เนื้อปลาเก๋าทอดราดพริก

......................

การทำก็ไม่ยากอะไรมาก เราใช้เฉพาะเนื้อปลาเก๋า

นำมาหั่นท่อนอย่าเล็กนัก

เพราะตอนทอดเนื้อปลานุ่มมากอาจจะแหลกได้

ดังนั้นเราจึงต้องหั่นชิ้นค่อนข้างใหญ่หน่อย

 แล้วนำลงทอดให้กรอบนอกนุ่มในตักพักไว้

 ต่อไปก็ทำน้ำราดปลาเก๋า

เราใช้พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออกให้หมด

(จะได้ไม่เผ็ดสำหรับคนไม่นิยมเผ็ด) หั่นเป็นท่อน

มะเขือเทศผ่าเอาเมล็ดออกหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า

 หอมหัวใหญ่หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า กระเทียมกลีบใหญ่

 แครอทสักหน่อย ข่าหั่นสักนิดแก้กลิ่นคาว

นำทุกอย่างมาปั่นรวมกันแค่หยาบ

(แต่เราปั่นละเอียดไปหน่อยเผลอไปนิด)

จากนั้นก็ตั้งกะทะนำน้ำมะขามเปียก

 น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เกลือป่นนิด

 ลงเคี่ยวพอหนึดใส่พริกที่ตำไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน

ชิมรสดูให้ได้สามรส

 บางที่เขาก็ใส่น้ำส้มแทนน้ำมะขามเปียก

แต่เราแก่แล้วกินมะขามดีกว่านะไม่มีกรดด้วย

เมื่อเคี่ยวเดือดอีกครั้งแล้วก็ใช้ได้

ตักราดไปบนปลาที่ทอดพักไว้

โรยหน้าด้วยผักชี

แค่นี้แหละก็รับประทานอร่อยแล้วจ้า

 ลองทำรับประทานกันนะจ๊ะ

อาหารบำรุงสุขภาพไร้สารใดๆ

แถมอร่อยและถูกสตางค์อีกต่างหาก

เพราะได้แสดงฝีมือด้วยตัวเองไงจ๊ะ

อ้อลืมบอกไปสำหรับผู้นิยมรสเผ็ดจัดจ้าน

จะเติมพริกขี้หนูลงไปปั่นร่วมด้วยก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ

สวัสดีมีสุขค่ะทุกท่าน ว้นนี้ร้อนมากกกก ร่างกายอ่อนล้า

 ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ลูกชายอยากกินหอยนางรม

พอดีน้ำทะเลลงแห้ง แม่เลยต้องลงทะเล

ไปจัดการเอาหอยนางรมใต้ถุนบ้านมายำให้ลูกชายกิน

 ก็ยำไปตามมีตามเกิดนั่นแหละ

ตามประสาคนทะเลกินง่ายอยู่แล้ว

เริ่มจากการซอยตะใคร้ หอมแดง กะเทียม ผักชีฝรั่ง

สะระแหน่เด็ดเอาแต่ใบ มะนาว ตำกะเทียมกับพริกขี้หนู

แค่นี้แหละเครื่องยำหอยนางรม เสร็จแล้วง่ายๆ

จัดการบีบมะนาวลงบนหอยนางรมสด ใส่น้ำปลาหน่อย

 แล้วนำเครื่องทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสดู

จัดจ้านทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด แต่อย่าให้เค็มนำนะไม่อร่อย

 เสร็จแล้วจ้า "ยำหอยนางรมสด"

สวัสดีมีสุขค่ะทุกท่าน สุขกาย สุขใจ

 สุขภาพแข็งแรงทั่วกันนะจ๊ะ

วันนี้ขอนำเสนอ "น้ำพริกไข่ปู"

ด้วยสองสามวันนี้แม่ครัวขี้เกียจมาก

ไม่ค่อยอยากทำกับข้าวให้ลูกกิน

 ต้มแต่ปูม้าให้แกะกินสองวันแระ

วันนี้เลยตำน้ำพริกไข่ปูให้กินซะหน่อยกลัวเบื่อน่ะ

น้ำพริกไข่ปูนี้เราใช้ปูม้าต้มนะ

เอาไข่และเนื้อปูนิดหน่อย

 การตำน้ำพริกก็ไม่เรื่องมากอะไร

ใช้แค่หัวกะเทียม พริกขี้หนูสวน เกลือ น้ำตาลปี๊บ

ถ้าอยากให้รสแหลมก็เติมน้ำตาลทรายหน่อย

มะนาว แค่นี้แหละง่ายๆ

 วิธีการตำต้องบอกไม๊เนี่ยะ บอกหน่อยก็ดีเน๊อะ

เธอจะได้ตำแล้วพริกไม่กะเด็ดเข้าตา

เริ่มจากการนำกะเทียมที่ปอกเปลือกแล้ว

(การปอกเปลือกก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกหมดหรอก

เยื่อด้านในบางๆก็ใช้ได้)

