Group Blog
All Blog
### กินเค็มมากอันตราย ###



รักตัวกลัวตาย ลดกินเค็มนะจ๊ะ










เชื่อเถอะว่า ถ้วยพริกน้ำปลาบนโต๊ะอาหาร มีอานุภาพทำลายล้าง

 สามารถถล่มประเทศชาติให้ล่มจมกันได้ง่ายๆ

หนุ่มสาวผู้นิยมความเค็มอาจร้องทักว่า “เว่อร์” ไปเปล่าเนี่ย

แต่นี่เป็นเรื่องจริงค่ะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ

ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์

โรงพยาบาลรามาธิบดี

เล่าให้ฟังถึงปัญหาการ กินเค็ม ที่ระบาดไปทั่วโลกว่า

 เค็มจัดกันทั้งโลก

กินเค็ม

ตามปกติ ร่างกายต้องการโซเดียมเพียงวันละ 2 กรัม

แต่ถ้าอยู่ในรูปโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride)

หรือเกลือแกงจะอยู่ที่ 5 กรัม ซึ่งจากการศึกษาพบว่า

คนทั่วโลก กินเค็ม มากกว่าที่ควรกินถึง 2 เท่า

 เช่นเดียวกับคนไทย สำรวจพบข้อมูลว่า

เรากินเกลือเฉลี่ยวันละ 10 กรัม มากกว่าที่ควรกินถึง 2 เท่าเช่นกัน

เมื่อลองคำนวณปริมาณเกลือที่กินในแต่ละวัน

หลายคนเป่าปากโล่งใจ เพราะทบทวนพฤติกรรมแล้วยืนยันว่า

 ยังไงๆ ก็กินเกลือไม่ถึง 5 กรัมแน่นอน อย่าชะล่าใจไปนะคะ

 เพราะคุณๆ อาจกำลังเข้าใจผิดอย่างแรง

คุณหมอสุรศักดิ์อธิบายว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า

” โซเดียมมีหลายรูปแบบ เช่น เกลือแกงซึ่งมีความเค็มจัด

เป็นโซเดียมคลอไรด์ ที่อาจไปผสมอยู่ในน้ำปลา ซีอิ๊วขาว บะหมี่สำเร็จรูป

ผงชูรสจัดเป็นโซเดียมอย่างหนึ่ง เรียกว่า โซเดียมโมโนกลูตาเมต (Sodium Monoglutamate) แต่ไม่มีรสเค็ม

รวมถึงผงฟูก็เป็นโซเดียมเรียกว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate)

จึงอาจบอกได้ว่า วันๆ หนึ่งเรามีโอกาสได้รับโซเดียมและเกลือเกิน

 เนื่องจากผสมอยู่ในอาหารหลายชนิด

อายุน้อยร้อยโรค… ประเทศชาติล่มจม

อาจารย์สุรศักดิ์ไม่ได้ขู่ให้กลัวเล่นๆ นะคะ เพราะจากการศึกษา

ในประเทศไทยพบว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ

 จากเคยพบที่อายุ 35 ปี ลดลงมาเป็น 20 ปี

ซึ่งอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดโรคแทรกซ้อน

 เช่น ไตวาย อัมพฤกษ์อัมพาต ท่านเล่าต่ออีกว่า

 “พบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอายุน้อยลง วัย 20 ปีก็เป็นแล้ว

พออีก 10 ปีข้างหน้า อายุแค่ 30 ปี อาจป่วยเป็นไตวาย เป็นหัวใจ

 เบาหวาน ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียหลายด้าน

ทั้งส่วนทรัพยากรบุคคลวัยทำงานซึ่งเป็นกำลังสำคัญ

ในการพัฒนาประเทศเสียงบประมาณแผ่นดินเพื่อรักษาพยาบาล

ตอนนี้งบรักษาผู้ป่วยเฉพาะไตวายซึ่งต้องทำการฟอกเลือด

เฉลี่ยปีละหมื่นล้านบาท ซึ่งแนวโน้มผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น

อีกปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ คิดดูว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า

