Group Blog
All Blog
--- วิ่ ง ร อ บ ก ว๊ า น พ ะ เ ย า 2 6 k ค รั้ ง ที่ ส อ ง ---























เรามาร่วมงานวิ่งรอบกว๊านเป็นครั้งที่สอง ห่างจากครั้งแรกสองปี ครั้งแรกนั้นอากาศเย็น เพราะฝนตกก่อนหน้านั้น หมอกเรี่ยดอย สวย สงบตลอดเส้นทาง

ครั้งนี้ เราก็คิดว่า น่าจะไม่ต่างจากครั้งแรก ... ครั้งนั้นประทับใจมาก เขียนชมไว้เยอะ ขณะทุกคนเตือนไว้แล้วว่า ผู้จัดเจ้านี้มีชื่อเสีย(ง)อย่างไร

เย็นวันเสาร์ เรานัดเพื่อน ๆ กินข้าวที่ร้าน ออโรร่า อยู่ติดริมกว๊าน บรรยากาศดีมาก แต่ราว ๆ หกโมงครึ่ง บรรยากาศเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนพายุจะเข้า โต๊ะที่นั่งติดกว๊านต้องย้ายเข้ามาด้านในทุกโต๊ะเพราะลมกรรโชกแรง น้ำในกว๊านเหมือนคลื่นทะเล ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า น่ากลัวเหลือเกิน ฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ภายในร้านอาหารดูอบอุ่นจนร้อนเลยทีเดียว ดูเหมือนทุกคนจะลืมโลกภายนอก แต่ละโต๊ะไม่สนกลิ่นฝน ละอองไอที่พัดมาตามสายลม ทุกโต๊ะมีแต่เสียงหัวเราะ หน้าตาไม่มีร่องรอยของความทุกข์เอาเลย ฝนตกก็ช่างฝน มองไปรอบ ๆ ร้านก็มั่นใจว่า คืนนี้มีแต่นักวิ่งเกือบทั้งร้าน

แก๊งค์สามคนของเราก็แวะกินกันมาตลอดทางก่อนจะเจอเพื่อนฝูงมากมายที่นี่ มีรุ่นน้องเภสัชฯเพิ่งจะเริ่มวิ่งอีกคนหลังจากที่บรรดาเภสัชฯออกวิ่งกันเป็นส่วนใหญ่ เขาก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมาติดวิ่งได้ขนาดนี้ เคยหัวเราะใส่พวกเราว่า วิ่งกันไปทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย เดี๋ยวนี้ออกดูงานต่างจังหวัดก็จะดูสนามวิ่งไว้ทุกที่ ลงรายการวิ่งไว้ทั้งปี แต่ละคนก้าวไปเร็วมาก จริงจัง มีวินัย ว่าไปแล้วคือการมีวินัยและให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายนั่นเอง ส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ครูดินที่ได้เบสิกกันมาดีมาก


เรื่องหลัก ๆ ที่คุยกันก็เรื่องการงาน เรื่องลูก เรื่องสุขภาพที่แทบไม่ต้องเท้าความอะไรมากนัก โลกโซเชี่ยลทำให้รู้ความเป็นไปของทุกคนในแต่ละวัน เรื่องทุกเรื่องถึงกันหมด แทบจะไม่มีเซอร์ไพร้ส์ใด ๆ เพราะแต่ละคนเห็นกิจวัตรผ่านเฟซบุ๊ก รู้ความเคลื่อนไหว อัพเดทภาพปัจจุบัน และเจอกันบ่อยขึ้นตามงานวิ่ง เราต่างแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการวิ่ง อุปกรณ์การวิ่ง ชีเป้าเพจการเรียนรู้เรื่องวิ่งที่น่าสนใจ เว็บซื้อขายรองเท้า แนะนำสินค้า นาฬิกาวิ่งและรายการวิ่งทั้งในและต่างประเทศ ฯลฯ อดขำไม่ได้ว่า สิ่งที่มือใหม่ในก๊วนเรากำลังเจออยู่นั้น เป็นอาการเริ่มแรกวิ่งของเราทั้งนั้น เราเคยรู้สึกตื่นเต้นและมองอะไรต่อมิอะไรใหม่ไปทุกอย่าง ลองผิดลองถูก ตื่นสนาม ท้อแท้ ขี้เกียจซ้อม ฉันจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี ต้องหาแรงจูงใจในการออกซ้อม ไม่ว่าจะลงรายการวิ่งล่วงหน้าไว้เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองมีเป้าหมายในการซ้อมอย่างไม่อิดออด ใครเล่าจะรู้ว่า การซ้อมนั้นสำคัญมากกว่าการวิ่งวันจริงเสียอีก มันคือการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเราอย่างแทบไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัวในคราวแรกจนกระทั่งผ่านเวลาไปจึงค่อย ๆ เห็นชัดเจนมากขึ้น อย่างเราสองคน จากที่เคยอยู่ร้านทั้งวัน กลับบ้าน ดูละครและเข้านอน แต่กลายเป็นซ้อมวิ่งหลังสองทุ่มและทิ้งละครหลังสองทุ่มจนต่อไม่ติด แทบไม่รู้เลยว่า ละครฮอตฮิตปัจจุบันคือเรื่องอะไร ใจมุ่งมั่นแต่จะวิ่งในแต่ละวัน หาความรู้จากหนังสือ คุยกันแต่เรื่องวิ่ง ไม่คิดว่าจะเป็นเอามาก แถมบางเช้ายังต้องตื่นตีสองเพื่อเริ่มซ้อมวิ่งตั้งแต่ตีสาม วิ่งจนฟ้าสว่าง เป็นการแย่งเวลาของตัวเองทั้งนั้นหรือจะเรียกอีกอย่างคือการจัดสรรเวลาใหม่ให้มีเรื่องการออกกำลังกายมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของชีวิตประจำวัน

ก่อนนี้ก็ไม่ค่อยบอกใครว่าตื่นตีสองตีสามมาเพื่อวิ่ง แต่นานไป ค่อย ๆ รู้จากคนอื่นว่า เขาก็ทำเหมือนเรา คนวิ่งระยะไกลก็หาเวลาซ้อมแบบนี้ไม่ต่างจากเรา ซ้อมยิ่งกว่าเรา เข้มข้นมากกว่าเรา และที่ซ้อมมากกว่าเพราะเป้าหมายไกลกว่าซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย หลายคนใช้เวลาซ้อมกว่าหกเดือนเพื่อไปมาราธอนแรก นั่นหมายความว่า ผ่านการวิ่งระยะสั้นและการซ้อมจนร่างกายเข้าที่มาระยะหนึ่งแล้ว

ในบรรดาเพื่อน ๆ ไม่มีใครรีบเร่งหรือรีบร้อนจะไปมาราธอน ส่วนใหญ่ค่อย ๆ เพิ่มระยะ นั่นเพราะอายุมากกันแล้ว ระมัดระวังเรื่องการบาดเจ็บมากกว่าเรื่องอื่น แทนที่จะวิ่งเพื่อหนีหมอแต่ต้องกลับมาหาแต่หมอ ไม่น่าจะคุ้มนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรู้จักตัวเองให้ดี อย่าวิ่งตามกระแสจนไม่ดูแลตัวเองและประเมินต้นทุนตัวเองไม่เป็น อย่าหลงทาง ไหน ๆ ก็ใช้ชีวิตมาถึงครึ่งร้อยกันแล้ว

เรากินข้าวกันสักชั่วโมงครึ่ง ก็ต้องรีบกลับไปพักผ่อนเพราะต้องวิ่งแต่เช้า ฮาล์ฟมาราธอนปล่อยตัวตีห้า เราต้องตื่นกันแต่ตีสาม มาสนามประมาณตีสี่เพื่อวอร์มร่างกายและซึมซับบรรยากาศ แอบหัวเราะให้กันว่า นอนดึกไม่เป็นแล้วตั้งแต่เป็นนักวิ่งมานี่


เช้าวันอาทิตย์เป็นเช้าที่อึมครึม ขมุกขมัว เดินจากที่พักมาที่ปล่อยตัวนักวิ่ง ไฟฟ้าดับเพราะฝนถล่มเมื่อวานเย็น แต่มองไปรอบ ๆ ก็คึกคักเพราะเห็นรถต่างจังหวัดเป็นเส้นสายกำลังมุ่งไปยังที่หมายเดียวกับเรา ถึงลานหน้างานวิ่ง มีคนนำวอร์ม ยืดเหยียดร่างกายก่อนลงสนาม ไม่มีแอโรบิกก็จริงเพราะไฟฟ้าดับ เครื่องเสียงก็เงียบไปด้วย

