Group Blog
All Blog
### พระเอกงานเลี้ยง ☺☺☺ "ห่อหมกทะเล" ###




ห่อหมกทะเล

"ห่อหมกทะเล" ที่มาก็มาจากชาวประมง อีกนั่นแหละ 
 เป็นอาหารที่เรื่องมากในการทำสักหน่อย 
  หากไม่รักกันจริงทำไม่สำเร็จหรอก
ถึงจะทำได้ก็ไม่อร่อย ดังนั้น ต้องใจเย็นๆ 
 คนที่ทำอร่อยที่สุดก็ได้ลั้นลา 
 ไปทำให้ยมพบาลกินกันหมดแล้ว 
  ที่เหลืออยู่น่ะ แค่พอทำได้เท่านั้นเอง 
  ส่วนที่ทำอร่อยเห็นอยู่คนเดียว
ซึ่งเป็นทายาทต้นตำรับห่อหมกทะเล 
  เธอยังคงอยู่ แต่เธอจะทำก็ต่อเมื่อ
อารมณ์เธอจะทำเท่านั้น
  ไม่เช่นนั้นไม่ทำหรอก เหตุผลเหรอ
 ก็ยังไม่มีอารมณ์ทำน่ะ ทำไปก็ไม่อร่อย
ดังนั้น ถ้าอยากกินต้องรอคอยเหมือนฉันไง
  รอคอยจนหมดอยากนั่นแหละ กว่าจะได้กิน

ต้องเล่าให้เห็นภาพการทำห่อหมกให้อร่อยซะหน่อย
บรรดาพี่สาวลูกๆของ ลุงของป้าเรานั้น 
 มีฝีมือในการทำห่อหมกอยู่หลายคน
แต่ละคนน่ะ สุดยอดทั้งนั้น 
  เวลานั่งทำห่อหมกน่ะใครอย่าแหยมเข้าไปยุ่งเชียวนะ..
แม่ด่ากระเจิงเชียว 
  และที่แน่ๆต้องทำไปดริ๊ง...ไปถึงจะอร่อย
ห่อหมกสุกก็แกะมาทำเป็นกับแกล้มซะก่อน
ที่จะผลักใสให้ไปเป็นกับข้าว
เจ๋งจริง...จริง นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่
และรู้ว่าเขียนแบบนี้ละก็..งานเข้าแน่..
ฉันต้องเตรียมตัว....โกยหนีสุดชีวิต
(เป็นอาการวิ่งแบบไม่ห่วงชีวิตน่ะ)
ไม่เช่นนั้นไม้พายที่กวนห่อหมก
อาจบินมากระทบหัวได้ ฮ่าๆ


เอาละๆ เข้าเรื่องละนะ 
  ก่อนอื่นต้องเตรียมปลาที่จะทำห่อหมกก่อน
และปลาที่ทำห่อหมกอร่อยนั้น
  ต้องยกให้ปลาโซกุน  หรือปลาอินทรีเท่านั้น 
  ส่วนปลาอื่นๆๆถึงเอามาทำก็ไม่อร่อยเท่า
   ดังนั้นวันนี้เราจะทำห่อหมกปลาโซกุนกินกันนะ 
  เพราะปลาโซกุนนั้นเนื้อขาวนุ่ม 
 เมื่อนำมาทำห่อหมกสีห่อหมกจะสวย
และขึ้นฟูเวลานึ่งสุกแล้ว 
การทำปลาโซกุนก็ไม่ยากหรอก 
  ขอดเกร็ดตัดหัวทิ้ง ใส้พุงทิ้งให้หมด 
 ล้างให้สะอาดจากนั้นก็แล่ปลาออกท้้งสองด้าน 
 เนื้อที่ติดก้างกลางก็เอาช้อนขูดออกมาให้หมด 
  ส่วนเนื้อแล่หั่นบางๆ  บางที่สุด พักไว้


