Group Blog
 
All Blogs
 

๗.ผู้ผิดคำสาบาน

ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

ผู้ผิดคำสาบาน

เล่าเซี่ยงชุน

บุคคลผู้เป็นใหญ่ในภาคใต้ของแผ่นดินจีน เป็นหนึ่งในสามก๊กนั้น ใคร ๆก็รู้จักเป็นอย่างดีเขาคือ ซุนกวน ซึ่งได้ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้แห่งง่อก๊กแข่งบารมีกับคนแซ่เล่า และแซ่โจ จนต้องทำสงครามขับเคี่ยวกันนัวเนียอยู่อีกห้าสิบปี จึงจบสิ้นยุคสมัยของสามก๊ก

อันว่าซุนกวนนั้นไม่ใช่คนเก่งกล้าสามารถอะไรนัก แต่โชคดีที่ต้นตระกูลเป็นนักรบที่เข้มแข็ง และมีบริวารทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นที่มีสติปัญญาหลายคน จึงได้ปกครองดินแดนอันมั่งคั่งสมบูรณ์ และมีชัยภูมิที่ดี คือแคว้นกังตั๋ง ตั้งแต่ยังหนุ่ม แม้ โจโฉ จะได้ใช้ความพยายามตีเท่าไรก็ไม่แตก แต่คนที่จะได้กล่าวถึงในตอนนี้ก็คือบิดาของซุนกวน ผู้มีนามว่า ซุนเกี๋ยน

ซุนเกี๋ยนเกิดที่เมืองตองง่อ มีลักษณะที่พิเศษคือ หน้าผากใหญ่ หน้ายาวกิริยาเหมือนเสือ เมื่อรุ่นหนุ่มอายุเพียงสิบเจ็ดปี ได้ร่วมเดินทางโดยขบวนเรือไปค้าขายที่เมืองเจียนต๋องกับบิดา พบเห็นโจรสิบคนตีชิงลูกค้าของตน เอาของมาแบ่งกันอยู่บนบก ก็เดินเข้าไปอ้างตัวว่าเป็นขุนนาง พวกโจรลุกขึ้นวิ่งหนี ก็ตามไปฆ่าตายเสียคนหนึ่งหนีไปเก้าคน เจ้าเมืองเกิดชอบใจ เลยเอาตัวไว้แต่งตั้งให้เป็นนายทหาร

ต่อมาก็ร่วมมือกับเจ้าเมืองเจียนต๋องปราบปราม หือฉง ซึ่งเป็นขบถต่อพระเจ้าเลนเต้ ได้อีก จากนั้นก็ร่วมมือกับ จูฮี เล่าปี่ปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองอ้วนเซีย ด้วยการฆ่านายโจรและลูกสมุนตายไปหลายสิบคน แล้วก็ช่วยปลดปล่อย หัวเมืองที่พวกโจรยึดครองไว้ได้ถึงสิบสี่สิบห้าหัวเมือง ทำให้อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเตียงสา และได้ปราบ คูเสง หัวหน้าโจรโพกผ้าเหลืองในเมืองนั้น ให้ราบคาบลงได้อีกกลุ่มหนึ่ง จึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าเมืองกังแฮ ซึ่งเป็นหัวเมืองเอกทางภาคใต้ใหญ่โตขึ้น

จนกระทั่งถึงแผ่นดิน พระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งตั๋งโต๊ะ เป็นมหาอุปราชได้กระทำการหยาบช้าต่าง ๆ นา ๆ โจโฉจึงตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ หนีออกจากเมืองหลวง ไปรวบรวมพลพรรคจากหัวเมืองในชนบท เพื่อกลับมาปราบปราม ซุนเกี๋ยนก็ได้พาทหารเข้าร่วมขบวนการด้วย และได้รับแต่งตั้งจาก อ้วนเสี้ยว แม่ทัพใหญ่ ให้เป็นแม่ทัพหน้าเข้าตีเมืองลกเอี๋ยง แม้จะไม่ได้ชัยชนะเด็ดขาด แต่ก็สามารถผลักดันให้ตั๋งโต๊ะต้องพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน และเผาเมืองลกเอี๋ยงเสียราบเรียบไป