การอบอุ่นร่างกายก็เป็นแบบไดนามิค มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ไร้บทเพลงประกอบเท่านั้น ได้เหงื่อซึม ๆ เหมือนกัน นักวิ่งระยะซุปเปอร์ฮาล์ฟฯวันนี้รวมแล้ว 1600 กว่าคน แต่ยังไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตากันนัก ปีนี้นักวิ่งเยอะกว่าสองปีที่แล้ว


แก๊งค์สามคนเราก็พร้อมแล้ว เพื่อน ๆ ก็พร้อมกันทุกคน แต่เราสามคนมาต่อแถวค่อนไปทางท้ายเพราะคนแน่นมาก แถวหน้ามีแต่นักวิ่งขาแรง กว่าจะผ่านจุดสตาร์ทก็ผ่านไปหนึ่งนาทีกว่า ๆ เราต่างคนต่างวิ่ง เพซใครเพซมัน ต่างก็อวยพรให้กันและเจอกันที่เส้นชัย

อาการตื่นเต้นของฉันก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก ในใจก็นึกสนุกนั่นแหละ ก็คิดว่าจะวิ่งจบแต่ก็เดาเวลาอะไรไม่ได้ ซ้อมมาอย่างไรก็วิ่งอย่างที่ซ้อม

อากาศยามเช้าไม่ค่อยสดชื่น ทั้งที่ฝนตกไปเมื่อคืน ค่อนข้างอวม ๆ อึดอัด เราใส่เสื้อวิ่งของงานทั้งที่เตรียมเสื้อวิ่งมาแล้ว คิดว่าเสื้อน่าจะระบายอากาศได้เพราะดูแล้วไม่หนาหนัก(แต่กลับไม่ใช่ )

บรรดานักวิ่งก็วิ่งกันไปอย่างสงบ ไม่ค่อยได้ยินเสียงพูดคุยกันนัก

เราสตาร์ทท้ายแถว จึงไม่ค่อยเจอนักวิ่งขาแรงที่คอยแซงเราไปตลอดเส้นทาง

ผู้จัดบอกเราในเพจแต่แรกแล้วว่า จะมีน้ำทุกสองกิโลเมตร ฉันก็หวังใจว่าจะจัดดีเยี่ยมเหมือนเมื่อครั้งแรก ที่ชอบมากของสนามนี้คือปิดเส้นทางเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เราไม่ต้องกลัวเรื่องวิ่งหนีรถหรือไปรบกวนการใช้ถนนของคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น

แต่ก็นั่นแหละ ยังมีคนใช้ถนนมาประปรายระหว่างเส้นทางวิ่ง ไม่ได้ปิดเหมือนปีโน้นหรืออาจจะเพราะต่างกันตรงที่ว่า ครั้งนั้น พระองค์ภาฯทรงเสด็จมาร่วมวิ่งด้วย การดูแลรักษาพระองค์ท่านจึงปลอดภัยและเรียบร้อยมาก เราได้รับพระบารมีของพระองค์ในการวิ่งครั้งนั้น รวมไปถึงการต้อนรับจากชาวพะเยาขณะวิ่งเข้าหมู่บ้านซึ่งมีคุณตา คุณยายและพี่น้องชาวพะเยาออกมาปรบมือให้กำลังใจและต้อนรับนักวิ่งจากทั่วประเทศ ดูอบอุ่นดี รวมถึงน้ำท่าที่มีเกลือแร่จุดเว้นจุด (ผู้จัดบอกมาแบบนั้น) แต่ปีนี้มีเกลือแร่ให้กินเพียงจุดเดียวและน้ำขาดในกิโลที่ 20 ฉันนึกไม่ออกว่า นักวิ่งท้าย ๆ อีกหลายร้อยคนที่วิ่งตามหลังฉันมาจะเป็นอย่างไรเพราะวันนี้อากาศร้อนมาก ๆ ร้อนตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ยิ่งสายก็ยิ่งร้อน ภาวนาแต่ว่า ทีมงานจะจัดการส่วนนี้ให้ดีและจริงใจอย่างแท้จริง เพราะอากาศร้อนจนแทบละลาย นึกถึงคนที่เริ่มวิ่งระยะไกลครั้งแรก จะทรมานมากหากเจอแดดแบบนี้ สงสารพวกเขา

