just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 
say 'YES' if u feel 'YES'

YES(2004)

YES! YES!
ไม่เคยให้เรตหนังเรื่องไหนมาก่อน แต่เรื่องนี้เราให้ A+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ด้วยความชอบจัดๆจากใจ










S * P * O * I * L สุดๆ นะที่จะได้อ่านนับต่อจากนี้
*
P
*
O
*
I
*
L
*จริงๆนะ






หนังที่ฉาบหน้าด้วยเรื่องราวความรักผิดศีลธรรมอันดีงาม (ชู้) ที่แฝง (จริงๆต้องการแสดงออกในเชิง)ความขัดแย้งด้านต่างๆ ที่มาจากความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา แล้วก็มาลงที่ SEX อีกที





ฉากแรกที่เริ่มประทับใจ

• คุยกันบนเตียง He พูดเรื่องเลข 1 ขึ้นมา
ข้อสนทนา คำพูดที่ดูเหมือนบทกลอน
จากเลข 1 ---> 3 แล้ววกกลับมาที่ก่อนจะถึงเลข 1 ก็คือ 0 ซึ่งก็ถูกย้ำอีกในตอนจบว่า
ไม่มีคำว่า “No” มีแต่ “Yes”
สิ่งที่เราทำ ไม่มีวันหายไป มันแค่ย้ายที่เปลี่ยนทาง

ซึ่งเธอ พูดถึงเลข 2
แล้วแค่นี้ ก็เถียงกัน

ด้วยทัศนคติ ประสบการณ์ อะไรต่างๆที่ไม่เหมือนกันเลยของทั้งคู่ ต่างดึงดูดอย่างหนักหน่วงเข้าหากัน


และทั้งๆที่เธอ บอกกับตัวเองว่าจะปฏิเสธเขา ฉากต่อมา กลับชี้ให้เห็นว่า เธอกลับกลอก

(ซึ่งมันตอกย้ำนิสัยผู้หญิงมากๆเลย ปากอย่างใจอย่าง เท่านี้ ผู้หญิงก็เหมาะสมกับการเปรียบเทียบกับอเมริกาแล้ว ---ไอ้เราที่เป็นผู้หญิงก็คิดจะต่อต้านที่ใช้ผู้หญิง แต่ก็อดเห็นด้วยกับผกก.ไม่ได้ เพราะเราเองก็เป็นคนแบบนั้น ปากอย่างใจอย่าง แย่ว่ะ)

จริงๆนอกจากนิสัยดังกล่าว ผู้หญิงก็ยัง ใช้อารมณ์ตัดสินในทุกๆเรื่อง (ทั้งๆที่ในเรื่องเธอมีอาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยึดมั่นในหลักเหตุผล) ผู้หญิงเราทิ้งนิสัยส่วนตัวตามธรรมชาติเช่นนี้ไม่ได้ง่ายๆ

ปูมหลังของตัวเธอ She เป็นชาวไอริช อยู่กับป้าจนถึง 10 ขวบ จึงมาอยู่ประเทศเสรีและมหาอำนาจอย่างอเมริกา

ตอนที่อยู่กับป้า ตอนกลางวันเรียนโรงเรียนคาทอลิค สอนเรื่องพระเจ้า แต่พอกลับมาบ้าน ป้าเธอซ้ายจัด เป็นคอมมิวนิสต์เต็มขั้น ---ใฝ่ฝันจะได้ไปคิวบา นับถือคาสโตร

เห็นได้ว่า เธอสับสนเหลือเกิน ระหว่างการเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง กับความเสมอภาคระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และความขัดแย้งภายในตัวเธอ กับอาชีพที่เธอทำ วิทยาศาสตร์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับศาสนจักรมาตั้งแต่ต้น

ซึ่งท้ายที่สุด เราก็ได้เห็นเธอไล่ตามความฝันให้กับป้า และทำในสิ่งที่ตัวเธอต้องการรู้จริงๆ

หนังจิกกัดอเมริกา จากความคิดคนอังกฤษ ผ่านปากของชาวตะวันออกกลาง ได้อย่างเฉียบคมและน่าสะใจแทน


- ในครัว He พูดถึงโฆษณาที่ฉายในทีวี บนรถเมล์ เป็นเรื่องของหญิงสาวสะคราญนางหนึ่ง นุ่งห่มด้วยเครื่องแต่งกายน้อยชิ้น เผยอเรียวปากเคลือบสีแดงเพลิงด้วยความสะใจที่ได้จ่อยิงเหล่าผู้ชายรายล้อมตัวเธอ สิ่งปกปิดร่างกายของเธอ มีลวดลายเป็นรูปดาว และแถบสีแดง