ซุนเกี๋ยนก็ยกทัพหน้าเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองร้างนั้น และได้พบตราหยกติดอยู่กับศพของหญิงผู้หนึ่ง เป็นตราหยกสี่เหลี่ยมจตุรัสหน้าแปดนิ้ว ยอดเป็นรูปมังกรห้าตัวเกาะเกี่ยวกัน มีอักษรแกะไว้ว่า เทวดาประสิทธิ์ให้ ถ้าผู้ใดได้ไว้แล้วครองราชสมบัติ ก็จะจำเริญพระชันษาสืบไป ซึ่งใช้เป็นตราประจำตำแหน่งของฮ่องเต้มาตั้งแต่ พระเจ้าโซบูอ๋อง พระเจ้าฮั่นโกโจ พระเจ้าฮั่นกองบู๊ จนถึงพระเจ้าเลนเต้และพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว

ซุนเกี๋ยนเกิดความโลภคิดจะเก็บเอาไว้เป็นประโยชน์แก่ตนจึงขอลาอ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่ จะยกพลพรรคกลับบ้านเมือง โดยอ้างว่าป่วยจะไปรักษาตัว อ้วนเสี้ยวรู้ระแคะระคาย จึงดักคอว่า

"...เราทั้งปวงคิดกันมา หวังจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ซึ่งท่านได้ตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์ไว้ จงเอามาให้เราซึ่งเป็นนายทัพผู้ใหญ่ ถ้าสำเร็จราชการแล้ว จะได้ถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้เสวยราชสมบัติสืบไป ซึ่งท่านได้ตราไว้แล้วปิดเนื้อความเสียจะพาเอาไปนั้น ท่านคิดจะเอาราชสมบัติหรือ....."

ซุนเกี๋ยนจึงเอามือชี้ฟ้าแล้วสาบานว่า

"......ถ้าข้าพเจ้าได้ตราหยก ไว้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยสายฟ้า และอาวุธต่าง ๆ เถิด...."

อ้วนเสี้ยวก็เอาตัวทหารผู้เห็นเหตุการณ์มายืนยัน ซุนเกี๋ยนก็พาลจะฆ่าเสีย ทหารเอกของทั้งสองฝ่าย ต่างก็ชักกระบี่ออกประจันหน้ากัน ข้างละสองสามคน แม่ทัพหัวเมืองอื่น ๆ จึงเข้าห้ามปรามเสียทั้งสองฝ่าย และปล่อยให้ซุนเกี๋ยนยกทหารกลับไป

อ้วนเสี้ยวยังไม่ยอมแพ้ รีบแต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปถึง เล่าเปียว ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ให้คุมทหารออกสกัดรบชิงเอาตราหยกมาให้ได้ เล่าเปียวก็ยกกองทัพหมื่นหนึ่งมาดักซุนเกี๋ยนกลางทาง ซุนเกี๋ยนก็ไม่ยอมรับ และทวนสาบานซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

เล่าเปียวไม่เชื่อ ทั้งสองจึงรบปะทะกันอยู่พักใหญ่ แต่ก็ทำอะไรซุนเกี๋ยนไม่ได้ เพราะมีฝีมือแก่กล้าพอตัวจึงยกทหารผ่านไปถึงเมืองกังตั๋งได้สำเร็จ และคิดอาฆาตแค้นเล่าเปียวไว้ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมา อ้วนสุด ผู้น้องอ้วนเสี้ยว เกิดมีเรื่องโกรธเคืองกับพี่ชาย ก็ส่งหนังสือมาชวนซุนเกี๋ยน ให้ยกไปรบเล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋ว แล้วตนจะยกไปตีอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋วพร้อมกัน ซุนเกี๋ยนก็รีบตกลงทันที แม้ ซุนเจ้ง น้องชาย จะพาบุตรของซุนเกี๋ยนทั้งเจ็ดคนไปห้ามปราม ไม่ให้ยกกองทัพไปก็ไม่ฟัง บุตรชายคนโตซื่อ ซุนเซ็ก จึงขอไปรบด้วย ซุนเกี๋ยนก็ไม่ขัดข้อง ยอมพาไปกับกองทัพของตน

