Group Blog
 
All Blogs
 

ทายาทมหาอุปราช

สามก๊กภาคปลาย

๑.ทายาทมหาอุปราช

“เล่าเซี่ยงชุน”

เมื่อโจผีเป็นที่วุยอ๋องแทนโจโฉบิดาที่ถึงแก่ความตายไปได้ไม่นานนัก ขุนนางสอพลอรวมเก้าคน กับนายทหารอีกสี่สิบคน ก็พร้อมใจกันไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เมืองฮูโต๋ ฮัวหิมเป็นหัวหน้า กราบทูลว่า โจผีนั้นมีบุญมากและมีสติปัญญารู้รอบคอบ โอบอ้อมอารีต่อไพร่
ฟ้าข้าแผ่นดินยิ่ง ราษฎรทั้งปวงก็อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้มอบราชสมบัติให้โจผีปกป้องรักษาแผ่นดินสืบไปเถิด

พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ฟังก็ตกใจร้องไห้แล้วว่า พระเจ้าฮั่นโกโจซึ่งเป็น ต้นเชื้อพระวงศ์รวมตลอดจนพระญาติพระวงศ์ ได้ราชสมบัติสืบต่อกันมาประมาณสี่ห้าร้อยปีแล้ว จึงตกมาถึงเรา แม้ว่าเราจะเป็นเด็กอ่อนศักดิ์ก็จริง แต่ว่าได้รักษาสมบัติของท่านแต่ก่อนโดยสัตย์ธรรม ยังหาความผิดมิได้เลย ซึ่งเราจะยกราชสมบัติให้แก่ผู้อื่นนั้นไม่บัง ควร พวกขุนนางผู้เฒ่าผู้แก่ก็ช่วยกันชี้แจงเกลี้ยกล่อม ยกยอโจผีว่ามีบุญหนักหนาสมควรจะเป็นฮ่องเต้ได้

จนในสุดท้าย อองลอง ขุนนางผู้ใหญ่ก็ยื่นคำขาดว่า

"...ตามประเพณีมาแต่โบราณ ที่ดีกลับเป็นชั่ว ที่ชั่วกลับเป็นดีก็มี เหมือนหนึ่งบ้านเมืองมั่งคั่งบริบูรณ์อยู่แล้ว เกิดศึกกลับยับเยินไปก็มี ที่ยับเยินไปแล้ว กลับมั่งคั่งบริบูรณ์อยู่เย็นเป็นสุขไปก็มี สมบัติซึ่งได้สืบต่อแต่ต้นวงศ์มา ก็นานประมาณสี่ห้าร้อยปีแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าวงศ์ของพระองค์จะขาดแล้ว ขอให้พระองค์สละราชสมบัติมอบให้โจผีเถิด ถ้าพระองค์จะขัดขืนไป เห็นจะเป็นอันตรายเป็นมั่นคง......"

พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงจำใจ ต้องยอมสละราชสมบัติให้แก่โจผี ตามคำขู่นั้น โจผีจึงสั่งให้สร้างโรงอภิเษกสูงสามชั้น มีเครื่องประดับอย่างดีตามธรรมเนียม ถึงเดือนสิบสองขึ้นห้าค่ำ พ.ศ.๗๖๓ เวลาใกล้รุ่งได้ฤกษ์ดี ตัวโจผีก็ขึ้นนั่งบนที่สูง ให้ขุนนางประมาณสี่ร้อยคนเฝ้าทั้งสามชั้น ให้ทหารสิบหมื่นล้อมไว้กันคนที่ไม่เห็นด้วยจะบุกเข้ามาทำร้าย

แล้วให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ถือพระแสงกระบี่ กับตราหยกประจำองค์กษัตริย์ พร้อมด้วยหนังสือมอบราชสมบัติ ขึ้นไปมอบให้กับมือ แล้วสั่งให้ประกาศแก่ขุนนางและ ราษฎรทั้งปวง พร้อมกับถวายพระนามว่า พระเจ้าอวยโซ่

เมื่อพระเจ้าอวยโซ่ ต้นราชวงศ์วุย หรือ โจผี บุตรชายคนโตของ โจโฉ ได้ขึ้นครองราชสมบัตินั้นมีอายุได้สามสิบสามปี ก็ทำพิธีเซ่นไหว้เทวดาฉลองตำแหน่งฮ่องเต้เป็นการใหญ่ เนื่องจากผลัดเปลี่ยนราชวงศ์

