Group Blog
 
All blogs
 
[ย้ายบ้านมา] งานแต่งเพื่อน ภาค 2


Post ที่ //pitithana.spaces.live.com เมื่อ: December 19, 2005 3:41 AM

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ทำการย้ายมาจาก //pitithana.spaces.live.com เนื่องจากที่โน่นมีข้อจำกัดหลายอย่าง และไม่สะดวกแก่การใช้งานนัก

เรื่องทั้งหมด ภาษาอาจไม่ถูกต้อง และอาจไม่เหมาะสม เนื่องด้วยสถานการณ์ และอารมณ์ บวกด้วยวุฒิภาวะขณะที่ผมเขียน แต่เนื่องด้วยต้องการคงอารมณ์เดิมของเนื้อหาไว้ จึงจะไม่มีการแก้ไขใดๆ ขอให้เข้าใจตรงกันนะครับ แล้วผมจะพยายามพัฒนาขึ้นเรื่อยๆครับ

ปล. ส่วนของ Comment ผมไม่ได้เอามาด้วย เนื่องจากไม่รู้จะเอามายังไง ใครอยากอ่าน ก็ตามไปอ่านที่บ้านเก่าได้นะครับ

Link ไปที่เก่า: //pitithana.spaces.live.com/blog/cns!2B19BFB8873AA6CA!145.entry


December 19
งานแต่งเพื่อน ภาค 2
เอาล่ะครับ ปลีกหนีจากเรื่องยุ่งยากได้ซะที ต้องรีบกลับมาเขียนต่อให้จบ ก่อนที่ความรู้สึกมันจะลดระดับลง เดี๋ยวเรื่องจะน่าเบื่อ ไม่สนุกซะก่อน

ต่อเลยแล้วกัน ไม่เสียเวลากันล่ะ… สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว (ยังกับละครแน่ะ) เรื่องมาถึงตอนที่เราไปรอเหล่าแม่บ้านทหารบกกันที่บ้านนก เตรียมความพร้อมที่จะไปยังงานแต่งกันล่ะทีนี้

ผม กิ๊ฟ อุ้ม และ เสียเส้น มาถึงบ้านนกกันเรียบร้อย ทุกคนก็เริ่มลงมือแปลงโฉมกันทันที กิ๊ฟซึ่งเตรียมมาค่อนข้างพร้อม (ผอมมากด้วย) เลยเสร็จเป็นคนแรก แต่ก็ต้องมานั่งรีดเสื้อให้คุณชาย เนื่องด้วยกลัวว่าจะไม่ทันเอาถ้าให้มันรีดเอง (ฮา) ตัวผมเองก็ได้แต่ไปยืนตากพัดลม เนื่องด้วยว่าอากาศตอนนั้นร้อนสุดๆจริงๆ

เตรียมตัวกันไปได้สักพัก ราวๆห้าโมงเย็นกับอีกยี่สิบนาที เหล่าแม่บ้านทหารบกก็มาถึง แล้วเราก็ได้รู้ความลับ ที่คุณเธอรักษาเวลาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เพราะคุณหญิงแชดนั้นเล่นเปลี่ยนทรงผมเป็นว่าเล่นนั่นเอง มิน่าล่ะ (แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้เคืองอะไรเลยนะ แค่คิดว่า รู้งี้นอนตื่นสักบ่ายสอง ก็ยังทัน) เอาเป็นว่า ทุกๆคนก็เริ่มจะเสร็จกันแล้ว เป็นนิมิตรหมายอันดี ไก่กับแป๊กเริ่มโทรมาถามอีกว่าถึงไหนกันแล้ว ผมก็ให้คำตอบเดิมว่า “ที่เดิม” แป๊กเตือนว่าระวังฝนด้วย ไม่ทันขาดคำฝนก็เริ่มตกลงมา เก็บของเข้าบ้านเกือบไม่ทัน ตกหนักซะจนคิดว่าจะไม่หยุดซะแล้ว แต่มันก็หยุด แปลกจริงๆ

