just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 
ผจญภัยในความรัก


เก็บมาจากคอลัมน์ คุยกับประภาส

โดย ประภาส ชลศรานนท์ เมื่อ 26 มิ.ย. 48
เห็นแล้วไม่สามารถปล่อยให้ผ่านเลยไปได้
เพราะมันเป็นแบบนี้จริงๆ
อ่านกันดูนะ
ยาวหน่อย...

สวัสดีค่ะคุณประภาส

ไม่ทราบว่าคุณประภาสจะเป็นเหมือนแม่ของดิฉันหรือไม่ คือไม่ว่าดิฉันจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กลับบ้านดึก ไม่เคยทำให้แม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับความประพฤติ แม่บอกว่าไม่ให้มีแฟน ดิฉันก็ไม่มี (จนตอนนี้อายุก็ 20 กว่าแล้ว) คือดิฉันทำตามใจท่านทุกอย่าง แต่แม่ไม่เคยกล่าวชมดิฉันเลย เวลาผลสอบออกมาดีกว่าเทอมก่อนๆ ก็ไม่เคยชม แต่พอได้น้อยขึ้นมาก็บ่นอยู่หลายวันทีเดียว

ดิฉันจึงอยากเรียนถามคุณประภาสในฐานะที่คุณประภาสเองก็มีลูกเหมือนกัน คุณประภาสเคยชมลูกบ้างไหม หลายครั้งที่ดิฉันนึกน้อยใจว่าทำไมหนอทำไม เราทำดีมาขนาดนี้แล้ว แม่ไม่เห็นแสดงอาการภูมิใจในตัวเราสักครั้งหนึ่งเลยค่ะ

อั้ม

ผมสนใจคำขึ้นต้นจดหมายของคุณอั้มครับ

คุณอั้มขึ้นต้นด้วยคำถามว่าผมเป็นอย่างที่คุณแม่คุณอั้มเป็นหรือเปล่า นั่นคือถามผมว่าผมเคยทำตัวเย็นชาไม่ออกปากชมลูกชมเต้าอย่างที่คุณเขียนมาในจดหมายหรือเปล่า ผมอ่านจดหมายของคุณอั้มด้วยความเห็นใจครับ เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่คุณได้รับจากสิ่งที่คุณแม่ทำนั้น มันพาลให้คิดเหมาไปหมดว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่นี่คงเป็นอย่างนี้กันหมด

ความน้อยใจแบบนี้ถ้าเป็นหนักๆ เข้าอาจถึงขั้นไปรู้สึกอิจฉาคนอื่นที่มีแม่ที่ออกปากชมลูกได้

ผมเชื่อว่าความทุกข์ใจที่คุณอั้มประสบอยู่นั้น คุณอั้มก็คงเคยนำไปปรึกษาหรือเล่าสู่กันฟังกับคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาบ้างแล้ว และผมก็เชื่อว่าคำตอบที่คุณอั้มได้รับก็คงจะเป็นประโยคทำนองที่ว่า "ทุกอย่างที่แม่ทำไปก็ด้วยความรักเท่านั้น"

ฟังดูเหมือนในละครตอนหัวค่ำนะครับ คำพูดที่ฟังแล้วน่าเบื่อซ้ำๆ ซากๆ อ้างแต่ความรัก แม่บ่นก็เพราะรัก แม่เคี่ยวเข็ญก็เพราะรัก แม่ตีก็เพราะรัก ฯลฯ

ส่วนท่านผู้อ่านที่กำลังเดาอยู่ว่าแล้วผมจะตอบอย่างไรให้แตกต่างจากคำพูดน่าเบื่อที่ว่านั้น

อาจจะผิดหวังหน่อยนะครับ เพราะผมก็คงตอบเหมือนกันว่า "ความรักตัวเดียวเท่านั้นเอง" ที่ทำให้แม่ของทุกคนเป็นอย่างที่แม่เป็นอยู่

เคยเห็นฉากนี้ในชีวิตจริงไหมครับ

เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งวิ่งข้ามถนนไปด้วยความซุกซนประสาเด็ก รถคันหนึ่งวิ่งผ่านมาด้วยความเร็วสูง แล้วเสียงเบรกจากรถก็ดังลั่นจนเรียกให้ผู้เป็นแม่ที่อยู่แถวๆ นั้นหันมามอง รถจอดห่างจากเด็กน้อยที่ยืนตกตะลึงอยู่ไม่ถึงสองเมตรดี จากนั้นเราก็จะเห็นผู้เป็นแม่พุ่งเข้าไปหาลูกแล้วก็จับข้อมือลากออกมาให้พ้นรัศมีรถ

