。◕‿◕。Singapore
21-23/09/2010 ทริปสั้นๆ และมีแต่ร้อน ไปสิงคโปร์คราวนี้ร้อนจริงๆ ค่ะ เหงื่อไหลไคลย้อย ไปถึงก็เดินๆๆๆ แล้วก็กินๆๆ เลยไม่รู้จะรีวิวอะไรดี เน้นรูปแล้วกันค่ะ ส่วนมากจะถ่ายแต่พวกตึกมาซะเยอะเลย ตึกบ้านเค้าสวยดี แบบแปลกๆ เยอะ บ้านเค้าสะอาดมากๆ กำลังจะมีฟอร์มูล่าวันพอดีเลยค่ะ หน้าตาซีดเซียว ...แต่ตึกข้างหลังสวยอ่ะนะอยากขึ้นอ่ะ (ได้แค่คิด) นั่งพักขาแถวๆ นี้ ลมพัดเย็นดีจัง วิวสวยด้วยด้านบนเหมือนสวนน้ำเลยอ่ะ (ได้แต่มองแบบ...ไกลๆ) ตึกทุเรียน เหมือนเนอะ ไปเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ล่ะค่ะ ตั้งแต่เที่ยงยันค่ำแข่งกันแยกเขี้ยว หนักนะเนี่ย วันแรก...มื้อเที่ยงไม่ได้ถ่ายมาให้ดูเลย เพราะหิวมาก ซัดกันเรียบส่วนมื้อเย็นมากินอาหารทะเลที่นี่ค่ะ ในเน็ตเค้าบอกว่าเจ๋ง มันก็เจ๋งจริงๆ นะคะ อาหารอร่อย+สด เพื่อนๆ ห้ามพลาด แถวนี้มีร้านให้เลือกเยอะเลย มีเทศกาลอาหารนาๆ ชาติด้วยค่ะปูตัวหย่ายๆๆ อันนี้ตัวเล็กแล้วน๊า...กุ้ง..อร่อยเหาะเลย ชอบๆๆ ออกหวานๆ มันๆๆหมั่นโถวทอด (มั้ง) ^^วันที่ 2 (อย่างรวดเร็ว) ที่นี่เลยค่ะที่รอคอย กะว่าทั้งวันจะหมกตัวอยู่ที่นี่แหละมีบริการกระเช้าด้วยค่ะ แต่ปูม้าไม่ได้นั่งไปด้านในกันเต๊อะใครๆ ก็ต้องมาถ่ายกับเจ้านี่ค่ะ ฮิตจริงๆ แต่ก่อนเข้าไปลุยข้างใน ขอเติมพลังก่อนแล้วกันค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าห้ามกินอะไรเป็นเส้นนะ กลัวอ๊วก 555+แต่เราไม่เชื่อ เพราะเรากินเส้น อิอิ รสชาติมันเหมือนสลัดแขกค่ะ ก็พอกินได้นะคะ ไม่ถึงกับเลวร้าย ^^แต่อันนี้ไม่เวิร์คๆๆ จริงๆ หน้าตามันน่าเวิร์คมั่กๆ อ่ะ><อันนี้ดีกว่า หน้าตามันอร่อยแน่ๆ 555เหมือนกาแฟโบราณบ้านเราเด๊ะอิ่มแล้ว งั้นเข้าไปลุยกันเลย ด้านในก็คล้ายๆ กับ Hong Kong Disneyland ปูม้ารังแกยายมีหลากหลายเครื่องเล่นค่ะ เพลินดี คนไม่เยอะด้วยต่อคิวเล่นไม่นานอันนี้อยากเล่นมาก วัยรุ่นเฟร็ง เปิดปีหน้าแน่ะ ฮือออ อดเลย อยากเล่น ชอบอันนี้มากเลย Shrek 4D หนุกมั่กๆ ตื่นเต้นๆๆ ><ของที่ระลึก กุ๊บกิ๊บ กุ๊บกิ๊บอันนี้ก็โอนะ หนุ่มหล่อเพียบเลยอลังการงานสร้างทุ่มทุนดีค่ะ ดูเพลินๆ เย็นดีด้วย มีระเบิดเปรี้ยงปร้างมาเป็นระยะๆ ให้ตื่นเต้นเล่นตอนแรกปูม้านึกว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์อียิปต์ซะอีก คริคริแต่มันไม่ใช่.. การันตีว่าเสียวสุดๆ ต้องที่นี่จ๊า อ๊าคคคคคคคคคคค......กลับออกมา หัว หู กระเซอะกระเซิงมาก ขอยมดม ยาหม่องหน่อย อยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันค่ำ กะให้คุ้มค่าตั๋วเดินเล่นต่อยังไม่หมดแรง รอดูโชว์รอบเย็นต่อค่ะ เผลอหลับไปด้วยนิดนึง แหะๆ ดูโชว์เสร็จก็หมดแรงแล้ว กลับออกมามืดพอดี ไม่มีรูปอาหารการกินเลยอ่ะ เพราะดึงกล้องออกมาไม่ทันเจงๆ T__Tวันที่ 3 ช่วงเช้าช๊อปปิ้งอย่างเดียวเลยจ๊ะ เดินห้างโน้น ออกห้างนี้ ของสาวๆ ลดเยอะเหมือนกันจ๊ะ ช่วงบ่ายก็กลับกรุงเทพฯ ล่ะ ทริปสั้นๆ สมชื่อจริงๆ เลยนะเนี่ย แล้วเจอกันทริปหน้าจ๊า... ขอบคุณเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมชมบล็อกนะจ๊ะ ^3^
。◕‿◕。Taiwan►4
23/01/2010 ทริปวันที่ 4 วันสุดท้ายแล้วค่ะตื่นมาตอนเช้า รู้สึกว่าตัวเองโทรมจัง 555 แบบว่าต้องตื่นเช้าแล้วก็กลับดึกทุกคืนเลยวันนี้จะพาไปวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของไทเป วัด Longshan ค่ะ วันนี้แต่งตัวด้วยเสื้อชุดเดิมค่ะ เปลี่ยนแต่กางเกง แบบว่าเสื้อผ้าหมดกระเป๋า เอามาน้อยเกินไป วัดนี้เป็นวัดที่มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ ซึ่งท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสงบสุข สถานที่นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วยเทพเจ้าสำคัญหลายๆ องค์ค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการก่อสร้างใหม่หลายครั้ง วัดแห่งนี้ยังคงเป็นวัดตัวอย่างที่มีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมค่ะแชะรูปรวมทริปกันหน่อย ไม่ค่อยมีรูปหมู่เลยวัดกว้างค่ะ ตกแต่งสวยงาม วันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดี คนเยอะมากกกไหว้พระเสร็จแล้ว แอบไปแบ๊วที่ร้านอาหารและขนมคิตตี้ Hello Kitty Sweetแต่ได้แค่ถ่ายรูปหน้าร้านค่ะ ถ้าจะเข้าไปในร้านต้องกินอาหารของเค้า เหล่ๆ ดูเข้าไปข้างใน หนุ่มๆ ที่ไปด้วยบอกว่าขอบายกัน 555 