่ะถึงแม้จะเกะกะแต่ก็งามเชียว 
  แค่ต้นก็งามจนตะลึงแล้ว ยังไม่เคยเห็นดอกเลยนะ
ไม่รู้จะงามปานใด ตามป้ายระบุว่า
ต้นเธอปลูกเมื่อ พ.ศ.2517
คงก่อนพวกคุณๆเกิดนะ แต่เธอก็อายุยืน
   แม้จะเปรียบกับคนแล้ว
ก็เข้าวัยกลางคนแล้วละ
   และอายุเธอคงจะยืนยาวต่อไป 
 ไม่น่าจะตายง่ายๆหรอก (คิดเอาเอง) 
 แต่ยังไงก็ตามเธอก็คงจะได้รับการดูแล
เอาใจใส่อย่างดีทีเดียว
   และเธอน่าจะผลิตอกออกผลมากมาย
ให้สมกับการดูแลเอาใจใส่เธอเป็นแน่แท้


























โคนต้นเธอยามเข้าสู่หน้าหนาวนี้
  เจ้าหน้าที่ยังลงไม้ดอกไว้ให้ชม
  แม้ต้นจะยังเล็กแต่ก็ออกดอก
งามตระการตามากมายเชียวละ
เขาเข้าใจนะไหนๆก็ต้องให้ปุ๋ยโคนต้นอยู่แล้ว 
  เอาดอกไม้รากตื้นมา
ปลูกให้สวยงามซะเลย เยี่ยมจริงๆ











ชมความงามของเรือนเพาะชำและต้นบ๊วยไปแล้วต่อไป
เราจะพาไปชมสวนไม้ดอกกันนะ สวยจนตะลึงเชียวละ





Create Date : 28 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2561 11:11:56 น.
Counter : 1794 Pageviews.

2 comment
(•‿•✿) จากทะเลมุ่งสู่ยอดดอย ตอนที่ 7 นำหญ้าย้อมสีจากฝีมือชาวเขามาถักเล่น ✿





ยามสายเราและเพื่อน
ได้ออกมาเดินชมดอกไม้สวยๆอีก
ครั้งนี้เราจะเห็นพวกชาวเขา
  นำสินค้าจากการผลิตด้วยตนเองออก
มาวางขายข้างทางกัน มีทั้งผ้าทอ
   และที่น่าสนใจก็คือการนำเอา
ต้นหญ้ามาตากแห้งและย้อมสี 
   แล้วนำมาถักเป็นแหวน ข้อมือ และกระเป๋า
  และอีกหลากหลายชนิด วางขายกันในราคาที่ถูกมาก

















