"you've got to put the past behind you before you can move on"

"จิรปุญโญวาท"-คติธรรมหลวงปู่เนตร จิรปุญโญ วัดแหลมสัก จ.กระบี่








คติธรรมของหลวงปู่เนตร จิรปุญโญ
วัดแหลมสัก ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่


๑.การเกิดกับการตายนั้น ถ้าที่จะพิจารณาให้ดี อาตมาคิดว่าการเกิดน่าสังเวชมากกว่าการตาย ให้นำไปพิจารณาดูว่าจริงหรือไม่

๒.การปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่เราต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ ก็ต้องรดน้ำพรวนดินอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาเหมาะสม การที่ต้นไม้ออกดอกผลให้เรานั้น ถึงเวลามันก็จะออกของมันเอง ไปห้ามมันบังคับมันไม่ได้ วาระนั้นๆ ย่อมเกิดขึ้นเมื่อกาลเวลา เหมาะสม

๓.พระภิกษุรูปหนึ่ง ถามหลวงปู่ว่า เมื่อนั่งสมาธิภาวนานั้นเมื่อจิตสงบแล้วจะพิจารณาอะไรจึงจะเหมาะสม
หลวงปู่ตอบว่า : ควรพิจารณาว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องมาเกิด

๔.การที่จิตสงบนั้นควรสงบอยู่นาน2-3ช.ม.จึงมีพลังเพียงพอที่จะทำให้เกิดปัญญาได้

๕.เราอยู่เป็นพระ เรากินเลือดเนื้อหยาดเหงื่อ แรงงานของชาวบ้านที่เขาทำมาหากินด้วยความลำบากยากแค้น ขณะเดียวกัน ถ้าภิกษุเป็นผู้ทุศีล ภิกษุรูปนั้นจะต้องตกนรกโดยแน่แท้พวกท่านจะระวังให้ดี อย่างหลงระเริงจนเสียท่า ให้หันมาระวังตนเอง แต่ไม่ต้องตกใจ ถ้าเรามีศีลครบถ้วนแล้ว เราก็มีคุณค่าพอชดใช้ค่าของหยาดเหงื่อแรงงานเลือดเนื้อนั้นเช่นกัน
๑ ในพระไตรปิฏกกล่าวใว้ว่าหลังกึ่งพุทธกาลจะมีพระตกนรกจำนวนมาก ถ้าเอาเชือกขนาดต้นตาลขึงไว้พระที่จะตกนรกต้องเอาจีวรแขวนไว้ก่อนที่เชือกนั้น เพราะจีวรเป็นเครื่องหมายของความดี น้ำหนักของจีวรที่แขวนไว้นั้นจะทำให้เชือกขาดวันละ7หน(ตกนรกมากจริงๆ) หลวงปู่กล่าวต่อว่า ศีลต้องบริสุทธิ์ สมาธิจึงดำเนินไปด้วยดี เมื่อมีสมาธิดีๆจะเป็นกำลังในการผลักดันปัญญาให้เกิดขึ้น

๑ ๖.คนเราเกิดมาวันตายเราไม่รู้ นั่งรถไป เกิดอุบัติเหตุ ถึงแก่ชีวิต ก็ไม่มีใครจะรู้ได้ เมื่อเราทำสมาธิได้จนช่ำชองแล้ว (คือ เป็นวสี) เราก็กำหนดจิตเข้าสู่อัปปานาสมาธิในขณะจิตนั้น เมื่อเราตายก็ไม่มีเวทนา จิตก็แยกจากกาย ไปสู่สุขคติในที่นี้ ก็ชั้นพรหมนั่นแหละ ตายก่อนตายประเภทหนึ่ง

๗.การที่ผู้ปฏิบัติจะมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ได้นั้น จะต้องปฏิบัติแบบ 4 อิริยาบถ ได้เท่าๆกัน คือ ยืน6 เดิน6 นั่ง6 นอน6 จะดีแข็งแรงอย่างท่านพระอานนท์ ท่านสำเร็จพระอรหันต์สรุปไม่ได้ว่าท่านอยู่ในอิริยาบถใดนะ นั่งก็ไม่ใช่ ยืนก็ไม่เชิง เดินก็ไม่ นอนก็ยังไม่นอน จะกล่าวว่า สำเร็จในอิริยาบถทั้ง 4 ก็ว่าได้ (ท่านกล่าวยิ้ม)