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ฉันวิ่งไป น้ำตาไหลไปเพราะคิดถึงเรื่องราวของพ่อ นั่นเพราะกลิ่นของน้ำในกว๊านพะเยายามกระเพื่อม เหมือนกลิ่นน้ำคลองแม่น้ำเจ้าพระยา โชยกลิ่นความหลังซัดมาเป็นระยะ ๆ นึกถึงยามนั่งเรือหางยาวกับพ่อตอนไปบ้านปู่ น้ำกระเซ็นซะหน้า เราหลบหลังพ่อ แต่พ่อบังให้และนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ คิดแค่นี้ก็ร้อนผ่าวที่ดวงตา น้ำตาไหลออกมา ฉันไม่คิดว่าจะต้องปาดน้ำตาหรืออายใครหรอกนะ ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้วยามนี้ ยิ่งคิดถึงพ่อก็ยิ่งน้ำตาไหล เป็นน้ำตาแห่งความคิดถึง คิดถึงการกินข้าวด้วยกันกับพ่อมื้อสุดท้ายที่ร้านปูเป็นก่อนพาพ่อไปไหว้พระ พ่อหอบและเดินไม่ไหว นั่งรอเราอยู่ในรถตอนเราขึ้นไปไหว้พระ คิดถึงไอศกรีมที่ซื้อให้พ่อกินตอนนั่งรถด้วยกัน คิดถึงข้าวหลามข้างวัด มะขามเทศที่ฉันวิ่งลงไปซื้อให้พ่อเพราะพ่ออยากกินมาก ไม่คิดว่าเป็นมื้อที่ได้กินข้าวอร่อย ๆ กับพ่อครั้งสุดท้าย ความคิดถึงไม่ได้ทำให้วิ่งเร็วขึ้นหรอกนะ ก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านอะไร ความคิดถึงก็ไม่ได้ทำให้มีพลังหรือท้อถอยลงไป แต่ความคิดถึงมาแบบไม่รู้เวล่ำเวลาซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนสนิทและคุ้นเคยกัน ไม่ต้องรอให้เราเชื้อเชิญ รู้ว่ามาเมื่อไรก็ได้ มาเมื่อไร เราก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอ ความคิดถึงมาทักทายเมื่อได้อยู่ตามลำพังกับตัวเอง ทั้งที่ร่างกายกำลังเคลื่อนไหวแต่กลับรู้สึกสงบ อบอุ่นและเป็นสุข คิดว่าพ่อคงมองเราวิ่งจากบนสวรรค์ พ่อรู้เสมอว่าเราชอบเล่นกีฬา ชอบการออกกำลังกลายแจ้ง มันคือความสุขที่พ่อไม่ห้าม พ่อภูมิใจกับสิ่งที่ลูกทำได้เสมอ ภูมิใจกับเราได้ทุกเรื่อง ฉันรู้ ถ้าพ่ออยู่ พ่อก็อวยพรให้เสมอไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

ฉันวิ่งมาถึงกิโลที่เจ็ด เห็นน้องออยอยู่ข้างหน้า เลยได้เซลฟี่ด้วยกัน ผลัดกันถ่ายรูประหว่างวิ่ง ฉันมักจะอยู่รั้งท้ายของกลุ่มเสมอ สตาร์ทช้า ไปช้า ๆ เรื่อย ๆ คุมโซนการวิ่ง คุมจังหวะและพยายามไม่ให้ตกไปกว่าเพซ 8 คิดแค่นี้จริง ๆ

จากนั้นก็พยายามมองสเต็ปการก้าวของคนข้างหน้า หากดูแล้วว่าวิ่งเพซเดียวกันก็จะเกาะติดไป เหมือนกาเพื่อนร่วมทาง เพราะเร็วกว่าจังหวะเราก็จะไม่ตาม กว่าจะรู้จักตัวเองว่า ไม่วิ่งตามเพซคนอื่น ไม่กดดันตัวเองเกินความจำเป็นนี่ก็ใช้เวลามาพอสมควร

ถึงจุดให้น้ำกิโลที่สิบ เพิ่งจะมีเกลือแร่ ได้กินเกลือแร่ที่จุดนี้จุดเดียวและหยิบกล้วยหอมครึ่งลูกติดมือไปด้วย อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เพิ่งจะหกโมงกว่า ๆ


ฉันบิกล้วยพอคำและวิ่งไปเคี้ยวไป ค่อย ๆ กลืน ไม่ลำบากนักเพราะวิ่งเพซช้า ไม่ทำให้สำลักอาหารหรือน้ำ ไม่เร่งตัวเองเพราะหนทางยังอีกไกล


ฉันยังแซงใครไม่ค่อยได้เพราะแต่ละคนยังวิ่งดีมาก มีบางช่วงที่ทิ้งห่างกลุ่มใหญ่ข้างหน้า แต่พอกิโลที่สิบห้า ก็เกาะกลุ่มไปได้