ภาพต่อมาเราก็จะเห็นผู้เป็นแม่เริ่มลงมือตีลูก และแน่นอนการตีนี้ย่อมเป็นการตีไปบ่นไป หรือถ้าตัวแม่อาศัยอยู่ในตลาดที่ผู้คนมักใช้ภาษาเดิมๆ ของบรรพบุรุษโบราณ เราก็อาจจะได้เห็นการตีไปผรุสวาทไปอย่างเผ็ดร้อนด้วย

ทำไมฉากชีวิตฉากนี้ไม่จบลงด้วยการที่แม่พุ่งเข้าไปหาลูกแล้วก็จูงมือออกมากอดเรียกขวัญ

ทั้งๆ ที่การจบทั้งสองแบบของฉากนี้ก็ล้วนทำไปด้วยความรักเช่นกัน

ผมพูดคำว่าความรักออกมาอีกแล้ว เพราะผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ

เป็นที่รู้กันอยู่ว่าคนตะวันออกไม่ถนัดที่จะแสดงความรักต่อกัน เรื่องบอกรักบอกความในใจนั้น คนไทยคนลาวคนจีนนี่ทำไม่เป็นเลย ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่กับลูกที่โตๆ แล้วนี่ยิ่งเก้งก้างใหญ่

ให้ผมเดาเล่นๆ ผมก็ว่าคุณอั้มเองก็คงไม่เคยเข้าไปกอดหอมแม่แล้วก็บอกรักท่าน

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักท่านนี่ จริงไหมครับ

สำหรับคนที่เป็นลูก...แค่แม่อุ้มท้องแล้วคลอดเราออกมา บุญคุณก็ทดแทนกันไม่หมดแล้วชาตินี้ เรื่องความกตัญญูกตเวทีผมก็เชื่อว่าคุณอั้มมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่อย่างนั้นคุณอั้มจะอยู่ในโอวาทเชื่อฟังท่านทุกเรื่องอย่างที่เล่ามาหรือครับ

ถึงตรงนี้ผมคงต้องหมายเหตุไว้สักหน่อยหนึ่งว่า เรื่องการเชื่อฟังกับเรื่องกตัญญูก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกันนัก แม้จะใกล้กันมาก

มาดูฉากชีวิตอีกฉากหนึ่งกัน ฉากนี้ผมว่าคุณอั้มก็คงเคยเห็น

ลูกสาวคนโตกลับมาจากที่ทำงาน พอเข้าบ้านก็เห็นแม่นั่งกินไอศครีมสบายใจอยู่บนโต๊ะ เห็นดังนั้นเข้าตัวลูกสาวก็ส่งเสียงดังขึ้นทันที

"แม่กินไอศครีมทำไม แม่ก็รู้อยู่ว่ากินไม่ได้ เดี๋ยวน้ำตาลในเลือดก็สูงหรอก หนูอุตส่าห์ซ่อนในตู้เย็นลึกๆ แล้ว แม่ยังไปค้นมาอีก แม่ไม่เข็ดหรือไง คราวที่แล้วที่น้ำตาลสูงน่ะ หมอก็ห้ามให้ระวัง แม่ก็ดื้อเหลือเกิน อยากนอนโรงพยาบาลอีกหรือไง"

พูดไม่พูดเปล่าลูกสาวยังเอามือยกถ้วยไอศครีมที่กินไม่หมดออกจากโต๊ะด้วย ตัวแม่เห็นลูกทำดังนั้นก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่พูดอะไร

"แม่...หนูเหนื่อยนะ ทำงานหาเงินก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว กลับมาบ้านยังมาเจอแม่พูดไม่รู้เรื่องอีก"

เหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อคุณอั้มก็คงจะเดาได้

ตัวแม่แอบไปนั่งเช็ดน้ำตาอยู่คนเดียว แล้วก็อาจเข้าใจผิดไปได้ว่า ลูกนั้นหวงแม้กระทั่งไอศครีมจนต้องแอบเอาไปซ่อนไม่ให้แม่เห็น