๑ ๘.พระบวชใหม่มักเที่ยวไปหาที่แปลกใหม่ เปลี่ยนที่ก็จะมีกำลังในการปฏิบัติ แต่สำหรับพระบวชมานานๆ มักจะไม่เที่ยวไป อยู่ประจำเป็นที่ๆ อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ไม่ต้องอาศัยความแปลกใหม่อีกแล้ว เพราะท่านเหล่านั้นมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ (มีธรรมเป็นวิหาร) บางรูปก็ชอบอยู่รูปเดียว บางรูปก็ชอบอยู่กับหมู่กับพวก แล้วแต่จริตนิสัย มีให้เลือกมากมาย อย่างวัดมีหลายพันวัด เราไม่ชอบที่นี่ก็ไปอยู่ที่โน่นเขาไม่ห้าม แต่อยู่กับเขา ต้องปฏิบัติตามเขา ไม่ถูกใจก็ไปอยู่รูปเดียว

๑ ๙.การที่ท่านจะออกธุดงค์นั้นแหละดี แต่ยังไม่ถึงเวลาของท่าน เนื่องจากว่าท่านอายุพรรษายังน้อย ตามหลักวินัยมีว่า ผู้ที่ออกจาก วัดโดยไม่มีผู้ดูแลติดตามนั้น อย่างน้อยต้อง 5 พรรษาขึ้นไป แต่ เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยถือปฏิบัติ ท่านจะปฏิบัติเจริญก้าวหน้าได้อย่างไร เดิน ไปทุกย่างก้าวก็เป็นอาบัติศีลไม่บริสุทธิ์ ความเจริญก็ไม่เกิด ผมเองยืนยัน เพราะผมเห็นมาด้วยตัวผมเอง

๑ ๑๐.กามมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส รวมเรียกกามคุณ5เมื่อได้สมใจก็ดีใจ ไม่สมใจก็เสียใจ กามนะเราเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่นี่ ก็เพราะกามนี้เอง เกิดตายกันเป็นแสนเป็นล้านชาติ ไม่รู้จักเข็ดหลาบกันเสียทีคิดแต่จะกินแต่ของเก่า ทำไมถึงโง่กันจริง ไม่รู้จักจะกินของใหม่กันบ้าง จะไปโอนอ่อนผ่อนตามมันทำไม สู้กับมันบ้างซิ อย่าไปยอมมัน

๑ ๑๑.เมื่อไม่คลายออกจากกาม ฌานก็ไม่เกิดขึ้น ให้พิจารณาว่าการปฏิบัติ ภาวนาของพวกเราจะเจริญหรือไม่ ก็ให้ไล่ดูกามคุณ 5 มีมากหรือน้อยอยู่ในจิตใจของเรา ถ้ามันน้อย เราก็เจริญมาก ถ้ามีมาก ความเจริญก็จะไม่มี ให้แก้ไขดัดแปลงหาอุบายเพื่อความเจริญยิ่งดั่ง ปรารถนาต่อไป

๑๒.ใจและจิตไม่เหมือนกัน ใจอยู่นิ่งสว่างใสอยู่ดังเดิม จิตเป็นผู้ทำงานรับรู้เคลื่อนไหวส่งไปตามธรรมชาติ ไปไกลใกล้(ความคิด) และทำหน้าที่รู้ทุกเรื่องที่ ตา หู จมูก กายใจได้สัมผัส จิตก็นำสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิต น มาอาบทาใจให้ดูหมองดำ ไม่ใสสว่าง

๒ ๑๓.เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ คือใจ แสงของดวงอาทิตย์คือจิต ไม่มีดวงอาทิตย์ก็ไม่มีแสง สิ่งที่ทำให้ดวงอาทิตย์หมองมืดไป คือการบดบังแสง เช่น เมฆ หมอก ภูเขา เป็นต้น เมื่อเอาเมฆ หมอก ภูเขาออก ดวงอาทิตย์ก็เหมือนเดิม ดวงอาทิตย์คือใจ แสงของดวงอาทิตย์คือจิต ฉันใดก็ฉันนั้น ปรากฏการณ์ของความเศร้าหมองคือจิตไปรับเอาสภาวะภายนอกมาบดบัง อาบ ทาใจ ให้หมองคล้ำลงนั่นเอง
๓ ฉะนั้นถ้าแก้ก็ให้แก้ที่จิต(จิตเสพคุ้นแนบแน่อยู่กับขันธ์5) เพราะจิตเกิดจากใจ และจิตก็ทำหน้าที่ของมันอยู่ไม่เคยหยุดนิ่งเพียงไปรับสิ่งต่างๆมาบดบังใจ จึงควรรักษาจิต ดูแลจิต อบรมจิต ด้วยขั้นตอนศีล สมาธิ ปัญญา และ