ด้วยจิตวิญญาณของนักศิลปและนักประดิษฐ์
ซึ่งเปี่ยมล้นอยู่ในตัวของเพื่อนเรานั้น
   มีหรือจะมองเลยผ่านไป
   เธอเดินตรงไปยังชาวเขา
ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารื้อสินค้าเพื่อนำออกมาวางขาย
   แล้วหยิบกำไลขึ้นมาดูด้วยความทึ่ง
และสงสัยว่าทำมาจากอะไร
   สีฉูดฉาดสดุดตาแทบทั้งนั้น 
  เธอนั่งลงซักถามทันที
   และคำตอบที่เธอได้รับก็คือ ทุกอย่าง
ที่วางขายนี้ทำมาจากต้นหญ้านี่เอง
    เธอซักถามถึงวิธีการนำต้นหญ้าเหล่านี้มาทำอย่างไร
   ถึงได้นำมาถักเป็นอะไรต่อมิอะไรได้สวยเชียว
เสียงชาวเขาพูดไทยไม่ค่อยชัดเล่าให้เธอฟังว่า
    เขาตัดเอาต้นหญ้านี้มาตากแห้ง
  แล้วนำไปย้อมสี 
  ก่อนที่จะนำมาทำเครื่องประดับเห่ล่านี้
เธอยังไม่หายข้องใจ ถามต่อว่า
ในเมื่อต้นหญ้าแห้งมันก็ต้องเปราะและหักง่าย 
  ทำอย่างไรล่ะมันถึงจะเหนียวพอที่จะนำมาถักได้ 
  เราฟังแล้วก็นึกชื่นชมคำถามของเธอจริงๆ
   สำหรับเรานั้นเรื่องอย่างนี้น่ะคิดไม่ถึงหรอก
  แต่ก็คิดในใจว่าเจ้าเพื่อนยาก
จะต้องมีอะไรในใจแน่ๆ เห็นสนใจจริงๆ
   ซักไซร้ไปซะทุกอย่าง เสียงชาวเขาตอบว่า
เขาเอาไปชุบน้ำก่อนเพื่อให้นิ่ม
และเหนียวเมื่อแห้งแล้วจึงนำมาถัก อ้อ....
อย่างนี้นี่เองเราพลอยได้รับความกระจ่างไปด้วย
   เห็นเพื่อนซักไซร้คุยโน่นคุยนี่กับชาวเขามากมาย
   ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่พ้นเจ้าวัสดุที่จะนำมาทำ 
 และวิธีการทำเจ้าสิ่งสวยๆงามๆเหล่านี้ทั้งนั้น
  และขอชมเชยชาวเขานะเธอไม่เคยปิดปัง
   มีอะไรสงสัยข้องใจเธอตอบให้รู้จนหมด
ไม่มีเล่ห์มีเหลี่ยมเหมือนคนที่คุยนักคุยหนา
ว่าตนเป็นพวกมีการศึกษามีความรู้ มีความสามารถ 
 แต่ลืมคุยไปว่าไม่มีใจที่จะเผื่อแผ่ให้กับใคร
ทุกสิ่งทุกอย่าง ตรูต้องเก่ง ตรูต้องแน่ แต่ผู้เดียว
  ขาดตรูแล้วคนอื่นไม่สามารถทำอะไรได้
   เรียกว่า"หลงตัวเองจนโงหัวไม่ขึ้น" ปานนั้นน่ะ








ทีนี้ก็ถึงการซักถามราคากันแล้วละ
   กำไลข้อมือ 5 บ่ะแหวน 1 บ่ะ 
   โอ...ถูกจริงๆนี่งานฝีมือนะ
   ถึงแม้จะหยาบไปสักนิดแต่ด้วยค่าของเงินปัจจุบัน
เธอควรจะขายได้ราคามากกว่านี้สักหน่อยนะ
เสียงเพื่อนสอบถามราคาหญ้าที่ย้อมสี
แล้วถักเป็นเส้นเล็กๆเพื่ออยู่ในระหว่าง
ที่จะมาเย็บเป็นข้อมือ หรือแหวน หรือกระเป๋า
  ว่าขายไม๊และราคาเส้นละเท่าไร 
   เสียงชาวเขาตอบว่า ขายเส้นละ 1 บ่ะ
อะไรกันเนี่ยะ ต้องตากแห้ง แล้วย้อมสี
   แล้วยังต้องนำมาชุบน้ำตากให้แห้ง
และนำมาถักให้เป็นเส้นอีก 
  ลองนึกถึงขั้นตอนการทำก็อ่อนล้าแล้วละ
   เมื่อนำมาขายๆแค่เส้นละ 1 บาทเท่านั้น
    ได้ยินเสียงหลานแว่วมาว่า ซื้อไปเลยไม่ต้องต่อราคา 
 อะไรที่พอซื้อได้ก็ช่วยซื้อไปด้วย
ช่วยเหลือชาวเขาให้มีรายได้และมีกำลังใจ

เรายืนยื้ม มองเพือนจ่ายเงินซื้อเส้นหญ้ามาหลายสิบเส้น
และเมื่อเหลือบมองไปยังชาวเขาที่นั่งขายสิ่นค้า ...อ้าวนั่น...
ชาวเขาคนนั้นที่นั่งยิ้มอยู่น่ะชื่ออะไรจ๊ะหน้าคุ้นจังเลย ฮ่าๆๆๆ





เธอคนนี้นอกจากหน้าจะคุ้นแล้ว
  เธอยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา 
  มองหน้าเธอยามอุ้มเด็กน้อยชาวเขาแล้วเปี่ยมล้น
ไปด้วยความสุข ทำให้เราสุขไปด้วย









