--- a Year of Running ---
ผมไม่เคยหยุดพักสองวันติดกัน กล้ามเนื้อของคนเราเหมือนวัวควายไถนา ไม่มีความคิดแต่หัวไว ถ้าเราเพิ่มน้ำหนักให้ทีละน้อย สัตว์บรรทุกเรียนรู้ที่จะแบกภาระเพิ่มตราบเท่าที่เราจู้จี้ชี้บอกว่าเราคาดหวังสิ่งใด โดยสาธิตให้เห็นว่านี่คือปริมาณงานทั้งหมดที่ต้องแบกรับ กล้ามเนื้อจะเชื่องเชื่อ ปฏิบัติตามและเพิ่มความแกร่งมากขึ้น ...
มูราคามิ
::
::
การเดินทางกลับบ้านมาทำงานทำให้ต้องงดวิ่ง เมื่อคืนอากาศเย็น( 17 องศา) แต่คิดว่าวิ่งเวลานี้ดีกว่าตอนตีสี่ หนาวจัดฉันวิ่งไม่ออก ร้อนจัดก็วิ่งไม่ไหว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปเพราะปีนี้ตั้งใจจะเน้นเก็บไมล์การวิ่งทั้งปี(ไม่ได้เลียนแบบมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กนะ)
สังเกตเห็นชัดว่า หากร่างกายหยุดวิ่งเกินสองวัน เหมือนกล้ามเนื้อต้องเริ่มต้นใหม่และลืมได้เลยว่าเคยวิ่งยี่สิบกิโลมาแล้ว ร่างกายอนุมานโดยอัตโนมัติว่า ไม่มีความจำเป็นต้องวิ่งหนักอีกแล้ว ถึงตรงนี้ ต้องยอมความฉลาดของกล้ามเนื้อที่สั่งงานโดยสมองแม้หัวใจจะฝังใจจำว่าเคยทำได้ก็ตาม
เราวิ่ง 12 กิโลโดยไม่คุยกันสักคำ ฉันไม่โอดโอยกับอากาศเย็นประมาณนี้ เพื่อนฝูงลงเวรกลางคืนขับรถสวนทางระหว่างที่เราวิ่ง ทุกคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง 'บ่หนาวกันก๋าเจ้า'
ขณะคูลดาวน์ ฉันบอกโตว่า ช่วยหาเวลาพาไปวิ่งตอนแดดร้อน ๆ หน่อย สักสองชั่วโมงขึ้น ร่างกายไม่สู้แดดเอาเสียเลย
#ภูพเยีย
#ayearofrunning
#whenpoopayiaruns
20160105
ลงดอยมา สลบเหมือด อาบน้ำเสร็จหลับเป็นตายทั้งที่ตั้งใจจะไปยืดเหยียดแข้งขาสักหน่อย
เย็นวันจันทร์ ยืดเหยียดบนลู่วิ่งที่บ้าน ไป 5 กิโล แต่เป็นการเดิน 50 นาที สปีด 6
วันนี้ ลองวิ่งยืดเหยียดสักหน่อย เพราะปวดหน้าขาสองข้างเนื่องจากขาลงดอยเป็นแนวดิ่ง ทางชันตลอดเส้นทาง ยิ่งระวัง ยิ่งเกร็ง ยิ่งเจ็บหน้าขา แต่โชคดีที่ไม่เจ็บข้อเท้าและหัวเข่าซึ่งระมัดระวังที่สุด เกรงจะวิ่งมินิมาราธอนอีกไม่ได้ ชอบวิ่งระยะนี้เพราะวิ่งสนุกและมีความสุขทุกครั้ง
คืนนี้วิ่งเหยาะ ๆ ไป 5 กิโล 35 นาที
แปลกใจว่า ตอนวิ่งก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ได้ แต่พอหยุดวิ่งแล้วกลับเจ็บหน้าขา
สี่วันนี้เลยไม่ได้เก็บระยะวิ่งจริง ๆ พรุ่งนี้ค่อยวิ่งใหม่
คืนนี้อากาศเย็นมาก
ดีใจที่ได้วิ่ง
วิ่งแล้วมีความสุข
12 มกราคม 2559