คุณอั้มมองอยู่วงนอกก็มองออกใช่ไหมครับว่า คำพูดของลูกสาวนั้นแม้จะไม่น่าฟังเลย แต่ก็ล้วนพูดมาจากความรักแทบทั้งสิ้น คนนอกฟังอย่างไรก็ฟังออกว่าตัวลูกสาวกลัวอาการเบาหวานของแม่จะกำเริบหนัก เลยรู้สึกโกรธที่เห็นแม่กินของหวานเข้าไปมาก ส่วนตัวคนในเหตุการณ์นั้นฟังไม่ออกหรอกครับว่าเป็นความหวังดี ถึงจะฟังออกบ้าง แต่ไอ้ความน้อยใจนี่สิมันแรงกว่าเยอะ หลายรายแล้วครับที่แรงน้อยใจมันแรงจนบดบังความหวังดีของอีกฝ่ายหนึ่งได้

คุยกันมาถึงตรงนี้ บางคนอาจคิดเล่นๆ ว่าเป็นมนุษย์นี่มันยากดีแท้ กะอีแค่มีความรักนี่ยังไม่พออีกหรือ ต้องมีการแสดงออกของความรักที่สมควรด้วยหรือ

ปัญหามันอยู่ตรงนี้จริงๆ

ปัญหามันอยู่ที่เราไม่แสดงออกกัน หรือไม่ก็ชอบแสดงออกแบบตรงข้าม

มนุษย์เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความรู้สึกอย่างหนึ่ง นั่นคือความรัก ความรักเป็นความรู้สึกพิเศษที่อธิบายได้ยาก กวีและปราชญ์ตลอดประวัติศาสตร์ต่างก็อธิบายออกมาได้ไม่จบสิ้น

ความหมายของมันว่าอธิบายยากแล้ว การแสดงออกยิ่งยากกว่า

เราจึงเข้าใจผิดกัน หรือไม่เข้าใจกัน และเมื่อขาดความเข้าใจในรักแล้ว ความทุกข์จากความไม่สมหวังในรักก็บังเกิดขึ้น

อย่างเช่นกรณีของคุณอั้มก็ถือเป็นการไม่สมหวังในรักนะครับ คุณอั้มรู้สึกตลอดเวลาว่าตัวคุณอั้มรักคุณแม่ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าหรือคุณแม่นั้นไม่รักเรา

ขออนุญาตแนะนำคุณอั้มง่ายๆ สองข้อ

ก่อนจะแนะนำก็ขอฝากท่านผู้อ่านที่เป็นพ่อคนแม่คนลองทบทวนการแสดงออกของความรักของตัวเองดู ตัวผมเองผู้เขียนก็ยอมรับครับว่าบางทีผมก็เผลอแสดงออกผิดๆ ไปกับลูก

กลับมาที่คุณอั้มครับ ลองทำดูนะครับแม้จะรู้สึกเขินๆ ตอนแรกๆ

ข้อแรก แนะนำให้เข้าไปกอดท่าน บอกรักท่าน ออดอ้อนท่านเหมือนครั้งยังเด็กก็ได้ ไม่น่าเกลียดหรอกครับ เราเป็นลูกนี่ คนรักกันนั้นลองฝ่ายหนึ่งพูดความในใจอยู่ตลอดเวลาแล้วอีกฝ่ายจะไม่พูดบ้างเชียวหรือ

บางทีไอ้ที่ท่านเคยแสดงออกทางความรักด้วยการบ่นหรือหวงแหนจนเกินเหตุ ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้ ถ้าคุณอั้มเริ่มก่อน และทำอยู่เป็นนิจ

กล้าหาญในความรักนี่น่ายกย่องออก ลองดูสิครับ

ข้อที่สอง จะขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่

ให้รักท่านอย่างที่ท่านเป็น อย่าไปรักท่านอย่างที่เราอยากให้ท่านเป็น แม่บอกรักเราด้วยการบ่น ก็จงเข้าใจท่านและรู้จักตัวท่านว่าท่านเป็นอย่างนี้ ยามใดที่ท่านบ่นก็ให้คิดเสียว่าท่านกำลังบอกรักเรา เพราะถ้าคุณอยากรักท่านอย่างที่อยากให้ท่านเป็น แสดงว่าคุณอยากให้ท่านชมเราก่อน เราถึงจะรัก ผมว่าอย่างนี้มันตื้นๆ อย่างไรไม่รู้