แต่บังเอิญให้เกิดมีพายุใหญ่พัดจัด จนธูปเทียนดับไปหมด ก้อนศิลาก็กลิ้งไปตามแรงลม เม็ดทรายก็ปลิวฟุ้งขึ้นไปในอากาศ ทำให้มืดมิดไปทั่วบริเวณ พระเจ้าโจผีก็ตกใจจนเป็นลมสิ้นสติไป พอพายุสงบแล้วขุนนางทั้งปวงที่เข้าร่วมพิธี ก็ช่วยกันแก้ไขพระเจ้าโจผีจนฟื้นคืนสติ แล้วก็เชิญเสด็จกลับเข้าวัง

ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าโจผีก็ป่วยไข้ ไม่ได้ออกว่าราชการเป็นเวลาหลายวัน รักษาอย่างไรก็ไม่หายแต่แข็งใจออกไปปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ว่า ในวังหลวงของเมืองฮูโต๋นี้ สงสัยว่าจะมีปีศาจสิงสู่อยู่มาก สมควรย้ายกลับไปอยู่เมืองลกเอี๋ยงราชธานีเก่าจะดีกว่า แล้วจึงสั่งให้ทหารไปสร้างวังใหม่จนเสร็จเรียบร้อย ก็อพยพย้ายไปตั้งเมืองหลวงอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง จึงหายป่วยมีความสุขดังเดิม

พระเจ้าโจผีนี้ เมื่อยังรุ่นหนุ่มได้ไปรบกับ อ้วนเสี้ยว พร้อมกับโจโฉผู้เป็นบิดา เมื่อได้ชัยชนะแล้วก็รับเอา นางเอียนซี ภรรยาม่ายของ อ้วนฮี บุตรชายของอ้วนเสี้ยวมาเป็นภรรยาคนแรก ครั้นเมื่อได้ราชสมบัติแล้วก็ตั้งให้เป็นมเหสีเอก มีบุตรคนหนึ่งเป็นชายชื่อ โจยอย ได้ร่ำเรียนศิลปศาสตร์ชำนาญการใช้เกาทัณฑ์ แต่เป็นคนใจอ่อน มีเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งปวง

ต่อมาพระเจ้าโจผีได้ นางกุยฮุย บุตรีของ กุยเฮง มาเป็นมเหสีซ้าย นางมีรูปโฉมงดงามพระเจ้าโจผีก็หลงใหล กุยเฮงจึงสมคบกับขันทีชื่อ เตียวโถ คิดอุบายใส่ร้ายนางเอียนซี ว่าฝังรูปฝังรอยทำเสน่ห์เล่ห์กลแล้วพาพระเจ้าโจผีไปจับได้ พระเจ้าโจผีหลงเชื่อจึงให้ประหารนางเอียนซี แล้วยกนางกุยฮุยขึ้นเป็นใหญ่แทน แต่นางกุยฮุยไม่มีบุตร จึงเลี้ยงโจยอยไว้จนอายุได้สิบห้าปี พระบิดาจึงแต่งตั้งให้เป็น เพงงวนอ๋อง หรือราชบุตรต่างกรม

ทางฝ่ายเมืองเสฉวน เมื่อรู้ข่าวว่าพระเจ้าโจผีแย่งราชสมบัติจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ และตั้งตนเป็นกษัตริย์ ก็พากันอัญเชิญ เล่าปี่ ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งจ๊กก๊กทรงพระนามว่า พระเจ้าเจียงบู๋ สืบต่อราชวงศ์ฮั่นเมื่อ พ.ศ.๗๖๔ แล้วก็กรีธาทัพใหญ่ยกไปตีเมืองกังตั๋งของง่อก๊กเพื่อแก้แค้นแทน กวนอู และ เตียวหุย น้องชายร่วมสาบานที่ถูกพวกของ ซุนกวน ฆ่าตาย

การรบทุกครั้งฝ่ายง่อก๊กของซุนกวนต้องถูกตีแตกยับเยิน นายทหารเอกถูกฆ่าตายไปหลายคน กองทัพของพระเจ้าเล่าปี่รุกคืบหน้าใกล้เมืองกังตั๋งเข้าไปทุกที
แต่ขั้นสุดท้ายซุนกวนให้ ลกซุน นายทหารหนุ่มบุตรเขยของ ซุนเซ็ก ซึ่ง
เป็นพี่ชายของซุนกวน เป็นแม่ทัพออกรบต้านทานก็กลับสามารถตีกองทัพของพระเจ้าเล่าปี่ จนแตกพ่าย และขับไล่ให้ถอยหนีไปจนมุมอยู่ในเมืองเป๊กเต้ได้ ในที่สุด