เครื่องปรุงก็มี กะทิคั้นเอาเฉพาะหัวกะทิเท่านั้น 
 น้ำพริกแกงเผ็ดสำคัญมากนะ
น้ำพริกน่ะ ต้องโขลกเอง
หากซื้อเขามาทำรับรองได้
ห่อหมกเข้ารกเข้าพงไปเลยละ 
 การโขลกก็โขลกแบบน้ำพริกแกงเผ็ดธรรมดา
คงรู้นะเครื่องน้ำพริกน่ะ
  ก็มีพริกแห้ง ผิวมะกรูด ตะใคร้ ข่าแก่
  เกลือนิด กะปิดี กระเทียม (ไม่ใส่หัวหอมนะ) 
 หากใครอุตริใส่หัวหอมลงไปด้วย
รับรองห่อหมกบูดเร็วแน่นอน
  มันไม่ถูกกันน่ะ ถึงบอกให้โขลกน้ำพริกเองไง

ใบตอง เอามาฉีกไว้ห่อ
  เศษที่เหลือฉีกเล็กต่อให้ยาวเพื่อหุ้มห่ออีกที
เราจะใช้ปลายใบตองตัดเป็นสัญญาลักษณ์ของผัก
ที่สถิตย์อยู่ในห่อหมกแต่ละห่อน่ะ
อาจจะปาดซ้าย ปาดขวา ปาดทั้งสองข้าง 
 หรือไม่ปาดเลย นั่นแหละ คงเคยเห็นกันแล้วนะ
นี่แหละไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ทำไมแม่ค้าถึงหยิบห่อหมกไม่พลาด
อยากกินใบยอ ใบโหระพา หรือผักกาด
  ใบกะเพรา หยิบถูกหมด
อย่าลืมไม้กรัด ไว้เย็บห่อด้วยนะจ๊ะ
  อย่ามักง่ายใช้ แม็คเย็บกระดาษเย็บนะ
กลืนเข้าคอกระเพาะอาหารอาจทะลุได้ อันตราย.......


ผักที่ใช้ ใบยอ ใบโหระพา ผักกาดขาว ใบกะเพรา






น้ำปลาเทใส่ชามไว้
เพราะต้องกะให้พอดีกับห่อหมกและ
จะต้องค่อยๆตักใส่เวลากวนห่อหมก
น้ำแข็งโม่....ต้องใช้แน่นอน 
  เพราะห่อหมกนั้นต้องใช้เวลาในการกวนให้เหนียว
   ประกอบกับต้องใช้กะทิสด
  ดังนั้นกว่าจะกวนห่อหมกได้ที่
มันอาจจะบูดซะก่อนก็ได้


วิธีทำ เตรียมกะละมังใส่น้ำแข็งโม่
  เอาหม้อต้้งบนน้ำแข็ง
และให้น้ำแข็งห่อหุ้มหม้อที่จะใช้กวนห่อหมกไว้
   จากนั้นเทหัวกะทิใส่หม้อ 
 ใส่น้ำพริกลงไปกวนให้เข้ากันดีแล้ว
   ใส่เนื้อปลาลงไปกวนไปเรื่อยๆ
ระหว่างกวนให้ค่อยๆเติมน้ำปลาลงไป
   น้ำปลานอกจากจะให้ความเค็มแล้ว
ยังทำให้ห่อหมกเหนียวเร็วด้วย
   กวนไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อห่อหมกจะเหนียวหนึบ 
ถึงจะใช้ได้ สำหรับความหวานนั้น
แค่เนื้อปลากับหัวกะทิก็หวานแล้ว 
  ไม่ควรใส่น้ำตาลหรอก 
 เพราะมันเป็นอาหารคาวไม่ใช่ของหวาน
จะเห็นว่าเนื้อห่อหมกที่ใช้ปลาโซกุนนั้น
  สีจะค่อนข้างขาวสวยน่ากินมาก
น้ำพริกแกงที่ใส่เราไม่ได้โหมใส่จนเผ็ดหรอก 
  เราใช้แค่พอประมาณเท่านั้น
เมื่อสุกแล้วให้กินเล่นได้ ไม่มีรสเผ็ดนำ









จากนั้นเราก็จัดการตักห่อ 
 โดยการเอาใบตองที่เราเตรียมไว้แล้ว
อย่าลืมเช็ดให้สะอาดนะ ขยุ้มผักวางลงไปหน่อย 
 จากนั้นก็ตักห่อหมกราดลงไปบนผัก 
 แล้วจัดการห่อ เราใส่ใบอะไร 
 ก็ใช้ใบตองที่เราทำสัญญาลักษณ์ไว้
พาดรัดห่ออีกที ก่อนนำไปนึ่ง








