just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 
บ้านสุดท้าย...ที่ปลายฟ้า

A home at the end of the world







หนัง indy ในเครือ Warner เรื่องนี้ เราได้ยินกิตติศัพท์มาพอตัว
เมื่อไม่ถึงชั่วโมงได้ดูจนจบ
คิดไม่ผิดจริงๆที่หามาดู
Colin Farrell เล่นดีมากกกกกและพลิกบทบาทที่เคยเห็นๆกัน
จากหนุ่มเท่ เลว เปรี้ยว เฉี่ยว บาดใจสาว กลายเป็นหนุ่มที่ไม่เคยคิดถึงแม้แต่จะเปลี่ยนทรงผมของตัวเอง เชยสะบัดด้วยทรงฮิปปี้ 555 และคันปากอยากบอกเหลือเกินว่าเขายังไม่ประสาอะไรเลยล่ะในเรื่องธรรมดาที่สุดในโลกของแคลร์ อิๆ

หนังเรื่องนี้ให้นิยามของคำว่า “ครอบครัว” ในมุมที่ต่างออกไป
ใครที่คุ้นๆชื่อเรื่องนี้และได้ยินข่าวคราวมาบ้างก็คงไม่ต้องเดาหรอก
มันเป็นเรื่องของ “ความสัมพันธ์ของ 3 คนพิลึกโลก”
ที่ในท้ายที่สุด มันก็มีทางออกของมัน

(เราชอบพี่ชายของพระเอกมากที่สุดในเรื่องเลย เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกัน แล้วโผล่มาแว้บเดียวเองง่ะ เสียดาย)

อะไรคือความรักในแบบของคุณ
ลืมไปได้เลย เพราะในเรื่องนี้เราเปิดกว้างมากๆๆๆๆๆ

Bobby เด็กหนุ่มที่เคยมีพี่ชายที่คุยกันได้ทุกเรื่อง (และให้เขาลองกัญชาที่ทำให้โลกดูน่าอยู่และสดสวย---แต่จริงๆ ยาเสพติดไม่เคยให้คุณแก่ใครนะคะ) เคยมีแม่ และเคยมีพ่อ ที่อยู่ร่วมกัน
แต่คนที่เขารัก ทยอย...จากเขาไปรวดเร็วเหลือเกิน
เราได้เห็นบ๊อบบี้ในสามช่วงอายุด้วยกันคือ
เริ่มเรื่องในวัยเด็ก 1967 อายุ 9 ขวบ
วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ 1974 อายุ 16
และวัยทำงาน 1982 อายุ 24

ยังดีที่เขามีเพื่อน Jonathan (Dallas Roberts) และครอบครัวของเพื่อนเขาเป็นที่พึ่งและให้ความอบอุ่นกับเขาไม่แพ้บ้านของตัวเองก็ตาม
ทว่า ความเป็นเด็กในช่วงวัยรุ่นของพวกเขา (อายุ 16 ) การได้สนิทสนมและอยู่ด้วยกันตลอดเวลา กลายเป็นความปฎิพัทธ์ระหว่างกันและกัน ในที่สุดเมื่อมีคนรู้เรื่องเข้า John เลยตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการไปหาที่เรียนไกลๆจากเพื่อนคนสำคัญคนนี้ของเขา

แม่ของ John ก็รักBobby เหมือนกับลูกของตัวเอง ด้วยความเป็นคนรักชอบการทำขนม ก็ได้สั่งสอนบ๊อบที่กำลังจะออกจากบ้านไป เพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ จนกระทั่งเขาสามารถยึดมันเป็นอาชีพได้ (แหม น่ารักมากเลยค่ะ ดูไม่ค่อยเข้าเลย เป็นหนุ่มแบดบอยมาใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ร้านเบเกอรี่ )

และแล้ว เมื่อ บ๊อบบี้ของเราอายุ 24 พ่อแม่ก็จะย้ายไปอีกเมือง และแม้เขาจะขอตามไปด้วย พ่อกลับบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องแยกไปมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ ไปหา Jonathan ที่นิวยอร์ก และพบรักของเขาที่นั่นเอง...
Clare สาวเปรี้ยวผู้เปิดกว้าง(Robin Wright Penn) คบอยู่กับ John แต่เมื่อ bobby เข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เธอรู้ว่าแฟนเธอชอบผู้ชาย ซึ่งเธอก็เปิดโอกาสให้กับเขาสนุกเต็มที่ (เป็นคนดีเหลือเกิน รับได้ยังไงเนี่ย)