พอพระเจ้าโจผีรู้ข่าว ก็วางแผนจะเข้าตีเมืองกังตั๋ง โดยให้ยกกองทัพ ไปเป็นสามทาง ให้ โจหยิน ยกพลไปทางตำบลยูสู โจฮิว นำกำลังไปทางตำบลต๋งเค้า และ โจจิ๋น ยกทัพไปทางตำบลนำกุ๋น ตัวพระเจ้าโจผียกทัพหลวงตามไปด้วย พอถึงปลายแดน ห้องกวน นายกองของพระเจ้าเล่าปี่ ก็เข้ามาสามิภักดิ์ต่อพระเจ้าโจผี เพราะกองทัพของพระเจ้าเล่าปี่แพ้ลกซุน ถอยไปเร็วมากตามไม่ทัน พระเจ้าโจผีก็รับไว้เป็นทหาร แล้วก็ยกทัพล่วงเข้าไปในแดนเมืองกังตั๋ง โดยไม่ยอมฟังคำห้ามปรามของ กาเซี่ยง และ เล่าหัว ที่ปรึกษาเก่าแก่ของโจโฉ

ลกซุนก็จัดให้ จูหวน ยกทหารออกมาตั้งรับทางยูสู ลิห้อม คอยดักทาง ต๋งเค้า และ จูกัดกิ๋น ตั้งยันทางนำกุ๋น ทั้งสามทัพของพระเจ้าโจผีก็ถูกทหารของลกซุน ตีแตกพ่ายกลับมาหมด ต้องเสียทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปมากมาย พระเจ้าโจผีก็ทอดใจใหญ่ จะยกไปแก้ตัวก็เป็นฤดูร้อนทหารจะได้รับความลำบากยากแค้น จึงจำใจยกทัพคืนลกเอี๋ยง รอจังหวะที่จะล้างแค้นต่อไป

จนเวลาล่วงไปอีกสองปีถึง พ.ศ.๗๖๖ พระเจ้าเล่าปี่ตรอมใจป่วยไข้ ถึงสิ้นพระชนม์ลงที่เมืองเป๊กเต้ ขงเบ้ง ก็ยก อาเต๊า บุตรคนโตของพระเจ้าเล่าปี่ขึ้นสืบราชสมบัติ เป็น พระเจ้าเล่าเสี้ยน ขณะที่มีอายุเพียงสิบหกปี พระเจ้าโจผีก็คิดจะยกทัพไปตีเมืองเสฉวนบ้าง จึงปรึกษากับ สุมาอี้ ซึ่งเดิมเป็นเพียงสมุห์บัญชีทหารเลว ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในสมัยโจโฉ แต่ก็ไม่ใหญ่โตเพราะโจโฉไม่ไว้ใจ จนถึงสมัยพระเจ้าโจผีจึงเป็นที่ปรึกษา

สุมาอี้ก็วางแผนยกกองทัพเข้าตีเมืองเสฉวนเป็นห้าทาง คือให้เอาทรัพย์สินเงินทองไปจ้างให้ ห่อปี เจ้าเมืองเลียวตั๋งยกพลไปทางด่านแฮบังก๋วนอยู่ทางทิศตะวันตก ให้ เบ้งเฮ๊ก เจ้าเมืองมันอ๋องยกไปทางด่านเอ๊กจิ๋วทิศใต้ ให้ เบ้งตัด เจ้าเมืองซงหยงยกไปทางด่านฮันต๋งทิศเหนือ ให้ โจหยิน คุมพลตรงไปตีเมืองเสฉวน ใช้พลด้านละสิบหมื่น

และให้ทูตถือหนังสือไปเจริญไมตรีกับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง เพื่อขอให้ยกทัพ
เข้าตีทางด่านกวยเซียทิศตะวันออกอีกด้วย

พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ปรึกษากับขงเบ้งแล้วให้ ม้าเฉียว คอยป้องกันทาง ด่านแฮบังก๋วน ห่อปีนั้นเคยกลัวม้าเฉียวมาแต่ก่อน ก็ไม่สามารถจะเอาชนะได้ ทางด่าน เอ๊กจิ๋วนั้นให้ อุยเอี๋ยน ไปตั้งกองสกัดไว้แล้วแต่งกลอุบานให้ทหารเดินวนเวียนในค่ายทั้งซ้ายขวาวันละเจ็ดแปดหนทุกวัน จนเบ้งเฮ็กคิดว่ามีทหารมากมาย เลยไม่กล้าเข้าตี ส่วนทางด่านฮันต๋งก็ให้ ลิเงียม เพื่อนน้ำสาบานของเบ้งตัด ไปคอยดักพบขอร้องอย่าให้เป็นศัตรูกันเลย เบ้งตัดก็ทำเป็นป่วยอิดออดไม่ยอมยกไปรบ กับให้ จูล่ง ทหารเสือฝีมือยอดเยี่ยมไปตั้งมั่นอยู่ที่ด่านเผงก๋วนโดยไม่ต้องออกรบ

