Group Blog
☺*☺*☺* เทศน์โปรดเจ้าอาวาส...ซะงั้น ☺*☺*☺*





เทศนาโปรดเจ้าอาวาส...ซะงั้น


เมื่อครั้งไปรับราชการอยู่ที่จังหวัดชายทะเล 
 ด้วยเป็นคนชอบสงสัยและจะต้องค้นหาแก้ข้อสงสัยให้ได้ 
 วันหนึ่ง ฉันถูกนายใช้ให้ไปเป็นตัวแทนท่าน
ในการเป็นประธาน จัดการข้อพิพาทของวัดสองวัด
ในเขตอำเภอที่ติดชายทะเลนั้น ท่านให้ข้อมูลมาเพียงว่า 
 วัดทั้งสองนั้นมีอาณาเขตติดกัน และได้มีการทะเลาะกัน
เรื่องแนวเขตวัดมาเนิ่นนานแล้ว
นายทุกคนที่มาอยู่ที่นี่ไม่มีท่านใดที่จะไม่ถูกเชิญ
ไปเป็นประธานรับฟังข้อพิพาท
  แต่ก็ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ 
  เพียงแต่ไปนั่งฟังกันก็เท่านั้น
เพราะใครล่ะจะเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับพระ 
 มันจะบาปซะเปล่าๆ
ฉันนั่งฟังแล้วก็เกิดความสงสัยว่า 
 แล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ ฉันอดถามนายไม่ได้ 
 คำตอบที่ได้รับก็คือ เรานี่แหละเหมาะสมที่สุด
เพราะท่านเห็นว่าเราเป็นคนมีความรอบรู้ในหลายๆเรื่อง
  และที่แน่ๆ เราน่าจะเป็นคนเดียวที่จะคลี่คลายปัญหานี้ได้
เอาเป็นว่าถึงอย่างไรก็จะส่งสีกาคนนี้
ไปจัดการกับพระว่างั้นเถอะ
ฉันถามนาย นายหัวเราะก๊าก...และพูดว่า
เอาแค่ทำให้เจ้าอาวาสสองวัดจนตรอกก็พอแล้ว
  อย่าทำมากกว่านั้นมันจะบาป

ก่อนเดินทางไปที่วัดทั้งสองแห่งนั้น 
 ฉันได้ประสานงานไปยังวัดทั้งสองทำการนัดวัน
เพื่อไปพบกับเจ้าอาวาส ทั้งสองวัด
  และขอให้ท่านจัดผู้สูงอายุที่เกิดและเติบโตในพื้นที่
มาร่วมประชุมด้วยสักวัดละห้าคนก็พอ


เมื่อเดินทางไปถึง 
 ฉันเข้าไปในวัดเห็นทางวัดจัดที่ประชุมไว้เป็นโต๊ะยาว
  มีเก้าอี้นั่งข้างละหกที่ และมีเก้าอี้วางตรงกลางอีกหนึ่งที่
เก้าอี้ทั้งสิบสองที่มีคนนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว
โดยมีพระสองรูปนั่งคนละฝั่งกัน
และนั่งอยู่ใกล้กับหัวโต๊ะ ที่มีเก้าอี้ว่างวางอยู่
   เมื่อฉันเดินเข้าไปทุกคน
ต่างหันมามองฉันกันหมด
  มีเสียงพูดขึ้นว่า นายไม่มาหรือ
ฉันมองไปยังคนพูดแล้วก็ตอบว่า
  นายได้มอบให้ฉันมาแทน
เนื่องจากท่านติดราชการด่วนจึงมาไม่ได้


ทุกคนไม่ว่าอะไรเชิญฉันนั่ง
   ฉันได้เข้าไปนั่งยังที่เขาจัดไว้หัวโต๊ะ
  มีเสียงคนแก่ในที่นั้นพูดว่า
  ครั้งนี้ทำไมให้ผู้หญิงมาแทนนะ
ฉันไม่พูดว่าอะไรได้แต่นิ่งฟังคำวิพากวิจารย์ไป 
  จากนั้นฉันก็เริ่มเปิดประชุมทันที 
  ฉันได้แนะนำตัวฉันเองว่าฉันเป็นใครมีตำแหน่งอะไร 
 ขณะนี้ฉันได้มาเป็นผู้แทนของนาย
เพื่อระงับข้อพิพาทของวัดทั้งสองนี้


