just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 

I’m Cyborg , But That’s Ok. ถึงจะบ้า ก็บ้า “ร้าก”

ถึงจะบ้า ก็ไม่มีวันตั้งชื่อ (หนัง) แบบนี้หรอกเฟ้ย









แฟนๆ หนุ่มเรน ( รู้สึกชื่อเล่นเค้ามีหลายชื่อเหลือเกิน ต่างกันไปตามประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น Bi –จากทางเกาหลี Pi –จากแถบญี่ปุ่น หรือ Yu จากแถวๆ จีน เอาเป็นว่าขอเรียกเรนเหมือนเดิมดีกว่า)


คงต้องมีไว้ประจำบ้านให้หายคิดถึงเสียแล้ว หลังจากอาศัยเกาะกระแสช่วงมาคอนเสิร์ตในไทยของหนุ่มน้อยสุดตี๋ วางแผงหนังเรื่องนี้จนได้ (เรื่องนี้เข้าไทยประมาณช่วง มี.ค.ที่ผ่านมา)


ซึ่งก็มีให้เลือกเก็บกันทั้งดีวีดี ลิมิเต็ด เอดิชั่น (วางขายเฉพาะร้าน Boomerang และ B2S ทุกสาขาเท่านั้นจ้า คือมีดีวีดี+โปสการ์ด เซท เสียดายที่ไม่แถมฟีเจอร์อะไรมาด้วยเลย) ดีวีดีปกติ หรือแม้กระทั่งวีซีดี (แต่เป็นพากษ์ไทยนะจ๊ะบอกซะก่อน สำหรับใครที่อยากได้ยินเสียงหนุ่มเรนคงต้องซื้อเป็นดีวีดีชัวร์สุด ส่วนราคาเช็คกับทางร้านหรือทางเวบก็สะดวกและอาจได้ส่วนลดอีกด้วย)


เรื่องนี้ (เป็นห่วงสุขภาพจิตคนตั้งชื่อภาษาไทยจัง) นับเป็นหนังเรื่องแรกของกระต่ายน้อย ”เรน” ขวัญใจสาวๆ และนางเอกอิม ซู จอง (Lump of Sugar , Tales of two Sisters) ที่ลงทุนลดน้ำหนักจริงๆ ถึง 5 กก. ทั้งๆ ที่เธอก็ผอมจะแย่อยู่แล้ว แต่เพื่อความสมจริงในบทที่เธอเป็น ผลงานของผู้กำกับเลือดพล่าน ปาร์ค ชาน วุค (ที่มีผลงานเด่นอย่างไตรภาคแห่งการแก้แค้น และ Old Boy ที่โชซังฮุยใช้เป็นภาพต้นแบบถือค้อน)


ที่หันมานำเสนอมุมมองความรักในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งพลอตและการนำเสนอที่ไม่ธรรมดาในแบบของเขา (ออกแนวโรแมนติคคอมมาดี ที่ยังแฝงอะไรดีๆ ไว้หลายอย่างเช่นกัน อ้อ ได้ข่าวมาว่าคุณปาร์ค ตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ให้ลูกสาวดูเป็นพิเศษด้วย เป็นพ่อที่น่ารักจริงๆ แต่แน่นอน เค้ายังไม่ทิ้งความดุเดือดไปเสียทั้งหมดหรอก)


เรื่องราวเกิดขึ้นในโรงพยาบาลโรคจิต โดยคนไข้หนุ่มสูงยาวเข่าดี ปาร์ค อิล ซุน (เรน) ผู้มีบุคลิกต่อต้านสังคม แต่มีพรสวรรค์ในการขโมยบุคลิกของคนรอบข้าง แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีหุ่นยนต์สาว (หรือเธอคิดว่าเธอเป็นน่ะ) กับกระเป๋าสะพายใบโต ซา ยอง กุน (อิม ซู จอง) เข้ามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