จากนั้นนำห่อหมกที่เราห่อเสร็จแล้วเอาไปนึ่งในซึ้ง
  ใช้เวลานึ่งประมาณสัก 15 - 20 นาที ห่อหมกก็สุกแล้ว
  ทีนี้่เราก็เอามาแกะกินได้อร่อยเลิศเชียวละ
























ขณะที่นั่งกวนห่อหมก 
  ถ้าอากาศมันร้อน โปรดจำไว้
คนกวนจะต้องอดทน ร้อนก็ร้อนไป 
 ห้ามใช้พัดลมเป่าคนทำเด็ดขาดนะ 
 แค่คอยเอาผ้าซับเหงื่อให้ก็พอ
   เพราะหากใช้พัดลมเป่า 
 ลมจากพัดลมจะไปช่วยให้ห่อหมกบูดเร็วขึ้น 
  อย่าลืมนะ ห้ามเด็ดขาดเชียวนะ
เอ....แต่ทำไมบรรดา เจ๊...เจ๊ ..ของเราเขาถึงทนได้นะ
  อ้อ...เขามีน้ำแสนสนุกร่วมแจมด้วยนี่เอง ...ฮ่าๆๆ
  ทำไป ดริ๊ง.งงง ...ไป
โอ้..พระเจ้า.....กว่าจะเสร็จ...
ไม่รู้ว่าหยิบใบไม้ใส่ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
ฮ่าๆๆ  สนุก..จริง...จริ๊งงงงง
เอาละ เสร็จแล้ว ห่อหมกทะเล 
  แสนโหด แต่โคตรอร่อย
สาเหตุที่ลงรูปให้ดูมากมาย
เพราะต้องการแกล้งพวกคุณ..คุณทั้งหลาย
ให้น้ำลายหกเล่น เท่านั้น ....ฮิๆๆ
  สะใจที่ซู๊ดดดดดดด.......



Create Date : 25 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 14:15:19 น.
Counter : 4410 Pageviews.

5 comment
### สลัดทะเลก็แน่☺☺☺ไม่แพ้ฝรั่่ง ###



ฮื่อแซ


"สลัดทะเล" หรือที่เราชาวทะเลศรีราชา
เรียกขานกันว่า "ฮื่อแซ"นั่นเอง 
 เดี๋ยวนี้หากินแทบไม่ได้แล้ว
นอกจากจะทำกินกันเอง 
 และคนทำเป็นก็ได้บ๊าย...บาย...
ไปทำให้ยมพบาลกินกันเกือบหมดแล้ว
  ดังนั้นเพื่อไม่ให้สูตรนี้สูญหายไปจากโลกนี้
   เราควรมาอนุรักษ์ทำ "สลัดทะเล" กินกันดีกว่า
ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก 
 เอ้า....เตรียมเครื่องทำสลัดได้แล้ว


ก่อนอื่นทำการลอกปลากุแร
  หรือ ปลาตะเพียนก็ได้ เอาแต่เนื้อนะ
ดูวิธีการลอกปลาจาก ยกทะเลมาแฉ ได้เลย
  จัดการซอยเนื้อปลาให้ละเอียดเตรียมไว้
ผักที่นำมาทำ ใช้ ผักบุ้งไทย
  ขึ้นใฉ่ มะละกอดิบ หัวใช้เท้า
สะระแหน่ ผักกาดหอม แครอท
               น้ำสลัด ใช้ มะขามเปียก น้ำตาลทราย
  น้ำตาลปี๊บ เกลือ ข่า กระเทียม
   พริกขี้หนูสวน ถั่วลิสงคั่ว


วิธีการทำ 
 ก่อนอื่นผักบุ้งไทยล้างให้สะอาด
แล้วจัดการฉีกให้เป็นเส้นๆ ยาวสักสองนิ้วก็พอ
  ถ้ายาวกว่านี้อาจจะเข้าไปกวาดคอเราได้
แช่น้ำไว้ให้เด้งดึ๋งเช้งกะเด๊ะ 
  การฉีกผักบุ้งต้องฉีกให้เล็กที่สุด เท่าที่จะเล็กได้ 
 ส่วนมากใบใช้แค่ใบอ่อน
 เน้นเอาเฉพาะก้านก็พอแล้ว