- เหตุการณ์ร้ายแรงในครัว (ที่ที่เขาทำงานอยู่) เขาเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องก่อน แต่พอสถานการณ์บีบให้ต้องสู้ เขาดูเหมือนคนที่ผิด กลับกลายเป็นแพะรับเคราะห์ (อคติอย่างแรงกล้าของคนที่มีต่อชาวมุสลิม เกิดการตีขลุม และเหมารวม)

• ชอบที่ใส่ความนึกคิดของตัวแสดงแต่ละตัวลงไป มันพอเหมาะพอเจาะ (แอบนึกถึง Goal club นิดหนึ่งตอนที่เขียนอยู่นี้) ที่ควรจะให้คนดูได้รับรู้ไปพร้อมๆกัน

• ชอบบทพูดที่ป้าแกบ่นในใจมากๆ แต่หลุดออกเป็นคำพูด แค่ “คิวบา” กับ “คาสโตร”
ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก จะทำอะไรให้รีบทำ


* ความรัก ความเหมาะสม สถานภาพของเธอและเขา สิ่งที่เธอต้องการจากเขา

* She ดูสวยขึ้นมากๆ เมื่อเธอมีความรัก (ทั้งๆที่ตอนดูตัวอย่างหนัง เห็นหน้านางเอก แล้วก็ ยังไม่แน่ใจว่าจะดูดีไหม ก็กะไม่ได้ดูเอาสวยหล่อ แต่เธอและเขาดูดีกันเหลือเกินอย่างไม่น่าเชื่อ)





* วันหนึ่งขณะที่อยู่ในคิวบานั้นเอง เธอถ่ายวีดีโอตัวเองและสารภาพบาปต่อพระเจ้า ซึ่งมันก็เป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้วที่เธอห่างเหินออกห่างจากศาสนา ในที่สุด ตอนที่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร บางทีการพึ่งสิ่งเหนือธรรมชาติ ก็อาจเป็นทางเลือกของคนที่อยู่ฝั่งเหตุผลมาตลอดก็ได้

อืม...สุดท้ายแล้วพระองค์ตรัสตอบเธอหรือไม่ อย่างไร ต้องไปดูแหละ


• รักไม่มีพรมแดน

ยังกังขา?
- ลูกบุญธรรมของเธอ มีปมอะไรไม่ชัด ไม่แน่ใจ งง ข้อนี้เป็นข้อที่ข้องใจมากๆ

- ทำไมเธอถึงปฏิเสธที่จะโทรไปหาป้า ที่เบลฟาสต์

อันนี้ เคยเข้าใจ เพราะตัวเองก็เป็น มันคือ ความกลัว ที่อธิบายไม่ได้ มันกลัวอะไรก็ไม่รู้ การเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ของมันก็เข้าใจยากพออยู่แล้ว ไม่สามารถจะหาคำพูดที่จะมาอธิบายความกลัวในลักษณะนี้ให้เห็นภาพได้

หรือเธออาจต้องการหนีสิ่งที่เธอเคยเป็น ต้องการลืมสิ่งที่เธอไม่ต้องการ


* ตอนที่สามีของเธอพูดกับลูกเลี้ยง เราเองก็เกือบเชื่อแล้ว คิดว่าถ้ามองในมุมคนอื่น เธอก็พูดถึงเขาและก็คงแสดงออกกับเขาเย็นชาเกินไป แต่สามีเธอเป็นผู้ชายที่น่าเหยียบให้มิดดินไปเลยทีเดียว พี่แกแสดงได้น่าหมั่นไส้มากกกกกกกก พูดเข้าข้างตัวเองสุดๆ เขาว่าเธอน่ะยึดติด คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง

* ขำก๊ากเลยตอนที่ เธอและสามีปะทะคารมกัน แล้วเขาว่าว่าเธอน่าจะสงบอารมณ์บ้าง เพราะเธอตะโกนโหวกเหวกโวยวาย แต่เขา ควบคุมอารมณ์ไว้ได้ หรือมันแทบจะเฉยชาเสียด้วยซ้ำ (ซึ่งมันก็ดูจะเป็นการเสียดสีอาชีพนักการเมืองที่เขาทำอยู่นะ)

ความเย็นชาที่สามีมีต่อเธอ แล้วยังเอาไปเล่าให้ลูกเลี้ยงฟังอีก เป็นคนแย่มากกกกกกกกกกกกกกก หรืออาจกล่าวได้ว่า ไอ้ผู้ชายเฮง---(ไม่ได้จะว่าคนอ่านนะ อย่าเข้าใจผิด)

