Group Blog
 
All blogs
 
โลกสองฝ่าย


[ เนื้อหาที่บรรจุอยู่ในข้อความต่อไปนี้ เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและรับรู้ ]
//poe.bloggang.com



February 24, 2007 01:18 [GMT+7]

ถ้ามองออกไปยังโลกที่กว้างใหญ่ที่หมุนไปไม่เคยหยุด และไม่รู้ว่าสักวันมันจะหยุดหรือเปล่า ถ้าเรามองโลกใบใหญ่ๆด้วยมุมมองแคบๆ เราอาจจะได้เห็นโลกในอีกมุมหนึ่งที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ผู้คนก็จะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือกลุ่่มผู้กระทำ และอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มผู้ถูกกระทำ

กลุ่มผู้กระทำนั้นคือกลุ่มคนที่กระทำิอะไรให้กลุ่มฝั่งตรงข้ามได้รับ ได้ถูกกระทำ ส่วนผู้ถูกกระทำนั้นก็คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากกลุ่มที่ได้รับ ไดุ้ถูกกระทำจากกลุ่มผู้กระทำ คำจำกัดความอาจกลับไปกลับมาวกวน แต่มันก็น่าจะุถูกต้องของมันแล้ว เนื่องจากทุกๆคนในโลกนั้นต้องเป็นคนทั้งสองกลุ่ม กลับกันสลับกันไปมา เป็นผู้กระทำบ้าง ผู้ถูกกระทำบ้าง เปลี่ยนเวียนกันไปตามสถานะการณ์ต่างๆให้เราได้รู้จักโลกทั้งสองฝ่าย

มันคงจะดีไม่น้อยถ้าทุกคนต่างสลับกันอยู่ทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม หรือเลื่อมล้ำกันเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่ิิแปลกแต่ก็เป็นจริงเสมอคือทุกคนชอบที่จะถูกกระทำในสิ่งดีๆ พูดกันง่ายๆคือ ชอบรับในสิ่งดีๆ จนบางคนต้องการและหาทางที่จะได้เป็นผู้ถูำกกระทำในสิ่งดีๆ มากๆเข้าก็ติด แล้วก็เคยชิน แตุ่ในเมื่อมีผู้ถูกกระทำมันก็ต้องมีผู้กระทำ ดังนั้นก็ต้องมีคนคอยทำดีให้คนเหล่านี้ ทุกอย่างก็จะสดใสไม่น้อยหากทั้งสองฝ่ายต่างทำดีให้กันไม่มากก็น้อย และมันก็จะยังคงดีอยู่ตราบเท่าที่ผู้กระทำนั้นมีความสุขที่จะทำ และจะไม่มีปํญหาอะไรหากผู้กระืำทำนั้นไม่ได้หวังที่จะกลายเป็นผู้ถูกกระทำบ้าง แต่เหตุการณ์มันจะกลับกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากผู้ถูำกกระทำเคยชินจนลืม ไม่อยาก หรือปฏิเสธการเปลี่ยนข้าง หรือตัวผู้กระืำืทำที่ทำอยู่เกิดเหนื่อยและไม่อยากเป็นผู้กระืทำอีกต่อไป อยากจะเปลี่ยนข้าง เรื่องราวมันก็จะนำมาซึ่งความเสียใจของไม่ผู้กระทำก็ผู้ถูกกระทำหรือไม่ก็ทั้งสองฝ่าย น้อยครั้งนักที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ไม่ัเสียอะไรจากเหตุกาี๊รณ์นี้ สุดท้ายแล้วอาจจะจบลงด้วยความผิดหวัง หมางเมิน เลิกรา หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันจะเป็นไปได้

ในหมู่ผู้ถูกกระทำดีที่ถูกกระทำจนเสพย์ติดนี้ โดยส่วนมากแล้ว เมื่อมีคนทำดีให้ก็มักจะทำการเปรียบเทียบสิ่งที่ตนได้รับจากคนต่างๆ และหากคนที่คอยกระทำดีกับคนเหล่านี้ ทำดี ดีซะจน “เกินพอดี” คนที่ไม่ได้กระทำดีในระดับเดียวกันนี้ จะถูกมองเป็นผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หรือแบบแย่ๆก็กลายเป็นคนกระทำไม่ดีไป

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์จะยิ่งรุนแรงขึ้นถ้าหากการกระทำนั้นเป็นเรื่องไม่ดี กาีรเป็นผู้กระทำเรื่องไม่ดีนั้น หากกระืทำเป็นเวลานาน ก็จะชินและติดได้ไม่ยากเลย ยิ่งเป็นการกระทำแบบหมู่คณะ ผู้กระทำก็จะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นคือสิ่งที่ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว แม้มันอาจจะทำให้ผู้ถูกกระทำลำบากทั้งกายและใจ หรือไม่พอใจอยู่ไม่น้อย