แครอท จัดการซอยให้ละเอียดเช่นกัน
  ซอยอย่างไรถึงจะเป็นเส้นฝอยสวย คิดกันเอาเอง 
 ยาวพอกับผักบุ้งหรือจะยาวกว่านั้นสักนิ้วก็ไม่ว่ากัน

มะละกอดิบ จัดการซอยเป็นเส้นเช่นกัน 
  ไม่ใช่ซอยตำส้มตำนะจ๊ะ
แล่บางๆ แล้วซอยให้เป็นเส้น
เหมือนแครอท บางเท่าไรยิ่งดี

ขึ้นใช่ จัดการล้างให้สะอาดฉีกเป็นเส้นเช่นกัน
  ใบไม่ต้องทิ้งนะ
เด็ดไว้ ทุกอย่างเมื่อซอยแล้วแช่น้ำไว้ มันจะแข็ง
และม้วนตัวเองสวยเชียว

หัวใช้เท้าก็เช่นกัน ปอกเปลือกแล้วจัดการซอยบางๆ
  ให้บางเฉียบเป็นเส้นๆเล็กๆ แช่น้ำไว้ 
  ทุกอย่างกรุณาอย่าใช้เครื่องมือในการซอยช่วย
เหมือนซอยมะละกอส้มตำเด็ดขาด 
  ต้องใช้มีดบรรจงซอยให้ละเอียดยิบ
เมื่อแช่น้ำมันจะกระดกงอสวยมาก แช่น้ำเย็นยิ่งดี

ใบสะระแหน่ ล้างแล้วเด็ดเป็นใบ 
 สำหรับยอดเด็ดทั้งยอดไว้ได้

ถั่วลิสงดิบจัดการคั่วให้สุก
แล้วจัดการกับเปลือกหุ้มเมล็ดให้หมด
จากนั้นก็นำไปป่นให้หยาบ
  เอาแค่พอเคี้ยวโดน อย่าหยาบมาก
 และไม่ต้องละเอียด

ข่าดิบซอยแล้วป่นเพียงเล็กน้อย
ไม่ต้องมาก ป่นให้ละเอียด

กระเทียมจัดการสับให้ละเอียดยิบ อย่าให้หยาบนะ

พริกขี้หนูสวน ใช้ทั้งเม็ดสีเขียวและเม็ดสีแดง
  เด็ดก้านทิ้งล้างให้สะอาด และบุบให้แตก 
 แค่พอแตกเท่านั้น

ผักกาดหอม ล้างให้สะอาด 
 หั่นเป็นท่อนเหมือนสลัดฝรั่ง

วิธีทำน้ำราด คั้นมะขามเปียกพอประมาณ ผสมน้ำ
แล้วจัดการตั้งไฟเคี่ยวโดยใส่น้ำตาลปี๊บ
  และน้ำตาลทราย  เกลือ ลงไปเคี่ยวพร้อมกัน
เคี่ยวจนกว่าจะได้ที่ 
 ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องให้เหนียวนะ
 แค่เคี่ยวผสมให้เข้ากัน
ชิมดูรสชาติแล้วกลมกลืน เปรี้ยว หวาน เค็ม 
 อย่าให้รสใดเด่นเป็นอันขาด
โดยเฉพาะหวานห่างๆหน่อย
  ถ้าหวานจะเข้ารกเข้าพงไปเลยละ 
 เปรี้ยวก็ให้พอรู้อย่านำโด่ง 
 เค็มก็พอรู้ อย่าใช้เป็นผู้นำเด็ดขาด
เดี๋ยวโรคไตจะมาเยือนคนกิน 
 เมื่อชิมรสได้ดังใจแล้วยกลง 
  เมื่อพออุ่นๆก็จัดการใส่กระเทียมสับ
ใส่ข่าป่น ใส่ถั่วลิลงป่นลงไป คนให้เข้ากัน
  ชิมดูรสอีกครั้ง อร่อยแล้วก็
O.K เสร็จแล้วน้ำสลัดทะเล ฮ่าๆ 
 ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ม๊ะ ชิมิ ชิมิ