จากนั้นเจ้าอาวาสก็แนะนำตัว
  และแนะนำผู้สูงอายุที่เข้าร่วมประชุมกันในวันนั้นทุกคน
   บางคนก็เป็นมรรคทายกวัด และแต่ละคนนั้น
มีอายุเกิน 80 ปีแทบทั้งนั้น 
 มีอายุ 93 ปีอยู่คนหนึ่งแต่ก็ยังพูดจารู้เรื่องดี
ฉันได้ตกลงกับที่ประชุมว่าฉันจะให้พูดกันทีละวัด 
 และห้ามทุกคนทักท้วง
ให้เป็นผู้ฟังที่ดี หากอยากทักท้วงไว้ทักท้วง
หลังจากเมื่อทั้งสองวัดได้พูดจบลงแล้ว
  ทุกคนตกลงด้วยดี


เมื่อแต่ละวัดได้พูดจบลง ฉันก็ได้ข้อสรุปดังนี้ 
  วัดทั้งสองเป็นวัดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
   ดังนั้นทั้งสองวัดจึงมีอายุเกิน100 ปี
  ฉันได้ถามอายุเจ้าอาวาสว่าท่านอายุเท่าไรในปีนี้ 
 และท่านเป็นคนที่ไหน บวชมาแล้วกี่พรรษา ก็ได้ข้อสรุปว่า
  เจ้าอาวาสวัดหนึ่งอายุหกสิบห้าปี เป็นคนท้องที่นี้
  และบวชมาแล้ว กว่าสี่สิบปี แสดงว่าได้
บวชมาตั้งแต่อายุครบบวชและไม่เคยสึกเลย
จนได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว
ส่่วนเจ้าอาวาสอีกวัดหนึ่งอายุได้ 58 ปี เป็นคนท้องที่เช่นกัน
และได้บวชมาแล้ว 30 พรรษา 
 ก็ถือว่าพระทั้งสองรูปท่านได้บวชมานานแล้ว


และจากข้อสรุปของฆราวาส
ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้นั้น 
 ต่างเป็นคนท้องที่เกิดที่นี่กันทั้งนั้น
   และรู้จักวัดนี้ดีมาตั้งแต่เกิดแล้ว 
 รู้จักกระทั่งเจ้าอาวาสเก่า
ซึ่งมรณภาพไปก่อนหน้านี้ด้วย
  แสดงว่ารู้จริงกันแทบทั้งนั้น


เนื้อหาที่ทุกคนได้พูดพอสรุปได้ว่า 
 วัดทั้งสองนี้ได้เกิดขึ้นโดย
มีคนยกที่ดินให้สร้างเป็นวัด และที่แน่ๆ 
 เจ้าของที่ดินดั้งเดิมนั้นเป็นพี่น้องกัน 
 ต่อมาทางราชการได้มีการเปิดให้แจ้งการครอบครองที่ดิน 
 เจ้าอาวาสเก่าทั้งสองวัดได้ไปแจ้งการครอบครองกันไว้ 
  โดยในสมัยนั้นก็เป็นเพียงบอกระยะพอประมาณเท่านั้น
  และทิศที่พิพาทกันนั้น เอกสารที่ได้แจ้งไว้ทั้งสองฉบับ
ก็ได้แจ้งว่ามีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ 
 และวัดทั้งสองยังไม่ได้ทำการออกเอกสารสิทธิ์
ที่เป็นโฉนดที่ดินแต่อย่างได 
 เพียงแต่ได้ครอบครอง ต่อเนื่องกันมา
จนทุกวันนี้เท่านั้นเอง
จึงไม่มีอะไรเป็นเครื่องแสดงเขตแดนที่แน่ชัด