เพราะมันไม่มีผู้ชายเลยไงคะ มีแต่เด็กๆ และผู้หญิงที่เข้าไปนั่ง จะไปกินขนมในร้านสีชมพูกันก็อายเลยขอแค่แชะรูปหน้าร้านแล้วกันหน้าร้านค่ะ แหววจริงๆ อ๊าคค แต่มันก็ไม่เหมาะกับปูม้าจริงๆ นั่นแหละ แหววเกิ๊นนนนนอันนี้หน้าร้านจากฝั่งตรงข้ามค่ะ หิวล่ะ กะว่าจะหาอะไรอร่อยๆ กินตอนเดินกลับมาโรงแรมเจอร้านนี้คนเยอะดี แถมมีรูปหน้าตาอาหารหน้าร้านด้วย รอดตายล่ะปูม้าสั่งอันนี้ไป อร่อยอีกแล้ว จะสังเกตได้ว่าอาหารที่นี่ชอบมีผักดอง ซึ่งจะเจอเกือบทุกเมนูคงกันเลี่ยนราคาประมาณ 75 NTD กินไม่หมดค่ะ เยอะจัดอันนี้พี่อีกคนนึงสั่งมาทาน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น แอบชิม รสไม่จัดเหมือนหน้าตาออกเผ็ดๆ หน่อยอิ่มแล้ว ได้กลิ่นเจ้าเต้าหู้เหม็นมาแต่ไกล ไหนๆๆ อยู่ไหนน๊า ตามกลิ่นไปไม่ยากเลยค่ะ กลิ่นตอนที่ไม่เห็นมันเนี่ย เหม็นสุดๆ ค่ะ สุดจะทน คนอื่นๆ ที่ไปด้วยถึงกับส่ายหน้าว่าเหม็นจริงๆ ถ้าจะกินขอร้องต้องไปกินไกลๆ นะ 555+เจอร้านล่ะ พอไปอยู่ใกล้ๆ กลิ่นไม่เหม็นแฮะ สรุปจะเหม็นตอนอยู่ไกลๆ อิอิซื้อมา 1 ชิ้นค่ะ เพราะคนอื่นๆ ไม่ยอมกินกัน เหมือนเต้าหู้ทอดบ้านเราเด๊ะ ตกชิ้นนึง 45 NTD ค่ะ เค้าจะมีน้ำจิ้มให้เลือก 2 แบบ ก็จิ้มๆ อันที่แบบดูแล้วเหมือนน้ำซอสซีอิ้วขาวบ้านเราค่ะได้มาแล้ว กลิ่นเหม็นนักใช่มั๊ย กินซะเลย จะหม่ำละนะ ออ มีกระหล่ำปลีดองเป็นเครื่องเคียงอีกล่ะอ้ำ เคี้ยวช้าๆ อืมม มันก็อร่อยดีนะ กัดลงไปมันจะมีกลิ่นนิดหน่อยแต่ไม่เยอะค่ะ แล้วน้ำจิ้มที่คิดว่าเค็มก็กลายเป็นหวานๆ ซะงั้น ถ้าไม่กินเต้าหู้เหม็น เค้าบอกว่ามาไม่ถึงไต้หวัน เเย้ๆๆๆ ในที่สุดก็ไปถึงไต้หวันแบบเต็มรูปแบบแล้ว เดินกินเต้าหู้เหม็นมาคนเดียว แบบไม่มีคนคบ กินจนหมดชิ้นค่ะ อิ่มมาก แต่...มันยังไม่พอ จะกลับแล้วยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ยังไม่ได้กินเดินมาจนถึงใกล้โรงแรม เล็งไว้นานล่ะ เจ้านี่ แต่ยังไม่มีโอกาสกินซะทีก็ฝนมันตกทุกวันนินาวันนี้ฟ้าเปิดเจอแสงแดด ไม่ลองได้ไงไปเข้าแถวยืนรอเหมือนเด็กๆ เลยค่ะเห็นไอติมอันนี้แล้วแอบคิดถึงเดวิลเนอะ จริงๆ มันมียาวกว่านี้อีกนะคะราคาจะ 25 NTD แต่ปูม้าไม่ไหวที่จะกินแล้วเลยซื้ออันที่ไม่ยาวมากมาแล้วกันแค่ 15 NTD ค่ะ ยิ่งแพง ยอดไอติมยิ่งยาว หุหุโอย อิ่มจะตายชักแต่ก็ยังอยากกินก็อร่อยดี เหมือนไอติมธรรมดาๆ บ้านเรา คิคิ วันนี้ที่ Ximending มีคอนฯ ด้วยแหละ วัยรุ่นเพียบอิ่มแปล้ สรุปกินไม่หมดค่ะ ^^มาถึงโรงแรมประมาณบ่าย 2 ต้องเตรียมตัวออกเดินทางไป Taoyuan International Airport แล้วค่ะ ยังไม่อยากกลับเลย วันนี้ท้องฟ้าเปิดด้วยอ่ะ ทุกวันฝนตกซะงั้น ทีมพร้อม กระเป๋าพร้อม ต้องจากไทเปแล้วค่ะ การเดินทางก็เรียก Taxi จากหน้าโรงแรมไปที่ Taiwan Bus Corp. (Kuokuang Line) เพื่อต่อรถบัสไปที่ Airport อีกทีค่ะ ว่าแล้วอยากอยู่ต่ออีกจัง แต่คงไม่สามารถแล้วแหละ ไว้คราวหน้าจะมาใหม่เครื่องออกตอนประมาณ 18.20 น. ค่ะ เที่ยวบิน FD3657 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 20.50 น. กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพค่ะ ^^///////////////////จบลงแล้วค่ะทริปไต้หวัน หวังว่าทุกๆ คนคงสนุกกับการเดินทางนี้นะคะ ยังเสียดายว่าน่าจะไปหลายๆวันกว่านี้ เพราะมีอีกหลายๆ ที่เลยที่ไม่ได้ไป เช่น ทะเลสาปสุริยันจันทรา ไปนั่งรถไฟสายเก่า ฯลฯแต่ไต้หวันสถานที่เที่ยวอยู่นอกเมืองไกลๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ วันนึงได้ไปเที่ยว 2 ที่ก็หรูแล้ว เลยคิดว่าต้องไปไต้หวันอีกให้ได้แต่ที่เสียดายสุดๆ คือไม่ได้ไปที่นี่ค่ะ ห้างมิราม่า ที่มีเจ้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์ อยากจะกรี๊ดดดดดดดดด ไปไม่ทันจริงๆ ค่ะ เอารูปมาให้ดูเป็นออเดิร์ฟ คนที่เค้าไปมา สวยงามมากจริง ค่ะCR เจ้าของรูปภาพด้วยนะคะ ถ่ายได้สวยจริงๆ ค่ะขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามจนจรบทริปนะคะ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้าง แล้วเจอกันทริปหน้าค่ะ///////////////////ปูม้าทำตารางสรุปค่าใช้จ่ายให้ด้วยค่ะ เผื่อเพื่อนๆ สนใจงบประมาณ 15,000 บาท ก็สามารถไปไต้หวันได้แล้วล่ะคะเงินช๊อปปิ้งเหลือครึ่งนึงค่ะ เพราะไม่ได้ช๊อปอะไรเลย ตอนแรกคิดว่าจะได้ช๊อปจนเพลินซะอีก เพราะค่าเงินไม่แพงมาก ที่ไหนได้
。◕‿◕。Taiwan►3