จากนั้นจัดการนำผักทุกชนิด ยกเว้นสะระแหน่ 
 ขึ้นจากน้ำจัดการคลุกเคล้าผสม
ให้รวมเข้าด้วยกัน
  ไม่ต้องใช้พลังนะเดี๋ยวผักช้ำ
แค่เคล้าเบาๆก็พอ 
 ใส่ใบสะระแหน่ลงไปครึ่งหนึ่งเก็บไว้ครึ่งหนึ่ง
เห็นว่าผักเมื่อเธอรวมตัวกันแล้ว 
 สีจะสวยเขียวขจีด้วยขึ้นใฉ่และผักกาดหอม 
 น้ำตาลอ่อนด้วยผักบุ้ง ส้มแช๊ดด้วยแครอท 
 ขาวปิ๊งด้วยหัวใข้เท้าและเนื้อมะละกอ 
 หอมชวนกินด้วยใบสะระแหน่ ฮ่าๆๆๆ


วิธีกินทำดังนี้ 
  จัดการเอาผักที่เคล้ารวมกันไว้ใส่จาน
  เอาปลาที่ซอยไว้โรยไว้บนผัก 
  แล้วตักน้ำสลัดที่ทำไว้ราดลงไป
  ถ้าชอบเผ็ดก็จัดการโรยด้วยพริกขี้หนูสด
ที่บุบไว้จนแตก 
 จากนั้นใช้สะระแหน่ที่แบ่งไว้
โรยแต่งหน้าให้สวยอีกครั้ง 
  คลุกเคล้าให้เข้ากัน....เอ้าเฮ..ลุยกินไปเล้ย..
คุณภาพเพียบ ไร้ไขมัน อร่อยด้วย 
 ไม่ต้องง้อหมู ง้อไข่ ฮ่าๆๆๆๆๆ



Create Date : 24 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 14:05:18 น.
Counter : 1522 Pageviews.

3 comment
### " แจงลอน" อาหารพื้นบ้านของคนทะเล ###







"แจงลอน" หรือ "จอนลอน"
...................
 แล้วแต่จะเรียก ชื่อนี้ไม่มีคำแปล
แต่ใครอยากอุตริแปลก็ไม่ว่ากันนะ
   เราก็เรียกของเราแบบนี้แหละ 
 อาหารชนิดนี้เรากินมาตั้งแต่เด็กแล้ว 
  สมัยเด็กๆไม่มีใครทำขายหรอก
มีแต่ทำกินกันเอง
แล้วก็แจกจ่ายเพื่อนบ้านให้กินกันโดยทั่ว 
 จิตใจคนสมัยก่อนนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยการเป็น "ผู้ให้"
   ไม่เหมือนสมัยนี้มีแต่อวดเก่งแก่งแย่งชิงกัน
บางคนถึงขนาดทำตนเป็นผู้รู้ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย
ฟังเขาพูดมาอีกทีก็สามารถเพ้อเจ้อ
ไปได้สามคุ้งน้ำแล้วละ
   เฮ้อ...ก็ว่ากันไป "ตัณหา" ทั้งนั้นแหละ
เอ้า....เตรียมอุปกรณ์มาทำจอนลอน
กินกันดีกว่านะ ก่อนอื่น
ต้องซื้อปลาอินทรีตัวขนาดย่อมมาขูดเอาแต่เนื้อ 
 ใช้ปลาอินทรีนะอร่อยมาก
น้ำพริกแกงเผ็ดธรรมดา มะพร้าวขูด
(สมัยก่อนใช้กระต่ายขูดมะพร้าวนะ)
ใบมะกรูด เกลือ ไม้ไผ่เหลายาวประมาณฟุต
 เกลาให้เกลี้ยงเป็นกลมๆ
ประมาณเกือบเท่านิ้วก้อยผู้หญิง
  กาบมะพร้าว ขมิ้นผง