๑๔.ขั้นตอนของปัญญาจะอาศัย ศีลและสมาธิอบรม เมื่อปัญญาถูกอบรมดี ปัญญาก็จะทำหน้าที่อบรมจิต เมื่อจิตถูกอบรมดี ใจก็ใสสว่างขึ้นมาเข้าสู่สภาวะเดิม เพราะจิตนั้นก็เป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือใช้ปัญญา ทำลายจิตนั่นเอง ในสภาวะเกิดขึ้นของสมาธิก็แบ่งเป็น สัมมาสมาธิ(มีไว้ละกรรมเวร) และมิจฉาสมาธิ(มีไว้สร้างกรรมเวร)


๑๕.การที่จะดูแลจิต รักษาจิต ทำการควบคุมจิต และทำลายจิต (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) นั้นต้องอาศัยความมีสติสัมปชัญญะที่แก่กล้าเท่าทันในสถานการณ์นั้นๆของจิต ฉะนั้นการฝึกสติ- สมาธิ จึงมีความจำเป็นเพื่อก้าวล่วงสู่ปัญญา นำมารักษาดูแลเข้าใจ ทำลายจิต ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหลายในชีวิตมนุษย์
๑๖.ธรรมมะเมื่อศึกษาแล้วพอจะเข้าใจ ได้รู้จัก ได้แต่ปฎิบัติให้ได้ยาก ที่ยากเพราะไม่ตั้งใจปฎิบัติอย่างจริงจังนั่นเอง เมื่อจิตถูกปัญญาอบรมจนถึงสภาวะลงตัว (ถ่องแท้) จิตก็จะไหลเข้าสู่ใจ อาการของจิตในแง่ที่กล่าวก็จะไม่กำเริบ ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมาอีก เพราะจิตหยุดทำงาน (ในส่วนนั้นที่ไหลเข้าสู่ใจ) เป็นลักษณะสัมผัสได้ แต่ไม่มีอารมณ์ ไม่มีการสั่นสะเทือนเฉยอยู่ (วางเฉย) ในสาระธรรมที่เกิดขึ้นนั้น จึงทำให้จิตถูกพัฒนาให้มีความสำรวมในการสัมผัส โลกธรรม คือ ความโลภ โกรธ หลง เบาบางลง การพัฒนาของจิตจะเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนี้ แล้วแต่กำลังของแต่ละคน(ของจิตใจดวงนั้น)
จุดเชื่อมต่อของโลกียะและโลกุตตระ เมื่อเราข้ามเขตแบ่งระหว่างโลกียะและโลกุตตระได้ เราก็เป็นผู้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน เป็นแดนของจิตใจที่ไม่มีการเสื่อมถอยลงมาได้อีกเลย ย่างก้าวเข้าสู่ความพ้นทุกข์ โดยสวัสดิภาพ


๑๗.นั่งสมาธิภาวนาจิตสงบแล้วให้พิจารณาว่า ทำอย่างไรไม่ให้มาเกิด เหมือนเมล็ดผลไม้ที่สมบูรณ์ เมื่อนำไปปลูกมันก็งอกงาม แต่ถ้ามันไม่มีเชื้อ เช่นเราเอามัน ไปคั่วเสีย เมื่อนำไปปลูกก็งอกไม่ได้ อุปมาเหมือนเราฆ่ากิเลสภายในจิตใจของเราด้วยปัญญา หมดสิ้นแล้ว เรา ก็ไม่ต้องไปเกิด ฉันใดก็ฉันนั้น