ครั้นโจหยินยกทัพฝ่าที่ทุรกันดารมาถึงที่ลุ่มมีโคลนตม เดินทัพยากอยู่แล้ว พอไม่เห็นจูล่งออกรบ ก็ไม่สามารถจะตีหักด่านไปได้จึงต้องถอยทัพกลับ

พระเจ้าโจผีคอยฟังข่าวทูตที่ไปเจรจากับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง ก็ผิดหวัง เพราะขงเบ้งส่งทูตไปเจรจาจนเป็นไมตรีกันก่อนแล้ว จึงคิดจะยกทัพไปแก้แค้น แต่ ซินผี ที่ปรึกษาเก่าแก่ทักท้วง ขอให้ทำนาหาเสบียงสักสิบปีก่อนจึงค่อยยกทัพไป พระเจ้าโจผีก็โกรธว่า

".....ความคิดท่านเหมือนเด็กน้อย เรารู้อยู่ว่าเมืองเสฉวนกับเมืองกังตั๋งไป
หาสู่ถึงกัน แล้วก็จะยกมาตีเมืองเรา ควรหรือจะอยู่ทำนาถึงสิบปี เราไม่ฟังแล้ว....."

ว่าแล้วก็หันไปปรึกษากับสุมาอี้ตามเคย คราวนี้ยกกองทัพเรือเป็นจำนวนกว่าห้าพันลำไปตีเมืองกังตั๋ง ตั้งแต่เดือนสิบ พ.ศ.๗๖๗

ซุนกวนก็ให้ ชีเซ่ง เป็นแม่ทัพเรือยกออกไปต้านทานกองทัพใหญ่ของพระเจ้าโจผี และให้คนหนังสือไปเมืองเสฉวนขอกองทัพมาช่วย ขงเบ้งจึงให้จูล่งคุมทหารไปสกัดหลังที่ด่านอังเพงก๋วนเมืองเซ่งอั๋น เมื่อพระเจ้าโจผียกทัพเรือ เข้าตีขบวนเรือของ ชีเซ่ง ก็ถูกลมพายุพัดหนักมีคลื่นใหญ่ ทำการรบไม่สำเร็จต้องถอยกลับ ชีเซ่งก็คุมกองเรือไล่ติดตามตีจนแตกพ่าย ต้องยกพลขึ้นบกแล้วเผาเรือทิ้ง

ซุนเสียง หลานซุนกวนกับ เตงฮอง ทหารเอกของเมืองกังตั๋ง ก็ยกทัพบกมาสมทบ เข้าตีกระหนาบ เตียวเลี้ยว กับ ซิหลง ทหารเอกเก่าแก่ของพระเจ้าโจผีก็ต่อต้านไม่ไหว ต้องแตกพ่ายอย่างยับเยิน ตัวเตียวเลี้ยวก็ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ เมื่อกลับถึงเมืองลกเอี๋ยง ทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ถึงแก่ความตาย

อยู่มาอีกสองปีถึง พ.ศ.๗๖๙ เดือนแปด พระเจ้าโจผีก็ประชวรเป็นไข้ หมอรักษาพยาบาลเท่าใดอาการก็ไม่ทุเลา จึงเรียกขุนนางผู้ใหญ่คือ โจจิ๋น ตันกุ๋น และ สุมาอี้ เข้ามาฝากฝังว่า

".....บัดนี้ตัวเราป่วยหนักเห็นจะไม่รอดแล้ว เราคิดวิตกด้วย โจยอยยังหนุ่มแก่ความนักอยู่ ถ้าเราหาบุญไม่แล้วท่านทั้งสามจงช่วยกันเอาใจใส่ราชการ
บ้านเมือง ทำนุบำรุงบุตรเราเหมือนฉะนี้เถิด....."