วิธีทำเริ่มจากการขยำเนื้อปลา
ให้กลมกลืนกันก่อน
จากนั้นก็เอามะพร้าวขูดสักกำมือ
มาคั้นเอาแต่หัวกะทิคั้นครั้งเดียวนะ
กากที่เหลือทิ้งไปเลย หัวกะทิที่ค้้นนั้น
เอาเกลือสักปลายช้อนละลายให้เข้ากัน
 เกลือเป็นส่วนช่วยให้เนื้อปลาเหนียวหนึบ 
  จากนั้นก็เอาน้ำพริกแกง
ใส่ลงไปในปลาที่ขยำไปบ้างแล้ว
  พริกแกงอย่าให้เผ็ดมาก
เพราะเป็นอาหารกินเล่น
ไม่ควรให้รสเผ็ดนำ
  ตักหัวกะทิใส่ลงไปสักสองช้อน
  ขยำปลากับน้ำพริก
กับหัวกะทิไปเรื่อยๆให้เข้ากัน 
 ค่อยๆเติมหัวกะทิทีละน้อยๆ ขยำไปเรื่อย
พอเริ่มรู้สึกเหนี่ยวติดมือแล้ว 
  ใส่มะพร้าวขูดลงไป 
 คลุกเคล้าขยำรวมกันจนเหนียวหนึบดีแล้ว
   ละลายขมิ้นผงกับน้ำเล็กน้อย ผสมลงไป
เราใส่ขมิ้นเพื่อเวลาย่างไฟ
เนื้อปลาจะเหลืองน่ากิน 
 แต่อย่าใส่มากนะ
จากนั้นก็ขยำให้เข้ากันดีแล้ว 
  ใบมะกรูดซอยละเอียดยิบ โรยใส่ลงไป
ขยำอีกจนกว่าแน่ใจว่าเหนียวแล้ว ใช้ได้


ก่อไฟด้วยเตาถ่าน
เมื่อไฟติดโชนแล้วก็ตักขี้เถ้ากลบให้ไฟรุมๆ
   จากนั้นก็เอาปลาที่ขยำไว้มาปั้นติดกับไม้ไผ่ 
 ไม้หนึ่งอันปั้นติดสักสามลูกก็พอ
   แต่งให้เป็นลูกรีๆ 
  จากนั้นก็เอากาบมะพร้าวสุมไฟให้เกิดควันไฟ
แล้วเอาจอนลอนลงไปย่างไฟรุมสุมด้วยกาบมะพร้าว 
 พลิกไปพลิกมาจนสุก สีจะเหลือง
และจะส่งกลิ่นหอมด้วยควันกาบมะพร้าว
น่ากินเชียวละ
   เสร็จแล้วจอนลอนสูตรแม่เราคนศรีราชา 
 รสชาติที่จะได้รับนั้น
จะทั้งหวาน มัน เผ็ดเล็กน้อย อร่อยเชียวละ 
 ความหวานได้จากเนื้อปลาและมะพร้าว 
  ความมันได้จากมะพร้าวที่ใส่ ความเค็มเล็กน้อย
ได้จากเกลือที่เติมลงไป รสชาติกำลังดี


โปรดจำไว้ แจงลอนหรือจอนลอนไม่ใช่ห่อหมก 
 และไม่ใช่ทอดมันด้วย ห่างไกลกันมากมายนัก
   อย่ามั่วนิ่ม คิดว่ามันเหมือนกันนะ
คนทะเลแก่ๆ  ที่พอหลงเหลืออยู่บ้าง
เขาจะหัวเราะเยาะเอาได้ 


เอาละๆ  ลองมาทำกินกันเองนะ 
 นอกจากจะอร่อยแล้วยังสนุกกับการทำด้วย 
  ย่างไปกินกันไปร้อนๆ......อร่อยไม่รู้ลืมเชียว"
ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุข
กับการทำจอนลอนกินกันนะ 
 หากทำได้แล้ว เวลากินอย่าลืม
  บ่นเบาๆๆด้วยนะ
 "ใครทำวะ อร่อยจริง..จริง..ฮ่าๆ
.........................
ขอบคุณภาพถ่ายไม่รู้ของใคร
ขอบคุณนะคะ






Create Date : 23 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 13:54:56 น.
Counter : 44971 Pageviews.