23/01/2010 ทริปวันที่ 3 ค่ะตื่นมาด้วยหวังสุดชีวิตว่าฝนจะหยุดตก สรุปแล้วยังตกเช่นเคย แต่ไม่ว่าจะยังไงทริปก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป พกร่ม ผูกผ้าพันคอ ใส่หมวกด้วยนะคะ อิอิ วันนี้จะพาไปเที่ยวชมอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)ประวัตินิดหน่อยค่ะนายพลเจียงไคเช็ค คือ ประธานาธิบดีคนแรก ที่ยกกองกำลังมาก่อตั้งการปกครองใหม่ที่ไต้หวัน เป็นศิษย์ของ ดร. ซุนยัดเซ็น (ผู้ที่ต่อต้านการปกครองแบบแมนจู ที่ต้องโกนหัว และไว้เปียด้านหลัง)ท่านมีความขัดแย้งกับเหมาเจ๋อตุง ศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน แต่แนวคิดต่างกัน นายพลเจียงไคเช็คก็เลยยกคนที่มีหัวคิดทันสมัย เด็กนักเรียนไฟแรงที่จบจากเมืองนอก และคนที่เชื่อถือในการปกครองระบอบประชาธิปไตยจำนวน 2 ล้านกว่าคน ขึ้นเรือมายังเกาะไต้หวัน (แน่นอน พร้อมกับของมีค่าจำนวนหกแสนกว่าชิ้นมาด้วย)การเดินทาง จากโรงแรมไปขึ้น MRT Ximen ขึ้นสายสีเขียวอ่อน ลงที่ CKS Memorial Hall ค่ะระหว่างทางไป MRT สวยดีค่ะ นิทรรศการรูปภาพอาร์ทๆถึงแล้ว...เปิดให้เข้าชมได้ฟรีนะคะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะที่นี่พื้นที่เยอะค่ะ ตามอาคารพื้นที่ว่างๆ จะมีเด็กนักเรียนมาซ้อมเต้นกันด้วย มีเกือบทุกตัวอาคารเลยค่ะฝนก็ยังตกพรำๆ ค่ะธงประจำชาติท่านนายพลเจียงไคเช็ค ผู้ที่ซึ่งชาวไต้หวันภาคภูมิใจท่านนายพลเจียงไคเช็ค ปูม้าขอแชะรูปด้วยหน่อยนะคะทหารยืนนิ่งได้อีก ในทริปเถียงกันว่าหุ่นหรือคน ปูม้าเลยบอกว่าลองเดินเข้าไปสิคะ รับรองรู้แน่ว่าหุ่นหรือคน 555+ภายในมีนิทรรศการด้วยค่ะ Exhibition of Huang Ma Ching's Woodcarvingsเข้าไปดูรถที่ท่านนายพลเจียงไคเช็คใช้ดีกว่าค่ะรถสวยมากเลยค่ะ CADILLAC ทั้ง 2 คันท่านนายพลเจียงไคเช็คตอนหนุ่ม กับ อาจารย์ ดร.ซุนยัดเซ็นช่วงเช้าหมดไปกับการชมนิทรรศการที่นี่ค่ะช่วงบ่ายไปตึกไทเป 101 ค่ะ ตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกการเดินทางนั่ง MRT ไปลงที่ Sun Sen Memorial Hall จากที่นี่สามารถเดินไปตึกไทเปได้ค่ะประวัติ เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก (ที่เปิดทำการแล้ว) มีความสูง 508 เมตร มีทั้งหมด 101 ชั้น ภายในอาคารได้รับการออกแบบระดับโลก ชั้น B1 มีร้านขายอาหารไต้หวันจำนวนมาก เราสามารถไปชมวิวกรุงไทเปจากมุมสูง โดยขึ้นไปที่ชั้น 5 เพื่อซื้อบัตรไปชมวิวที่ชั้น 89 ในราคา 400 NTD โดยลิฟต์มีความเร็วมากที่สุดในโลกจากชั้น 5 ถึงชั้น 89 ด้วยความเร็วเพียง 37 วินาที ลงจากรถเริ่มหิวเดินฝ่าลมฝนกันมาหาอะไรกินรองท้องกันก่อนดีกว่ามองไปยังฝากตรงข้ามกับตึกไทเป 101 มีตลาดนัดด้วยต้องมีของกินอร่อยแน่ๆ ข้ามถนนเดินดุ่มๆ กันไปเลยค่ะเจอพวกผัก ผลไม้ ผักกระหล่ำหัวโต๊ โตแอปเปิลกรุบกรอบ ซื้อกินกันคนละลูก 2 ลูก อร่อยดีค่ะ ไม่แพงเหมือนในตลาดในเมืองด้วย เสียดายหอบกลับไม่ได้ เพราะหนักเกิ๊นอันนี้ มีคนมุงเต็มเลย เดินไปดูดีกว่า...มันคือไส้กรอกแต่มองผ่านๆ เหมือนกุนเชียง รู้แต่กลิ่นหอมสุดๆ กระเพาะร้องจ๊อกๆ เลยค่ะ ต้องชิมๆๆพ่อค้าหยิบให้ชิมทันที อร่อยจังฮู้...รสชาดมันจะหวานๆ แต่ไม่มันค่ะ แล้วก็กินกับกระเทียมดิบ กันเลี่ยนสั่งไปประมาณ 5 ชิ้น ชิ้นละ 50 NTD ค่ะน่ากินจังตึกไทเป 101 จากฝั่งตรงข้าม ....ข้ามถนนไปตึกไทเป 101 กันค่ะระหว่างทางเดินไปตึกไทเป 101 ลมพัดแรงดีจริงๆ ผมปลิวเชียวไต้หวันตึกสวยๆ เยอะนะคะ แต่มันไม่ได้แน่นขนัดจนดูอึดอัด อากาศก็ดี อยากไปอยู่สักหลายๆ เดือน ตึกด้านหลังแปลกดีค่ะเข้ามาภายในตึกไทเป 101 แล้วค่ะ ร้านค้าแบรนด์เนมเยอะแยะเต็มไปหมด ละลานตาโครงสร้างภายในตึกขอแวะร้าน Gift shop เพื่อซื้อของที่ระลึกหน่อยนะคะซื้อตั๋วมาแล้ว...ราคา 400 NTDขอบอกว่าลิฟต์วิ่งเร็วมาก เมื่อลิฟต์วิ่งภายในลิฟต์จะมืดลง ด้านบนเพดานลิฟต์จะปรากฏรูปหมู่ดาวต่างๆ สวยมากเลยค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะคงต้องใช้เฟลช อีกอย่างไม่แน่ใจว่าเค้าห้ามหรือเปล่าขึ้นมาถึงด้านบนแล้วมองไม่เห็นอะไรเลย หมอกหนามากๆ ส่วนวิวถ่ายมาค่ะ แต่มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะมีหมอกมัวๆ ปกคลุมเต็มไปหมดเจ้าตัว 101 ประจำที่อยู่ภายในตึก มีหลายสีเลยค่ะ แดง ดำ เทา น้ำเงินเนื่องจากไต้หวันอยู่ในเขตแผ่นดินไหวและได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ๆ มาหลายครั้งแล้ว ในช่วงระยะเวลาที่กำลังก่อสร้างอยู่นั้น ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวในไทเปในระดับ 6.8 ริคเตอร์เมื่อ 31 มีนาคม ค.