ผจญภัยในความรักให้สนุกนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้


อ่านจบแล้วใช่ไหมคะ
เป็นไงกันบ้าง

เราลองย้อนมองดูตัวเองกันไหม
อืม...
นี่ต้องขอบคุณการที่เรามาใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นในช่วงการเรียนมหาลัยนะนี่
เลยได้กอดแม่
อย่างที่อยากกอดมานานแล้ว (แต่ไม่เคยกล้า)
เวลากลับบ้านแล้วต้องจากกันทุกครั้งเราก็จะกอดกัน
ไม่รู้จะมีอะไรที่อบอุ่นกว่านี้อีก

รักแม่นะคะ
แม้จะรู้ว่า
แม่ไม่ได้เข้ามาอ่านหรอก
เพราะแม่เล่นเนตไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ




Create Date : 12 กรกฎาคม 2548
Last Update : 30 กรกฎาคม 2548 20:55:53 น. 14 comments
Counter : 407 Pageviews.

 
หิวข้าวจัง


โดย: คนน่ารัก IP: 58.11.44.66 วันที่: 12 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:02:53 น.  

 
เมื่อก่อนหอมแก้มแม่ก่อนนอนทุกคืน
แต่เดี๋ยวนี้ อยู่ห่างไกลกัน
จึงใช้วิธีโทรฯหากันแทน


โดย: เด็กชายก้อง วันที่: 12 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:08:22 น.  

 
เอ่อ คุณคนน่ารักพูดเรื่องอะไรง่ะ ตามไม่ทันเลย

คุณ เด็กชายก้องคะ ขออนุญาตadd กลับนะคะ




โดย: quin toki วันที่: 12 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:44:29 น.  

 
ให้รักท่านอย่างที่ท่านเป็น อย่าไปรักท่านอย่างที่เราอยากให้ท่านเป็น


โดย: ชอบค่ะ (แ ม ง ป อ ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2548 เวลา:22:58:18 น.  

 
เป็นบทความที่ดีนะครับ รักคุณแม่ให้มาก ๆ นะครับทุกคน


โดย: Bluejade วันที่: 13 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:58:37 น.  

 
เป็นบทความที่ดีนะครับ รักคุณแม่ให้มาก ๆ นะครับทุกคน


โดย: Bluejade วันที่: 13 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:59:09 น.  

 
ชอบจังคับ รักคุณแม่มากๆเลย...คุณพ่อด้วย อิอิ ^-^


โดย: just2cool วันที่: 13 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:04:01 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อความอวยพรในวันคล้ายวันเกิดนะครับ

มารับความสุขจากผม

ที่ผมได้รับจากคุณและทุกคนไว้ด้วยครับ


โดย: หัวหน้าแก้งค์ ความโ(สด) (note-d ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:57:04 น.  

 
แวะมาเยี่ยมอีกแล้วครับ


โดย: Bluejade วันที่: 16 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:55:42 น.  

 
คิดถึงแม่จัง


โดย: รักบังใบ วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:8:18:36 น.  

 
ตามมาอ่านจากบล็อกพี่แป๋วค่ะ
คิดว่าเคยอ่านแล้วนะคะ
เพราะก็ตามๆ งานพี่จิกอยู่เสมอๆ
มีเก็บไว้เกือบครบทุกเล่ม
ขอบคุณนะคะที่เอามาฝากกัน

^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 26 มกราคม 2550 เวลา:11:40:42 น.  

 
ตามก้นมาอีกคนค่ะ ได้ข้อคิดดีจัง


โดย: ดา ดา วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:44:17 น.  

 
• เลิกอ้.ววววววว.นนน กันเถอะพวกเรามันอันตรายทำให้เกิดโรคมากมายน๊า....วิธีง่ายๆอยู่ที่บ้านสนใจเข้ามาดูได้เล้ย //premium.ws/doodee/ คลิกหรือคัดลอกไปวางได้เลยจ้า


โดย: แข็งแรง IP: 125.24.49.152 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:17:55 น.  

 
อืม....อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ
คือเรารักแม่มาก...ดูแลมาตลอดแระ
แต่ว่าท่านมีโรคประจำตัว....ท่านค่อนข้างดื้ด
แต่เราตามใจทุกอย่างกินอะไรก็ไม่ว่า...ไปไหนก็ไม่ว่า
พี่ๆเคยว่าเราทำไม่ถูกต้อง...มีพี่ๆบางชอบดุบ่นท่าน
พอเราอ่านเรื่องนี้ตอนท้ายแล้วเราสบายใจขึ้นเยอะเลย
.............เรารักแม่มาก
.........ท่านเพิ่งจากเราไปเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง


โดย: nana IP: 125.24.129.114 วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:01:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.