๑ -๑๘.เมื่อจิตมีราคะ ให้มีสติแนบแน่นต่อเนื่อง เปรียบดั่งเส้นด้ายไม่ขาดตอน ถ้าขาดตอนมันจะแทรกทันทีนะ แต่อย่างไรก็ตามให้พิจารณา อสุภะ(ความไม่สวย ไม่งาม ไม่สะอาด) เรารับประทานอาหารมาจากผลผลิตจากดิน เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ มะม่วง ฯลฯ กำเนิดเนื้อหนัง เลือดเนื้อจากดิน ดินมาจากไหน มาจากซากพืชซากสัตว์ อุจจาระ ปัสสาวะที่กองแปรสภาพเปลี่ยนไปแยกแยะดูดซึมขึ้นมานั้นเอง ล้วนมาจากสิ่งที่ถูกทิ้งขว้างไม่ต้องการ สกปรก เน่าเหม็นทั้งสิ้น รวมเป็นดินน้ำ แล้วเราก็นำสิ่งเหล่านี้ มารับประทานเข้าไป ถ่ายออกมาหมุนเวียนมาให้เรารับประทานเข้าไปอีก ทั้งที่เรารังเกียจและทิ้งมันไปในอดีตทั้งสิ้น
ผักเรารดด้วยน้ำอุจจาระ ปัสสาวะ มันก็เจริญงอกงามดี สัตว์ก็กิน มนุษย์ก็รับประทานเป็นอยู่เช่นนี้ มันก็เคยสกปรกแล้วสกปรกอีก กินแล้วรับประทานอีก ซากศพเราทอดทิ้งแต่ตอนมีชีวิตเราหวงแหนรักใคร่ เรารู้ว่าเราสกปรกอย่างไร เข้าห้องน้ำเหม็นเช่นไร ขยะแขยงแค่ไหน คนอื่นก็เหมือนเรา เราเข้าใจตนว่าเป็นผู้สกปรกแค่ไหน คนอื่นก็สกปรกเหมือนเรา เรารู้ตนดีเข้าใจตนดี คนอื่นเราก็เข้าใจดีเช่นกัน ให้อดทนเสงี่ยมจิตใจ เมื่อมันเกิดมันก็ดับไป เพราะเราใฝ่ดีอยากออกจากการตาย-เกิด เราจะทนได้และผ่องใสขึ้น

๑ ๑๙.การขบฉันของพระ การที่เราอยากรับประทาน แล้วเราก็รับประทานนั้น เราจะเป็นผู้พ่ายแพ้อยู่ร่ำไป สิ่งไหนชอบก็อย่าไปรับประทานมัน เคี้ยวแล้วกลืนไปเลย รสชาติมันอยู่ที่ลิ้น พ้นลิ้นก็ไม่มีอะไร เหมือนกันทั้งหมด ควรพิจารณาว่ามีประโยชน์แก่เราหรือไม่ เป็นอันตรายแก่เราหรือไม่ ฉันมากน้อยแค่ไหนที่เราจะแข็งแรงรักษาตนให้มีชีวิตต่อไปเป็นพอ อย่าเป็นผู้พ่ายแพ้ต่อกิเลส

๒๐.เมื่อก่อนเขาบวชกัน 3 พรรษา ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ บวชกันห่มผ้ายังไม่ทันเป็น จำชื่อยังไม่ได้ก็ลาสิกขากันแล้ว บวช 3 พรรษานี้ พรรษแรกบวชให้แม่ พรรษาที่ 2 บวชให้พ่อ พรรษาที่ 3 บวชให้ตนเอง สมัยก่อนคนบวชไม่ถึง 3 พรรษา ไปขอสาวที่ไหน พ่อแม่เขาไม่ยกลูกสาวให้นะ เขากลัวลูกสาวเขาจะลำบาก การบวชควรบวชในที่ๆมีผู้สอนที่ดี ชี้นำดี เราจะได้ปฏิบัติตามได้ดี ไม่หลงผิดไปสร้างบาปสร้างกรรม


๒๑.ทำจิตให้สงบ ธรรมจะเกิดขึ้นที่ใจ จะมองเห็นทุกข์ได้ชัดและวางทุกข์ได้ จิตมากด้วยมายา ใจเฉยอยู่ จิตจึงเป็นส่วนที่ต้องฝึก พระนิพพานเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ เช่นการเดินทางถ้าตั้งใจเดินก็ถึงเร็ว แต่คนเรามีกำลังไม่เท่ากัน ดั่งนั้นจึงต้องอ้างถึงทางสายกลาง เพราะเมื่อเดินทุกท่านก็เหนื่อย แต่ได้ระยะทางไม่เท่ากันมากน้อยตามกำลัง การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน
สูตรสำเร็จก็คือมรรค คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติไปๆ….จะเข้าใจมากขึ้นตามลำดับ ความสุขก็เพิ่มขึ้นความทุกข์ก็ถอยไป ด้วยความตั้งใจโดยสม่ำเสมอ ผู้สำเร็จอรหันต์ท่านทำมามากแล้ว พวกเราตั้งใจทำให้มากก็สำเร็จได้ ยอมรับว่าเส้นทางมันยากแต่ก็ถึงได้ ฝากให้กลับไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ นั่งสมาธิทุกวันตอนกลางคืนเงียบๆ วันละสัก 1 ชม.

