กานพลู...เจ้าหญิงตัวน้อยของแม่ (ชีวิตคือการต่อสู้...กานพลู คือยาชูกำลัง)
 
 

เรียก "แม่" หน่อยซิลูก




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2553   
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 13:37:02 น.   
Counter : 346 Pageviews.  


รักไหนที่ว่าแน่..สู้รักของแม่ก็ไม่ได้




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2553   
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 13:03:18 น.   
Counter : 450 Pageviews.  


Single mum ผู้หญิงที่ควรชื่นชม หรือ สมน้ำหน้า...

พูดถึงสมัยนี้ มีแม่ ๆ หลายคนเลยที่ต้องมากลายเป็น Single mum กันแทบจะเดินชนกันเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าการเป็น Single mum มันดีที่ตรงไหนนะ เดียวเรามาลองหาข้อดีกันดีไหมคะ เพราะว่าเราเองก็เป็น single mum คนนึง เชื่อได้เลยว่า แม่ซิงฯ ทุกคนคงไม่มีใครอยากมาเป็นหรอก เพียงแต่ว่าสถานการณ์ มันบังคับ ก็เลยต้องยอมรับกับสถานะการเป็นแม่ซิงฯ ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เราเป็นแม่ซิงฯ มาครบ 1 ปีละคะ รู้สึกภูมิใจและมีความสุขยังไงก็ไม่รู้ เหตุผลที่ต้องมาเป็นน่ะเหรอคะ ก็เพราะตัวพ่อเค้าไม่ยอมรับเรากับลูกไงคะ เค้าให้เหตุผลว่า เค้าอายที่จะยอมรับเราซึ่งมีอายุแก่กว่าเค้า เป็นภรรยาออกหน้าออกตา แถมเราก็มีหน้าตาที่ไม่สวย พาไปเดินควงอวดใครก็มีแต่จะสร้างความอับอายให้กับเค้า (ประหนึ่งว่าตัวพ่อหล่อปานเทพบุตร) เค้าไม่เคยบอกกับใครเลยแม้แต่คนในครอบครัวของเค้า ว่าเรากับเค้าคบกัน ครอบครัวของเค้าเพิ่งจะมารู้หลังจากที่เราคลอดลูกสาวออกมาได้ประมาณ 3 เดือน เค้าให้เหตุผลกับเราว่า การที่เค้าไม่บอกพ่อแม่ ครอบครัวของเค้าเพราะว่า เค้ากลัวว่า พ่อกับแม่และครอบครัวเค้ารับเราไม่ได้ ที่เราแก่กว่าเค้า และก็ยังไม่สวยอีกต่างหาก ไม่อยากทำให้พ่อแม่และครอบครัวของเค้าต้องอับอาย คนทั้งหมู่บ้าน (แต่ ณ วันนี้ พ่อแม่ และครอบครัวของเค้ากลับไม่อายเลย ที่ตัวพ่อทอดทิ้งภรรยากับลูกไปมีหญิงใหม่หน้าตาเฉย) จะใช่เหตุผลนี้หรือเปล่าก็ไม่รุ้นะ เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงเพิ่งมารู้สึกว่ารับเราไม่ได้ขั้นรุนแรงจนต้องการที่จะแยกทางกับเราทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เรากับเค้าก็คบกันและอยู่ด้วยกันมาถึง 3 ปี คงจะอยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าเพราะอะไร...