ฉากที่โต๊ะกินข้าว เห็นได้ชัดว่า คู่นี้กำลังทำสงครามกันอยู่ (อเมริกา-อังกฤษ) แต่สงครามในที่นี้ คือการไม่ลงรอย เป็นสงครามประสาท ที่คุณสามี(อังกฤษ) ไม่ตอบโต้ ไร้อารมณ์ นี่สิเย็นชาของจริง ดูเหมือนจะเป็นคริสต์มาสที่บรรยากาศยะเยือกสุดๆ เพลงประกอบ เข้ามากกกกกก ...เหมือนจะใช้เพลงเดียวกับตอนที่ป้าสั่งเสียในใจน่ะ

เพลง Paru river ของ Philip Glass (เริ่มเพลงมารู้สึกถึงระลอกคลื่นในแม่น้ำเลย)

ส่วน He เป็นศัลยแพทย์จากเบรุตที่ตัดสินใจจากบ้านเกิดมายังอเมริกา
มันคงมีสาเหตุมาจากอะไรซักอย่าง ไปฟังเขาเล่าให้เธอฟังในหนังดีกว่านะ

ด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์ เข้ากันไม่ได้กับความคิดแบ่งเขาแบ่งเราของคนในประเทศเขา ความเคียดแค้นเกิดขึ้นแผดเผารุนแรง ไม่เป็นผลดีกับใครเลยแม้สักนิด เข่นฆ่าได้ เพียงเพราะเขาเป็นคนหนึ่งในชาติที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่กับการดูถูกข่มเหงพวกเขา

(นึกถึงในบ้านเราก็ต้องเป็นนักเรียนช่างกลตีกัน เพราะแค่เห็นเครื่องแบบของคู่อริ ตีกันทั้งๆไม่มีความแค้นส่วนตัว น่าสังเวชใจจัง)



YES อัดแน่นไปด้วยรายละเอียด บทสนทนา(ราวกับกวี หรือมันก็คือกวีน่ะแหละ)ดีๆ ยาวๆหลายบท นั่นทำให้ หนังเรื่องนี้เหมาะจะดูมากกว่าหนึ่งรอบ(รอบเดียวเป็นอย่างต่ำมาก ไม่พอที่จะเก็บรายละเอียดได้ครบ) มีบทที่น่าสนใจ น่าคิดต่อ แต่ต้องตั้งหน้าอ่าน sub อันไหลหลากมา ทำให้บางทีก็ทำให้ประเด็นอีกมากหล่นหายไประหว่างช่องว่างกับการพักหายใจ เฮ่อ ช้าลงหน่อยสิ ตามแทบไม่ทันแหนะ

• ชอบฉากปะทะคารมระหว่าง He & She ที่ลานจอดรถ หลังจากเขาเจอเรื่องหมิ่นชาติพันธุ์ รวมถึงศาสนา และความเป็นตัวตนของเขา มาหมาดๆ (โดนไล่ออกจากงาน แต่คู่กรณียังมีสิทธิทำงานต่อได้)

ดูมันเหลืออดเหลือทนแล้วสำหรับเขา พาลน้อยใจและอยากยุติความสัมพันธ์ที่ไร้ศีลธรรมนี้เสีย ทว่าเธอกลับขาดเขาไม่ได้แล้ว

• อยากได้ quote ตอนเรื่องที่พูดกันบนเตียง (ครั้งแรกของกันและกัน)


• ตอนปะคารมกันในรถและลามออกมาที่ที่จอดรถ


คำพูดของเขา ฟังแล้วจุก ก็ไม่ใช่แค่ชาวมุสลิมหรอกนะ ที่ถูกกระทำ แต่คอร์เคเชียนอย่างพวกเรา ก็มักรู้สึกได้ในความต่ำต้อย ด้อยค่า จนเหมือนกับเป็นพลเมืองชั้นสองของโลกนั่นเชียว หรือจะให้แย่กว่านั้นก็คือ เราไม่มีตัวตน เป็นสิ่งที่พวกเขามองผ่านทะลุราวอากาศธาตุ (เปรียบได้กับเหล่าแม่บ้าน พนักงานทำความสะอาด คนครัว ในเรื่องที่ตัวละครอย่าง เธอ ไม่มีทางมีปฎิสัมพันธ์ด้วยถ้าไม่จำเป็น)