ศ. 2002 ทำให้เครนก่อสร้างตกลงมา 2 เครื่องจากชั้น 56 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดที่กำลังสร้างในขณะนั้น เป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิต 5 ศพ แต่ไม่มีการชำรุดของโครงสร้างแต่อย่างใดจึงทำให้มีการสร้างเจ้าลูกตุ้มเหล็กหนัก 662 ตัน นี้ขึ้นมาซึ่งคอยช่วยถ่วงการเคลื่อนไหวของตึกในกระแสลมแรงได้เป็นอย่างดีค่ะลงไปดูเจ้าลูกตุ้มยักษ์ใกล้ๆ ดีกว่า ต้องเดินลงบันไดไปอีกชั้นนึงค่ะเอ๊ะ ทางเดินทำไมดำๆ ทะมึนๆๆเมื่อก้าวเท้าลงไปจะเป็นแบบนี้ค่ะ แผนที่ของเมืองไทเปรีบถ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนเดินตามมาด้านหลังจะเดินชนใหญ่ดีจริงๆ ไต้หวันเนี่ย เมืองแห่งโลกอนาคตนะเนี่ย ชื่นชมกับตึกไทเป 101 พอล่ะ ลงมาด้านล่างหิวมั่กๆ เย็นแล้วหาอะไรกินกันดีกว่า อากาศหนาวๆ แบบนี้กินชาบูดีกว่าเนอะ ราคาต่อหัว 500 NTD ขอซัดให้เต็มคราบหน่อยเหอะ กินได้ประมาณ 1.30 ชั่วโมงค่ะ เนื้อเลือกได้ทุกอย่าง บริการตัวเอง ก็เหมือนกินบุฟเฟ่ต์บ้านเราค่ะในหม้อแบ่งน้ำซุปเป็น 2 ช่อง แล้วแต่แต่เลือกค่ะ มีซุปนม ซุปใส และซุปต้ำยำ (กินแล้วไม่เผ็ดเลย)อิ่มแล้วไปเดินช๊อปต่อที่ตลาดขายส่ง Wufenpu (อู่เฝินผู่) ค่ะ เสื้อผ้าเยอะแยะมากมายเหมือนกับแพลตตินั่มบ้านเราค่ะ ขอย้ำว่าราคาเสื้อผ้าสวยๆ ถูกม๊ากก ช๊อปกันเต็มไม้เต็มมือค่ะ ประมาณ 5 โมงเย็นเดินกลับมาโรงแรมด้วยอาการเมื่อยสุดๆ รีบอาบน้ำเพราะตัวเปียก แล้วก็นอนพักขาประมาณ 2 ชั่วโมง ไปเดินเล่นต่อแถวๆที่พัก ฝนก็ยังตกปรอยๆ ค่ะ ชอบเครื่องประดับของ J'Code เลยช๊อปมานิดหน่อยพนักงานสวย อัธยาศรัยดี เลยขอเก็บรูปเป็นที่ระลึก อิอิทริปสำหรับวันนี้หมดแล้วค่า พรุ่งนี้วันสุดท้ายที่ไทเปแล้วจ๊า...ขอบคุณเพื่อนๆ นะคะที่ติดตามชม
。◕‿◕。Taiwan►2
22/01/2010 ทริปวันที่ 2 ค่ะขอออกตัวไว้ก่อนเลย ว่ารูปดูมัวๆ มากๆ เลยค่ะ เสียดายอยากถ่ายรูปให้สวยๆ มากกว่านี้ วันนี้เราจะไปเที่ยวอุทยานหินเย่หลิ่ว (Yeliou Geo-Park) กันค่ะก่อนอื่นนัดรวมพลกันก่อนตอน 8 โมงเช้า ทานอาหารให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมเดินทางค่ะอาหารเช้าค่ะง่ายๆ กินไข่ทุกวันเลย 555จะหม่ำล่ะนะคะทานเสร็จแว่บดูบรรยากาศแถวหน้าโรงแรม เป็นอย่างที่คิดฝนตกตลอด เฉอะแฉะค่ะ เลยกลับขึ้นไปบนห้อง เตรียมร่ม เสื้อกันฝนแบบบาง ยาแก้ปวด ถุงมือไปด้วยค่ะ การเดินทางใช้บริการ MRT ค่ะ จาก Taipei Main Station ไปที่ Keelung แล้วเราต้องมาต่อรถบัสเพื่อไป Yeliou Geo-Park ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที หน้ารถบัสต้องมีคำว่า Jinshan ด้วยนะคะ (เราจะไปลงที่ Jinshan) ถึงจะขึ้นถูกสายค่ะ ค่ารถบัส 4.5 NTDระหว่างทางนั่งรถ เห็นตึกไทเป 101 ด้วยล่ะถึงแล้วค่ะ Yeliou Geo-Park ไม่ต้องกลัวว่าจะนั่งรถเลยนะคะ พอถึง Jinshan ปุ๊บ ลุงคนขับรถแกจะตะโกนดังมากค่ะ และคนก็จะลงกันเกือบทั้งคนรถ ป้ายเขียวๆ ด้านหน้าแบบนี้ล่ะค่ะ ใช่เลยเดินเข้าไปด้านในค่ะ ฝนตกตลอดเลยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แต่ไม่แรงมาก ปรอยๆ ค่ะ พาลจะทำให้ไม่สบายเป็นอย่างยิ่งเดินมาปุ๊บ เพิ่งจะรู้ว่ามันเป็นท่าเรือประมงด้วยค่ะ เจอป้ายแล้ววววมารู้จักกับ Yeliou Geo-Park กันหน่อยเนอะYeliou Geo-Park เป็นชายหาดที่ยาวกว่า 1,700 เมตร มีลักษณะพิเศษของพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโขดหินรูปทรงแปลกประหลาดและงดงาม เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลเมื่อหลายล้านปีก่อน ทำให้เกิดการทับถมของแนวหินตามชายฝั่งในรูปร่างที่แปลกตา เช่น เทียน รองเท้าของเทพทิดา และที่รู้จักกันมากที่สุดคือ "เศียรราชินี"ตั๋วค่าเข้าชม ราคา 50 NTD ปูม้าขอแผนที่จากเจ้าหน้าที่ขายตั๋วด้วยค่ะ เวลาเราเดิน เราจะได้ไม่งงนี่ไงคะ "เศียรราชินี" ดูออกกันมั๊ยเอ่ย อันนี้เป็นของปลอมนะคะ ของจริงยังไม่ถึงค่ะมองลงไปด้านล่าง คนไม่เยอะเพราะฝนตกค่ะกำลังลังเล จะลงกันไปดีมั๊ย เพราะดินเป็นลักษณะดินแดง ต้องเลอะแน่ๆ เลยระหว่างรอตัดสินใจ ก็ยืนถ่ายรูปจากด้านบน ลมพัดหนาวมากกก ทางเดินที่เห็น จะเป็นทางแยกเพื่อไปชมหินรูปร่างต่างๆ ค่ะดูจากแผนที่ กว้างมากถ้าฝนไม่ตกคงเดินกันประมาณครึ่งวันจะมีป้ายบอกตำแหน่งของหินค่ะว่าอยู่ตรงไหนบ้าง