เมื่อได้เส้นหญ้าที่ถักเป็นเส้นเล็กๆมาแล้ว
   มาดูกันซิว่านักประดิษฐ์ของเราจะนำมาทำอะไรให้ดูบ้าง
   เมื่อกลับถึงเรือนพัก
เธอจัดการหยิบด้ายกับเข็มควักขึ้นมาทันที
   ก็บอกแล้วว่าเธอน่ะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน
ก็จะหอบหิ้วเครื่องไม้เครื่องมือ
ในการทำการฝีมือติดไปด้วยทุกที่
    บรรจงเลือกเส้นหญ้าว่าควรจะใช้สีอะไรถักก่อน
เราถามเธอว่า จะทำอะไร คำตอบก็คือ
  ยังไม่รู้เลยตอนนี้ขอลองดูก่อนว่า ควรจะทำเป็นอะไร
   เราได้แต่นั่งมองและคอยลุ้นเธออยู่ข้างๆ
อย่างใจจดใจจ่อทีเดียว











เห็นหรือยัง วิญญาณนักประดิษฐ์เริ่มขึ้นแล้ว
   เธอถักด้วยความชำนาญ ถักไปเรื่อยๆ 
 ปากก็พูดไปว่าทำอะไรถึงจะสวย
  และใช้ประโยชน์ได้อเนกประสงค์
    เรานั่งมองเธอทำไปเรื่อยๆ 
 ขอบอกว่าไม่ได้ใช้เวลานานเกินรอเลย
   แป๊ปเดียวเท่านั้นเธอก็สร้างสรรผลงาน
ออกมาอวดโฉมให้เราดูได้แล้ว



หากสนใจงานฝีมือของเธอละก็
เชิญคลิ๊กเข้าไปในรูปตรงชื่อเวป OHOP นะ
ท่านจะได้ชม
ความงามงานฝีมือของเธอมากมายเชียวนะ
และหากสนใจทั้งด้าย ทั้งไหม ทั้งวิธีทำ
  เชิญสอบถามได้เลย เธอใจดี
ไม่หวงวิชาหรอกนะจ๊ะ





กล่องใส่กระดาษทิชชู





หรือทำเป็นแจกันใส่ดอกไม้











จากนั้นเธอก็นำผลงานที่ถักจากหญ้าย้อมสีนี้
ไปให้ชาวเขาดูและสอนให้ทำขาย
  แนะนำให้ทำโน่นทำนี่ ซึ่งมีหลายอย่าง
แตกต่างจากที่วางขายอยู่ทั่วไป 
 แล้วบอกว่ามาคราวหน้า
คงได้เห็นชาวเขาทำขายกันนะ
เฮ้อ...เราโล่งใจที่เธอว่าจะมาคราวหน้า 
 คิดว่ามาคราวนี้แล้วจะไม่ยอม
กลับบ้านซะแล้ว.......






เอ้ารายงานอุณหภูมิสักหน่อย
  วันนี้อุณหภูมิอยุ่ที่ 6.5 องศา
เซลเซียส กำลังเย็นและเริ่มจะเยือกซะแล้ว





Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2561 10:56:37 น.
Counter : 1349 Pageviews.

1 comment
(•‿•✿) จากทะเลมุ่งสู่ยอดดอย ตอนที่ 6 ชมสวนดอกไม้ ยามรุ่งอรุณ ✿





ได้เวลาฟ้าสางแล้ว 
 ความจริงเราตื่นตั้งแต่ ตี 4 แล้ว
ก็ตามประสาคนเกินวัยนั่นแหละตื่นแต่เช้า
  มองออกไปนอกหน้าต่างฟ้ายังมืดมาก
   เราจึงใช้เวลาที่ขณะทุกคนยังสลบไสล
พักเหนื่อยจากการเดินทางทำกิจกรรมประจำวัน
โดยการนั่งตามรู้ดูจิตเรื่อยไป สลับกับ
การเดินจงกลมก็เพื่อตามดูอีกนั่นแหละ 
 จน 6 โมงเช้าฟ้าเริ่มทอแสงรำไรมาแล้ว
   จึงได้ออกจากบ้านพัก
เพื่อชมความงามของถิ่นบนดอย
ยามที่แสงแห่งอรุณยังไม่สาดส่อง
  พร้อมกับเก็บภาพมาฝากทุกท่าน
ให้ได้รับความสุขร่วมกันในยามนี้




































เดินสูดอากาศอันบริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ
  ฟ้าเริ่มสางสว่างขึ้นเรื่อยๆ อากาศเย็นสบาย
  ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละน้อย 
 แต่ก็ยังคงความสวยสดชื่นมากมายไม่เปลี่ยนแปลง 
   ยามนี้.....เรามีแต่ความสุขสดชื่น
จิตใจจดจ่ออยุ่กับมวลไม้ธรรมชาติ 
 บางครั้งก็ยังอดทักทายเธอไม่ได้
อยากจะชวนเธอไปอยุ่กับเราที่ทะเล 
  แต่เหมือนจะรู้ด้วยจิตตรงกันว่า
เธอ Say No. เราซะแล้ว 
  และเหมือนจะบอกให้รับรู้ว่า ..
 ขอให้ตักตวงความสุขที่นี่ไปให้เต็มอิ่มเถิด
   และโปรดเก็บความสุขนี้
นำไปแบ่งปันให้พี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข
อยู่กับอุทกภัยอันเลวร้ายด้วย 
  ขอให้ทุกท่านได้รับความสุขที่เรานำมามอบให้
โดยทั่วถึงกันด้วยนะ เป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน
   อย่ายอมแพ้ ทุกสิ่งมีเกิดต้องมีดับ 
  น้ำก็เช่นกันเขามาแล้วเขาก็จะจากเราไป
   นอกจากเราอยากให้เขาอยู่กับเรานานๆ
โดยนำเอาสิ่งกีดขวางทางเดินของน้ำ
ไปกั้นมันไว้เท่านั้นแหละ เมื่อไปไม่ได้
ในที่สุดเขาก็จะแช่อยู่ตรงนั้นจนตาย
ส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบ้านทั่วเมือง






























เราเดินชมทิวทัศน์ยามรุ่งอรุณมาเรื่อยๆ 
 จน 7 โมงเช้าแล้วแต่อากาศยามนี้
ก็ยังเย็นเยือกเหมือนเดิม
   และรู้สึกว่ายิ่งฟ้าสว่างมากขึ้นเท่าไร 
  ความเย็นก็แผ่กระจายเพิ่มขึ้นเท่านั้น
   เราครุ่นคิดเอาเองว่าความหนาวเย็น
น่าจะกำลังโบยบินหนีแสงแห่งอาทิตย์
ที่กำลังสาดลงมาเพื่อขับไล่ความเย็น
ให้แตกกระเจิงนั่นเอง 
  ได้เวลาอาหารเช้าแล้วซินะ
   เราจึงเดินไปยังอาคารรับรอง
เพื่อรับประทานอาหารเช้าก่อน
เพื่อจะได้กลับมาเดินชมความงามยามเช้าต่อไป











เมื่อรับประทานอาหารเช้าซึ่งก็เหมือนทั่วๆไป
มีให้เลือกทานกันได้หลากหลาย
ตามแต่ความต้องการ สำหรับเรานั้น
ก็แค่กาแฟสดหนึ่งถ้วย ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
   ข้าวต้มเห็ดร้อนๆหนึ่งถ้วย
   และน้ำส้มคั้นอีกหนึ่งแก้ว 
  ก็เพียงพอแล้วสำหรับมื้อเช้าแห่งความสุขนี้ 
 จากนั้นก็เดินกลับที่พักเพื่อรับประทานยา
   เรื่องนี้ไม่อยากจะเล่าเลยนะเพราะ
มันคอยเตือนเราอยู่เสมอว่า 
 เธอจ๋า .... แม้ใจเธอยังสู้แต่ควรดูแลสังขารบ้างเถิด
(แก่แล้วเหรอเนี่ยะ ไม่อยากจะเชื่อเลย) ฮ่าๆๆๆๆ
เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เองนะ 
    พักสักหน่อยแล้วค่อยออกมาลุยต่อนะจ๊ะ











Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2561 10:42:05 น.
Counter : 1019 Pageviews.

1 comment
1  2  3  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