เราต้องเสียงบประมาณไม่รู้กี่แสนล้านบาทเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคไต

 นี่ยังไม่นับรวมโรคหัวใจ เบาหวาน

 ซึ่งมีสาเหตุมาจากความดันโลหิตสูงด้วยเช่นกัน”

โรคเรื้อรังหรือโรควิถีชีวิตซึ่งได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจ

 เบาหวาน ไตวาย ล้วนเกิดจากพฤติกรรมเป็นส่วนใหญ่

โดยเฉพาะการกินเค็ม องค์การอนามัยโลก

หรือ WHO (World Health Organization)

จึงรณรงค์ให้ทุกประเทศสมาชิกลดการกินเค็มลง 30 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะต้องทำให้สำเร็จใน 30 ปีข้างหน้า

องค์การอนามัยโลกชี้แจงว่า หากทำสำเร็จ

จะช่วยชีวิตคนไว้ได้ปีละหลายแสนคนทีเดียว

ทั้งยังประหยัดงบค่ารักษาพยาบาลปีละหลายล้านดอลลาร์

 เพราะช่วยลดค่ายาที่ต้องจ่ายให้คนไข้ในกลุ่มโรคดังกล่าว

ซึ่งต้องกินยาไปตลอดชีวิต

How to ลดเค็ม ลดโรค

เห็นผลเสียจากการกินเค็มแล้วใช่ไหมคะว่า

ทำให้ประเทศชาติเราเกิดความสูญเสียหลายด้าน

ดังนั้น เรามาหาวิธีบอกลาความเค็มกันดีกว่า

คุณหมอสุรศักดิ์แนะนำเคล็ดลับดังนี้

1. ถ้าคุณเป็นคนกินเค็มมาก พยายามลดการกินเกลือลง

เดือนละ 10 เปอร์เซ็นต์

เช่น จากที่ต้องใช้น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะปรุงอาหาร ให้ใช้เพียง 4 ช้อนโต๊ะ

ในเดือนแรก แล้วค่อยๆ ปรับลดลงมาเป็น 3 และ 2 ช้อนโต๊ะ

ในเดือนต่อๆ มา เนื่องจากถ้าเราลดการกินน้ำปลาหรือเกลือลงทันที

จะทำให้ผู้กินหรือคนในครอบครัวรู้สึกว่ารสชาติอาหารเปลี่ยนไป

 และจะต่อต้านไม่กินอาหารที่ทำ แต่การค่อยๆ ลดปริมาณน้ำปลาลง

จะทำให้ผู้กินไม่รู้สึกว่ารสชาติอาหารเปลี่ยนไป

เพราะลิ้นค่อยๆ ปรับการรับรสเค็มได้น้อยลง

 จนไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง

2. ใช้เครื่องเทศต่างๆ ในการปรุงอาหาร เช่น พริกไทย น้ำมะนาว

 อบเชย ฯลฯ เพื่อทำให้รสชาติอาหารกลมกล่อมขึ้น

โดยใส่น้ำปลาหรือเกลือให้น้อยลง

3. กินอาหารโดยไม่ต้องปรุง โดยเฉพาะอาหารนอกบ้าน

ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจะปรุงมาให้อร่อยกำลังดีอยู่แล้ว

 การใส่น้ำปลาลงไปอีกเท่ากับเป็นการเพิ่มความเค็มโดยไม่จำเป็น

4. ใช้น้ำปลาสูตรพิเศษซึ่งลดปริมาณโซเดียมลง

แล้วใช้เกลือโพแทสเซียมใส่ลงไปเพื่อให้ความเค็ม

 แต่อาจจะมีรสชาติเฝื่อนเมื่อนำไปต้ม

ช่วยกันลดการกินเค็มลงสักครึ่งหนึ่งของที่กินอยู่

จะช่วยประเทศชาติให้พ้นภัย ตัวเองพ้นโรค

สังคมไทยจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์

ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
#RamaChannel










Create Date : 10 เมษายน 2557
Last Update : 15 เมษายน 2557 11:40:33 น.
Counter : 941 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