มีตัวเลขกำกับไว้ให้เลยค่ะคลื่นแรงมากๆๆสุดท้าย ตัดสินใจไม่ลงกันไปค่ะ 555 ขอมองและถ่ายรูปจากด้านบนจุดชมวิวแล้วกัน สุดแสนจะเสียดาย มองไกลๆ เหมือนดอกเห็ดเนอะ ^^กำลังจะออกจาก Yeliou Geo-Park ล่ะ เพราะอยู่ไปก็ลงไปดูไม่ได้ เศร้า T___Tฝนยังตกอยู่ เลยแวะหลบฝนในตลาดค่ะก็จะมีพวกปลาหมึกแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง เหมือนบ้านเราค่ะ เดินชิมกันไปตลอดทาง 555ไม่มีอะไรให้ช๊อป นอกจากขนม และของแห้ง เลยเดินกลับออกมาเพื่อไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปเลยดีกว่า เดินมาเรื่อยๆ จะมีร้านอาหารทะเลสดๆ หลายร้านเลย ตัวใหญ่ๆ เลยค่ะวัดที่ตอนเดินเข้าไปไม่ได้แวะ ขากลับเลยแวะพักขากันหน่อย แต่ไม่ได้เข้าไปด้านใน ไหว้ประหลกๆ จากด้านนอกค่ะ ขอพรนิดหน่อยต้องออกมารอรถบัสฝั่งตรงกันข้ามค่ะ เป้าหมายต่อไปคือ ถนนสายเก่าแก่ของหมู่บ้าน Jioufen (จิ่วเฟิ่น)นั่งรถ มองผ่านจากกระจกสะพานสวยดีค่ะนั่งรถจาก Yeliou Geo-Park ไป หมู่บ้าน Jioufen ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ ค่ารถบัสประมาณ 45 NTD ไกลมากเลยอ่ะ แล้วทางก็ลาดชัน ฝนตก แอบน่ากลัวเพราะคนขับขับซิ่งมากๆ เลยค่ะ ถนนสายเก่าแก่ของหมู่บ้าน Jioufen เป็นหมู่บ้านหรือชุมชนที่ทำเหมืองเก่า ปัจจุบันเปิดเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย ถนนสายนี้จะเป็นทางเดินแคบๆ ที่ปูด้วยพื้นหินในอดีตที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้จนถึงปัจจุบันไปถึงบ่ายโมงกว่า ฝนก็ตกหนักกว่าเดิม ทริปเริ่มหงุดหงิดเพราะเที่ยวก็ไม่ได้เที่ยวสมใจ หิวก็หิว นั่งรถก็นาน เลยไม่มีใครมีอารมณ์จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปเลย แล้วก็กลัวกล้องเปียกด้วยร้านค้าปิดเกือบหมดเลยค่ะ เพราะฝนตก ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ร้านที่เปิดส่วนมากก็ขายพวกขนมแห้งค่ะ (กรุณาจินตนาการถึง พายสับปะรด พายแอปเปิล มีเยอะมาก) แล้วก็ร้านอาหารค่ะคนเยอะแทบทุกร้าน เดินก็เบียดกันน่าดูเพราะฝนตก คนก็กางร่มกันหมด เปียกปอนตามๆ กันเลยค่ะไปเจอร้านนี้ "ร้านก๋วยเตี๋ยว" มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทริปเรา ลูกชิ้นบิ๊กเบ้ง มีปนกันใน 1 ถ้วย คือ ทั้งลูกชิ้นหมู และลูกชิ้นปลาค่ะ ส่วนเส้นก็มีทั้งเส้นหมี่ วุ้นเส้นกินตอนอากาศหนาวๆ อร่อยดีค่ะ ถ้วยละประมาณ 75 NTD ที่นี่เค้านิยมให้ถ้วยกระดาษหนาๆ แบบนี้ ไม่นิยมใช้ถ้วยโฟมเหมือนบ้านเราค่ะอีกอย่าง แปลกจังเลย ร้านค้าแบกะดินที่ไต้หวันแบบนี้ จะไม่มีน้ำให้กินนะคะ เค้าไม่เสิร์ฟน้ำค่ะ เราต้องหาซื้อกินเอง ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่ถ้าร้านเหลาใหญ่ๆ จะมีค่ะแต่ก็เป็นชาจีนร้อนแทน ไม่มีน้ำแข็ง สงสัยบ้านเค้าก็หนาวอยู่แล้วมั้ง**สรุปไปที่นี่ ไม่ได้อะไรเลยค่ะ จริงๆ มีจุดชมวิว แต่ก็ดูไม่ได้เพราะหมอกลงเยอะจัด อีกทั้งฝนตกตลอดเวลาหลังจากทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นยักษ์กันแล้ว ก็เดินเล่นแถวๆ นั้นค่ะ ไม่มีอะไรหนาวมากๆ อยากกลับที่พักแล้ว..เสียดาย เที่ยวยังไม่เต็มอิ่มเลย T^Tเดินทางกลับโรงแรมค่ะ ขากลับขึ้นรถบัสที่ด้านหน้าเขียนว่า Taipei ที่ฝั่งตรงข้าม 7/11 ราคา 87 NTD ใช้เวลาอีกประมาณ 1.40 นาที ค่ะ ลงสถานี Zhongxiao Fuxing นั่ง MRT กลับโรงแรมค่ะประมาณ 1 ทุ่ม เดินไปหาอะไรกินกันที่ตลาด Ximending เช่นเคย ขอบอกว่าตลาดใหญ่จริงๆ ไปหาอะไรหม่ำๆ กันดีกว่าค่ะเดินไป ปูม้าเหล่เจ้าผลไม้พวกนี้ไว้ ขอบอกว่าผลไม้ที่ไต้หวันแพงม๊ากกก เหมือนกับแตงโม 1 ชิ้น 10 บาทบ้านเรา ที่ไต้หวันราคา 50 บาทค่ะ ไปไต้หวันไม่กี่วันได้กินผลไม้ไม่กี่อย่างเอง แพงจัด 555เค้าจะตักขายเป็นขีดค่ะ สตอเบอรี่ 10 ลูก 200 บาทแน่ะ อร่อยอ่ะทาโกะยากิ หอมมากเลยส่วนอันนี้อร่อยค่ะ ^^ เราสามารถเลือกผัก เลือกเนื้อ ให้เค้าปรุงได้ เหมือนจิ้มจุ่มอ่ะค่ะ น้ำซุปเค้าจะมีแบบใสๆ กับแบบข้นๆ อร่อยดีผักเยอะเลย เลือกตามชอบ ราคาไม่แพงค่ะ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกอะไร วัยรุ่นกินกันเพียบมีหลายร้านหลากหลาย ชอบเจ้าไหนเดินไปชี้ๆ เลยค่ะปลาหมึกย่าง อร่อย แปะๆๆ ตัวใหญ่มากค่ะ ตัวละ 100 NTDเดินกันไปเรื่อยๆ ค่ะ ชิมนั่น นู่น นี่ เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด อร่อยทุกอย่างด้วยร้านขนม เด็กๆ วัยรุ่นช๊อบ ช๊อบ ถือกันคนละถุง 2 ถุง เห็นแล้วกลัวฟันผุแทนน่ากินเนอะเจ้าหินช็อคโกแลตชิมไป ชิมมาทุกร้านจนเกือบอิ่ม กว่าจะได้กินข้าว ^^ลูกทริป งึมงัมๆๆ กินไปบ่นไป เรื่องฝนฟ้าไม่เป็นใจ ตกมา 2 วันแล้ว หมาเศร้าจริงๆ กินเสร็จแล้วเดินเล่นก็ไม่สนุกล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา สุดท้ายเลยกลับโรงแรมพักผ่อน เพราะฝนตกๆๆ ได้แต่คิดว่าพรุ่งนี้คงไม่ตกอีกนะ สาธุ ...พรุ่งนี้ปูม้าพาไปเที่ยวต่อนะคะ