และได้กำชับ โจฮิว ว่า

".....ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ช่วยปราบปรามข้าศึก มาแต่เมืองฮูโต๋ยังไม่ตั้งมั่นได้ จนใหญ่หลวงเป็นสุขขึ้นถึงเพียงนี้ บัดนี้เรายังไม่ แก่ชรานัก อายุได้สี่สิบปี พึ่งครองราชสมบัติได้เจ็ดปี โรคภัยก็เบียดเบียนนักเห็นจะสิ้นอายุเสียมั่นคงแล้ว ท่านอยู่ภายหลังจงช่วยทำนุบำรุงบุตรเราโดยสุจริต ให้เราสิ้นวิตก ด้วยเถิด....."

สั่งเสร็จแล้ว ทายาทของโจโฉ หรือ พระเจ้าไทล่อฮูฮ่องเต้ ก็สิ้นพระชนม์ ขุนนางทั้งปวงก็เชิญโจยอยซึ่งมีอายุประมาณยี่สิบสองปี
ขึ้นเสวยราชสมบัติและขนานนามว่า พระเจ้าไต้งุยฮ่องเต้ เมื่อ พ.ศ.๗๗๐

และสืบราชวงศ์วุยซึ่งได้ตั้งขึ้น บนน้ำตาของพระเจ้าเหี้ยนเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น สืบต่อไปอีกนานหลายปี.

##########




 

Create Date : 14 มีนาคม 2560    
Last Update : 14 มีนาคม 2560 9:26:43 น.
Counter : 338 Pageviews.  

สามก๊กภาคปลาย


สามก๊กภาคปลาย
สารบัญ
เล่าเซี่ยงชุน

จาก พ.ศ.๒๕๓๗ ถึง ๒๕๖๐ ได้มีภาพยนตร์ เรื่องสามก๊ก วรรณคดีเอกของจีน เข้ามาฉายทางโทรทัศน์ของไทย ฟลายต่อหลายเรื่อง หลายสิบตอน แต่ทั้งหมดก็มักจะไม่เต็มเรื่อง ที่ยาวที่สุด ก็คือ จบตอน โจโฉตาย หรือสุมาอี้ตายเท่านั้น แต่ความจริงสามก๊ก ยังมีเรื่องเรื่องราวต่อจากนั้น อีกยืดยาวไม่ใช่น้อย ซึ่งผู้ที่ไม่เคยอ่านสามก๊ก ภาษาไทย ของ ท่านเจ้าพระยาพระคลัง(หน) จะไม่มีโอกาสทราบได้เลย
เพื่อเป็นวิทยาทาน จึงจะขอนำเอา สามก๊กฉบับฮ่องเต้ของ “เล่าเซี่ยงชุน” มาวางในถนนนักเขียน ให้ผู้ที่สนใจได้ทราบ เรื่องราวของสามก๊กต่อไปจนจบครบเล่มสมุดไท โดยมีสารบัญดังนี้
ตระกูลโจ
๑. ทายาทมหาอุปราช
๒.ผู้พิชิตที่แพ้ตนเอง
๓.ผู้นี่งบนบัลลังด์หนาม
๔.ผู้หักด้ามพร้าด้วยเข่า
๕.ทายาทตนสุดท้ายของแซ่โจ

ตระกูลเล่า

๖.ผู้ยึดมั่นคำสาบาน
๗.พ่อเมืองไร้ปัญญา

ตระกูลซุน
๘. ผู้ยิ่งใหญ่ในทักษิณ
๙. ลูกไก่ในกำมืออุปราช
๑๐. ผู้กำจัดหอกข้างแคร่
๑๑. ผู้ทำลายวงศ์ตระกูล

ซึ่งจะได้นำมาเสนอเป็นลำดับไป ตั้งแต่ตอนหน้า.




 

Create Date : 14 มีนาคม 2560    
Last Update : 14 มีนาคม 2560 13:36:14 น.
Counter : 586 Pageviews.  

สามก๊กฉบับย่นย่อ

สามก๊กฉบับย่นย่อ

เจียวต้าย

พระเจ้าเลนเต้ครองราชสมบัติในเมืองลกเอี๋ยงมาได้ประมาณยี่สิบสองปี บ้านเมือง วุ่นวายเดือดร้อน เกิดโจรโพกผ้าเหลืองขึ้น ทหารหลวงมีไม่พอต้องรับสมัครจากหัวเมืองต่าง ๆ ให้ส่งทหารมาช่วย จึงเกิดขุนพลฝีมือดีขึ้นหลายคน ที่ยกทหารมาช่วยปราบโจร