ทำให้ในที่สุดหนุ่มปาร์คเริ่มเปิดใจ จนเธอกลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เขามี แต่แล้วจู่ๆ เธอกลับซูบผอมลง (เพราะคิดว่าแค่ชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำให้มีแรงได้) เขาจึงต้องหาทางทำให้เธอหายเป็นปกติเหมือนเดิมให้ได้



ในเวบทางการของเรื่องนี้ หากใครที่ยังไม่เคยแวะเข้าไป อยากให้ลองเข้าไปชมกันได้ที่

//www.cyborg2006.co.kr

เพราะเค้าทำได้น่ารักมากๆ โดยเฉพาะ Flip Book แนะนำตัวละครและเรื่องราวโดยย่อ ในตอนท้ายเล่มก็มีหน้ากากที่กระต่ายน้อยใช้สวมถึง 3 แบบพร้อมให้พริ้นท์แล้วนำไปประกอบเป็นหน้ากากจริงๆ อีกด้วย


ต่อไปเป็นความเห็นส่วนตัวที่มีกับหนังเรื่องนี้ (อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาของหนัง จนขาดอรรถรสในการรับชมได้ กรุณาข้ามส่วนนี้ไปได้เลย หากว่าคุณยังไม่ได้ดูและคิดว่าจะไปหามาดู)

*
*
*
ฉากประทับใจของเรื่องนี้ ที่สุดแล้วคงเป็นฉากที่อิลซุนยอมกลับมากินข้าวอีกครั้ง (ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของคนปกติมากๆ แต่มันกลับทำให้น้ำตารื้นออกมาได้ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยเชียว)


ตัวหนังก็สนุกมากๆ ดูแล้วไม่เบื่อเลย (ทำให้ไม่เข้าใจว่าในกระทู้บางเวบที่เจอ ทำไมถึงมีคนหลับไปหลายตลบ แล้วยังออกมาบ่นๆๆๆ) ขนาดไม่ได้เป็นแฟนเรน หรือชอบเรนเป็นการส่วนตัว ยังคิดว่าเขาเข้าถึงบทแฮะ เล่นเป็นอิลซุนในแบบที่ดูแล้วเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ส่วนน้องซูจองก็ผ้อม ผอมเหลือเกิน แต่ก็ยังเล่นได้น่ารักมากๆ อยู่ดี (ขนาดอยู่กับทรงผมแบบนั้นยังน่ารักได้นี่ก็นะ)


ชอบที่เค้าใช้ฉากหลังของเรื่องเป็นโรงพยาบาลบ้า ซึ่งมันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากที่โลกเราอยู่กันนี้สักเท่าไหร่หรอก (เพราะคนอย่างตัวละครตัวหนึ่งที่มีพฤติกรรมเดินถอยหลังตลอดเวลา เค้าจะเกรงใจคนอื่นมากผิดปกติจนต้องขอโทษบ่อยๆ และมักคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องเดือดร้อนนั้น

หรือกรณีของอิลซุน (บทที่เรนเล่น) ที่กลัวว่าตัวเองจะหายไป เลยต้องพยายามทำทุกอย่างให้รู้สึกว่าเขายังมีตัวตนอยู่ ซึ่งทำกระทั่งขโมยบุคลิกคนอื่น

แม้แต่ยังกุน (อิมซูจอง) ก็ตาม เธอมีเหตุผลและที่มาที่ทำให้เธอมีพฤติกรรมอย่างนั้น ตัวละครอย่างพวกเขาทั้งสาม เราคงไม่ปฏิเสธว่าได้เจอกันอยู่แทบทุกวัน) ถ้างั้น แปลว่าทุกคน...บ้า งั้นหรือ? (หึๆๆๆ เริ่มไม่ไว้ใจตัวเองซะแล้วสิ)


*
*
*


คงไม่สายเกินไปนะที่จะแนะนำให้ไปหามาดูกัน (เพราะช่วงหนังเข้ากระแสเงียบจนน่ากลัว ขนาดว่าเป็นเรนเล่นนะนั่น) แล้วถ้าชอบก็ไปตามผลงานคุณพี่ปาร์คกันต่อเองแล้วกันจ้ะ (แต่เรื่องนี้น่าจะเบาสุด น่ารักและชวนฝันสุดแล้วนะ)




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2550    
Last Update : 17 มิถุนายน 2550 13:42:34 น.
Counter : 2291 Pageviews.  

