Group Blog
All Blog
### แกงเผ็ดปลาอินทรี ###














แกงเผ็ดปลาอินทรี

.................

แกงเผ็ดนั้นมีมากมายหลายแบบ

 แล้วแต่คนจะชอบแบบไหน

สำหรับเรานั้นชอบทุกแบบ

 เพราะทำแล้วอร่อยเหมือนกันหมด

พี่ชายเราให้ปลาอินทรีตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง

เราพยายามทำอาหารได้หลายเมนูกว่าปลาจะหมด

วันนี้เรานำเนื้อปลาอินทรีมาแกงเผ็ดแบบน้ำขลุกขลิก

เราแล่เนื้อปลาอินทรีเพื่อหั่นเอาเฉพาะเนื้อ

การหั่นเนื้อปลาควรหั่นให้ชิ้นใหญ่หน่อย

เพราะปลาอินทรีเนื้อนุ่มและค่อนข้างอ่อน

เมื่อนำมาแกงอาจจะแหลกได้  สำหรับก้างเราไม่เอา

แต่ควรขูดเอาเนื้อที่ติดก้างออกให้หมดแล้วสับให้เหนียว

ปั้นใส่ลงไปในแกงด้วย เรียกว่าไม่ให้เหลือทิ้งหรอก

สำหรับก้างและหัวปลาเรานำมาต้มเคี่ยวในน้ำเดือด

ใช้ทำน้ำสต๊อกปลา 

เมื่อเคี่ยวได้ที่แล้วก็กรองเอาน้ำไว้ใช้

สำหรับก้างปลาชิ้นใหญ่ทิ้งไป  ส่วนหัวปลาอินทรีไม่แข็ง

คลุกข้าวให้แมวจรจัดกินจนอิ่ม เรียกว่าคุ้มจริงๆ

เอาละเรามาแกงเผ็ดปลาอินทรีกินกันก่อนนะ

เครื่องปรุง......น้ำพริกแกงเราใช้พริกขี้หนู  ตะใคร้  ข่า

ผิวมะกรูด เกลือ พริกไทย  ขมิ้น กระเทียม

 โขลกรวมกันจนแหลกเติมกะปินิดหน่อย 

มะเขือพวง  มะเขือเปาะ พริกชี้ฟ้า กระชาย ใบกระเพรา

วิธีทำ....  ตั้งกะทะให้ร้อนใส่น้ำสต๊อกปลาลงไปสักทัพพี

นำน้ำพริกที่ตำไว้ละลายในน้ำสต๊อก เคี่ยวสักนิด

ใส่เนื้อปลาลงไป หยิบใส่เบาๆเพราะเนื้อปลานุ่ม

แล้วคลุกเคล้าเบาๆให้เข้ากับน้ำพริกให้ทั่ว

เติมน้ำสต๊อกปลาลงไปพอขลุกขลิก อย่าคนจนกว่า

ปลาจะสุกเดี๋ยวจะคาว 

 จากนั้นใส่มะเขือพวงและมะเขือเปาะ

เรานั้นชอบกินมะเขือมากเลยใส่มะเขือสองอย่างเลย

ใส่กระชายซอย  เติมน้ำปลาหน่อย น้ำตาลสักครึ่งช้อนชา

ค่อยๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน  รอจนเดือดชิมรสเมื่อถูกใจแล้ว

ใส่ใบกระเพราลงไปคนเบาๆอีกครั้ง เสร็จแล้ว

แกงเผ็ดนั้นเราใช้ไข่ต้มหรือไข่เจียว

 กินแก้เผ็ดเข้ากันดีแท้ ลองทำกินกันนะจ๊ะ 

บางคนชอบพริกไทยอ่อนก็นำมาใส่ได้นะ

แต่เราไม่ใส่เพราะลืมซื้อมาน่ะ  ฮิๆๆ






Create Date : 01 เมษายน 2558
Last Update : 4 มิถุนายน 2559 19:52:46 น.
Counter : 3343 Pageviews.

6 comment
### การทำน้ำยำธรรมดา หรือ น้ำยำสารพัดนึก ###












มาแล้ว !.. มาแล้ว !...ตามคำเรียกร้อง นะคะ

น้ำยำเทวดา หรือ น้ำยำสารพัดนึก ค่ะ

ยำอันดามัน.. ยำขโมย.. ยำปลาหมึก.. ยำไข่ดาว.. ฯลฯ


ถ้าต้องการทำมาก ๆ คำนวณเพิ่มสูตรได้ นะคะ

ส่วนผสม

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2/3 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ถ้วย
น้ำกระเทียมดอง 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมดองสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสดสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูแดงสับหยาบ ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงซุบ 2 ช้อนโต๊ะ ( ไม่ใส่ก็ได้ นะคะ )

วิธีทํา

นําทุกอย่างผสมรวมกัน คนให้ละลาย...

ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวให้เดือด 3 - 5 นาที ปิดไฟ...