ลองคิดเล่นๆดู ว่าถ้าเมืองไทยเป็นชาติมหาอำนาจ อะไรๆจะเปลี่ยนไปเช่นไร ตอนนี้ ภาษาไทยก็ต้องเป็นภาษาสากลที่ใครๆก็ต้องเรียน จะสอบไปต่างประเทศ(สำหรับคนประเทศอื่น)ก็ต้องสอบ ไทยเอล ไทยอิค อิๆ
ยังไม่รวมถึงวัฒนธรรม ศาสนาที่จะต้องตามชาติมหาอำนาจไปเป็นแม่แบบให้กับทุกประเทศ โอ้ แค่คิดก็มันแล้ว ...พอเหอะ

• บทที่ป้าของเธอพูด(ในความคิด ทว่าดังพอให้พวกเราได้ยินอย่างถนัด) ยาวอยู่เหมือนกัน
มีคำถามที่ป้า ทิ้งไว้ให้ “ทำไมเวลาต้องเดินไปข้างหน้า”


ชีวิตของเราในทุกๆวัน เป็นการแสดงจริงที่ไม่เคยได้มีซ้อมใหญ่
เรากลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ทั้งๆที่น่าจะมีโอกาส เพื่อเรียนรู้ชีวิตรู้ผิดถูก
แต่บางที มันกลับเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
เพราะชีวิตช่างแสนสั้น และเวลาไม่เคยเดินย้อนกลับหรือแม้แต่หยุดรอ

เธอไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เมื่อป้าเสียนั่นแหละ ถึงได้คิด เธอตัดสินใจทำตามที่ป้าวาดหวังไว้ เธอจะเป็นตัวแทนให้ป้าเอง

* บทที่แม่บ้าน(ตากลมและน่ารักกว่าแม่บ้านทั่วๆไปมากกกกกกทีเดียวก็ตาม) ดำเนินเรื่อง และฉากปิดของเรื่อง


สิ่งที่เราได้ทำลงไป ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม มันจะไม่มีวันหายไปไหน ยังคงทิ้งร่องรอยไว้

เหมือนคำกล่าวที่ว่า สสารไม่มีวันสูญสลายไปจากโลก --- มันก็อาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป เท่านั้นเอง



ตัวแสดงที่เป็นแม่บ้านที่เปิดเรื่องขึ้น ทีแรกเราไม่ค่อยชอบนะ แต่พอดูๆไป เออ ก็เค้านำเสนอจากมุมของคนอย่างเราๆน่ะ มันดูจะเข้าถึงง่ายนะ ทั้งๆที่พวกเธอพูดอะไรหลายๆอย่างที่ไม่น่าจะคิดได้ มันยากเหมือนกันนะ

พูดเรื่องการถ่ายภาพนิดหนึ่ง ในช่วงที่เป็นภาพมุมมองจากกล้องวงจรปิด มันเป็นภาพนิ่งที่เรียงต่อเนื่องกัน ก็แปลกไปอีกแบบ และมีช่วงหนึ่ง ตอนที่เธอ ไปเที่ยวตอนที่อยู่คิวบา ประมาณผับๆนี่ล่ะ แสงสี และภาพนิ่งที่เรียงร้อยกัน มันสวยจัง ภาพที่ออกมาไม่ชัด แต่มีเสน่ห์ด้วยแสงที่พาดผ่านไม่มีรูปร่างแน่นอน (ก็นึกถึง สีหนังโทน Somersault ขึ้นมาวูบหนึ่ง)

และภาพฉากเปิดเรื่องที่งามมาก ทั้งๆที่ความจริงมันก็แค่ฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจาย และเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทุกๆวัน ก่อนที่คำว่า YES จะปรากฏตัว




ท้ายที่สุด หนังก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า
ไม่รู้ว่า สถานการณ์โลกจะกลับมาสงบสุข อบอวลไปด้วยความรัก(หรือจะเป็นสันติภาพ) เหมือนตอนจบของเรื่องนี้ได้หรือเปล่า






หมายเหตุ

*~ ผกก. Sally Potter (อ่านเกร็ดชีวิตของเธอมาจาก imdb แหละ ก็ออกจากการเรียนตอนอายุ 16 ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะเป็นคนทำหนัง เปรี้ยวไม่ใช่เล่นแฮะ)
มีหนังของเธอที่น่าสนใจอีกเรื่อง

Orlando (1992) ที่มี Tilda swinton (เกเบรียลใน คอนสแตนติน สุดแสนเท่น่ะเอง ชอบบบบบ)แสดงนำ อยากดูจังเลย ...