Pan’s Labyrinth ถึงเวลาจัดเรตได้แล้วนะ!!!

Pan’s Labyrinth
อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต








“เมืองไทยต้องจัดเรตภาพยนตร์หรือทำอะไรสักอย่างได้แล้ว”


อาจเป็นปรากฏการณ์ที่กระตุ้นให้มีการจัดเรตหนังในเมืองไทยได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “แสงศตวรรษ”

(ไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้วกับหนังของไทยที่ไม่ได้รับการต้อนรับในบ้านเกิดตัวเอง)




และแม้แต่หนังแฟนตาซี coming of age เรื่องนี้
ที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กดูแต่อย่างใด


(ในต่างประเทศได้เรท R นะคะคุณพ่อคุณแม่ ต้องรู้นะคะว่าไม่เหมาะพาน้องๆ หนูๆ ในวัยประถมไปดูค่ะ)


อาจจะด้วยการโปรโมทที่ผิดพลาด ทำให้หน้าหนังเป็นไปในทางน่ารักสมวัย จนมีหลายกระทู้ในเวบพันทิปกล่าวขานถึงเรื่องนี้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พวกเขาได้ยินได้ฟังมากับตัวว่าเจ้าหน้าที่ขายตั๋วชมแนะนำให้เด็กอายุ 5 ขวบที่มากับคุณแม่รับชม จนทนไม่ได้ต้องเตือนแม่และน้องเค้าไปว่ามันมีฉากเลือดสาดเลยนะ




เรื่องแบบนี้น่าจะมีการจัดการที่ดีได้แล้วนะ



หนังแฟนตาซีสีหม่นทึม
(แต่บอกเล่าเรื่องราวงดงามน่ากลัวสุดประทับใจ)
ที่คว้า 3 รางวัลออสการ์ปีล่าสุดมาครอง


ทั้งแต่งหน้า (นี่ต้องยกให้เค้าเต็มๆเลย ไปพิสูจน์กันได้) กำกับศิลป์ และถ่ายภาพยอดเยี่ยม


สิ่งที่เห็นในหนังล้วนกลั่นออกมาจากจินตนาการของกุยเลโม เดล โทโร ทั้งสิ้น (ผกก. Hellboy , BladeII)


ดังจะเห็นได้จากสมุดโน้ตของเขาเองในเวบที่มีภาพร่างลายเส้นเกี่ยวกับตัวละครต่างๆ (อย่างน้องรากไม้ก็มีให้ดูกันด้วยล่ะ)




เรื่องโดยสังเขป

ในยุคสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในสเปน
คาร์เมนผู้เป็นแม่ ได้พาลูกสาวแสนน่ารักของเธอ
โอเฟเลีย เดินทางมาอยู่กับพ่อเลี้ยงคนใหม่ที่เป็นนายทหารสเปนที่ทั้งเย็นชาและบ้าอำนาจ


ทำให้โอเฟเลียทุกข์ใจและต้องการหลบหนีจากโลกความเป็นจริงอันโหดร้ายในเวลานั้น ขณะนั้นเองที่เธอได้ค้นพบดินแดนแห่งความฝันไม่ไกลจากบ้านที่เธออยู่


และได้พบกับ แพน สิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่ดูแลเขาวงกตและบอกกับเธอว่า พวกเขารอให้เธอกลับมาเป็นเจ้าหญิง


เพียงแต่เธอจะต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญสามอย่างด้วยกัน


โอเฟเลียจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องไปลุ้นกันต่อในโรง
(ไม่รู้จะเหลือรอบให้ลุ้นอยู่รึเปล่า)






ต่อไปเป็นความคิดเห็นส่วนตัวและความทรงจำเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้


อาจมีสปอยล์เล็กน้อย...โปรดระวัง







...ดูจบแล้วอยากดูต่ออีกสักรอบ...