และแล้วเราก็พร้อมจะเดินทาง ผม นก กิ๊ฟ และเสียเส้น จะขับรถนกไปกันก่อน โดยมีกิ๊ฟเป็นโชว์เฟอร์ (คำนี้จริงๆแล้วมันคือ Chauffeur เผื่อจะยังไม่รู้กัน เพราะผมก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานนี้เอง) ที่เหลือจะตามไปทีหลัง เราออกเดินทางได้ฤกษ์ดีมากๆ 18.09 ตามเวลาเริ่มงานพอดี เราก็รีบๆกันนิดหน่อย เพราะระยะทาง 120 กม. จากขอนแก่นไปอุดรนั้น ขับปกติ ผมก็ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนิดๆ เดี๋ยวจะไม่ทันถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวหน้างานกัน ระหว่างทางฝนก็ตกเป็นระยะๆ รถก็เริ่มโคลงๆ ผมจึงเผลอคิดในใจด่าบริษัทฮอนด้าไปว่ารถ Civic 2.0 ตัวท็อปนี่มันห่วยจริงๆ โดนฝนนิดหน่อยก็โคลงแล้ว แต่ก็นึกในใจนิดๆ รึว่าจะเป็นเพราะเราเปิดไฟขับรถกัน เนื่องด้วยนกกำลังแสดงลีลาฝาดโผนทาเล็บบนรถอยู่นั่นเอง รึกิ๊ฟมันหลับวะ เห็นมันบ่นๆว่าไม่ค่อยสบาย (ผมจะเป็นคนตื่นตัวกับอาการรถโคลงมาก เนื่องด้วยอุบัติเหตุมักจะมีอาการมาก่อน เช่นรถโคลง แต่ผมก็ไม่เคยเจอนะ) อืม… เหลือบไปมองคนขับ กำลังจะถามมันไปว่า ไหวหรือปล่าว แต่ก็ต้องกลับมานั่งตามปกติ เพราะผมได้คำตอบที่รถโคลงในตอนนั้นเอง… เราขับกันอยู่ที่ความเร็ว 170 – 185 กม./ชม. วิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังตกอย่างหนักเป็นระยะๆ ไม่โคลงก็บ้าแล้วอย่างนี้ คนขับเองก็ใช้สมาธิอย่างมาก คุยกันตลอด (ล้อเล่นหน่ะครับ กิ๊ฟมันขับรถเก่งอยู่แล้ว) ราวๆ 40 – 42 นาทีต่อมา เราก็ได้มาถึงเมืองอุดรโดยสวัสดิภาพแบบน้ำมันหมดไปครึ่งถัง ผมก็พยายามจะแสดงให้เพื่อนๆเห็นว่าผมก็แม่นทางในอุดรเหมือนกัน เคยมาอยู่ทำงานตั้งหกเดือน มาเยือนก็นับครั้งไม่ถ้วน บอกทางกิ๊ฟเสร็จสรรพ … แล้วเสียเส้นก็บอกว่ามัน ผิด!! ต้องไปอีกทาง เราเลยถกเถียงกันนิดหน่อย แล้วก็สรุปว่าผมเข้าใจผิด สถานที่จัดงานมันเป็น อีกที่นึง (อย่าลืมว่าจริงๆผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานเลย เดาส่งๆไป ก็เลยผิดที่ หน้าแตกชะมัด อีกอย่าง เสียเส้นมันก็เป็นคนอุดรนี่นา แค่ต่างอำเภอ ผมก็ดันลืมไปเสียได้) เมื่อรู้ที่อยู่แน่แท้ของงานแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปทันที ผมโทรบอกไก่ว่า เรามาถึงแล้ว รออยู่ตรงไหน จะได้เข้าไปหาถูก ซองผมอยู่กับไก่ ไก่ก็บอกว่ากำลังออกจากห้าง (ไหงอยู่ห้างหว่า) ผมเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวรอที่หน้าทางเข้างาน