ก็เพราะว่า เค้าต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ ซึ่งมันเหมือนเป็นทางที่จะนำเค้าไปขึ้นสวรรค์เลยก็ว่าได้ เหมือนเค้ารอคอยเวลานี้มานานแสนนาน และในช่วงเวลานั้นเอง เราก็ดันกำลังจะเป็นแม่คนอีกต่างหาก เค้าไม่มีทีท่าที่จะเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปทำงานต่างจังหวัดเลย ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเรากำลังท้อง และต้องอยู่เพียงคนเดียว ก่อนที่เค้าจะไปเค้าบอกกับเราว่า เค้าจะหมั่นกลับมาดูแลเรากับลูกในท้อง แต่เชื่อไหมว่า เค้าทำอย่างที่เค้าบอกไว้แค่เพียงสองเดือน เพราะพอเข้าเดือนที่สามทุก ๆ อย่างก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เราโทรหาเค้า เค้าก็ไม่ค่อยอยากที่จะรับสาย พอรับสายก็ไม่เคยเลยที่จะพูดดี ๆ กับเรา มีแต่คำพูดที่ถากถางและคำพูดที่ทำเหมือนกับว่า เรากับลูกคือตัวถ่วง ตัวทำลายอนาคตของเค้า เค้าบอกกับเราว่า ขอชีวิตและอนาคตคืนให้กับเค้าได้ไหม เค้าอยากที่จะกลับไปเป็นคนดี ไปทำในสิ่งที่ถูกต้องให้กับชีวิตสักที (การทิ้งลูกทิ้งเมีย ไปมีเมียใหม่ที่สาวกว่า สวยกว่าคือสิ่งที่ถูกต้องในชีวิตของเค้า...คิดได้ไงฟระ) เพราะการที่เค้าทนอยู่กับเรามา 3 ปีนั้น มันเหมือนเค้าตกอยู่ในนรก...

ตอนนั้นเรายอมรับว่าเราทั้งเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่เค้าทำมากเหลือเกิน ลูกในท้องก็เริ่มที่จะเติบโตขึ้นทุกวัน ๆ แต่เราต้องอยุ่คนเดียว เช้าตื่นขึ้นมานั่งรถสองแถวไปทำงาน ตกเย็นก็อาศัยรถของเพื่อนร่วมงานกลับบ้าน ไปหาหมอตรวจครรภ์ก็ไปคนเดียว ลุ้นเพศของลูกก็ลุ้นคนเดียว ไปซื้อของใช้ของลูกก็ต้องไปกับคนอื่นบ้าง ไปคนเดียวบ้าง วันหยุดก็ต้องกินข้าวคนเดียว ไม่ว่าจะมื้อไหน รู้สึกได้เลยว่ารสชาติของอาหารมันไม่มีความอร่อยเลย แต่ก็ต้องฝืนกินเพราะว่าลูกในท้องเค้าต้องการอาหารเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต เราจะเห็นแก่ตัวทำร้ายตัวเองโดยการไม่สนใจตัวเองอีกต่อไปไม่ได้ แม้ว่า ณ เวลานั้น เราจะรู้สึกโกรธและเกลียดตัวเองมากเพียงใด แต่เราก็ต้องบอกกับตัวเองว่า เรายังมีอีกหนึ่งดวงใจที่ต้องการความรัก ความดูแล และเอาใจใส่จากเราอยู่ เค้ากำลงจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกไม่ช้า และเค้านั่นแหละที่จะออกมาเติมเต็มทุกสิ่งในชีวิตของเราที่ขาดหาย...เพียงแต่ว่าวันนี้ เรายังคงต้องรอคอยวัน เวลา ที่จะได้พบเค้าเท่านั้นเอง...