ปล่อยวางไว้ให้เย็น...แล้วเทใส่ขวด

 ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ใช้เมื่อต้องการ

ชอบเเผ็ด ! ...เพิ่มพริก

ชอบเปรี้ยว ! ...เพิ่มมะนาว

ชอบรสจัด ! เพิ่ม ...น้ำปลา พริก น้ำมะนาว นะคะ



ขอบคุณข้อมูลจาก fb. อาจารย์จันทิรา นวทิศพาณิชย์
ผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์ขนมไทย

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ



















Create Date : 29 มีนาคม 2558
Last Update : 29 มีนาคม 2558 14:18:19 น.
Counter : 3985 Pageviews.

1 comment
### ปลาอินทรีผัดขึ้นไฉ่ ###


ปลาอินทรีผัดขึ้นไฉ่

.........................

เครื่องปรุง  เนื้อปลาอินทรี  ผักขึ้นไฉ่ 

พริกชี้ฟ้าแดง  หัวกระเทียม 

เต้าเจี้ยวเม็ด  น้ำมันหอย  น้ำปลา 

น้ำมันหมู น้ำตาลทราย

พริกไทย แป้งทอดกรอบ 

วิธีทำ…ปลาอินทรีหั่นเอาแต่เนื้อ

  เติมน้ำปลานิดคลุกเคล้าให้ทั่ว

แล้วนำลงไปคลุกแป้งโดยไม่ต้องผสมน้ำ 

ตั้งกะทะให้ร้อนใส่น้ำมันหมูลงไปพอประมาณ

พอน้ำมันร้อนจัดหรี่ไฟลงเป็นไฟกลาง 

นำปลาที่คลุกแป้งไว้ลงไปทอดให้เหลือง

กรอบนอกนุ่มในแล้วตักพักไว้ 

เทน้ำมันทอดปลาออกให้หมด

ผักขึ้นไฉ่ล้างแล้วหั่นเป็นท่อน

ยาวประมาณหนึ่งนิ้ว 

พริกชี้ฟ้าแดงซอยเป็นเส้น 

กระเทียมปอกเปลือกทุบแล้วสับหยาบ 

ตั้งกะทะให้ร้อนใส่น้ำมันหมูสักสองช้อนโต๊ะ 

ใส่กระเทียมสับผัดพอหอมไม่ต้องให้เหลือง 

นำปลาที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้ากับกระเทียม

ใส่น้ำมันหอยช้อนโต๊ะ เติมน้ำปลาหนึ่งช้อนชา

น้ำตาลทรายครึ่งช้อนชา

เต้าเจี้ยวเม็ดหนึ่งช้อนโต๊ะ   น้ำสะอาดสองช้อนโต๊ะ

คลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ผักขึ้นไฉ่และพริกชี้ฟ้าแดง

เร่งไฟให้แรงคลุกเคล้าโดยเร็วแล้วดับไฟ 

ตักใส่จานโรยหน้าด้วยพริกไทยป่นหน่อย 

เสร็จแล้วจ้าปลาอินทรีผัดขึ้นไฉ่ง่ายๆ

ลองทำรับประทานกันนะจ๊ะ











Create Date : 04 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 4 มิถุนายน 2559 19:55:56 น.
Counter : 1684 Pageviews.

2 comment
### สะตอผัดกุ้งสด ###





















สะตอผัดกุ้งสด

..................


เครื่องปรุง สะตอ กุ้งสด กระเทียม

พริกชี้ฟ้าแดง แครอท น้ำมันหอย

น้ำปลา น้ำมันหมู

วิธีทำ… สะตอแกะเอาแต่เม็ด

กุ้งแกะเปลือกออกผ่าหลังเอาขี้ดำๆทิ้ง

กระเทียมทุบและสับ

พริกชี้ฟ้าแดงซอย แครอทซอย

ตั้งกะทะให้ร้อนใส่น้ำมันหมูสองช้อนโต๊ะ

(บ้านเราเจียวน้ำมันหมูใช้เอง

ไม่ค่อยนิยมกินน้ำมันพืช

เพราะน้ำมันหมูกินมาตั้งแต่เก่าก่อนแล้ว

ไม่เคยเห็นเป็นไรสักที ไขมันก็ไม่เคยสูง)

นำกระเทียมสับลงเจียว

ไม่ต้องให้เหลืองใส่กุ้ง ใส่สะตอ

เติมน้ำมันหอยช้อนโต๊ะ น้ำปลาช้อนโต๊ะ

เร่งไฟผัดเร็วๆใส่แครอทซอย

และพริกชี้ฟ้าแดงซอย

เติมน้ำสะอาดสักสองช้อนโต๊ะ

ชิมรสตามชอบหากความหวานของกุ้งไม่พอ

จะเติมน้ำตาลทรายสักครึ่งช้อนชา

ก็ไม่ว่ากันนะ เสร็จแล้วจ้า

สะตอผัดกุ้งง่ายๆไม่ยุ่งยาก

ลองทำรับประทานกันนะ










Create Date : 01 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 20:18:48 น.
Counter : 3214 Pageviews.