ที่ปากทางเข้างาน เป็นซุ้มประตูอยู่ตรงบันไดเลื่อนพอดี ด้านข้างซุ้มก็เป็นรูปเจ้าบ่าว-สาวรูปใหญ่ซัก 4*3 ฟุตได้ เพื่อนผมในรูปดูมีความสุขมาก ยังกับเสี่ยใหญ่ที่ไหน ส่วนเจ้าสาวก็สวยเด่นทีเดียว ผมถึงกับนึกในใจว่า มันไปหามาจากไหนฟะ ด้านข้างของรูป ถัดไปตรงถนน เป็นรถเบนซ์ E280 มีโบว์สีแดงผูกอยู่ ผมเลยกลับมามองตรงซุ้ม อืม… เข้าท่าดี คนมาในงาน ไปถึงซุ้มก็เลื่อนขึ้นไป มีรูป แล้วมีรถเบนซ์ ไม่รู้สินะ ผมรู้สึกว่ามันดูดียังไงไม่รู้ ดูเล่นไปซักพัก โทรหาไก่ดีกว่า “โหลๆ ถึงไหนแล้วเสี่ย” คำตอบคือกำลังจะถึง ตะกี้หลงทาง อืม… ดีทีเดียว ไก่มาอุดรบ่อยกว่าผมอีก แถมมีร้านอยู่ที่นี่ด้วย หลงซะได้ แล้วไก่ก็มาถึงพร้อมกับเพื่อนๆ แล้วก็แฟนไก่ น้องแจง วันนี้น้องแจงดูเป็นสาวมาก สวยทีเดียว เผลอๆสวยกว่าเจ้าสาวอีก ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเด็กม.ปลาย ยังมีอุ๊กอีกคน อุ๊กก็เปลี่ยนไปเช่นกันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย อืม… เวลามันเปลี่ยนคนได้นะเนี่ย มองไปอีกแว่บ เจอแฟนหยู ผมยาว ขาว อวบ เอ็กซ์ทีเดียว เพื่อนผมมันไปทำอะไรมากันเนี่ย!! (หยูนี่คือคนที่ไปงานตอนเช้ามา แล้วต้องตีรถกลับมาซื้อสูทก่อนกลับเข้าไปใหม่)

เอาล่ะ เรามากันครบองค์ประชุมที่รอคอยแล้ว มี ผม นก กิ๊ฟ เสียเส้น(ตั้ม) อุ๊ก ไก่ แป๊ก น้องแจง หยู น้อย เซกา(เขียว) หมู ต๋อง อืมมีใครอีกป่าวนะ จำไม่ได้แล้วครับ เราก็ขึ้นไปข้างบนกัน ที่บันได้เลื่อนด้านบน ทางขวาเป็นโต๊ะต้อนรับและแจกของชำร่วย ด้านซ้ายจะเห็นโหน่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนต้อนรับและถ่ายรูปกับแขกที่มาในงาน ด้านหลังเป็นฉากที่ทำมาจากรูปถ่ายของเจ้าบ่าว-สาวในอิริยาบทต่างๆและสถานที่ต่างๆ รูปสวยมาก คงเป็นเพราะเจ้าบ่าวถ่ายรูปเก่งตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว คงกำกับมาอย่างดี ได้ข่าวว่าถ่ายกันเป็นหลักหมื่นรูปทีเดียว มีสมุดให้ลงชื่อ และที่เก๋ไก๋ก็คือมีกรอบรูปที่เป็นกระจกขนาดสูงสัก 2 เมตรได้ มีรูปเจ้าบ่าว-สาวอยู่ เราสามารถลงชื่อที่นี่แทนสมุดได้ ผมเลยเลือกลงชื่อที่นี่ซะเลย เก๋ดียังกับงานเปิดตัวหนัง ระหว่างรอถ่ายรูปกับเจ้าบ่าว-สาวก่อนที่จะเข้าไปในงาน ผมก็ได้มองดูบรรยากาศในงาน มีผู้ใหญ่อยู่มากมาย เต็มงาน เป็นงานที่ใหญ่มากๆ เต็มหอประชุม บนเวทีนั้นมีรูป(อีกแล้ว)เป็นฉากหลัง เป็นโปสเตอร์ขนาดใหญ่เท่าคัตเอาท์ที่เค้าติดโฆษณาตามหลังคาตึกนั่นแหละครับ เป็นรูปถ่ายที่ชายหาด มีเพื่อนผมอยู่ข้างหน้าใส่แว่นดำ ชุดลำลอง มองไปข้างหน้าอย่างผู้นำ มือข้างหนึ่งก็จูงเจ้าสาว ซึ่งอยู่ในชุดลำลอง สวมแว่นดำเช่นกัน เดินตามมาด้วยสีหน้าที่มีความสุข มีคำพูดอีกที่ผมจำไม่ได้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่า มันดูดีมากทีเดียว มีสไตล์ เก๋ไก๋ ถ้า…. ถ้าไม่มีเสียงเพลงภาษาเวียตนามที่กำลังถูกขับร้องอยู่บนเวทีมาขัดแย้งซะก่อน ผมเลยสรุปเอาเองเลยว่า งานนี้เป็นการจัดงานแบบผสม โดยผสมเอาการจัดงานแบบสมัยใหม่รวมเข้ากับสมัยเก่า และยังเป็นแบบสองภาษาและวัฒนธรรมอีกด้วย เก๋ไม่หยอก