ช่วงเวลาที่ท้องเริ่มใหญ่ขึ้น ความกลัวต่าง ๆ ก็มีเข้ามามากมาย เนื่องจากเราอายุมาก เรากลัวว่าลูกที่เกิดมาจะไม่สมบูรณ์ กลัวว่าถ้าหากว่าเราเกิดเจ็บท้องขึ้นมาเราจะทำอย่างไร แต่ตัวพ่อกลับไม่ห่วงใย จนเราสืบได้ว่าเค้ากำลังไปติดพันอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ ในที่ทำงานเดียวกัน โดยผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่รู้ว่า เค้ามีเราและลูกอยู่แล้ว แต่พอตัวพ่อเค้ารู้ว่าเรารู้เรื่องของเค้า เค้าโกรธเราเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะกลัวว่าเราจะเข้าไปทำลายความฝันที่เค้าต้องการเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงคนนั้น เค้ารีบกลับมาหาเราที่กรุงเทพฯ ช่วงสงกรานต์ปี 2552 ไม่ได้ว่าจะกลับมาเพื่อที่จะกลับมาอยุ่เป็นเพื่อน แต่กลับมาเพื่อที่จะขอเลิกกับเราอย่างเป็นทางการ และต้องการไปเริ่มต้นกับผุ้หญิงคนนั้น และที่สำคัญผุ้หญิงคนนั้นก็รู้เรื่องของเรากับเค้าแล้วด้วย ตัวพ่อเค้าเป็นคนบอกเอง เพราะเค้าคิดว่าเราจะบอกก็เลยชิงบอกไปก่อนแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีจิตสำนึกที่ดีเลย เพราะแอบเห็นข้อความที่เค้าส่งหากันทางมือถือ ผู้หญิงคนนั้น บอกว่าจะรอเค้ากลับไป ขอให้รีบกลับมาเคลียร์กับเราให้สำเร็จก็แล้วกัน เลวพอกันอ่ะ เพราะว่าขนาดเป็นลูกผุ้หญิงด้วยกัน ยังไม่เข้าใจหัวอกของลูกผู้หญิงด้วยกันเลย นับประสาอะไร ตัวพ่อพันธุ์นั้น จะมีวันเข้าใจ และยิ่ง ณ เวลานี้ด้วยแล้ว ไอ้ตัณหากามมารมณ์อยากลองของใหม่ก็ครอบงำจนแยกไม่อยกแล้วระหว่างความผิดชอบ ชั่ว ดี พอเราถามถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาเค้าก็โกรธ จนถึงขึ้นที่จะหยิบมีดขึ้นมาแทงเรากับลูกในท้องเลย ภาพที่เราเห็นตอนนั้น มันทำให้เราตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า พอกันที สิ้นสุดกันที กับผุ้ชายคนนี้ เค้าไม่มีคุณสมบัติในการที่จะเป็นสามี และเป็นพ่อที่ดีของลูกเราอีกต่อไป การที่เค้าสามารถคิดทำร้ายเรากับลูก เพียงแค่กลัวว่า เราสองคนแม่ลูกจะไปทำลายชีวิตเค้า มันก็บ่งบอกได้แล้วว่า เค้าไม่เหลือใจให้กับเราและก็ไม่ได้ต้องการลูกคนนี้อีกต่อไป...วินาที นั้น เราก็บอกกับเค้าไปว่า...ตามสบาย เรากับลูกจะไม่ขอวุ่นวายหรือเหนี่ยวรั้งเค้าอีกต่อไปแล้ว เพราะเราไม่เคยคิดที่จะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการเหนี่ยวรั้งเค้าเลย ลูกคนเดียวเราเลี้ยงได้ ไม่ต้องห่วงเพียงแต่ว่าเราอาจจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขสบายไม่มากเท่าไหร่ เพราะว่าเราเองก็ใช่ว่าจะร่ำรวยมีฐานะอะไร เราก็แค่เป็นพนักงานออฟฟิต ทำงานหาเช้ากินค่ำธรรมดา แถมยังมีหนี้สิน และภาระอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่ง ณ วันนี้ เราก็ไม่เคยที่จะเรียกร้องค่าเลี้ยงดูลุกจากเค้าเลยสักครั้ง แม้ว่าจะเราจะประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักก็ตาม แต่เราก็ขอให้เค้าไปสวรรค์อย่างที่เค้าต้องการ...