เมื่อได้ข้อสรปดังนี้ ฉันจึงพูดว่า
 ก่อนที่ทั้งสองวัดจะได้พูดคุยกันต่อไป 
 ขอให้นิ่งฟังฉันในฐานะประธานสักนิด 
  เมื่อฉันพูดจบแล้ว
ฉันจะเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้พูดกันอย่างเต็มที่ 
 ทุกคนเงียบกริบ จากนั้นฉันก็เริ่มพูด
ฉันหันไปทางเจ้าอาวาสทั้งสองวัด 
  และพูดขึ้นว่าเรื่องเขตแดนวัดนั้น
ท่านทั้งสององค์ต่างก็เกิดมา
หลังจากที่เจ้าของที่ดิน
ที่ยกที่ดินให้สร้างวัดทั้งสองคนได้ตายไปแล้ว
  อีกทั้งญาติๆสนิททั้งสองคน
ก็ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
จะอยู่ก็แต่คนรุ่นหลังจากนั้นมาอีกหลายรุ่น
อีกทั้งเจ้าอาวาสเก่า ที่นำที่ดินไปแจ้งการครอบครองไว้
ก็มรณะภาพไปก่อนที่ท่านจะบวชอีก
และการแจ้งการครอบครองก็เป็นเพียงแจ้งให้รู้ว่า
ที่ดินมีเนื้อที่ประมาณเท่าไร
ทิศไหนติดกับใครเท่านั้น
ไม่ได้มีการรังวัดแต่อย่างใด
และเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งก็ได้จดแจ้งไว้
ตามที่ผู้แจ้งได้บอกกล่าวไว้เท่านั้น
เรื่องเขตแดนของวัดก็เป็นเพียงการ
พูดกันต่อๆมาเท่านั้น
ไม่มีผู้ใดมีหลักฐานที่แน่ชัดมายืนยันได้
  อีกทั้่งเชื่อแน่ว่าสมัยนั้นการอุทิศที่ดินให้สร้างวัด
ก็เพื่อหวังการทำมหากุศลที่ยิ่งใหญ่
เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ให้คงอยู่สืบมาจนทุกวันนี้นั่นเอง
คงไม่คิดหรอกว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนมาผิดใจกัน
เพียงแค่เขตแดนเท่านั้นเป็นแน่แท้
และจากการที่ท่านได้เล่ามาแล้วนั้น 
  ท่านก็ได้พูดว่าคนเก่าแก่ได้พูดให้ฟังเท่านั้น 
 ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดมาแสดง เป็นการเล่ากันต่อๆมา
ซึ่งจะจริงเท็จไม่อาจรู้ได้
   ถ้าสิ่งที่ท่านถกเถียงกันนั้นเป็นความจริง
ท่านก็แค่เสมอตัว
แต่ถ้าหากเป็นเท็จท่านก็น่าจะพอรู้ว่า
ท่านได้ผิดศีล 5ข้อมุสาฯ เข้าอย่างจังแล้ว
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี ท่านมิต้องไปปลงอาบัติรึ 
   อีกอย่างเรื่องทางโลกนั้นมันไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่อย่างใด
ไม่มีบทบัญญัติใดๆ ที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้
ให้พระสงฆ์ดูแลอาณาเขตของวัดให้ดี
  อย่าให้ใครรุกรานได้
ฉันอ่านหนังสือธรรมมะมาก็มากมายโขอยู่
  เห็นแต่ท่านสอนให้ละจากกิเลสตัณหาทั้งหลายทั้งปวงทั้งสิ้น
อย่ายึดเอาใดๆ มาเป็นตัวกู ของกู เพราะสิ่งเหล่านั้น
มันเป็นอุปสรรคต่อการนำทางให้เราไปสู่นิพพานทั้งนั้น
(พูดไปแล้วก็ให้ขำตัวเอง นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ 
 เราเป็นเพียงฆราวาสมาเทศนาให้เจ้าอาวาสฟังซะงั้น )
จากนั้นฉันก็ได้พูดกับบุคคลที่เข้ามาร่วมประชุมทั้งสิบคนว่า
ทุกท่านในที่นี้ ต่างมีอายุมากแล้ว ทั้งนั้น 
  ท่านได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ผ่านทั้งดีและชั่ว
   อีกทั้งท่านทั้งหลายยังมีจิตอันเป็นกุศล
ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
   ถือว่าท่านโชคดีแล้ว
ที่ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสดีเช่นนี้
   แต่เรื่องที่ท่านได้เล่ามาให้ฟังทั้งหมดนั้น
   ทุกท่านก็ยอมรับว่ารับรู้จากการเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น
   ไม่มีโอกาสรู้จริงจากปากเจ้าของที่ดินเลย 
  เพราะเขาได้ตายไปนานแล้ว
ทุกท่านคงจะเชื่อแล้วซิว่า 
  สิ่งที่ท่านได้พูดกันออกมานั้น
เป็นความจริงทั้งสิ้น
อันความจริงนั้น มักจะไม่มีข้อโต้แย้งหรอก 
 ถึงโต้แย้งก็ต้องจนต่อหลักฐาน
นี่พวกท่านก็เสี่ยงในการผิดศีล 5 เช่นกัน
เมื่อเช้าได้ทราบว่าได้มีการทำบุญ
เนื่องในวันนี้เป็นวันพระใหญ่
ทุกท่านคงจะได้อาราธนารับศีล 5 มาแล้วทุกคน
แล้วเมื่อมาพูดสิ่งที่ท่านก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า 
  ท่านได้รู้จริงจากปากของเจ้าของที่ที่ยกที่ดินให้สร้างวัดกัน
อย่างนี้ถ้าเป็นจริงดังว่าท่านก็เสมอตัว
แต่ถ้าไม่เป็นจริงดังพูด ก็ถือ ว่าพวกท่านมุสา
มันก็ผิดศีลอยู่ดีนั่นแหละ
และมันเป็นการเสี่ยงที่จะยืนยันด้วย 
   เนื่องจากผู้รู้จริงก็ได้ตายมานานแล้ว