17 comment
### ปลาต้มลูกคะน้า ###








"ปลาต้มลูกคะน้า" 
 บางท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน
  แต่มันเป็นอาหารภาคประจำ
ของคนทะเลมานานแล้ว 
 เพราะเรากินมันมาตั้งแต่เป็นเด็ก 
 จนเดี๋ยวนี้จะกลับไปเป็นเด็ก(อัลไซเมอร์)
อีกครั้งแล้วเราก็ยังกิน
  เรายังเห็นลูกคะน้าดองมีขายอยู่ในตลาดประปรายนะ
  ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องลูกคะน้าให้ฟังก่อนนะ
   เราจำความได้เราก็เห็นแม่เรียกมันว่าลูกคะน้า 
 แต่ไม่เห็นจะอธิบายเลยว่ามันมาจากต้นอะไร 
  บางคนก็ว่าเป็นลูกสมอ เราก็ไม่รู้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่
    เพราะไม่ได้เรียนเกษตรเกี่ยวกับต้นไม้มาเลยจนปัญญา
เคยหาหนังสืออ่านก็ยังไม่พบ 
 ถ้าท่านอยากรู้รายละเอียดก็ไปหาอ่าน
จากท่านผู้รู้ทั้งหลายเอาก็แล้วกัน
   สำหรับเรา..บาย..แล้วไม่อยากรู้แล้วแก่แล้ว
เอาแค่ความรู้ที่อยู่กับตัวนี่แหละมาเขียน
ให้ท่านได้อ่านกันเล็กๆน้อยๆ 
 เพื่อเป็นกำลังใจ
ให้อยากทำอาหารกินกันเองก็พอแล้วละ 
  อ้อ...สมัยแม่เราเขาดองลูกคะน้าเองนะ 
 แต่แม่เราจะเอามันมาดองกับน้ำปลาที่พ่อเราทำเอง
แต่สมัยนี้เขาใช้ดองเกลือ เพราะดองน้ำปลาคงไม่ไหว
น้ำปลามันแพงกว่าเกลือมากมายนัก
  เอาละๆ   ได้ความรู้พอสังเขปแล้วนะ
  ทีนี้เราเอามันมาทำอาหารกินกันดีกว่านะ


วิธีทำก็ไม่ยากเย็นอะไรเลย
   โบราณว่าง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก 
  เราก็ไปซื้อปลามา ปลาอะไรก็ได้
ไม่จำเป็นต้องปลาแพงหรอกนะ
  ทำกินตามกระเป๋าดีกว่า
  กระเป๋าหนักก็ใช้ปลาแพง 
 กระเป๋าตังเบาก็ใช้ปลาตัวเล็ก
ราคาพอประมาณก็ได้ 
 ขอให้ปลานั้นสดก็พอแล้วละ
วิธีทำปลาก็หาอ่านเอานะเขียนไว้ในยกทะเลมาแฉ 
 มากมายหลายวิธีแล้วแต่ประเภทของปลาน่ะ
   ลูกคะน้าก็หาซื้อได้ตามท้องตลาด 
 ไม่ต้องใส่มากมายอะไรหรอก
 กินยังไม่เป็นต้องค่อยๆเป็นค่อยไป 
 มากมายนักหากไม่อร่อยก็จะตักทิ้งเสียดายของ


ต้มน้ำให้เดือด 
 จากนั้นล้างลูกคะน้าดองให้สะอาดใส่ลงไปต้ม
ใส่เนื้อปลาลงไป อย่าคนเด็ดขาดเดี๋ยวคาว 
 ปล่อยให้เดือดพล่านจนแน่ใจว่าปลาสุกแล้ว
  ลองชิมดูอย่าเพิ่งใส่น้ำปลานะ
เพราะลูกคะน้ามันมีความเค็มอยู่แล้ว 
 แต่ถ้าหากยังไม่เค็มพอค่อยเติมน้ำปลาเล็กน้อย
  เราแนะนำว่าอย่ากินอาหารเค็มจัดนักนะ
  เพราะในภายภาคหน้าคุณอาจเป็นโรคไตได้ 
 เพราะความเค็มทำให้ไตทำงานหนัก
  (เขาว่ามาเราก็ว่าไป)
สำหรับปลาทุกชนิดที่นำมาต้มยำทำแกง
เคยแนะนำแล้วว่าอย่าเคี่ยวนาน
เอาแค่ปลาสุกก็ใช้ได้แล้ว 
 เพราะจะได้กินเนื้อปลาที่นุ่มและหวานมัน
หากเคี่ยวนานเนื้อปลาจะแข็ง 
 ความหวานจะหมดไป ไม่อร่อย


สำหรับลูกคะน้าเท่าที่เราเคยกินนะ
  เราว่ามันมีรสฝาด
เวลาต้มน้ำจะออกสีม่วงดำ
  น่าจะเกิดจากยางในเม็ดคะน้าแน่ 
 แต่ทำไมเวลาเอามาต้มกับปลากินมันอร่อยนะ 
  มันเข้ากันได้ดีทีเดียวละ ลองทำกินดูซิ
แล้วท่านจะรู้ว่า อร่อยจริงๆ 


ขออวยพรให้ทุกท่านประสบแต่โชคดี 
 ได้มีโอกาสกินปลาต้มลูกค้าน้า
กันอย่างเอร็ดอร่อยนะจ๊ะ  ฮ่าๆ









Create Date : 22 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 13:45:53 น.
Counter : 11179 Pageviews.