3 comment
### ช้อนแมงกะพรุนมาดองขาย ตอนที่ 4 เตรียมรอรับทรัพย์ ###


ตอนที่ 4 เตรียมรอรับทรัพย์









วันที่สองจากการดองแมงกะพรุน 

  รุ่งขึ้นเราจะทำการตรวจเนื้อแมงกะพรุนว่าใช้ได้หรือไม่

โดยการเช็คว่า แข็งแล้ว ขาวแล้ว กรอบแล้ว 

 เป็นที่น่าพอใจแล้วก็ใช้ได้ 

 ส่วนมากก็จะดองเพียงสองคืนเท่านั้น 

 ถ้าจะต้องดองมากกว่าสองคืนแสดงว่า

ใส่เกลือไม่พอกับแมงกะพรุน 

 ธรรมดาแล้วมืออาชีพในการทำ

เขากะเกณฑ์ส่วนผสมไม่เคยพลาดหรอก 

  เมื่อใช้ได้แล้วก็จัดการกวนอีกหน่อย

แล้วทิ้งน้ำที่ดองไปให้หมด 

  เสร็จแล้วก็นำแมงกะพรุนขึ้นมาผึ่งให้แห้ง














เมื่อผึ่งพอแห้งแล้ว

  ความจริงนั้นมันไม่แห้งหรอกก็ยังคงชื้นเหมือนเดิม

  แต่ที่ว่าแห้งคือน้ำไม่หยดแล้วต่างหาก 

 จากนั้นก็เป็นการคัดแยกขนาดของหมวกแมงกะพรุน 

 เรียงไปตามใหญ่ เล็ก เมื่อคัดแยกเสร็จแล้ว 

 ก็นำลงเรียงในภาชนะซึ่งเป็นถังปากกว้างลูกใหญ่ๆ 

 จับแมงกะพรุนเรียงลงไปเป็นชั้นๆ 

 ระหว่างชั้นก็เอาเกลือสมุทรสาดทับไว้ เรียกว่าหมักเกลือ 

ส่วนหนวดนั้นหมักไว้ต่างหาก

เพราะส่งขายเมืองนอกไม่ได้เขาไม่ซื้อ

จึงขายให้เฉพาะทำอาหารเท่านั้น

 แค่นี้แหละขั้นตอนการทำแมงกะพรุนดองก็เสร็จแล้ว

  เก็บไว้ได้นาน รอรับทรัพย์อย่างเดียว















บทส่งท้าย 

 เนื่องจากการดองแมงกะพรุนนี้ต้องใช้เกลือมาก

  ดังนั้นเมื่อเราไปซื้อมาทำอาหาร จึงต้องล้างมากมาย

  เพราะเธอเค็มจัด วิธีการล้างขจัดความเค็มก็คือ 

  ต้องล้างหลายๆน้ำ ต้องขยำและบีบบ้างแต่ไม่ต้องรุนแรงนัก

  เพื่อให้เกลือที่ติดอยู่กับเนื้อแมงกะพรุนหลุดออกให้หมด 

  หากเราต้องการรู้ว่าหายเค็มหรือยัง

คงต้องชิมน้ำที่ล้างตอนหลังๆดู 

  เมื่อน้ำไม่เค็มแล้ว ค่อยนำไปลวกด้วยน้ำร้อนอีกครั้ง

   แค่นี้เราก็จะได้แมงกะพรุนมาทำอาหารแล้ว 

 เมนูยำแมงกะพรุนก็อร่อย กรุบๆดี 

  หรือใส่ในเย็นตาโฟ ก็ไม่แปลกเข้ากันอร่อยเชียวละ 

   แต่ขอบอกก่อนว่าการดองแมงกะพรุนแบบนี้นั้น 

 ไม่ได้ใช้ทำอาหารอย่างเดียวหรอก

  ในด้านอุตสาหกรรมเขาก็นำไปใช้ แต่เมืองไทยไม่มีนะ 

  เขาทำส่งญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี 

  เท่าที่รู้สมัยก่อนนั้นญี่ปุ่นซื้อไปทำแผ่นเทปคลาสเซ็ท

  หรือแผ่นม้วนหนังวีดีโอ เพราะมันเหนียว

  แต่ปัจจุบันเราไม่ทราบว่าเขาเอาไปทำอะไร 

  เพราะเทปก็ตกยุคไปแล้ว และไม่อยากสนใจอีก

เลยไม่ได้ถามคนซื้อส่งต่างประเทศว่าเขาเอาไปทำอะไรบ้าง 

 รู้แต่เอาไปทำอาหารการกินก็เท่านั้นเอง

  ราคาแพงนะขายส่งถ้าหัวหมวกจะกิโลละสองร้อยกว่าบาท 

 ถ้าเป็นหนวดจะถูกลงมาหน่อย ก็รู้แค่นี้แหละจ้า








Create Date : 15 กันยายน 2557
Last Update : 14 เมษายน 2559 13:33:47 น.
Counter : 4605 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