*~ ไม่รู้คุณธนัชชา มีบทหนังเรื่องนี้เก็บไว้หรือเปล่า แหะๆ อยากได้มาศึกษาจังค่ะ

*~ โอ้ว อยากไปดูอีกสักรอบสองรอบจัง

*~ ชื่อเรื่องทำให้เรานึกถึง ตอนที่จอห์น เลนนอน click กับโยโกะ โอโนะ ก็เพราะคำๆนี้แหละ YES (ทีแรกฟังอ.เล่า แล้วจู่ๆแกก็ทิ้งปมไว้ว่า จอห์น เข้าไปชมงานศิลปะของเธอที่จัดแสดง แล้วมันมีบันได้ให้ปีนขึ้นไป แล้วตกลงมันเป็นคำว่าอะไรล่ะ อ.ก็ใจร้ายไม่ยอมบอก ดีนะที่ไปเปิดอ่านเจอในนิตยสารฉบับหนึ่ง--ในร้านทำผม เอ่อ ซึ่งปกติ เราเข้าร้านแบบนี้ไม่มากเลย ถ้าไม่ได้รู้คงคิดจนหัวแตกได้เหมือนกันแฮะ)


ขอให้มีความสุขกันทุกๆวันค่ะ
ลงมือเลย ถ้าอยากทำอะไร อย่ารอช้า เดี๋ยวจะเสียใจเพราะเวลามีแต่จะเดินนำหน้าไปเรื่อยๆ



Create Date : 17 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2548 11:53:13 น. 21 comments
Counter : 644 Pageviews.

 
Single is a word based on illusion.
Oh my love: you hold me and I melt.
Life itself develops from a fusion.
I am not solid anymore.
Two is joining, letting go, attraction
I am a feeling.
And rejection, yes and no...

ไม่แน่ใจว่าใช่ที่ต้องการหรือเปล่านะคะ
คำพูดที่ทั้งสองพูดกันบนเตียง



โดย: grappa วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:34:11 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่า คุณแกร้ปป้าหาจากไหนคะ บอกมั่งสิคะ อย่าบอกนะคะว่าฟังเอาแล้วจำได้ ข้าน้อยขอคารวะ


โดย: quin toki วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:18:03 น.  

 
เรื่องปมของลูกเลี้ยง

เพราะแม่ของลูกเลี้ยง (ซึ่งก็คือเพื่อนของ "เธอ" ) คือ คนที่เป็นชู้กับสามีของ "เธอ" ไงคะ

(ตอนต้นเธอทะเลาะกับสามี จำได้มั้ย ตอนที่ก่อนลูกเลี้ยงจะร้องไห้ มีมือมือหนึ่งมาดึงไหล่สามีของเธอ หน้าเห็นไม่ชัด แต่การตัดสลับกับลูกเลี้ยงที่ไปที่ห้องแม่เธอแล้วไม่เจอแล้วเธอร้องไห้ สำหรับเรามันสื่อว่าเช่นนั้นค่ะ)


กรณีไม่โทร.ไปหาป้าที่เบลฟาสต์

สำหรับเราเรารู้สึกคล้ายที่สามีเธอพูดน่ะค่ะว่า

"เธอ" พยายามย้ำว่าตัวเองมีเชื้อสายไอริช (เพื่อให้ตัวเองไม่ใช่ "อเมริกัน" อย่างที่ตัวเองหมิ่น) แต่สิ่งที่เธอทำกลับเป็นการหลงลืมรากเหง้าของตัวเองค่ะ (การไม่ติดต่อป้า)



ชอบบทพูดตอนที่เธอคุยกับชู้เหมือนกันค่ะ

สะใจตรงที่เค้าเพิ่งตัดพ้อเรื่องการไม่มีตัวตนอยู่หยกๆ แต่เมื่อเธอรู้ข่าวป้า เธอก็ทำเหมือนที่เค้าพูดจริงๆ นั่นคือ เขาไม่มีตัวตน


อยากไปดูอีกรอบเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าตัวเองยังเก็บไม่หมดเหมือนกัน แต่ต้องเป็นอีกสองอาทิตย์ถัดไป (ธ.ค.) โน่นแหนะ เพราะมีทริปทุกอาทิตย์เลย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:36:08 น.  