ยอมรับว่ามันโหดร้ายก็จริงแต่มันคือความจริง

โอเฟเลียจ๋า...สิ่งที่เกิดกับหนูช่างน่ากลัวทว่ามหัศจรรย์เหลือเกิน กับพ่อเลี้ยงแสนเลือดเย็น ไม่คิดว่าเธอเป็นคนรึเปล่านะ แม่เธอก็ช่างน่าสงสาร ไม่รู้อะไรเอาเสียเลยว่าพ่อเลี้ยงทำอย่างไรถึงได้แต่งงานกับเธอ เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ อีตาพ่อเลี้ยงเนี่ย คนแบบนี้แหละน่ากลัวกว่าอะไรในโลกเลยนะ


คุณฟอนหรือในชื่อหนังภาคภาษาอังกฤษเรียกว่า แพน แต่ในเรื่องไม่มีพูดว่าแพนเลยนะ
(อ้าว ก็หนังเค้าพูดสเปนนี่นา)



เรื่องในชีวิตจริงที่ว่าโหดร้ายแล้ว ไปเจอในจินตนาการที่เหมือนจริงกลับสาหัสไม่แพ้กันเลย แต่หนังก็ออกมาได้งดงามและประทับใจมากๆ




สรุปแล้วก็ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ








 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2550 10:49:16 น.
Counter : 803 Pageviews.  

ชวนไปดูTHE VILLAGE ALBUM แบ่งปันความประทับใจ...





"หนังญี่ปุ่นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง"



หนังเรื่องนี้ (เราคิดว่า)เหมาะสำหรับ :-

1. ผู้ที่แพ้ความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพ่อ-ลูก
2. ผู้ที่แพ้ความอบอุ่นของชนบท ความเป็นกันเอง
เกื้อหนุนช่วยเหลือกัน
3. ผู้ที่แพ้การท่องเที่ยว (หมู่บ้านอะไร น่าอยู่เป็นบ้า
เป็นหุบเขาที่งามมากๆๆๆๆ ดูแล้วอยากไปเที่ยวจริงๆ)
4. ผู้ที่แพ้การถ่ายรูป
(เข้าไปชมหัวใจของภาพถ่าย และช่างภาพกัน)
5. ผู้ที่แพ้สังคมเมือง
(อยากหนีไปอยู่ชนบท ลองแวะมาชมเรื่องนี้ดูสิ)



หนังอบอุ่น ซาบซึ้ง
น้ำตารื้นตลอดทั้งเรื่อง
ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งน่ารัก ทั้งใจหาย
ทั้งประทับใจ ทั้งอะไรต่ออะไรเต็มไปหมด







มีแอบทำนบพังไปประมาณ 2 ฉาก
ภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในหนังชิดซ้ายไปเลย

แฝงความรุนแรง(เล็กน้อย)
ประเด็นหลักๆ จริงๆ นอกจากที่ลูกชายของช่างภาพเก่าแก่ในหมู่บ้านกลับมาเป็นผู้ช่วยพ่อ ในการทำอัลบั้มรูปถ่ายของหมู่บ้านนี้ ก่อนที่ที่นั่นจะเหลือแค่ความทรงจำ เพราะมีโครงการจะสร้างเขื่อนขึ้นแล้ว

หนังบอกเล่าไปพร้อมๆ กันก็คือความสัมพันธ์ภายในครอบครัวของช่างภาพคนนั้น(พ่อ –เคนอิจิ)
ช่องว่าง ที่ไม่เคยได้รับการเติมเต็มของพ่อกับลูกๆ(โนริโกะ พี่สาวคนโต ที่ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลยตั้งแต่ย้ายไปโตเกียวกับคนรัก / ทาคาชิ น้องชายคนรอง ที่ไปโตเกียวเพื่อความก้าวหน้าแต่ก็ยังเป็นเพียงเด็กฝึกงาน / คานะ น้องสาวคนเล็ก ยังอยู่ที่บ้านกับพ่อ กำลังจะจบมัธยม และต้องการเรียนต่อพยาบาล)