พริกขี้หนูสวนใส่มากน้อยตามชอบ

(การตำพริกไม่ให้เผ็ดจัดแม้พริกจะมากหน่อยก็คือ

ตำพริกให้ละเอียดความเผ็ดจะลดลง

แต่ถ้าต้องการเผ็ดมาก

ก็ตำพริกพอหยาบก็จะเผ็ดจนน้ำตานองหน้าเชียวละ)

 เกลือสักครึ่งช้อนชา ตำรวมกันให้ละเอียด

แล้วเติมน้ำตาลปี๊บลงไปบดขยี้ให้เข้ากัน

ถ้าต้องการหวานแหลมก็เติมน้ำตาลทรายลงไปหน่อย

นำไข่ปูลงไปขยี้กับน้ำพริก

(อย่าตำนะเพราะมันจะกะเด็นเข้าตาได้)

 พอประมาณ จากนั้นนำไข่ปูที่เหลือและเนื้อปูเล็กน้อย

ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน บีบมะนาวเพิ่มรสชาดเปรี้ยว

 ชิมดูเปรี้ยวนำ เค็มนิดหน่อย หวานพอรู้ ก็อร่อยใช้ได้แล้วจ้า

ลองทำกินดูกันนะจ๊ะ

สูตรของคนทะเลอาจจะไม่เหมือนผู้รู้ทั้งหลาย

แต่ก็ทำกินกันมานมนานแล้วจ้า

น้ำพริกไข่ปูนี้ใช้กินกับผักสดนะจ๊ะ

ขมิ้นขาวก็อร่อยแต่วันนี้ไม่มี

มีแค่นี้แหละก็กินกันไป อร่อยเหมือนกันจ้า

สวัสดีมีสุขค่ะทุกท่าน สุขกาย สุขใจ

สุขหรรษาตลอดสุดสัปดาห์นะจ๊ะ

 วันนี้ขอนำเสนออาหารแสนอร่อยค่ะ "มโหรีเริงระบำ"

ได้ยินชื่อก็ชักอยากจะลองแล้วละซิ ไม่ยาก ไม่ยากเลยสักนิด

 วิธีการทำก็ง่ายๆสบายๆ นะจ๊ะ เด็กโข่งกินได้ ผู้ใหญ่กินดีจ้า

คงแปลกใจว่าทำไมต้องมโหรีงั้นซิ

จะขอเฉลยให้รู้ว่า ก็เจ้าปลาที่นำมาทำนี่แหละ

บ้านเราเรียกเขาว่า "มโหรี" แต่ตามศัพย์วิชาการเขาเรียก

" ปลาข้างตะเภา" นะจ๊ะ

ทำไมถึงเรียกมโหรีเราไม่รู้หรอก

เพราะตั้งแต่จำความได้พ่อแม่เราก็เรียกเธอว่ามโหรีซะแระ

และก็เรียกกันมาร้อยกว่าปีแล้วมั๊ง (นับจากอายุพ่อแม่น่ะ)

ปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ตามโขดหิน

เรารู้จักเธอจากการจับโป๊ะได้เธอมา

ปัจจุบันใต้ถุนบ้านเราเธอก็ชอบเข้ามา

แหวกว่ายทักทายเราอยู่สม่ำเสมอ

เหมือนจะเตือนเราว่า

อย่าลืมเธอนะฉันน่ะทำอะไรก็อร่อยไปหมดละ

 ฮิๆๆเราเลยสนองความต้องการของเธอ

แต่ครานี้เราไม่ได้จับเธอเองหรอกเราไปซื้อเธอมาจากตลาด

จากแม่ค้าที่เขาขายปลาโป๊ะ ส่วนมากเจ้าของโป๊ะขายเองแล้ว

ราคาไม่แพงหรอกนะกิโลละ หกสิบบาท สดตาใสเชียวนะเธอ

 เรานำเธอมาขอดเกร็ดตัดหัวแล่เอาแต่เนื้อ

ขอบอกก่อนนะว่าก้างเธอแข็ง

เวลารับประทานทั้งตัวต้องระวังก้างตำคอ

 แต่เนื้อเธอนั้นนุ่ม หวานมัน

เราชอบนำเธอมาต้มระกำ สุดยอดดด

แต่วันนี้จำต้องนำเธอมาเริงระบำซะหน่อย

เพราะพ่อยอดขมองอิ่มที่บ้าน

เขาชอบรับประทานแบบสบายๆไร้ก้างน่ะ

เรานำเนื้อเธอมาคลุกแป้งสาลี

แล้วทอดให้เหลืองกรอบนอกนุ่มใน

จากนั้นเราก็สับกระเทียมพริกขี้หนูตะใคร้ซอยละเอียด

สับรวมกันพอประมาณ

ที่ใส่ตะใคร้ก็เอาไปช่วยกระเทียมแก้คาวไงจ๊ะเธอ

เราเด็ดใบกะเพรา ซอยกระชาย ฉีกใบมะกรูด

นำลงไปทอดน้ำมันร้อนๆให้กรอบ

น้ำราดนั้นเราทำง่ายๆ เอาน้ำตาลปีบละลายกับน้ำปลา

เติมน้ำสะอาดนิดหน่อยเคี่ยวให้หนึดนิดหน่อย

แล้วนำกะเทียมพริกตะใคร้ที่สับไว้ลงไปเริงร่าเฮฮากัน

สักหน่อยอย่านานนะจ๊ะ

จัดการนำมาทอดมาเรียงใส่จาน

แล้วนำน้ำที่ปรุงไว้ราดลงไปให้ทั่ว

โรยด้วยใบกะเพรา กระชายซอย ใบมะกรูด ที่ทอดไว้

แค่นี้แหละเสร็จแล้วจ้า "มะโหรีเริงระบำ"

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า

เธอคงได้มีโอกาสไปเริงระบำที่บ้านท่านด้วยเป็นแน่แท้ .........

กล่ำปลีผัดกุ้งสด

  อาหารง่ายๆเหมาะกับทำรับประทานในครัวเรือน 

  เด็กๆชอบเพราะมีรสหวานและได้กินกุ้งสด 

 วิธีทำก็ไม่ยาก ใช้กล่ำปลีนำมาล้างให้สะอาด

  แล้วหั่นออกเป็นชิ้น

โดยการผ่าครึ่งก่อนแล้วค่อยหั่นเป็นท่อน ใหญ่พอคำ 

  สำหรับกุ้งแกะเอาเฉพาะเนื้อ ผ่าหลังเอาขี้ออก 

  กระเทียมทุบสับพอหยาบ แครอทซอยเล็กน้อย 

    ตั้งกะทะให้ร้อนจัด

(การทำให้กะทะร้อนจัดก่อนใส่น้ำมัน

เพราะน้ำมันจะไม่ไหม้)ใส่น้ำมันหมูลงไปไม่ต้องมาก

 หรี่ไฟลงเล็กน้อย

(การใช้น้ำมันหมูผัดจะได้อาหารที่หอมกว่าน้ำมันชนิดอื่น

ไม่ต้องกลัวอ้วนเพราะน้ำมันหมูไม่มีอันตราย

การเจียวน้ำมันเราทำเองไม่ผ่านกรรมวิธีใดๆทั้งสิ้น 

 และไม่เป็นแหล่งสะสมโรคใดๆ)

  ใส่กระเทียมลงไปผัดพร้อมกุ้ง ผัดพอกุ้งสะดุ้ง

ใส่กล่ำปลีลงไปผัด เร่งไฟแรง ใส่น้ำมันหอยนิด น้ำปลาหน่อย

  ผัดให้เข้ากัน ใส่แครอทซอย คลุกเคล้าเบาๆอีกครั้ง

  ดับไฟตักใส่จานได้แล้ว ไม่ต้องกลัวกุ้งไม่สุก

เพราะความร้อนจากกล่ำปลี

จะช่วยให้กุ้งสุกเพิ่มกำลังดีเนื้อนุ่มและหวาน  

เราจะได้ผัดกล่ำปลีกับกุ้งสด

รสหวานจากกล่ำปลีกับกุ้งและแครอทจะมีมากแล้ว

   ไม่ต้องใส่น้ำตาลเด็ดขาดเพราะจะทำให้หวานเกิน