แต่สิ่งที่เป็นมาช้านานในสังคมที่ผมมองเห็นก็คือ ผู้กระทำในสิ่งที่ไม่ดีต่อคนอื่นเมื่อทำเป็นเวลานาน นานจนติด และบวกด้วยเป็นการกระทำแบบหมู่คณะ การกระทำเหล่านั้นมักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับขั้น ถึงแม้ผู้กระทำจะรู้ว่ามันไม่ดี หรือไม่ควร แต่ด้วยความเคยชิน และสิ่งที่เรียกว่า “หน้าตา” ที่คนเรามักจะรักษามันยิ่งชีพมันค้ำคออยู่ เค้าก็จะกระทำมันต่อไปเรื่อยๆ จนเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง หากผู้ถูกกระทำไม่สามารถยอมรับมันได้อีกต่อไป หากผู้ถูกกระทำยอมแพ้ ล่าถอย ลาจาก ทุกอย่างก็จะจบลง และผู้ที่ดูเหมือนเป็นผู้ชนะนั้นจะมีก็แค่ส่วนน้อยที่จะรู้สึกผิดในสิ่งที่กระทำ แต่โดยส่วนมากจะ “ไม่คิดอะไร” หรือถ้าแย่ๆหน่อยก็คิดว่า “มันก็สมควรแล้ว” แต่ยังไงๆ เรื่องก็จะจบลงที่ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะสงบสุขอีกครั้ง แต่กระนั้นแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่ามานั้น จะกลับตาลปัตรเมื่อผู้ถูกกระทำนั้นทนไม่ได้และคิดจะขอความเป็นธรรมบ้าง ไม่ว่าด้วยวาจา การกระทำ เป็นเหมือนการเสี่ยงดวง ต่อสู้ ถ้าหากคำร้องขอนั้นไม่มีแรงพอที่จะทำให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว มักจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด ทิ่แย่ไปกว่านั้น หากผู้ถูกกระทำในตอนต้นคิดที่จะขอกระทำคืนบ้าง สุดท้ายแล้ว มันก็คือสงครามนั่นเอง การต่อสู้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ชนะ แพ้ หรือ เสมอกัน สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยก็คือความสูญเสีย ไม่ใครก็ใครต้องสูญเสียอะไรไปไม่มากก็น้อย ฝ่ายที่ตอบโต้ หากชนะก็ได้อิสระและได้หลุดจากการเป็นผู้ถูกกระทำ อาจเลยเถิดไปเป็นผู้กระทำ แต่หากแพ้ ก็จะกลายเป็นหมาจนตรอก รอแต่วันที่จะทุ่มสุดตัวสู้อีกครั้งหรือตายจบกันไป

หากคิดๆดูแล้ว มันคือการกระทำที่เรียกกันว่า “เกินพอดี” นั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นและตัวการที่ทำลายความสมดุลที่มีอยู่ ดีจนเกินพอดี ถ้าดีอยู่คนเดียวไม่มีปัญหา แต่ถ้าดีแล้วเที่ยวด่าคนอื่นหรือชักจูงให้คนอื่นทำดีในแบบเดียวกันให้ได้มันก็เรียกว่า “เกินไป” เช่นเดียวกันกับถ้าไม่ดี ถ้าไม่ดีมากๆเข้า มันก็ “เกินไปหน่อย” จะดีไม่น้อยหากเรารักษาคำว่า “พอดีๆ” ไว้ ไม่ใช่ทำตัว “สีเทา” ไปหมด แต่ก็มีดีบ้างร้ายบ้างตามอัตภาพและยอมรับในเรื่องดีบ้างร้ายบ้างที่มาในระดับที่พอดีๆที่ถูกผู้อื่นกระทำ แต่ที่แน่ๆ บ่นได้ เพราะเมื่อเราบ่น เราก็ต้องยอมรับในคำพูดของตัวเอง แต่ “อย่านินทา”!! เพราะคนที่นินทาจะไม่เคยยอมรับอะไรเลย!!

+ + + + + + + + + + + + +



Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2550 1:20:40 น. 0 comments
Counter : 490 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poetra
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กับเส้นทางที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้ดี ไม่ได้เด่นเหมือนใครๆ แม้มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับคนอื่นๆ แต่มันก็น่าจะเพียงพอที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง ...




Friends' blogs
[Add Poetra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.