แดดแรงขึ้น ๆ ฉันล้างหน้าทุกสองกิโล ครีมกันแดดคงหายไปกับน้ำแล้วล่ะ แล้วก็ไม่ได้เตรียมมาทาหลังจากนั้นเสียด้วย ร้อนหน้า ร้อนคอ แต่ก็ยังไปได้เรื่อย ๆ คุมเพซเจ็ดกว่าไปเรื่อย ๆ พยายามไม่ให้เกินเพซแปด


พอถึงจุดให้น้ำกิโลที่ 20 ไม่มีน้ำกินแล้วตอนนี้ เห็นทีมผู้จัดกำลังเทผงเกลือแร่เป็นซองละลายน้ำ แต่ตอนนั้นเหลือแก้วสุดท้ายที่นักวิ่งคนนั้นกำลังรอกิน แก้วหมด น้ำหมด ฉันคิดว่า กิโลที่ 22 น่าจะมีน้ำ

ระหว่างวิ่ง ฉันวิ่งสลับซ้ายไปขวากลับไปกลับมาทั้งสองข้างถนนเพราะหลบแดด ต้องดูรถด้วยเพราะช่วงนี้วิ่งบนถนนก่อนจะไปที่จุดเข้าเส้นชัย

ฉันเริ่มเชื่อมั่นในการฝึกซ้อมและการวิ่งแบบมีสมาธิมากขึ้น ประสบการณ์สอนมาอย่างนั้นว่า อย่ากระเจิดกระเจิงหรือกังวลจนต้องวิ่งตามคนอื่น มีสติ คุมใจตัวเองให้ดี เราซ้อมมาอย่างไรก็วิ่งอย่างนั้น มันจะก้าวไปได้เรื่อย ๆ ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด ขอเพียงเราอย่าหยุด อย่าท้อ บางช่วงเหนื่อยก็จ็อกกิ้งไปช้า ๆ หรือเดิน รู้ขีดจำกัดของตัวเองและกลับเข้ามาสู่เพซที่เราเคยซ้อมไว้ ยังไงก็ไปถึง ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่คิดจะเร่งให้เร็วกว่าเพซที่เคยซ้อมไว้เหมือนกัน เพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บและเกิดกล้ามเนื้อตายได้ อันนี้มันเคยเกิดขึ้นตอนที่ฉันจะสปริ้นท์สองกิโลสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย รู้เลยว่ามันไม่เซฟ ถ้าวิ่งสิบกิโล ฉันทำได้ แต่ระยะไกลขนาดนี้ ไม่เคยซ้อม ตั้งใจจะประคองท่ามกลางอากาศร้อนร้ายนี้ไปให้ได้ก็ดีใจแล้ว

การวิ่งครั้งนี้ ต่างจากสองปีที่แล้วมาก ครั้งนั้น ฉันจะเป็นลมทุกสองกิโลหลังจากผ่านสิบกิโลแรกมา ทั้งวิ่งทั้งเดิน ทั้งเร่งจะให้ถึงเส้นชัย กลัวแต่จะไปไม่ถึงเพราะกะเวลาไม่ได้ ไม่ได้ใช้นาฬิกาวิ่งและไม่ได้วิ่งพร้อมกับคู่วิ่ง ป้ายบอกระยะทางแต่ละกิโลเมตรก็ไม่มี กลัวหลงทางก็กลัวเพราะหลงทางบ่อย ยิ่งเป็นนักวิ่งท้ายแถวจะไม่รู้เส้นทางวิ่ง โดดเดี่ยวมาก ๆ ความกังวลระหว่างทางวิ่งเยอะมาก ปีนี้ใจสงบขึ้นเยอะ ไหนจะกำลังอยู่ตัวขึ้น ไหนจะความกดดันน้อยลง และที่สำคัญรู้จักตัวเองมากขึ้น มีความสุขมากขึ้นแม้จะวิ่งช้ากว่าพรรคพวก และดีแค่ไหนที่มีเพื่อน ๆ และสามีรอคอยแสดงความยินดีกับเราเมื่อถึงเส้นชัย



ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
20 พฤษภาคม 2561













Create Date : 22 พฤษภาคม 2561
Last Update : 22 พฤษภาคม 2561 7:55:15 น.
Counter : 482 Pageviews.

1 comments
  
เหมือนจะไปงานเดียวกันกับคุณพู่ครับเนี่ย
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 22 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:15:52 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com