26 comment
### ต้มยำปลากะพง ###




ต้มยำปลากะพง

อาหารชามโปรดที่ทำก็ง่าย 
  ใช้เวลาก็น้อย แต่อร่อยถึงใจ
ลองมาทำกันดูนะ 
  เครื่องปรุงก็ไม่มีอะไรมากหรอก 
 ใช้ปลากะพงถ้าจะให้ถึงใจ
ต้องซื้อปลากะพงตัวใหญ่ๆ 
 ที่เขาตัดแบ่งขาย
  โดยเขาทำมาเรียบร้อยแล้ว 
  เอามาหั่นเนื้อเป็นท่อนๆ 
 เหมือนรูปนั่นแหละ ตะใคร้ ข่า
ใบมะกรูด มะนาว พริกขี้หนู น้ำปลา


เอาหม้อต้มน้ำพอประมาณให้เดือด 
  ทุบตะใคร้แล้วหั่นท่อน
ข่าก็ทุบพอแตก ใส่ลงไป 
 พอน้ำเดือดดีแล้วใส่น้่ำปลา 
  ใส่เนื้อปลาลงไปอย่าคนเด็ดขาดเดี๋ยวเหม็นคาว 
 ปล่อยให้น้ำเดือดกะประมาณเนื้อปลาสุก
ใบมะกรูดฉีกใส่ลงไป 
   ชิมดูรสชาติตามต้องการแล้ว ยกลง
  เมื่อตักใส่ชามแล้วค่อยทุบพริกขี้หนู
ใส่ลงไปในชามบีบมะนาวใส่
 แล้วชิมดูอีกครั้ง
จะได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดกำลังดี 
  ซดร้อนๆ  อร่อยไม่รู้ลืมเชียว


สาเหตุที่ไม่ให้ใส่พริกกับมะนาว
ลงไปในหม้อต้มเพราะ เด็กก็ยังกินได้ด้วย
   แต่ถ้าไม่มีเด็กก็ไม่อยากให้ใส่ลงไปในหม้ออยู่ดี
เพราะน้ำมะนาวจะทำให้น้ำต้มปลาขุ่นขาวไม่น่ากิน


เอาละๆ ลองทำกินกันดูนะง่ายๆ
  ข่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะ
ที่เราใส่เพราะมันหอมดีน่ะและดับคาวปลาด้วย
   ตามร้านอาหารเขาจะต้มแบบนี้แหละ
แต่เขาจะใส่กุ้ง ใส่หมึก ใส่หอยลงไปด้วย
  เรียกว่า "โป๊ะแตก" 
 เวลาตักใส่ชามเขาก็จะใส่ใบกะเพราลงไปด้วย
     ก็ดีหอมดี 
 อย่างไรก็แล้วแต่ อาหารง่ายๆอย่างนี้
ไม่ควรไปเปลืองเงินสั่งร้านอาหารกินหรอก
  ทำกินเองได้มากและอร่อยด้วย
   และแน่นอน ย่อมปลอดจากสารพัดผง
ที่เขาจะใส่ให้เรากินด้วย
(ทำอาหารไม่ต้องใช้ผงชูรส 
 คนที่ใช้ผงชูรสช่วยน่ะเขาเรียกไร้ฝีมือน่ะ)

ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้กินต้มยำปลาทะเล 
 หรือจะต้มยำโป๊ะแตก ก็ได้แล้วแต่จะทำ
  ซึ่งก็๋เหมือนๆกันนั่นแหละจ้า......อร่อยแล้ว
อย่าลืมชมตัวเองด้วยล่ะ 
 "ชามนี้ใครทำนะ อร่อยจริงจริง" ฮ่าๆ



Create Date : 21 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 13:36:39 น.
Counter : 2352 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