。◕‿◕。Taiwan►1
21-24/01/2010
ทริปไต้หวันเป็นทริปที่รีวิวละเอียดที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะความชื่นชอบส่วนตัวค่ะก่อนอื่นอุ่นเครื่องประวัติกันนิดหน่อย เราจะไปไต้หวัน เราก็ต้องรู้ว่าเค้ามีอะไรบ้างเนอะ มามะ มาย้อนเวลากับวิชาประวัติศาสตร์กัน (ขอบคุณข้อมูลจากกูเกิลค่ะ)ที่ตั้ง....อยู่ระหว่างทะเลจีนใต้ ตะวันออกและตอนเหนือของทะเลฟิลิปปินส์ห่างจากแผ่นดินใหญ่จีน ประมาณ 170 กม. ประกอบด้วย เกาะ ไต้หวัน หมู่เกาะ Pengu, Kinmen และ Matsu มีเมืองหลวงคือ Taipeiพื้นที่.... ประมาณ 36,000 ตารางกิโลเมตรภาษา.... จีนกลาง (Mandarin) เป็นภาษาราชการ ฮกเกี้ยน เป็นภาษาท้องถิ่น ภาษาอังกฤษสามารถเข้าใจได้จำกัดภูมิอากาศ....ร้อนชื้นแบบใกล้เขตร้อน เมืองสำคัญ....Taipei (ไทเป) เป็นเมืองหลวง มีความสำคัญทางการเมือง การเงิน และเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ Kaosiung (เกาสง) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสอง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก และมีอุตสาหกรรม Keelung (จีหรง) อยู่ทางตอนเหนือใกล้ไทเป เป็นเมืองท่าใหญ่อันดับสองของไต้หวัน Tainan (ไถหนาน) อยู่ทางภาคใต้ เป็นเมืองเก่าแก่ และสำคัญทางด้านวัฒนธรรม และการพาณิชย์ Taichung (ไถจง) อยู่ทางภาคกลาง เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ และอุตสาหกรรมการเมืองการปกครอง....ประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ อยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปีวิชาการผ่านพ้นไป ต่อไปก็ต้องเตรียมตัวไปไต้หวันกันแล้ว หลังจากจองตั๋วกับสายการบินเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็...1. ต้องทำวีซ่าค่ะ อาจยุ่งยากนิดหน่อยเพราะการจะไปไต้หวันต้องขอวีซ่า แต่ก่อนประเทศไต้หวันขึ้นชื่อว่าขอวีซ่าลำบากมาก โดยเฉพาะสาวโสดค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ประเทศไต้หวันเปิดกว้างมากขึ้น และผู้คนก็ไปเที่ยวมากขึ้น ค่าทำวีซ่า 1,800 บาทค่ะ ถ้าไม่ติดปัญหาอะไร อีก 1 วันไปรับ ได้เลยค่ะ2. จองโรงแรม (โรงแรมจองก่อนก็ดีนะ เพราะจะได้ไม่ต้องไป walk in หาโรงแรมให้มันยุ่งยากตอนไปถึง)3. เช็คสภาพภูมิอากาศก่อน เพราะที่นั่นอากาศมันหนาวอยู่แล้วล่ะ ฉะนั้นเราจะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูกค่ะตอนปูม้าไปฝนตกด้วย ก็เลยเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วยค่ะ ได้ใช้งานจริงๆ ด้วยแหละ ฝนตกทุกวันเลยค่ะ 4. ดูรีวิวไปเยอะๆ 555 ถ้าไม่ได้ไปกับไกดิ์นะคะ ปูม้าอ่านรีวิวเยอะเลยก่อนจะไป จะได้รู้ว่าเค้าไปเที่ยวที่ไหนบ้างแล้วเราก็ทำทริปของเราเอง ยิ่งถ้าไปในเวลาที่จำกัดเราจะได้ไม่เปลืองเวลามากเรียกว่าคุ้มค่าเนอะ5. สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ที่เราจะไป ควรปริ้นซ์ในกระดาษเป็นภาษาจีนไปด้วย (อันนี้ได้ใช้จริงๆ ค่ะ) เพราะอย่างที่รู้ๆ คนไต้หวันพูดจีนกันอย่างเดียว ไม่ค่อยพูดอังกฤษ ฉะนั้น อันนี้ช่วยได้เยอะเลย จิ้มๆๆ ถามเค้าเลยค่ะ 6. ใครแพ้อากาศ อย่าลืมพกยาไปด้วยค่า คนที่ปวดกระดูกเอายาแก้ปวด ยาพ่นไปด้วยก็ดีค่ะตอนไปเนี่ย น้องสาวแฟนปวดกระดูก เดินไม่ได้เลยเพราะหนาวมาก เอายาพ่นไปก็ช่วยได้เยอะค่ะ7. แลกเงินไปพอประมาณ ค่าเงินไต้หวันเรียกได้ทั้ง "หยวน" และ "เหรียญ" ค่ะ โดยมีสัญลักษ์ ว่า $NT แปลว่า NEW DOLLAR TAIWAN ตอนนี้ค่าเงินเค้า พอๆ กับเราเลยค่ะ ตอนปูม้าแลกไปเนี่ยประมาณ 1.04 ดอลล่าไต้หวัน = 1 บาทไทยค่ะ ถ้าเราแลกไปเยอะแล้วใช้ไม่หมดเนี่ย มาแลกกลับขาดทุนอ่าค่ะ ฉะนั้น แลกไปพอประมาณ ออ แล้วพวกเหรียญกับแบงค์ 100 เนี่ยแลกกลับมาเป็นเงินไทยไม่ได้นะคะ ถ้ามีเหรียญกับแบงค์ 100 พยายามใช้ให้หมดค่ะ เค้ารับแลกเฉพาะแบงค์ 500 และ 1,000 เท่านั้น เผื่อเหลือเผื่อขาดเรารูดบัตรได้ค่ะ มีคิดเป็นเงินไทยให้เสร็จสรรพ ^^หน้าตาเงินไต้หวันค่ะ (ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ)ตัวพร้อม ใจพร้อม ไปกันเลยค่ะปูม้าเดินทางวันที่ 21 ค่ะ แน่นอนแอร์เอเชีย เพราะถูกดี ค่าตั๋วตอนจองถูกมากๆ ไปกลับประมาณ 4,500 บาทค่ะ เที่ยวบิน FD 3656 เวลา 13.10 น. ค่ะใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมงนะคะ ออ เวลาที่ไต้หวันเร็วกว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะฉะนั้น ปูม้าจะไปถึง Tuoyuan International Airport ประมาณ 17.30 น.