 
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากดูมากๆ เลยล่ะค่ะ กำลังพยายาม
จะดาวน์โหลดจากเน็ทอยู่ เลยอ่านข้ามไปก่อนนะค่ะ แต่
เดี๋ยวดูเสร็จแล้วจะแว๊บกลับมาอ่านต่อค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:19:13 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ มิน่า ตามไม่ทัน งงมากๆเลย ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่า แล้วก็งงๆ ว่าตอนที่ดู เหมือนตัวลูกน่ะเป็นชู้ซะเองน่ะค่ะ

แหม มีทริปทุกอาทิตย์น่าสนุกออกค่า

รู้สึกเราจะอินกับพวกบทสนทนา จนไม่ค่อยได้ซึมซับความอีโรติกของหนัง รวมไปถึงฉากในร้านอาหารของทั้งคู่เท่าไหร่ค่ะ แต่ตอนที่สองคนเดินไปคุยไปในสวนและเรื่องไปเริ่มหลังอยู่กันสองต่อสอง อันนั้น ดูมีพลังมากๆค่ะ

นึกๆไป ก็จะผ่านไปอีกปีแล้ว รวดเร็วเหลือเกินค่า


โดย: quin toki วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:20:55 น.  

 
มาลงชื่อค่ะ

ไม่อ่านเพราะเก็บไว้ดู

อิอิ


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:48:35 น.  

 
สงสัยต้องไปหามาดูแล้วค่ะ ^^



...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:58:45 น.  

 
ลืมบอกที่มา
เอามาจากนี่ค่ะ
//www.yesthemovie.com/index.jsp
ตรง SHE นะคะ


โดย: grappa วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:55:45 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่า คุณแกร้ปป้า

คุณนิด ดูเสร็จแล้วมาคุยด้วยกันค่า

PADAPA--DOO อย่าเก็บไว้นานนะคะ จะได้มาคุยกัน เอ แล้วมีเก็บเรื่องอื่นไว้ดูอีกรึเปล่า บอกกันมั่งเน้อ

คุณบลูเบอรี่ฯยังอยู่นะคะ แต่ไม่รู้จะอีกนานรึเปล่า



โดย: quin toki วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:36:51 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณ quin toki.......... บทเรื่องนี้แปลไปน๊านนานหลายเดือนแล้ว ปกติบทหนัง (จะเอาภาษาอังกิตใช่มั้ยคะ) จะเผยแพร่โดยไม่ขอบริษัทไม่ได้อ่ะค่ะ แต่เห็นคุณชอบมั่กๆ.....ก็ จะแอบให้นะ อย่าบอกใครล่ะ หุหุ



[b] บทฉากครั้งแรกของกันและกัน [/b]

SHE
Speak to me.

HE
Of what?

What is there to say?

SHE
Too much or nothing.

Please, try anyway.

HE
Well, I adore

the number one.

One you, one me,

one moon, one sun.

SHE
Must I revolve around you then?

Am I the silver planet circling round the gold?

Are you the source of light and heat, whilst I am shadow,

pulling watery tides, and cold?

HE
You hear a meaning where there's none, I fear –
I spoke of one.

A number. An idea. My preference for

the single state, that's all.

SHE
Single is a word based on illusion.

Life itself develops from a fusion.

Two is joining, letting go,

attraction and rejection, yes and no.

It's not a solo but a sweet duet that's played to bring us here,

and then forget how it was before we met the other.

It was two that brought us to the mother.

(thinks)
And desire that led us to the lover.

HE
You're right.

But now I'd like to speak of three.

Admit: there's you and him, and now there is me.

SHE
Oh God, let's hide inside the number four.

A house with walls and with a door that closes onto chaos.

HE
(tut, tut, tut)
We've gone too far. I forgot.

The thought that precedes one,

the thought that's not.

The void,

the vast and endless state of none.

Containing, holding, god-like.

It's the one and only number that we really need.

Nought is the majesty that rules our lives, unseen, and

silently. Heh heh?

SHE
Nice.

But a bit too mystical for me.

Someone invented zero so that we could count and measure the unthinkably large unwieldy numbers.

And it was then by multiplying to the power of ten that we began to measure space,

and so to time.

You tricked me!

HE
No!

SHE
Yeah you did.

Of course. You start with one, then give yourself the source of all the numbers.

HE
No lovely lady.

All I meant to say… was this:

You are the one.

The light of day.

(V.O.)
The velvet night,

the single rose,

the hand I want to hold,

the secret country, land of all my longings.

There.

You have my word.




โดย: psaksiamkul วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:30:49 น.  

 
ฉากในร้านอาหาร


HE
Oh lovely goddess, whore and tramp. You are my love,

You light the lamp that guides me through the velvet night towards you.

SHE
Hold me. Hold me tight.

HE
Your voice, your paleness, your perfume, your presence haunts me.

In my room I wait for you, filled with desire.