เมื่อพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ลงใน พ.ศ.๗๓๓ ขุนนางก็ยก หองจูเปียน ราชบุตรองค์โต อายุประมาณสิบสี่ปีขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่มีอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย เกิดจลาจลขึ้นในเมืองลกเอี๋ยง ตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองซีหลงซึ่งยกทหารมาช่วยปราบโจรก็เลยเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยงไว้ แล้วถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังก์ และยก หองจูเหียบ น้องชายต่างมารดา อายุประมาณเก้าปีขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วตนเองก็ตั้งตัวเป็นมหาอุปราชว่าราชการแทน

ตั๋งโต๊ะปกครองบ้านเมืองด้วยความโหดร้าย แกล้งฆ่าขุนนางที่ไม่เข้าด้วยหลายคน ราษฎรก็ได้รับการรีดนาทาเร้น ไม่มีใครจะกล้าขัดขืนเพราะตั๋งโต๊ะมีลิโป้บุตรเลี้ยงที่มีฝีมือเก่งกล้าไม่มีผู้เทียมทาน

โจโฉซึ่งเป็นนายทหารรักษาพระองค์มาก่อน วางอุบายจะเข้าไปฆ่าตั๋งโต๊ะก็เกือบถูกจับได้ ต้องหนีเตลิดไปหลบอยู่ที่เมือง อื่น แล้วรวบรวมเจ้าเมืองต่าง ๆ ให้ยกทหารมาตั้งเป็นกองทัพใหญ่ ยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง เพื่อปลดแอกฮ่องเต้ให้พ้นจากอำนาจของตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จเกิดการอิจฉาริษยาแก่งแย่งกันเอง ต้องแยกย้ายกันกลับไปอยู่เมืองของตนตามเดิม โจโฉก็หนีไปอยู่ในเมืองหนึ่งทางภาคตะวันออก

ต่อมาขุนนางผู้ใหญ่ชื่ออ้องอุ้น ออกอุบายให้นางเตียวเสียนบุตรเลี้ยง ไปทำเสน่ห์เล่ห์กลให้ตั๋งโต๊ะกับลิโป้เกลียดชังกัน ลิโป้จึงฆ่าตั๋งโต๊ะแย่งเอานางเตียวเสียนมาเป็นภรรยาของตน แล้วยกอ้องอุ้นให้เป็นมหาอุปราช แต่ลูกน้องของตั๋งโต๊ะสี่คนยกทหารมาตีเมืองลกเอี๋ยงได้ จึงฆ่าอ้องอุ้นเสีย ลิโป้ต้องหนีเตลิดไปอีกคนหนึ่ง

ลิฉุยกับกุยกี ลูกน้องของตั๋งโต๊ะที่เป็นหัวหน้า ก็ยกฮ่องเต้ไว้ตามเดิม แล้วทั้งสองก็ตั้งตนเป็นผู้ว่าราชการพลเรือน และผู้ว่าราชการทหาร ส่วนอีกสองคนเป็นนายทหารเอก แล้วก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความชั่วร้ายเช่นเดียวกับตั๋งโต๊ะ

พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงให้คนสนิทถือหนังสือไปให้โจโฉ ซึ่งตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก ให้ยกทัพมาช่วย โจโฉขณะนั้นมีกำลังอยู่มาก จึงเข้ามากวาดล้างพวกของตั๋งโต๊ะจนหมดสิ้น ฮ่องเต้จึงตั้งให้โจโฉเป็นมหาอุปราช สั่งราชการในนามของฮ่องเต้ตั้งแต่บัดนั้น

แต่พวกเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่เคยร่วมมือกับโจโฉในครั้งก่อน ก็ไม่ยอมอยู่ในอำนาจของ โจโฉ แต่ก็มีกำลังน้อยกว่าโจโฉทั้งสิ้น โจโฉมีที่ปรึกษา และนายทหารเอกโทตรีมากมาย ล้วนแต่มีฝีมือเข้มแข็ง จึงยกทัพไปปราบปรามทีละกลุ่ม

ครั้งแรกร่วมมือกับเล่าปี่เจ้าเมืองเพงง้วนก๋วน กำจัดลิโป้เจ้าเมืองชีจิ๋วลงได้ ต่อมาก็ ปราบอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง แล้วก็รบชนะอ้วนเสี้ยวพี่ชายของอ้วนสุดเจ้าเมืองเมืองกิจิ๋วลงได้อีก แล้วจึงแตกคอกับเล่าปี่ ต้องรบกับเล่าปี่และกวนอู เตียวหุยที่ได้สาบานเป็นพี่น้องกัน ยังไม่ทันแพ้ชนะเล่าปี่ก็ให้ขงเบ้งกุนซือเอก ไปชักชวนให้ซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋งเป็นพันธมิตร แล้วรบเอาชนะโจโฉได้ โจโฉแตกพ่ายทั้ง ทัพบกทัพเรือ ต้องยกกลับไปตั้งหลักที่เมืองฮูโต๋