ค่ะไปแล้วววววววว.... ที่นั่งไม่แพงก็แคบๆ แบบนี้แหละ 3 แถวท้องฟ้าสดใสมากๆไม่น่าเชื่ออ่ะ ไทยฟ้าใส แต่ไต้หวันฝนตก 555เวลาประมาณ 17.50 น. เครื่องก็ Landing ถึง Taoyuan International Airportโดยสวัสดิภาพค่ะ แบบว่านั่งกันตุ้มๆ ต่อมๆ ฝนตกหนักค่ะ ฟ้ามืดเชียว เฮ้ออ ถึงซะทีถึงสนามบิน ผ่านด่าน ตม. รูปทำพาสปอร์ตก็อีกทรงผมนึง รูปทำวีซ่าก็ทรงผมนึง ตัวจริงก็อีกทรงผมนึง 555 เช่นเคย ตม. มองแล้วมองอีก กำลังจะรอตอบคำถามอยู่แล้วเชียว คิดใจในหน้าตูไม่น่าไว้วางใจอีกแล้วเหรอเนี่ย - -" ปรากฎว่าไม่ถามวุ้ย ผ่านมาได้โดยสวัสดิภาพค่ะถ้าสาวๆ หน้าพาสปอร์ตขาวๆ แล้วโสดเนี่ย ต้องทำหน้ามั่นๆ เข้าไว้นะคะ จะได้ไม่โดนถามเยอะ ...รอรับกระเป๋าเตรียมเดินทางไปโรงแรมค่ะ โรงแรมได้จองไว้แล้ว ตัวโรงแรมอยู่ในตัวเมือง พนักงานของโรงแรมแนะนำว่าต้องนั่งรถบัสของ บริษัท Taiwan Corp. (Kuokuang Line) เพื่อไปลงที่ Taipei Railway Station จากนั้นก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ต่อไปอีกประมาณ 5 นาที (รวมระยะเวลาในการเดินทางทั้งหมดก็ประมาณ 1.20 นาที) ค่ารถบัสก็ 125 NTD ค่ะเนื่องจากฝนตกหนักเลยไม่ได้หยิบกล้องมาแชะๆ รอบๆ สนามบินเลย อีกอย่าง หิวมากกกกกกก ท้องร้องจ๊อกๆ ต่างคนต่างสวมหมวก หยิบเสื้อกันหนาวกันจ้าละหวั่นพร้อมเปียกเต็มที่ แล้วก็เดินออกมารอรถบัสค่ะ สักพักรถบัสก็มารอไม่นานมากค่ะ บรื๋อส์ๆๆ หนาวๆขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย คนขับก็ตะโกน ช้ง เช้ง ช้ง เช้ง หาได้สนใจไม่ อิอิรถบัสบ้านเค้าก็คล้ายๆ รถบัสบ้านเราค่ะ แต่..ติดแอร์ค่ะ ไม่เปิดหน้าต่าง อ๊าคค ยะเยือกมากมายแล้วก็มีขนาดเล็กกว่า เฮ้อ นั่งชมวิว หนาวๆ เคี้ยวหมากฝรั่งตุ้ย อีกตั้ง 1 ชั่วโมงแน่ะกว่าจะถึงโรงแรมในที่สุดก็มาถึง Taipei Railway Station แล้ว ลากกระเป๋าครืดๆๆ ฝ่าลมหนาวกันมาหารถแท็กซี่ค่ะ รถแท็กซี่บ้านเค้า ขอโทษใช้ Camry ค่ะ 5555555+ ไม่ค่อยมี Toyota เหมือนบ้านเราค่ะไฮโซซะ<เข้ามานั่งในแท็กซี่ คันละ 3 คนค่ะ เพราะสัมภาระเยอะ ก็เอาแผนที่กับชื่อโรงแรมออกมาค่ะจิ้มๆ ไป เค้าก็พยักหน้าเหมือนกับว่าโอเค๊ๆๆๆ ตอนนั้นเองแฟนปูม้าโก๊ะได้อีก เพราะกะจะไปนั่งหน้ากับคนขับ ด้วยความเคยชินเปิดประตูด้านซ้ายมือคนขับซะนั่น ผลคือ คนขับงงค่ะ จะขับแทนผมเหรอ? ที่ไต้หวันคนขับ ขับซ้ายค่ะ แฟนขำก๊าก แล้วหันมาถาม เนี่ยนะ ปูม้ามีแฟนคลับไต้หวันทำไมไม่บอกเค้าด้วยล่ะ ว่าที่ไต้หวันคนขับซ้าย ก็เลยตอบไปว่าลืมไปเลย ขำกันได้อีกค่ะเข้ามานั่งในรถ คนไต้หวันอัธยาศรัยดีค่ะ ชวนคุย??? ปูม้าก็ตอบไปว่า ขอโทษค่ะ พูดไม่ได้ เค้าก็ไม่เข้าใจ หยุดฟังแล้วก็พูดต่อ แต่จับใจความได้ว่า "อินโดนีเซีย" ก็เลยตอบไปว่าโน คงคิดว่าเป็นคนอินโดนีเซียมั้งคะ เลี้ยวไปเลี้ยวมา ถึงโรงแรมล่ะตอนนั้นก็ทุ่มกว่าๆ แล้วหิวมากเลยค่ะ ติดต่อหน้าเคาน์เตอร์แจกกุญแจห้องรีบเอากระเป๋าไปเก็บเพื่อจะได้หาข้าวทานค่ะ ปูม้าพักโรงแรม East Dragon Hotel ค่ะ เทียบแล้วคงประมาณ 3 ดาวครึ่ง โอเคเลย สะอาด ดูปลอดภัย ระบบความปลอดภัยมีเรียบร้อยห้องพักก็ใหม่ปานกลางค่ะ จริงๆ ที่ไต้หวันมีที่พักหลายราคามากเลย จากถูกยันแพง เลือกเอาเลยค่ะพวกเกรสเฮาท์ก็เยอะ อันนี้พัก 3 คืน มีอาหารเช้าด้วยทุกเช้า ราคาประมาณ 5,600 NTD ค่ะ อันนี้พักกันได้ห้องละ 2 คน หารกันก็ตกคนละประมาณ 2,900 บาทไทยพักห้องริมสุดทางเดินแน่ะ ห้องน้ำก็โอเคนะมีอ่างด้วย น้ำร้อนร้อนฉ่าเลยค่ะ น้ำไหลซู่ดี ที่สำคัญน้ำไม่มีกลิ่นและแดงมีไดร์เป่าผมด้วย เยี่ยมเลยออ ที่นั่นใช้ไฟฟ้า 110 Volt นะคะ ที่เสียบปลั๊กเค้าจะเล็กมาก เราควรมีตัวเสียบแบบที่ใช้ได้มาตรฐานทั่วโลกไปสัก 1 อัน (สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้)เก็บรูปพอเป็นพิธี