Your hungry look ignites my fire; Oh lady, what then can I do but burn?

I am in flames for you.

SHE
Before I knew you, now I know I was not living.

This is so much more than anything I've felt.

Oh my love.

You hold me and I melt.

I am not solid anymore. I am a feeling.

Call me whore. I'll ask for more.

Oh the names.

You give me names I never would forgive if spoken to me in the street. Somehow, from you, my love, they're sweet.


HE
What can I give you, lady luck? What other words and names?

I'll fuck you as a mistress, as a queen;

I'll worship you with words obscene and ugly, all the more to show how I adore you.

Bring you low with language from the gutter.

Hear me now,

I'll gently mutter things into your ear;

flowing streams of words from fantasies and dreams you've not confessed to anyone.

SHE
Yes – please. Yes - say it all.

HE
Let forbidden thoughts be heard.

Let the hidden parts be seen.

SHE
Yes

HE
The only danger is that all the lonely private places you have been to might dissolve,

and you'll be seen to blossom.

Singing,

dancing,

humming,

laughing.

Come here, love,

you're coming.

SHE
(laughs)



โดย: psaksiamkul วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:34:32 น.  

 
บท Aunt "ทำไมเวลามีแต่เดินไปข้างหน้า" (วะ)


AUNT
(V.O.)
You're late again.

Don't worry. Never mind.
I know you're busy.

It's the kind of life you lead. But then, you chose it, so I guess you want it. Always to and fro, you never stop.

Unlike myself. I'm here to stay.

For just how long, who knows, I fear it could be ages.

It creeps up on you, this funny business.

First a creak or two, your knees, perhaps, and - bingo - then you're old and in a bed.

The thing is, no-one told me I'd have all this time, but far too late to use it for the things I dreamed of.

SHE
Oh auntie.

AUNT
(V.O.)
Fate delivers upside down and back to front.

I've more to say than ever, but they shunt me back and forth all day from bed to chair and back to bed again; it isn't fair.

All this experience I'd like to share.

Not that it all adds up. Not that you care.

I'd better stop - it's time for you to go already. Isn't it? Five minutes - oh, well maybe ten.

You see, I never know when you'll be here again.

It's such a blow each time you leave, it's hardly worth your while
to come at all. I mean it.

Don't you smile like that - oh you'll be sorry when I'm dead.

I'm only joking, dear. I only said that for a laugh.

Although, of course it's true.

The questions that you never asked.

Yes, you will certainly regret a thing or two.

No one explained to me when I was young why time only goes forward.

Hold your tongue was what they said when I asked them about the universe and such and why we can't do all that much about it if we make a mess of things.

If only a mistake could be corrected.

Wind life back and start again.

The second time we'd know the art of living.

But we only get one go.
No dress rehearsals, this one is the show.

And we don't know it.

I don't see the rhyme or reason in this so-called grand design.

But then I don't believe. There is no sign of him up there as far as I'm concerned.

See, if there's one thing that I've truly learned, it's this:

it's down to me.

And you, of course.

Each one of us is it.

We are the source of all the bad

and of the good things too.

Well - out with it. What's happening with you?

At last you've got some colour in your cheeks.
I haven't seen you look this way in weeks or maybe months. It could be even years.

Don't tell me, you're in love, aren't you my dear?

Not with that English chap. What a mistake! I knew it from the start.

It only takes another one to come along, and then your heart tells you that, frankly speaking, men are not all equal –

some are better, love.

It's just another trick from that one up above -
If ¬He exists, which He - or She . does not –

unless I didn't notice - or forgot.

But I've a perfect memory.

I lie here running through the lot. I think I'll die with all that information tucked away.

I'd trade in all of it for just one day -

in Cuba.

SHE
Auntie? What did you say?

AUNT
(V.O.)
You heard me. Cuba.

Cuba.

Oh, I'd love to see the place; the people, the reality of how it all turned out.

And Castro -

Castro

gave us hope he did.

Oh yes, he's better than the Pope.

I'd love to shake his hand.


You should go soon.

SHE
Yes.

AUNT
(V.O.)
I tell you, we'll be living on the moon before we have another go like that.

A great big dream that's fallen pretty flat in all the other countries where they tried it.

They'll regret it. Communism died, but what came in it's place? A load of greed.

A life spent longing for things you don't need.



AUNT
(V.O.)
If and when I die

I want to see you cry

I want to see you tear your hair. Your howls of anguish fill the air.

I want to see you beat your breast and rent your clothes and all the rest.

And, sobbing, fall upon my bed.

I want to know that I am dead.