พวกเราต่างเวียนกันเข้าไปถ่ายรูปกับเจ้าบ่าว-สาวและพูดคุย เจ้าบ่าววันนี้มันหล่อจริงๆ ไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันของมัน ผมยกให้ ชักรูปกันหนำใจเราก็เข้าไปข้างในกัน หาที่นั่งกันยากนิดหน่อยเนื่องจากเรามากันช้าแต่ดันจะนั่งโต๊ะติดกันทั้งหมด เมื่อได้ที่นั่งแล้ว อาหารก็เริ่มมา เพื่อนๆก็เริ่มทยอยกันเข้ามาสมทบ มีเบิ้ล เมย์(เจ้าสาวรุ่นพี่) แล้วก็นก ดาว แชด อุ้ม ที่เพิ่งจะตามมาถึงและก็เพื่อนอีกนิดหน่อย ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าใครบ้างแล้วเพราะมัวตะลึงกับเสี่ยต้องการ (ชื่อเพื่อนผมจริงๆนะ มันชื่อ ต้องการ น้องชายชื่อ ตามใจ) เจ้าของเต็นท์รถย่านรังสิตที่เพิ่งจะมีข่าวซื้อบ้านหลังละสามล้านกว่าบาทไป มาพร้อมเสี่ยต่อศักดิ์ เจ้าของร้านขายมือถือในเมืองขอนแก่น ที่ตะลึงคือสองคนนี้มาในเครื่องแต่งกายแนวร็อคมาก ต้องการเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์กางเกงยีนส์ เนื่องด้วยเป็นคนผอมสูง ต้องการดูดีมากในชุดนี้ ส่วนต่อศักดิ์ มาในชุดแนวเดียวกัน แต่เป็นสูทหนังสีดำ ผมยาว รองเท้าบูท เนื่องจากต่อศักดิ์นี่ก็ผอมมาก ก็ยิ่งดูเท่ห์มากอีกเช่นกัน มากันยังกะในหนังการ์ตูนญี่ปุ่นเลยทีเดียว เราพูดคุยกันซักพัก ผมก็ชักเริ่มเบื่อกับคำทักทาย-ถามไถ่ของเพื่อนๆที่ต่างพากันกระหน่ำมาที่ผมว่า “เฮ้ย!! ทำไมมึงอ้วนอย่างงี้วะ กูไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่ามึงจะอ้วนขนาดนี้ แต่ก่อนมึงไม่มีทีท่าว่าจะอ้วนได้อย่างงี้เลย ไอ้โป๊ะเอ้ย ไปทำอีท่าไหนมาวะ” พูดกันทำนองนี้ทุกคน อย่างกับเตรียมกันมา โดยเฉพาะผมละเบื่อ ทำไมเหรอ คนเรากินเยอะก็อ้วนได้นี่หว่า ก็ลองเปลี่ยนจากจีบสาวมาเป็นกินสิ อ้วนตามผมมากันแน่ๆ

เราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า สนใจงานบนเวทีกันดีกว่า ที่บนเวที ก็มีการฉาย VDO เกี่ยวกับชีวประวัติคร่าวๆของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว รวมถึงความสัมพันธ์กันของครอบครัวทั้งสองที่คุณปู่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก และเป็นคนแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน และผมก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าสาวนี่ก็เป็นเพื่อนของเพื่อนๆผมที่เรียนวิทยาศาสตร์คอมฯที่ม.ขอนแก่นด้วย อืม… โลกมันกลมจริงๆเลย เพื่อนผมมันมาเรียนถึงพระนครเหนือ ยังกลับไปได้แฟนจบจากขอนแก่นเหมือนเดิม จากนั้นก็มีการสัมภาษณ์เจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกเล็กน้อย ซึ่งผมเข้าใจว่าพิธีกรพยายามจะให้มันสนุก ถามว่ารักกันได้ยังไง เจอตอนแรกชอบเลยหรือเปล่า ฯลฯ แต่ผมว่าคำถามมันออกจะส่อๆไปในทางทำให้แตกแยกซะมากกว่า จากนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ตัดเค้กเก้าชั้น แล้วก็เอาลงมาแจกแขกข้างล่าง ระหว่างนั้นเองก็มีแขกรับเชิญพิเศษเป็นคุณ เจี๊ยบ วรรธนา มาร้องเพลงให้ เพราะเจ้าบ่าวชอบคุณเจี๊ยบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว คุณเจี๊ยบไม่ค่อยสบาย แต่ก็ร้องเพลงได้เพราะมาก ร้องไปได้สองเพลง จากนั้นผมก็เริ่มกินล่ะครับ (ที่เล่ามานี่ ผมยังไม่กินอะไรเลยนะ) กินไปเรื่อยๆ งานก็ดำเนินไปโดยเชิญแขกผู้ใหญ่กล่าวอวยพร แล้วก็ตามธรรมเนียม “หอมแก้ม” ที่ต้องอายๆกันด้วยนะ ไม่อายไม่ได้ เสียจริต (ฮา) แล้วสักพักก็เป็นการแสดงระบำพัดแบบเวียตนามซึ่งทั้งวงเด็กหมดยกเว้นตัวเอก เป็นสาว ขาว สวย เวียตนาม เอ็กซ์ แต่ดูก็รู้ว่ามีอายุแล้ว ซึ่งผมดูแล้วก็ขำๆเพราะท่ารำมันไม่ค่อยมีอะไร เหมือนเต้นยั่วคนแก่ซะมากกว่าแล้วก็เป็นการแสดงของญาติๆ จากนั้นพิธีกรก็ประกาศปิดงานอย่างเป็นพิธีการ ผมตกใจ อ้าว!! ทำไมจบเร็วจัง นี่มันเพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆเองนะ เลยมีคนมาอธิบายให้ผมฟังทีหลังว่า งานแต่งสมัยใหม่เค้าจัดแบบรวบรัด จะได้ประหยัดค่าสถานที่ และแขกผู้ใหญ่จะได้กลับไปพักผ่อน อืม ผมเองก็ไม่ได้ไปงานแต่งมาหลายปีเห็นจะได้ แต่กระนั้นแล้วแม้พิธีกรจะประกาศจบงานไปแล้ว แต่แขกก็ยังไม่เริ่มทยอยกลับ แล้วก็มาถึงช่วงที่เสียเส้นต้องขึ้นไปร้องเพลงตามคำขอของเจ้าบ่าว เสียเส้นมีดีกรีเป็นนักร้องคนแรกในวงดนตรีวงแรกที่ผมมีโอกาสเล่นด้วย เสียงดีและสูงทีเดียว แต่คงเนื่องจากฟ้าแกล้ง พอเสียเส้นเอ่ยปากร้อง แขกก็ลุกกลับกันทันที มันคงไม่เกี่ยวข้องกันหรอกน่า จริงไหมครับ