ไปหาข้าวทานกันดีกว่าที่พักปูม้าใกล้กับแหล่งช๊อปปิ้ง Ximending เลยค่ะ แถมใกล้กับ MRT อีกต่างหาก สาเหตุหนึ่งที่เลือกพักที่นี่ก็เพราะใกล้ MRT ไม่ต้องเดินไกลค่ะเดินดุ่มๆ ไปไม่ถึง 10 ก้าว โอ้วว เหมือนกับสยามบ้านเรายังไงยังงั้นเลยค่ะ วัยรุ่นเยอะมาก แล้วของขายก็เยอะละลานตาไปหมด มองไปอะไรๆ ก็น่ากิน ถือว่าเป็นแหล่งรวมวัยรุ่น เสื้อผ้า และของกินค่ะ แล้วสาวไต้หวันก็สวยมากกก ตัวผอมๆ เล็กๆ บางๆ ผมยาวๆ ดำๆ เหมือนกันหมดเลยค่ะ แต่งตัวสุดเดิ้นเสื้อกันหนาว กางเกงขาสั้น ถุงน่องเจ็บๆ แล้วก็บูทค่ะ มองเพลินเชียว ร้านค้าเยอะดีจริงๆ เดินไปเดินมา ไม่รู้จะทานอะไรกันดี แถมแต่ละร้านคนนั่งเต็มหมดเลย เหล่ไปร้านๆ นึงคนเยอะดีวุ้ยน่าสนใจ ทริปนี้ไปกัน 9 คน ร้านที่พอจะว่างก็หายากอีก งั้นเลือกร้านนี้แล้วกันกัน กว้างด้วยรับรองนั่งได้ครบทั้ง 9 คนแน่ๆ เดินเข้าไป (เข้าทางหลังร้านเค้าอีก หาทางขึ้นไม่เจอค่ะ - -") นั่งปุ๊บ พนักงานก็ทักทายมาเป็นภาษาจีน พวกเราก็ขอเมนู ความท้าทายแรกมาถึงแล้วค่ะ พนักงานทำหน้างง ทำท่าทำทาง โอเคได้เมนูมาก็คิดว่าจิ้มๆ รูปเอาแล้วกัน หิวจังเลยแฮ่ น้ำชาร้อนๆ (ขอบอกว่าร้อนมาก) มาเสิร์ฟก่อนค่ะ แก้หนาวเป็นน้ำชาผสมเก็กฮวย กว่าจะสั่งน้ำได้เล่นเอาคอแห้งกันเลย พอดีมีคนไม่ทานเนื้อจึงต้องถามพนักงานอีก พนักงานตอบไม่ได้ค่ะ เค้าเลยไปตามอีกคนมาให้รูปนี้เป็นหน้าตาของแต่ละคนที่มองพนักงาน ปูม้าล่ะขำ หน้าตาเป๋อเหลอมากมาย ฟังไม่ออกค่ะ (เหวอ)สรุปพูดกันไม่รู้เรื่องเค้าก็เดินมาใกล้ๆ ถือปากกากับกระดาษมา ปูม้าก็นึกว่าเค้าจะวาดรูป (เหมือนรายการมาตามนัด) ว่ามันมีเนื้ออะไรบ้าง ปรากฎว่า เค้าเขียนภาษาจีนเลยค่ะ พวกปูม้าฮากันครืน พูดยังพูดไม่ได้นับประสาอะไรกับอ่านคะ สุดท้ายก็ต้องสั่งอะไรที่มันชัดเจนค่ะ ที่เป็นรูปแบบชัดๆ ว่าไม่มีเนื้อแน่นอนไม่งั้นไม่ได้กินแน่ๆ จานแรกมาแล้ว...เป็ด หรือ ห่าน+หมูอบน้ำผึ้ง สรุปก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าทานเป็ดหรือห่านค่ะอร่อยจัง!!! ปูม้าคิดว่าเป็นห่านนะ มีเครื่องเคียงเป็นกะหล่ำปลีดอง ถั่วลิสงต้ม ^^ผัดคะน้าราดน้ำมันหอย อร่อยที่ซู๊ดดด (หรือเพราะหิว) คือมันสดดี น้ำมันไม่เยอะ แถมก้านคะน้าโตมากรูปอาหารหมดแล้ว เพราะพอได้กินทุกคนลืมยกกล้องมาถ่ายรูปกันหมดเลย เหมือนแร้งลง 555 เลยมีแค่ 2 รูปเองค่ะ มื้อแรกหมดตังค์กันไปประมาณ 5,000 NTD ค่ะ แหะๆๆ แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะสั่งมาเยอะมาก แล้วก็อร่อยด้วยค่ะ ออ ข้าวของไต้หวันอร่อยอ่ะ คือมันนุ่มๆ เหนียวนิดๆ ไม่เหนียวมาก เคี้ยวหนุบหนับดีค่ะอิ่มแปล้เลย ตอนนั้นดึกมากแล้วค่ะ ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ คนก็ยังคึกคักอยู่เลย เดินเล่นก่อนกลับที่พัก เพราะคงไปเที่ยวไหนไม่ได้แล้ว เดินไปเดินมา เจอแล้ว....ชานมไข่มุก ที่ไต้หวันขึ้นชื่อลือชาเรื่องชานมไข่มุกค่ะ ว่าของเค้าอร่อยจริงๆ ร้านขายมีเยอะมาก หลายร้านค่ะ เราจะเห็นโลโก้เจ้าตัวกบนี่ทุกทิศทุกทางในไต้หวัน (เม็ดแป้งดำๆ กลมๆ ที่ใส่ในชานมเค้าเรียกว่าไข่กบ) ราคาก็ไม่แพง พอๆ กับชานมไข่มุกบ้านเราเลย 35-45 NTD ค่ะ แล้วแต่จะเลือกรสชาด ส่วนเจ้าสีน้ำตาลๆ ในกะลังมังใบใหญ่ นั่นคือ ชามะนาวค่ะ ชามะนาวบ้านเค้าจะมีวุ้นหั่นบางๆ ใส่ลงไปด้วยนะคะ อร่อยเหาะนี่เลยค่ะ การแต่งตัวของสาวไต้หวัน เปรี้ยวมากและก็ไม่กลัวหนาว แต่ต้องสวย อิอิ ปูม้าเห็นวัยรุ่นเค้าแต่งตัวกันแล้วหนาวขาแทนมากๆ เลย ขอบอกว่ากางเกง กระโปรงที่ใส่กันสั้นมาก ของเยอะแยะ ราคาพอๆ กับบ้านเราเลยค่ะ พวกเสื้อกันหนาวสวยๆ ผ้าพันคอ ถุงมือสวยๆ เพียบไปหมดแต่ว่าถึงช๊อปมาก็คงไม่ค่อยได้ใช้ที่บ้านเราอยู่ดีเนอะ เลยได้แต่มองค่ะ แหะๆ แต่สุดท้ายก็อดใจกับหมวกน่ารักๆ ไม่ไหว แถมราคาไม่แพงเหมือนบ้านเราด้วยหมวกไหมพรม ราคา 230 NTD ค่ะ สรุปว่าได้แค่หมวกกันคนละใบ อิอิเดินไปเดินมาง่วงนอนจัง เลยเดินกลับโรงแรมค่ะระหว่างทาง ก็แชะรูปไปเรื่อยๆ ตามทางเดินกลับโรงแรม ไปคราวนี้ขอบอกว่าไม่ได้ใช้กล้องตัวใหญ่เลย เพราะฝนตกกลัวกล้องชื้น ดีที่เอาดิจิตอลไปค่ะ ถ้าเพื่อนๆ มีกล้องดิจิตอลก็พกไปด้วยนะคะ เผื่อเกิดเหตุการณ์แบบปูม้าถ้าเกิดใช้กล้องตัวใหญ่ โดนน้ำฝนแล้วกล้องเสียไปเสียดายแย่เลยเนอะฝนเริ่มตกหนักขึ้น เซ็งเลยอดเดินช๊อปปิ๊งต่อ เลยตัดสินใจไปนอนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวไต้หวันต่อค่ะ ^^