ชีวิตในชนบทของฮานาตานิ กับชีวิตคนเมืองหลวงอย่างโตเกียว
พ่อที่ดูเหมือนจะผลักไสให้คนอื่นๆไปไกลๆจากตัว
แต่พ่อเนี่ยโคตรเท่เลย ชอบจัง




ต่อไปอาจมี S P O I L


โปรดระวัง
*
*
*

*ฉากที่ประทับใจมากๆ คือ
ฉากระหว่างทางที่เดินไปถ่ายภาพภายในหมู่บ้านของสองพ่อลูก ซึ่งภายในระยะเวลาที่ต้องทำงานร่วมกัน มันช่วยเติมเต็มความห่างเหิน ถมช่องว่างระหว่างกันได้อย่างเห็นได้ชัด จากการที่กล้องมาหยุดที่เดิมๆถึง3-4 ครั้ง และระยะห่างระหว่างกัน ก็ลดลงทุกครั้ง จนท้ายที่สุดทั้งสองก็เดินเคียงข้างกัน (และในที่สุดของที่สุด ก็มีคนแบกพ่อขึ้นหลังเพื่อสะสางภารกิจให้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์

*
*
*)


ขี้เกียจสปอยล์ละ
มาต่อๆ



หนังเข้าแล้วตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา
ที่โรงสยาม (เครือเอเพ็กซ์) และที่ House (RCA)
เลือกดูกันตามสะดวก แต่ที่เฮ้าส์ มีนิทรรศการภาพถ่ายพ่วงมาด้วยอีกหนึ่งงาน (มีจนถึง 10 ธ.ค.)

ส่วนเราไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์ รอบ 10 โมง ที่โรงสยามน่ะ
รอบ 10 โมง มีเฉพาะเสาร์ อาทิตย์นะจ๊ะ

ทั้งถูก (80เอง) แล้วคนก็น้อยดีด้วย
(อิๆ ถูกใจ แต่ยังไม่วายเจอเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์นกร้องรบกวนอยู่หลายหน แอบเสียอารมณ์เล็กๆ)

ผู้แปลซับฯ คุณผุสดี นาวาวิจิต (นักอ่านวรรณกรรมเยาวชนญี่ปุ่นน่าจะคุ้นชื่อเธอนะ)


เวบไซด์ของหนังเรื่องนี้จ้า
(ลองคลิกเข้าไปดูนะ แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยอ่ะ)

//www.murasha.com/





หวาย !!!

พรุ่งนี้เป็นวันทำงานอีกแล้วเหรอเนี่ย
แหะๆ มัวแต่ซาบซึ้งเกินไปหน่อยแล้ว





ภาพจากในเวบนั้นแหละ







 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2549 2:01:17 น.
Counter : 616 Pageviews.  

-12- ที่มาก่อน -13-

เมื่อคืนวันศุกร์ 13 ที่ผ่านมา

ทางเคเบิลรายหนึ่ง นำหนังสั้นเรื่องหนึ่งมาฉาย
ต้องขอขอบคุณเวบพันทิปค่ะ
(ได้ข้อมูลจากที่นี่แหละ ไม่งั้นอดดูแน่เลย)

เข้ากับบรรยากาศศุกร์ 13 ฝันหวานเป็นอย่างยิ่ง


หนังสั้นเรื่องนั้นคือ "12" (12BEGIN)





ผกก.คือ คุณมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

(เห็นผลงานจาก คน ผี ปีศาจ (หลอนแบบแขกๆ /

ลี้(หนังยาวที่เข้าฉายโรง แต่เหมือนเป็นโครงการพิเศษอะไรซักอย่าง พอดีตามเพื่อนไปดู /

ตอนที่เค้าทำหนังฉายที่ม. ก็มีโอกาสดูอยู่เรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์และชนบท...แต่ลืมไปแล้วอ่ะ)


(ไม่รู้ว่าต่อด้วย เกมสยาม แบบที่ในพันทิปหรือเปล่า เพื่อให้รับกับ 13เกมสยอง แล้วหาไปหามา มี 11 กะ 14 อีกตะหาก เอาเข้าไป... )