นี่เป็นเพียงเหตุผลคร่าว ๆ ที่เราต้องกลายมาเป็นแม่ซิงฯ จริง ๆ แล้วมันมีเรื่องราวระหว่างเรากับเค้าอีกมากมาย เล่าต่อไปมันก็จะยิ่งเหมือนละครน้ำเน่าเข้าไปทุกที เพราะช่วงเวลา 3 ปีที่อยุ่ด้วยกันนั้น มันก็มีสิ่งดี ๆ มากมายที่เราสองคนทำร่วมกัน และก็มีเรื่องราวร้าย ๆ อีกหลายอย่างเช่นกัน จนจะเลิกรากันไปก็หลายครั้งหลายหน หลายคนก็อาจจะมองว่าแล้วทำไมเราถึงโง่ที่จะยอมทนอยู่กับเค้า ทั้ง ๆ ที่รุ้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเรา เพราะเค้ามักจะพูดอยู่เสมอเวลาที่ทะเลาะกันว่า เรากับเค้าไม่สามารถไปด้วยกันได้ เพราะว่าอายุของเราที่ต่างกัน เค้าไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ได้เลย ก็เพราะความรักไงคะ เรารักเค้าและก็หวังว่าเค้าคงจะสามารถเปลี่ยนความคิดได้สักวัน เพราะพื้นฐานนิสัยของเค้า เค้าเป็นคนดี และเป็นคนที่ดูดีมากในสายตาของคนอื่นทั่ว ๆ ไปที่รู้จักเค้า และเค้าเองก็ยังเคยมีความรู้สึกดี ๆ กับเรา เคยรักและห่วงใยเรา ทำเหมือนเราเป็นคนที่สำคัญในชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ แต่ในทางตรงกันข้าม เราเองต่างหากที่กลับถูกมองว่า เป็นคนที่จะดึงให้เค้าตกต่ำ เพราะว่าเรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่คู่ควรกับเค้าเลย ในสายตาของคนอื่น ๆ ที่เฝ้ามองเราสองคนมาโดยตลอด บางคนก็มองด้วยความสงสารเรา เพราะคนเหล่านั้นมองเห็นในพฤติกรรมของเค้าที่กระทำกับเรา จนบางคนรับไม่ได้และก็เลิกคบกับเราไปก็มี เพราะว่าพวกเค้าทนเห็นเรายอมที่จะเป็นฝ่ายโดนเอาเปรียบ และโดนทำร้ายจิตใจไม่ไหว แต่ก็มีคนอีกบางกลุ่มที่เฝ้ามองความหายนะของชีวิตคู่ของเรา เพียงแค่ว่าคนกลุ่มนั้นไม่ชอบหน้าเรา และรู้สึกไม่พอใจที่เห็นเค้ากับเราคบกัน จะเรียกว่าอิจฉาก็ว่าได้มั้งนะ เพราะแก่ป่านนี้ยังสามารถมีแฟนรุ่นน้องได้ อีกอย่างเพราะคนกลุ่มนั้นคิดว่าตัวพ่อเป็นคนดี แต่กลับต้องมาเจอผุ้หญิงที่เคยมีแฟนมาก่อนและแถมมีอายุมากกว่า ไม่สวยอีกต่างหาก พวกเค้าเหล่านั้นก็เลยไม่ค่อยจะพอใจและต้องการที่จะมองเห็นตัวพ่อทิ้งเราไปอยู่ตลอดเวลา แล้ว ณ วันนี้ คนกลุ่มนี้ เค้าก็คงจะสมใจแล้ว เพราะว่า ตัวพ่อได้ทิ้งเรากับลูกไปแล้วนั่นเอง...