I want to know I'm part of you

and that you cannot bear me being torn away.

I want to see you dressed in black, with red-rimmed eyes from sleepless nights of grieving;

I want to hear you protest at me leaving.

I want to see you in each other's arms, and wailing.

See you kick a chair and punch the wall and see you, moaning, fall upon the ground and scream.

I want to know this isn't just a dream.

I want my death to be just like my life.

I want the mess, the struggle, and the strife. I want to fight and see you fight for me.

I want to hear your last regrets the things you wish you'd done and said.

In fact I'd like that just before I'm dead.

Don't let them put you off,

or make you go, or say it's bad for me, or makes it hard for me to leave. It won't be true. I want to see you grieve.

Don't let me drown in silence all pious and polite.

Let's make a lot of noise! A different kind of light will fill the room.

I want my death to wake you up

and clean you out. And as I end I'll hear you shout.

SHE
No, no, no!

AUNT
(V.O.)
But I will go.

SHE
No, no. Please don't die.
(sobs)



โดย: psaksiamkul วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:37:51 น.  

 
ฉากปิดท้าย : ปรัชญาแม่บ้านตา-กลม


CLEANER
(V.O.)
When you look closer, nothing goes away.


It changes, see.

Like night becomes the day and day the night;


CLEANER
(V.O.)
But even that's not true:

It's really all about your point of view,

depending where you're standing on the earth.

And in the end, it simply isn't worth your while to try and clean your life away.

You can't.

For, everything you do or say is there, forever.

It leaves evidence.


CLEANER
In fact it's really only common sense.



There's no such thing as nothing, not at all.

It may be really very, very small. But it's still there.

In fact I think I'd guess that 'no' does not exist.

There's only 'yes'.



byebye ka!!


โดย: psaksiamkul วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:41:06 น.  

 
.. Yes มีอะไรให้เก็บเกี่ยวมากมายจริงๆ แล้วแต่ว่าใครจะเห็นอะไรและหยิบอะไรมา ชอบเช่นกันครับ เจ้าของบล้อกก็เขียนถึงอะไรอีกหลายอย่างที่ตอนดูไม่ได้สังเกต เพราะมัวแต่ดูฉากร้านอาหาร โหะๆ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 19 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:22:30 น.  

 
ใจดีจังค่า
ขอบคุณมากๆนะคะ
รับรองจะไม่เอาไปบอกใครค่า

ช่วงนี้คอมมีปัญหา นี่คือต้องพิมพ์จากword แล้วcopy มาลงบล็อคค่า
พิมพ์ไทยไม่ได้ แย่จังงงงงงงงง



คุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"แหะๆ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนค่ะ เราเข้าเวบ YES แล้วเข้าไปหาอ่านบท 5 หน้าแรกไม่ได้ค่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เราก็ได้อะไรๆจากบล็อกคุณเยอะค่ะ แต่ค่อยมาอ่านตอนที่เขียนของเราแล้วนะคะ เพราะเดี๋ยวของแบบนี้มันติดตากันได้


my comp. made me goin' crazyyyyyyyy again


โดย: quin toki วันที่: 19 พฤศจิกายน 2548 เวลา:18:48:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ ยังไม่ได้อ่านนะคะ
ว่าจะไปดูอยู่เหมือนกัน


โดย: rebel วันที่: 20 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:19:09 น.  

 
3999
มาเยี่ยมค่ะ


โดย: erol วันที่: 20 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:19:15 น.  

 
จะไปดูเย็นนี้แน่นอนนนนนน


โดย: อาราลียะ วันที่: 21 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:50:21 น.  

 
ขอบคุณที่สองพี่น้อง เอ๊ย คุณ rebel กับ คุณ erol เข้ามาเยี่ยมค่า

คุณลียะ ดูแล้วต้องเล่ามาซะดีๆนะคะ

แหะๆ วันนี้เข้าหน้าหนาวอย่างเป็นทางการ
ได้โอกาสช่วยชาติประหยัดน้ำกันแล้ว เย้!
มิน่า ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ แถวนี้พักนึงแล้ว



โดย: quin toki วันที่: 21 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:38:59 น.  

 
น่าเห็นใจพี่คล้าวจริงๆ แหละ อุตส่าห์ประกาศว่าจะโดดไปฉลองกับแฟนบอลด้วย
ถ้ายิงประตูได้เร็วๆ ก็ดีเนอะ


โดย: rebel วันที่: 21 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:59:06 น.  

 
ทำไมมันยากอย่างนี้กว่าจะเม้นต์ได้


โดย: erol วันที่: 21 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:02:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.