ดูจบแล้ว ...
ทำให้รู้สึกว่า
ต้องไปดู 13BELOVED แล้วล่ะ

แล้วเมื่อคืนวาน มีรายการ Books to films
ก็เป็นเรื่อง 13 นี่ล่ะ
แค่ที่มาของชื่อ "13" ก็น่าสนใจแล้ว
ทุกรายละเอียดที่เค้าใส่ เค้าให้ความสำคัญกับมัน
โดยภาพรวมเลยออกมาดีไง

แล้วก็มีเจ้าแมลงวันนี่ล่ะ
ที่เป็นอีกสัญลักษณ์ที่เค้าอยากสื่อออกมาผ่านทางการ์ตูน
ไม่รู้เวอร์ชั่นหนังจะเป็นไงนะ




ใครที่ได้มีโอกาสอ่าน รวมเรื่องสั้นจิตหลุด(การ์ตูน)
"MY MANIA " ของคุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ แล้วล่ะก็
รับรองจะต้องอยากดูหนังที่สร้างจากการ์ตูนเล่มนั้นแน่นอน

ลิงค์เวบเรื่อง 13
//www.13beloved.com/





หลับฝันดีทุกคนจ้า...



ปล. ไม่รู้ถ้ามีเกมแบบนั้นจริง จะกล้าเล่นกันมั้ยนะ




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2549    
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 2:41:01 น.
Counter : 1610 Pageviews.  

))<>(( forever.







Me & You & Everyone We Know





เรื่องราวความรักความสัมพันธ์ (สีพาสเทล)
ในมุมมองของ Miranda July







ไปดูเรื่องนี้มาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา 23-9-49
(โคตร)ชอบมากเลยแฮะ
อยากให้คนดูกันเยอะๆ ไม่รู้จะอยู่ถึงอาทิตย์นี้หรือเปล่า
เพราะวันที่เราดู เหลือ 2 รอบเองง่ะ




ไม่รู้ผกก.+ผู้เขียน เค้าใช้อะไรคิดเรื่องนี้อ่ะ เผอิญเค้าเป็นคนเดียวกันกับนางเอกของเรื่องด้วย (มองเผินๆให้ความรู้สึกเป็นหมิวล่ะ---------Miranda July) ดูมันน่าจะเป็นเรื่องที่คิดได้ยากมาก ถ้าเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ติดใจเลย เมื่อออกมาจากปากเด็กชายคนหนึ่ง




ต่อไปมี
S P O I L
ล่ะ


*
*
*


ประทับใจมากๆ กับความคิดเด็กๆของเด็กชายรอบบี้ ได้ใจมากๆเลย

"... back and forth... forever." นั่นก็คือ ชื่อหัวข้อบล็อคนี้นี่เอง




ฉากจบก็เจ๋งดี เหมือนเป็นการให้จังหวะชีวิต ยังกับเสียงเคาะระฆังของหลวงพ่อวัดอังโคะคุจิ(เอ๊ะ!)


การแชท ระหว่างเด็กน้อย และเจ๊ ต่างคนก็เข้าใจไปในแบบของตัวเอง คือเข้าใจกันไปเอง ทึกทักกันไปเองว่าอีกฝ่ายเข้าใจตรงกับตัว มันก็จริงแฮะ


ฉากเดินคู่กันของพระ-นาง บทสนทนาเค้าน่าสนใจมาก คือเปรียบเส้นทางที่เดินไปเป็นเหมือนชีวิตคู่ ยังไงที่สุดมันก็ต้องมีจุดจบ (เค้าทำแล้วดูน่ารักมากๆ) แต่พอถึงช่วงหลังความตายที่ทั้งคู่เปรียบ กลับทำร้ายจิตใจเหลือเกินแฮะ (พระเอกบอกกับเธอว่า ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างในนิยายนะ คงคิดจะเตือนนางเอกว่า สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่ควรทำลายระยะห่างระหว่างกันเร็วขนาดนั้น แต่มันก็ช็อคเลยแหละ)