แต่แล้วช่วงเวลาของความเศร้า และทุกข์ทรมานก็ผ่านพ้นไปค่ะ จนมาถึงวันนี้ วันที่เรากลายมาเป็นแม่ซิงฯ เต็มตัว แถมรู้สึกดีมาก ๆ ด้วยที่ได้เป็นแม่ซิงฯ และตอนนี้ก็ไม่หลงเหลือความโกรธ ความเกลียดชัง ตัวพ่อแต่อย่างใด กลับคิดว่า ต้องขอขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ ที่เค้าได้มอบของขวัญอันล้ำค่าที่สุดให้กับเรา นั่นก็คือลูก เพราะทุกวันนี้ เรามีความสุขมากเหลือเกิน ที่คอยเฝ้าดูพัฒนาการของลูกที่เติบโตขึ้นทุกวัน ซึ่งเค้าไม่มีโอกาสแบบเราเลย เราไม่ต้องคอยเครียดหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ ของตัวพ่ออีกต่อไปแล้ว เค้าจะไปไหนกับใคร ไปเที่ยวกับใคร โทรหาใคร หรือว่าไปนอนกับใคร เราก็ไม่ต้องไปสนใจรับรุ้ให้ทุกข์ใจอีกต่อไป เอาความรักทั้งหมดที่เราเคยทุ่มให้ตัวพ่อหมดใจ นั้นคืนกลับมา แล้วก็มอบให้กับลูกของเราจนหมดเลยค่ะ เรายอมรับว่าการเป็นแม่ซิงฯ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แต่มันมีความสุขมากมายเหลือเกินค่ะ อาจจะเหนื่อยหน่อยก็เพราะว่าเราต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงลำพัง ในการที่จะเลี้ยงลูกคนนึงให้เติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ดีในสังคม วันนี้เราเองก็ยังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่า ลูกของเราจะเติบโตขึ้นเป็นคนดี เพราะมันเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน ยิ่งสังคมบ้านเมืองเราทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปจนน่ากลัว แต่เราก็บอกกับตัวเองว่า เราจะต้องเฝ้าคอยดูและอบรมเลี้ยงดูลูกของเราให้เติบโตขึ้นมา เป็นคนที่ไม่สร้างปัญหาให้กับใคร ไม่เอาเปรียบใคร ไม่รังแกใคร ไม่แย่งของรักของใคร และให้พอใจในสิ่งที่ตนเองมี จะคอยเลี้ยงดูลูกให้เค้ารู้จักการให้ ให้เค้ามีความเสียสละ และมีน้ำใจกับคนอื่น และที่สำคัญให้เค้าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ไม่หนีปัญหาและกล้าที่จะเผชิญกับความเป็นจริง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ยากมากเลย แต่ก็จะต้องทำให้ได้...เพราะเราไม่อยากเห็นลูกเรามีอนาคตที่ผิดพลาดเช่นเราและเป็นคนขี้ขลาดไม่กล้าสุ้กับความเป็นจริงเหมือนตัวพ่อของเค้านั่นเอง....

วันนี้ เรากล้าที่จะบอกกับคนทุก ๆ คนที่รู้จักและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในชีวิตของเราว่า บางคนเฝ้ามองอย่างชื่นชม แต่ก็มีอีกบางคนที่เฝ้ามองด้วยความสมน้ำหน้า แต่เรากลับคิดว่า การที่ เราเป็นแม่ซิงฯ ไม่มีอะไรต้องอายใคร เพราะว่าเราไม่ได้ขอใครกิน และการเป็นแม่ซิงฯ ก็ไม่ได้ไปทำให้สิทธิของผู้หนึ่งผู้ใดในโลกนี้ถูกริดรอน การที่เราโดนสามีทิ้งแล้วไปมีหญิงอื่นนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราถึงแก่ความตาย เพราะว่าเราก็ยังสามารถหายใจได้เหมือนปกติ แถมหายใจได้โล่งกว่าก่อนด้วยซ้ำไป เพราะว่าเราไม่ต้องคอยระแวงสามีของเรากำลังนอกใจเราไปมีคนอื่นอีกต่อไป ณ วันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะยืนเคียงข้างเป็นเพื่อนคอยเป็นกำลังใจ และให้คำปรึกษากับแม่ซิงฯ น้องใหม่ป้ายแดงทุกคน ที่กำลังตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับเรานะคะ สามารถเข้ามาแชร์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ตลอดเวลา ในบ้านชานเรือน ห้องสนทนาประสาชานเรือน ซึ่งเราจะเข้ามาเปิดบ้านรอแม่ ๆ ทุกคน ไม่จำเพาะว่าต้องเป็นแม่ซิงฯ เท่านั้นที่จะเข้ามาคุยกันได้ แม่ ๆ และทุก ๆ คนที่ต้องการเข้ามาพูดคุยหรือแนะนำ สิ่งดีๆ หรือต้องการให้กำลังใจก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ทุกวันนะคะ ยกเว้นวันหยุดราชการ

มาถึงบทสรุปที่ร่ายยาวมาทั้งหมด ก็แค่อยากรับรุ้ว่า Single mum เป็นผู้หญิงที่ควรชื่นชม...หรือสมน้ำหน้า คะ ในความเห็นของคุณ ๆ







 

Create Date : 14 มิถุนายน 2553   
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 8:02:58 น.   
Counter : 539 Pageviews.  


1  2  3  

อยากได้ลูกไก่มาไว้ในกำมือ
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อยากได้ลูกไก่มาไว้ในกำมือ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com