๒๒.พิจารณาขันธ์ 5 พิจารณา ธาตุ 4 (รวมธาตุ แยกธาตุ) พิจารณาให้แตก รูปนามล้วนไม่เที่ยง ล้วนไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของๆเรา เราจึงทุกข์เพราะเหตุข้างต้น เมื่อดับเหตุได้ ผลก็ไม่เกิด (เราควรพิจารณาให้เห็นเหตุและดับเหตุ) มีทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงการดับทุกข์ (อริยสัจ 4)

๒๓.พระเดี๋ยวนี้มักเที่ยวไปดูบ้านดูเมือง ไม่ได้เที่ยวไปเพื่อปฏิบัติหามรรคผล พวกนี้เรียกว่า พระจรจัด

๒๔.สมถะแปลว่า มีอะไรก็ใช้ไปตามมีตามได้ ไม่ใช่มีแล้วเอาไปโยนทิ้ง แล้วเที่ยงอวดตนว่ามักน้อย กล่าวค้านผู้อื่นว่ามักมาก

๒๕.มีญาติของภิกษุรูปหนึ่ง กล่าวแสดงถึงว่า อยากให้ภิกษุรูปนั้นลาสิกขา เพื่อไปช่วยพ่อแม่ทำงาน หลวงปู่ได้ฟังจึงกล่าวว่า อย่าง พวกคุณเป็นคฤหัสถ์ ถือศีลบริสุทธิ์ 1 วันถ้า เปรียบเป็นบุญเหมือนได้ทรัพย์สมบัติหนึ่งเมืองใหญ่ อย่างพระที่บวชนี้ท่านมีบุญมากเพราะทุกวันพระท่าน มีศีลอยู่เป็นปกติ มีบุญมากมายเหลือเกิน สึกไปจะทำได้ไหม
ไม่มีบุญได้ยิ่งใหญ่เท่าบุญบวช ไม่มีการละสิ่งใด จะยิ่งใหญ่เท่าการละกาม จำไว้




Create Date : 26 มกราคม 2553
Last Update : 26 มกราคม 2553 19:29:30 น. 13 comments
Counter : 2474 Pageviews.  

 


โดย: veerar วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:35:59 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ

คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา ค่ะ


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:45:47 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:28:30 น.  

 

ขอให้มีความสุขมากๆครับ


โดย: Dingtech วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:41:30 น.  

 


โดย: เพลงดาบกระบี่เดียวดาย วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:53:30 น.  

 


สุขสันต์วันเกิดค่ะ


โดย: I_sabai วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:35:59 น.  

 
.^______________^.



โดย: NateUnbreakable วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:18:58 น.  

 


สุขสันต์วันเกิด จ้า

พรใดทีเป็นของชาวโลก

สุขใดที่ช่วงโชติของชาวสวรรค์

รักใดที่อมตะและนิรันดร์

ขอรักนั้นและพรนั้น จงเป็นของ...จขบ...จ้า



โดย: หน่อยอิง วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:21:14 น.  

 
แวะมา Happy Birthday Ka


โดย: แม่อ้วนใจดีที่สุด วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:39:43 น.  

 


ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆรวมทั้ง...
ความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
*********
******
*****
***
*





โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:39:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายพร้อมอวยพรวันคล้ายวันเกิดนะคะ

ขอให้มีสุขพอดี ขอให้มีทุกข์พอทน

ขอให้ไม่เจ็บ และไม่จน

ขอให้สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง



โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:07:35 น.  

 


โดย: ooyporn วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:09:55 น.  

 


Happy birthday

I wish you always be healthy

happy in your life and

achieve all your goal.



โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:32:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

popcornboy
Location :
กระบี่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"you've got to put the past behind you before you can move on"
[Add popcornboy's blog to your web]