เล่าปี่จึงขยายอำนาจออกไปยึดครองเมืองเสฉวนได้เป็นใหญ่ทางตะวันตก ซุนกวนก็ครองเมืองกังตั๋งเป็นใหญ่ทางทิศใต้ จึงเป็นสามก๊กที่แย่งชิงอำนาจ ต้องรบราฆ่าฟันกันไปอีกหลายสิบปี

โจโฉได้ตายลงเมื่อ พ.ศ.๗๖๓ ต่อมาเล่าปี่ก็ตายเมื่อ พ.ศ.๗๖๖ เล่าเสี้ยนบุตรคนโตของเล่าปี่ก็ครองเมืองเสฉวนต่อจากบิดา ส่วนโจผีบุตรคนโตของโจโฉ ก็ถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากราชสมบัติ แล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้ และได้สืบราชสมบัติต่อมาอีกสี่องค์คือ โจยอย โจฮอง โจมอ ถึงโจฮวน

สุมาเจียวมหาอุปราชก็ยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนแตก เมื่อ พ.ศ.๘๐๖ จับเล่าเสี้ยนมาเลี้ยงไว้เป็นเชลย แต่ต่อมาถูกสุมาเอี๋ยนบุตรของสุมาเจียว ก็ขับโจฮวนออกจากบัลลังก์ และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ เริ่มราชวงศ์จิ้น แล้วยกทัพไปตีเมืองกังตั๋ง

ฝ่ายซุนกวนนั้นก็เป็นฮ่องเต้ครองเมืองกังตั๋งอยู่จนถึง พ.ศ.๗๙๕ ซุนเหลียงผู้บุตรจึงได้ครองเมืองกังตั๋งและสืบต่อกันมาอีกสององค์คือ ซุนฮิว ถึงซุนโฮ ก็ถูกสุมาเอี๋ยนยกทัพมาตีแตก จับเอาไปเป็นเชลยเช่นเดียวกับเล่าเสี้ยน เมื่อ พ.ศ.๘๒๓

พระเจ้าสุมาเอี๋ยน ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์จิ้น ก็ครอบครองมหาอาณาจักรจีนเป็นหนึ่งเดียวมาตั้งแต่บัดนั้น นิยายเรื่องสามก๊กจึงยุติลงแต่เพียงนี้.


##################




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 13:34:21 น.
Counter : 413 Pageviews.  

มารู้จักสามก๊กกันเถอะ

มารู้จักสามก๊กกันเถอะ

วรรณคดีไทยเรื่องสามก๊ก ที่แปลมาจากนิยายอิงพงศาวดารจีน ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ นั้น เป็นที่รู้จักกันมานานร่วม ๒๐๐ ปีแล้ว แม้แต่ในสมัยนี้ก็ยังมีการพิมพ์ขึ้นใหม่เสมอ เมื่อหลายสิบปีก่อน เคยใช้เป็นแบบเรียนภาษาไทยในชั้นมัธยมศึกษา คือตอน โจโฉแตกทัพเรือ ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่ที่แม้จะไม่ได้อ่านสามก๊กอย่างจริงจัง ก็จำชื่อโจโฉได้เป็นคนแรกในสามก๊ก

ถ้าจะมีความรู้มากกว่านั้นอีกหน่อย ก็จะรู้ว่าสามก๊กนั้นมี ก๊กของโจโฉ ก๊กของเล่าปี่ และก๊กของซุนกวน ทั้งสามก๊กก็มีทหารเอกหรือขุนพลมากมาย ฝ่ายโจโฉนั้นมากกว่าเพื่อน ฝ่ายเล่าปี่มีน้อยแต่ก็ดังมาก เช่น กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง ส่วนฝ่ายซุนกวนก็มี จิวยี่ที่เป็นคู่ปรับกับขงเบ้ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

นิยายเรื่องสามก๊กที่มีความยาวเป็นพัน ๆ หน้า มีตัวละครหลายร้อยคน ซึ่งผู้อ่านจำชื่อไม่ค่อยได้นั้น ความจริงไม่ได้มีอยู่เพียงสามก๊กดังชื่อเรื่อง แต่มีด้วยกันถึงห้าก๊ก คือ