เรามาถ่ายรูปกันอีกสักหน่อย ก็กลับมายืนรอ และถ่ายรูปกันอีกที่หน้างาน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะถ่ายอะไรกันหนักหนา แต่เอาก็เอา ตามน้ำไปเลย ระหว่างยืนรอก็มาเจอกับพี่ต๋า พี่ต๋ามากับแฟน คงเป็นน้องท๊อฟฟี่ แต่ผมก็เคยได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งจะเจอตัวนี่แหละ ครับ เช่นเคย ขาว สวย อึ๋ม เอ็กซ์ ผมก็ได้แต่ถามพี่แกว่าไปทำอะไรกันมา ช่วงที่ผมไม่อยู่น่ะ

หลังจากถ่ายรูปกันเป็นวักเป็นเวร ก็ได้ฤกษ์กลับกัน ผมขอสรุปว่าเป็นงานแต่งที่ใหญ่ สวย และประทับใจผมทีเดียว และยังทำให้ผมได้เจอเพื่อนๆมากมาย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของผม ผมร่ำลาเจ้าบ่าว-สาว แล้วก็เตรียมตัวกลับ เพื่อนๆบางส่วน ไก่ หยู่ และคนอื่นๆ เปิดห้องที่โรงแรมไว้ และจะค้างกันก่อนค่อยกลับ อีกกลุ่มก็นัดกันจะไปเที่ยวต่อที่ขอนแก่น ไก่พยายามชวนผมอยู่ต่อ บอกว่าจะพาไปหาอะไรสนุกๆทำ ผมได้ยินมาว่าบางคนจะเล่นไพ่กัน ผมเล่นไม่เก่งและไม่รวย อยู่ไปไม่สนุกแน่ แต่ผมว่าไก่ไม่ได้หมายถึงไพ่ แต่ผมไม่ค่อยชอบอะไรประหลาดใจเหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงตอบปฏิเสธไป ส่วนทางฝ่ายที่ว่าจะไปเที่ยวต่อ ผมก็ตอบไปว่าเดี๋ยวตามไปที่ร้าน จากนั้นเราก็ขับรถกลับบ้านกัน ผมขับ เพราะห่วงสุขภาพตัวเอง มีกิ๊ฟกับนก นั่งคุยกันมาตามทาง แต่ขากลับนี้ ไหงเรื่องที่คุยมันกลายเป็นปัญหาความรักซะนี่ คุยกันไปมา ต่างคนต่างปรึกษากัน ผมเลยแซวไปว่า กลับจากงานแต่งก็มาคุยเรื่องรักคุดซะนี่ เฮ้อ…

ผมขับมาเรื่อยๆไม่รีบ เรามาถึงขอนแก่นกันตอน 4 ทุ่มครึ่งกว่าๆ เราตกลงกันว่า เดี๋ยวกลับบ้านไปเอารถก่อน แล้วค่อยไปสมทบกับพวกที่อยู่ที่ร้าน กิ๊ฟไปส่งผมที่บ้านเพื่อเอารถออกไป เพราะจะได้กลับสะดวกๆ

แต่เราคุยกันไปคุยกันมา เลยแอบตกลงกัน แล้วได้ผลสรุปว่า “ถ้าไปก็เจอแล้วกัน” แล้วสุดท้ายเลยผมก็ไม่ได้ไป เพราะอยากนอนอยู่บ้านมากกว่า แปลกดี ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงถึงไหนถึงกัน แต่เดี๋ยวนี้ผมชอบนอนอยู่บ้านมากกว่า กลัวว่าจะไม่ได้กลับมานอนอีก

จบทริป… งานแต่งงานเพื่อนครับผม

ปล. ถ้าได้รูปมาจะเอามาให้ดูกันนะครับ

+ + + + + + + + + + + + +



Create Date : 22 กันยายน 2549
Last Update : 11 ตุลาคม 2549 10:04:05 น. 1 comments
Counter : 381 Pageviews.

 
เสียเส้น


โดย: หมา IP: 125.26.166.255 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:16:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poetra
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กับเส้นทางที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ได้ดี ไม่ได้เด่นเหมือนใครๆ แม้มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับคนอื่นๆ แต่มันก็น่าจะเพียงพอที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง ...




Friends' blogs
[Add Poetra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.