ฉากนางเอก ถ่ายวีดีโอรองเท้าที่ซื้อเพราะพระเอกแนะนำ เอาไว้ในแบบของเธอ น่ารักอีกแล้ว





เด็ก 2 คนลูกชายพระเอก เป็นคนพูดชื่อเรื่องนี้ ตอนที่พิมพ์ตัวอักษรต่างๆ (แต่ใช้พวกสัญลักษณ์ จุด ลูกน้ำอะไรแบบนี้)ให้ออกมาเป็นภาพ

(ตอนต้นเรื่องมีกิจกรรมที่สองพี่น้องทำร่วมกัน คือสร้างภาพจากการพิมพ์จุด หรือตัวอักษรต่างๆ โดยพี่เป็นคนพิมพ์ และน้องชายรับหน้าที่เป็นคนบอก)

แต่ภาพที่ออกมาครั้งนี้ คนพี่คิดเอง เป็นภาพที่มองมาจากมุมสูง(Bird eye view) จุดหนึ่งจุดเลยแทนคนหนึ่งคนที่ยืนอยู่ น้องชายก็ถามหาตัวเขา พี่ก็ชี้ให้ดู และอธิบายสิ่งที่เขาพิมพ์ให้น้องฟัง ท้ายสุด น้องถามขึ้นว่า “แล้วพ่อล่ะ” คือเหมือนยังไงก็ยังแบนพ่อกันอยู่น่ะ




วีดีโอแสดงผลงานของนางเอก (นางเอกเป็นศิลปิน) ที่ในที่สุดก็ส่งผลงานของเธอให้กับเจ๊จนท.modern art museum ผู้พิจารณาทางไปรษณีย์ (หลังจากที่ทีแรกอุตส่าห์ยื่นให้กับมือ แต่เจ๊บอกให้ส่งทางไปรษณีย์ดีกว่า เดี๋ยวหาย เออ เอากะเจ๊เด่ะ ) และเจ๊แกกำลังดูอยู่คนเดียวต่อจากที่ดูค้างไว้กับผู้ช่วย ...แล้วเจ๊ก็เจอช่วงที่นางเอกบอกว่า ถ้าดูถึงตรงนี้ ขอให้โทรไปที่เบอร์นึง แล้วพูดแค่คำเดียวว่า “มักกะโรนี” อิๆ ชอบอีกแล้ว


เด็กสาวเพื่อนบ้านสองพี่น้อง เป็นเด็กโตเกินตัว เอาแค่ความคิดของเธอก็อึ้งแล้ว เธอมีหีบสมบัติส่วนตัวที่คิดเอาไว้แล้วว่าของเหล่านี้จะติดตัวเธอไปเมื่อเธอแต่งงานและมีลูกสาว ต้องลูกสาวด้วยแฮะ


ชายแก่ และหญิง(ไม่)สาวอันเป็นที่รัก เป็นความรักบริสุทธิ์ สวยงามที่สุดคู่หนึ่งในเรื่องเลย


สองสาววัยรุ่น ที่ทั้งเป็นเพื่อนและเป็นแฟนกัน กับพฤติกรรมสู่วัยสาวอันพิกล 555 ทั้งกับชายข้างบ้านพระเอก และลูกชายพระเอก




*
*
*

อ่านต่อได้แล้ว


อยากรู้ว่ามีสัตว์อะไรได้รับบาดเจ็บระหว่างการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า---จริงๆ ก็เกือบจะรู้สึกดีกับฉากแรกๆแล้วล่ะ แต่มันอดสงสารไม่ได้น่ะ


คิดถูกแล้ว ที่ตัดสินใจไปดู
อยากดูอีกสักรอบสองรอบจังเลย...




เวบของหนังเรื่องนี้
//www.meandyoumovie.com/

Miranda July's Blog
//meandyou.typepad.com/

Review โดยน้องเมอร์ฯ
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4683295/A4683295.html






 

Create Date : 27 กันยายน 2549    
Last Update : 28 กันยายน 2549 2:23:04 น.
Counter : 392 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.