เริ่มจากราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย มีพระเจ้าเลนเต้ จนถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้

วุยก๊ก ซึ่งโจโฉเป็นต้นวงศ์ แล้วลูกชายคนโตตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ ชื่อโจผี สืบต่อกันมาถึง โจฮวน ที่เมืองลกเอี๋ยง

จ๊กก๊ก มีเล่าปี่เป็นต้นวงศ์ ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ที่เมืองเสฉวน แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีก็สิ้นชีวิต ลูกชายคนโตคือ เล่าเสี้ยน ได้สืบวงศ์ต่อจนถึงกาลล่มสลาย

ง่อก๊ก นั้น ซุนเกี๋ยนผู้พ่อได้ครอบครองแคว้นกังตั๋งทางใต้ แต่เสียชีวิตไปก่อน ให้ ซุนเซ็ก บุตรชายคนโตรักษาสมบัติต่อ แต่ไม่นานก็สิ้นชีวิตไปอีก ซุนกวนน้องชายคนรองจึงเป็นใหญ่ในภาคใต้แทน ต่อมาจึงตั้งตัวเป็นฮ่องเต้บ้าง และสืบเชื้อสายมาจนถึง ซุนโฮ

สุดท้ายคือราชวงศ์จิ้น มีสุมาอี้ซึ่งเดิมเป็นกุนซือของวุยก๊ก รับราชการมาจนถึงรุ่นหลานคือ สุมาเอี๋ยน ได้ชิงราชบัลลังก์จากโจฮวน ขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียเอง เริ่มราชวงศ์จิ้นในตอนจบของเรื่องสามก๊กอันยืดยาวในช่วงเวลาทั้งหมดเกือบร้อยปี

ซึ่ง เจียวต้าย จะนำมาเล่าให้อ่านกันง่าย ๆ เป็นตัวอย่าง ซึ่งผู้สนใจจะได้ไปหาอ่านได้จากฉบับหลวง หรือฉบับวนิพก และฉบับนายทุน ฉบับคนเดินดิน ฉบับลิ่วล้อ ตลอดถึงฉบับขายชาติ ฯลฯ ซึ่งยังมาวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ ได้สะดวกขึ้น.

###############

หนังสือสามก๊กเป็นวรรณคดีหรือไม่

ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ก็คงจะตัดสินพระราชหฤทัยว่า เอายังงี้เอาแค่นี้ก่อน คือหนังสือประจำพระนครของกรุงเทพฯ นั้นจะต้องมีอะไรบ้าง ที่จะเรียกได้ว่าเป็น National Literature หรือวรรณคดีของชาติ ที่จะต้องมีเอาไว้

จาก สามก๊กในทัศนะของข้าพเจ้า พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ถอดเทปจากการสัมนา “วิเคราะห์วรรณกรรมสามก๊ก” ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสาร เอเซียตะวันออกศึกษา ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ รวมอยู่ในหนังสือ “สามก๊กวรรณทัศน์” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า ธันวาคม ๒๕๓๖


############



































 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 13:30:48 น.
Counter : 694 Pageviews.  

บอกเล่าเก้าสิบ

ผมได้นำเรื่องพระอภัยมณีฉบับเร่งรัด
จำนวน ๑๓ ชุด รวม ๒๖ ตอน

กับขุนช้างขุนแผนฉบับรวบรัด
จำนวน ๓ ชุด รวม ๕ ตอน

มาวางไว้ในกลุ่ม คุ้ยวรรณคดี แต่มีผู้อ่านร้องว่า
อ่านแล้วให้ความเห็นไม่ได้

ผมจึงเข้ามาแก้ไข แต๋ไม่ทราบว่าทำผิดอะไร
เรื่องทั้งหมดจึงได้หายไป เหลือแต่ชื่อกลุ่ม คุ้ยวรรณคดี

ผมกลับมาเขียนชี้แจงไว้ตรงนี้ ก็ไม่ขึ้นอีก
จึงได้ไปเปิดกลุ่มใหม่ และปล่อยกลุ่มนี้ไว้อย่างเดิม

ต้องขออภัย ถ้าท่านผู้ใดเปิดเข้ามาแล้วเจอข้อความนี้
หรือมีแต่ความว่างเปล่า โปรดแผ่เมตตาแก่ผมคนรู้น้อยด้วยครับ.




 

Create Date : 12 มีนาคม 2551    
Last Update : 12 มีนาคม 2551 13:43:42 น.
Counter : 404 Pageviews.  

1  2  3  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.