ความสัมพันธ์ของทั้งสามคน เปลี่ยนไปจากเดิม แคลร์ได้พบรักกับบ๊อบบี้ และจอห์นคิดว่าเขาเป็นส่วนเกิน แต่เมื่อเขาหนีออกมา เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันแปลกไป เขาทั้งสองอยู่กันได้ดี แต่เหมือนมีอะไรขาดหายไป
ความจริงแคลร์เองก็รักจอห์นมากเช่นกัน การที่เขาทิ้งเธอออกมาโดยไม่ร่ำลานั้น เจ็บปวดมากๆ
และเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสามคนกลับมาเจอกัน เป็นการมาร่วมงานศพของพ่อจอห์น และจากนั้นพวกเขาก็กลับไปอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ณ บ้านหลังใหม่ และในคราวนี้จะมีสมาชิกใหม่ด้วยอีกคน หนูรีเบคก้าน้อย







เรื่องราวเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี
ถ้าไม่เป็นเพราะแคลร์เริ่มรู้สึกว่าคราวนี้ เป็นตัวเธอต่างหากที่เป็นส่วนเกินของเขาทั้งสอง











........


กัญชาปรากฏในเรื่องมากเหมือนกัน

พี่ชายของบ๊อบบี้ชวนให้เขาใช้ยาตั้งแต่ 9 ขวบ และทำให้เขาได้รู้จักโลกอันสวยงาม โลกที่ทุกอย่างเป็นไปได้ และที่ลับที่เขาและพี่จะมาได้ทุกครั้งที่ไม่สบายใจ

มีฉากประทับใจ...คือตอนบ๊อบพี้ยาอยู่กับจอห์นแล้วแม่เปิดเข้ามาเจอ บ๊อบกลับชวนแม่ลองดูซะงั้น แล้วแม่ก็อยากลองซะด้วยสิ 555 มันมากเลยคุณแม่อลิซ

Woodstock งานดนตรีสนั่นโลก ที่เต็มไปด้วยโคลน

การแต่งกาย ยุค 70’s

สีผมของแคลร์ ...ในตอนท้ายเรื่องเธอคิดได้ว่า สิ่งที่ทำให้เธอดูพิเศษ อาจจะแค่สีผมก็ได้ จริงๆแล้วเธออยากเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดา ...อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะ

การเปลี่ยนทรงผมของบ๊อบบี้ ...แคลร์พูดเอาไว้ได้น่ากลัวมากๆเลย ประมาณว่า ถ้าคุณอยู่กับอะไรที่มันดูไม่ใช่คุณ มันมีผลนะกับการใช้ชีวิต ลักษณะเพื่อนที่คุณคบ อาชีพที่คุณเหมาะ บางทีคุณอาจใช้ชีวิตผิดทางไปเลย ...เพราะงั้นเปลี่ยนทรงผมซะเถอะน่า

ฉากเต้นรำอันแสนโรแมนติก
จูบระหว่างพี่น้อง ที่ดูดดื่มเสียเหลือเกิน

...ส่วนฉันก็อยู่ในความมืดและเงียบงัน
มาจากคำพูดของบ๊อบบี้ ที่ออกมาเดินในบ้านตอนกลางคืน และเจอกับจอห์น เหมือนว่าได้อยู่ระหว่างคนเป็นที่ฝัน และคนตายที่อยู่ในที่ของพวกเขา... มันต้องมีอะไรอีกแน่ๆเลย

ไม่รู้ที่มาของความรักของเขาและจอห์นเอาซะเลย
เอาน่ะ มันก็แค่ความรัก เป็นคำพูดที่เขาพูดกับจอห์น ซึ่งเป็นประโยคที่พี่ชายได้เคยพูดกับเขา





...ความเหงา
...งดงาม



“หัวเราะ
มีความสุข
ทำให้ดูบ๊องๆ”
คำนิยามของผลจากกัญชาของบ๊อบบี้ ในวัย 16 ที่มีดวงตาใสแจ๋วเหมือนเด็กเล็กๆเลยล่ะ









มีอะไรที่คุณทำไม่ได้มั่ง บ๊อบบี้

มีสิ ...
ผมอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก










Create Date : 19 สิงหาคม 2548
Last Update : 19 สิงหาคม 2548 21:36:05 น. 3 comments
Counter : 913 Pageviews.

 
มีปัญหากับbackground ค่ะ
ตั้งไว้เป็นสีขาว
แล้วทำไมพอเข้าแล้วกลายเป็นสีเข้มหว่า

ลองคลิกเข้าตรงที่ชื่อบล็อคอีกที
มันกลับมาเป็นสีขาวแล้วแฮะ

งง


โดย: quin toki วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:21:50:51 น.  

 
หนังอบอุ่น นุ่มนวลครับ เพลงประกอบเพราะมากมาย ทันได้ดูในโรงด้วย


โดย: joblovenuk วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:21:52:47 น.  

 
น่าดู น่าดู


โดย: zaesun วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:23:19:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.