ตะคริวเป็นอาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
พบได้ในทุกกล้ามเนื้อแต่ที่มักพบได้บ่อยคือตะคริวที่กล้ามเนื้อน่อง
แสดงอาการมักนานไม่เกิน 2 นาที แต่ในบางรายอาจนานถึง 5 นาที
หรือมากกว่า ตะคริวไม่ใช่อาการที่จะส่งผลทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
แต่ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ถ้าเกิดอาการขณะกำลังว่ายน้ำ
หรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้ถ้าเกิดอาการขณะกำลังขับรถ
ตะคริวไม่ใช่อาการที่จะเกิดในขณะที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย
ยังสามารถเกิดได้ทุกเวลา บางคนอาจมีอาการในขณะที่กำลังนอนหลับ
ซึ่งทำให้เจ็บปวดทรมานจนรบกวนการนอนได้
สาเหตุการเกิดตะคริวมีได้หลายทฤษฏี
ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียแร่ธาตุแมกนีเซียมไปกับเหงื่อ
ในขณะการออกกำลังเป็นเวลานานๆ
หรือมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อนั้นๆ เป็นเวลานานๆ
ทำให้ขาดการไหลเวียนเลือดขาดการนำออกซิเจน
และแร่ธาตุไปที่กล้ามเนื้อนั้น
หรือเกิดกับหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องสูญเสียแร่ธาตุให้กับลูกตัวน้อย
ที่กำลังเติบโตอยู่ในท้อง หรือเกิดจากตัวยาบางชนิด
ที่ได้รับประทานเข้าไป การอาเจียนหรือท้องเสียก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้สูญเสียแร่ธาตุแมกนีเซียมได้เช่นกัน
นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ประสาท
และเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อนั้นๆ
และประการสุดท้ายอาจเกิดจากการไหลเวียนเลือด
ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดีพอ ซึ่งมักพบในคนที่มีภาวะหลอดเลือดตีบ
เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น แต่สาเหตุที่พบบ่อยคือ
การกินอาหารชนิดเดียวซ้ำๆ ซากๆ
การไดเอ็ท และการขาดน้ำ
หนทางการรักษาอาการตะคริว
การรักษาที่ดีและเห็นผลได้ชัดเจนคือ
การยืดกล้ามเนื้อที่เกิดตะคริว หลักการยืดกล้ามเนื้ออย่างง่ายๆ คือ
การทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับการเกร็งตัว
ที่มีการแสดงออกมา อาทิเช่น การเกิดตะคริวที่น่อง
จะทำให้เกิดการเกร็งปลายเท้าจิกชี้ลงพื้นดิน
แก้โดยให้ทำการดันปลายเท้าให้กระดกขึ้นช้าๆ
(ถ้ามีคนช่วยยืดให้ ดังรูปที่ 1)
แต่ห้ามทำการกระตุกหรือกระชากรุนแรงอย่างรวดเร็ว
เพราะจะเจ็บปวดจนกล้ามเนื้อฉีกขาดได้
หากเกิดตะคริวขณะอยู่เพียงลำพังให้พยายามนั่งยองๆ
หรือนั่งเหยียดขาค้างที่เป็นตะคริว
แล้วพยายามฝืนกระดกข้อเท้าขึ้นดังรูปที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
ค้างในท่านี้ไว้สักครู่อาการตะคริวที่น่องก็จะดีขึ้น เป็นต้น
ป้องกันอย่างไรไม่ให้ตะคริวกลับมา
หากเกิดอาการตะคริวเพราะสูญเสียเหงื่อมากขณะออกกำลังกาย
อาจจำเป็นจะต้องมีการปรับสมดุลของน้ำและเกลือแร่
ด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่ (sport drink) ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด
แต่ถ้าจะทำน้ำเกลือแร่ด้วยตัวเองก็ทำได้ไม่ยาก
โดยใช้เกลือ 1/3 ช้อนชา ผสมในน้ำ 500 ซี.ซี.
จะบีบมะนาวหรือเติมน้ำหวาน ½ ช้อนชา เพื่อเพิ่มความอร่อย
หรืออีกสูตรจะใช้น้ำผลไม้ ½ แก้วผสมน้ำสะอาดอีก ½ แก้ว
แต่ทั้ง 2 สูตรควรแช่เย็นและไม่ควรผสมนานเกิน 6 ชั่วโมง
เพราะอาจเสียได้
ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำน้ำสไปรท์หรือเซเว่นท์อัพใส่เกลือเล็กน้อย
ก็ทำให้ได้น้ำเกลือแร่ที่มีราคาถูกกว่าน้ำเกลือแร่ที่ขายทั่วไปในท้องตลาด
และยังมีรสชาติอร่อยไม่แพ้กันอีกด้วย
การดื่มน้ำให้มากพอก็สามารถช่วยลดการเกิดตะคริวได้
เพราะเวลามีเหงื่อออก ร่างกายจะสูญเสียทั้งน้ำและเกลือแร่
อาจทำให้เซลล์กล้ามเนื้อขาดน้ำ ส่งผลให้เกิดเป็นตะคริวได้
จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร หรือ 8 แก้วต่อวัน
หากต้องมีการแข่งขันที่ต้องสูญเสียเหงื่อปริมาณมาก
ควรมีการดื่มน้ำมากๆ ก่อนการแข่งขัน 2-3 วัน
เพื่อให้เนื้อเยื่อสำรองน้ำให้เพียงพอในระหว่างการออกกำลังกาย
อย่ารีรอเมื่อรู้สึกกระหายน้ำ
การดื่มน้ำที่มีประสิทธิภาพคือดื่ม 2 ชั่วโมง
ก่อนการออกกำลังกายไม่เกิน 3 แก้ว
จากนั้น 10-15 นาที ก่อนการออกกำลังกายไม่เกิน 2 แก้ว
และทุกๆ 15-30 นาทีระหว่างการออกกำลังกายไม่เกิน 1 แก้ว
ขอแนะนำน้ำดื่มสะอาดแช่เย็นก็เพียงพอแล้ว
เพราะน้ำสะอาดสามารถเข้าสู่เนื้อเยื่อได้ง่าย
และความเย็นจะทำให้รู้สึกสดชื่น
กล้วย เป็นผลไม้ที่มีการพูดถึงบ่อยสำหรับการป้องกันการเกิดตะคริว
ในนักกีฬาประเภทที่ต้องมีการใช้กำลังสูงหรือมีการออกกำลังต่อเนื่อง
เป็นเวลานานๆ เช่น นักเทนนิสหรือนักฟุตบอล
เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม
และแมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท
และการหดตัวของกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
ซึ่งจะถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว
หลังรับประทานเพียงไม่กี่นาทีก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็วและมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น
น้ำตาลที่เพิ่มขึ้นจะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต
ที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานๆ
โดยไม่มีอาการเหนื่อย
คนที่มิใช่นักกีฬาแต่ต้องการชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไป
ก็สามารถรับประทานกล้วยได้
การยืดกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ ให้ร่างกายคลายความตึงตัว
มีความยืดหยุ่นตลอดเวลาเพื่อลดโอกาสการเกิดตะคริวได้
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และพักผ่อนให้เพียงพอ
ผู้สูงอายุควรค่อยขยับแขนขาช้าๆ และหลีกเลี่ยงอากาศเย็นมากๆ
อาจสวมใส่ถุงเท้าตอนนอนเพื่อป้องกันการเกร็งของเท้า
ในรายที่เป็นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไข
เรียบเรียงโดย กภ. อรรถพร มงคลภัทรสุข
ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด
มหาวิทยาลัยมหิดล
#RamaChannel