เพราะวัดนี้เกิดขึ้นมา เป็นร้อยปีแล้ว 
 ใครจะมามีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้เล่าท่าน
ท่านน่าจะละเลยเรื่องนี้ไปกันเถิด 
 และกลับมาช่วยกันทำนุบำรุงศาสนาให้
เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปไม่ดีกว่าหรือ
วัดมีที่ดินตั้งวัดอยู่แล้ว
จะมากจะน้อยก็ถือว่าเป็นวัด
จะรุกล้ำเขตแดนกันไปมาก็ไม่พ้นที่ของวัดอยู่ดี
  อย่างนี้แล้วทำไมเราถึงไม่ช่วยกันสร้างสิ่งดีๆ
ให้เกิดกับวัดทั้งสองล่ะ
บริเวณที่ดินที่ท่านพิพาทกันเพื่อตัดปัญหา
    ก็ควรจะปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น

ไว้เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติ 
 วิปัสนากรรมฐาน กันไม่ดีกว่าหรือ
   ขอให้ท่านทั้งหมดลองไตร่ตรองดู
และหวังว่าเรื่องนี้น่าจะยุติกันเพี่ยงเท่านี้
  ต่อจากนี้ไปเราจะร่วมมือร่วมใจกัน
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
ดีกว่าจะมาโกรธแค้นถกเถียงกัน
เพราะสิ่งที่ท่านกำลังทำกันอยู่นี้ 
 พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "ตัณหา" ทั้งสิ้น
ถ้าตราบใดเรายังตัด "ตัณหา"นี้ไม่ได้ 
 จะให้เรียกว่าเราพ้นทุกข์ได้อย่างไร


เมื่อพูดจบ ฉันได้สอบถามว่ามีใครจะถามอะไรอีกบ้าง
  ปรากฎว่าทุกคนเงียบกริบ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
   ดังนั้นฉันจึงลากลับท้นที


ต่อมาได้ทราบว่าข้อโต้แย้งเรื่องเขตแดนของวัดทั้งสอง
ก็สิ้นสุดลงไปด้วย และชายแดนที่ติดต่อกัน
  ชาวบ้านก็ร่วมกันปลูกต้นไม้
เพื่อไว้ใช้ปฎิบัติธรรมกันต่อไป 
 เอวังก็มีด้วยประการละชะนี้......ฮ่าๆ



..........................










Create Date : 24 พฤษภาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2559 13:44:53 น.
Counter : 595 Pageviews.

3 comments
  
สาธุ ๆ ๆ
โดย: กันดาร IP: 58.9.70.252 วันที่: 24 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:38:47 น.
  
ฮ่าๆๆๆๆๆมีแนวร่วมแล้ว ดีใจจริง...จริ๊งงงฮ่าๆๆๆๆ
โดย: tangkay วันที่: 24 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:53:04 น.
  
จบสวย
โดย: NUM SURAVUT IP: 223.204.192.31 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:17:12:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