ซุนเกี๋ยนยกทัพเรือมาถึงปากน้ำเมืองฮวนเสีย ก็เจอกับ หองจอ พวก ของเล่าเปียวคุมทหารมาดักอยู่ แล้วกระหน่ำยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงสามวันสามคืน จนหมดลูกเกาทัณฑ์ไปสิบห้าหมื่นดอก ซุนเกี๋ยนก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด กลับให้ทหารเก็บเอาลูกเกาทัณฑ์ที่ปักติดเรือรบทั้งหมด ไว้ใช้ประโยชน์ต่อไปเสียอีก แล้วยกทัพตามหองจอ ซึ่งหนีออกจากเมืองฮวนเสีย ไปถึงเมืองเตงเซีย ก็เจอทหารของหองจอสองคนคือ เตียวเฮา กับ ตันเสง ตั้งทัพยันไว้

ซุนเกี๋ยนก็ให้ทหารเอกของตนเข้ารบด้วย ประมาณสามสิบเพลง ซุนเซ็กลูกชายซุนเกี๋ยนก็ยิงเกาทัณฑ์ถูกตันเสงตกม้าตาย เตียวเฮามัวตกตลึงที่เพื่อนตาย เลยเสียทีถูกฟันด้วยง้าวตายตามไปอีกคน หองจอก็แตกหนีเตลิดไปถึงเมืองเกงจิ๋ว ขอให้เล่าเปียวช่วย

ฝ่ายเล่าเปียวไม่กล้าออกมาสู้กะว่าจะตั้งยันอยู่ในเมือง แต่ ชัวมอ ซึ่งเป็นน้องภรรยา อาสาออกรบโดยไปตั้งอยู่ที่เขาฮีสัน แต่ก็สู้ซุนเกี๋ยนไม่ไหว ต้องแตกกลับเข้าเมืองอีก ซุนเกี๋ยนจึงยกทหารเข้าล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ แล้วเตรียมจะทำลายกำแพงเมืองตีหักให้รู้แพ้ชนะกันไปเลย

วันต่อมาก็เกิดพายุใหญ่ พัดเอาธงชัยสำหรับกองทัพของซุนเกี๋ยนหักสบั้น พอตกค่ำก็เกิดมีดาวตก เป็นลางไม่ดีสำหรับซุนเกี๋ยน ซึ่งทางฝ่ายเล่าเปียวก็รู้เหมือนกัน จึงให้ ลีก๋ง คุมทหารห้าร้อยคนตีแหวกออกจากเมืองในขณะที่เดือนมืด เอาทหารขึ้นไปซุ่มอยู่บนเขาฮีสันสองด้านสองร้อยคน ตนเองกับทหารสามร้อยคน จะแยกไปขอกองทัพจากอ้วนเสี้ยวให้มาช่วย

ซุนเกี๋ยนรู้เรื่องก็คุมทหารคนสนิทเพียงสามสิบม้าไล่ตามลีก๋งไป รบกันได้แค่ห้าเพลง ลีก๋งก็ทำเป็นหนีเข้าไปทางซอกเขาฮีสัน พอซุนเกี๋ยนตามเข้าไป ทหารที่อยู่ข้างบน ก็ยิงเกาทัณฑ์และทุ่มก้อนหินลงมาดังห่าฝน ถูกซุนเกี๋ยนและม้าล้มกลิ้งลงกลางซอกเขา เลยถูกระดมทุ่มด้วยก้อนหิน จนตายคาที่อยู่ตรงนั้นเอง

ลีก๋งก็หันมาฆ่าทหารที่ติดตามทั้งสามสิบคนตายเกลี้ยง แล้วจุดประทัดให้เป็นสัญญาณขึ้นสามนัด ทหารของเล่าเปียวในเมืองก็ออกมาตีค่ายของซุนเกี๋ยน จนแตกตื่นล้มตายลงไปเป็นอันมาก ทางกองทัพเรือได้ยินเสียงก็คุมทหารมาช่วย จับหองจอได้และฆ่าลีก๋งตาย แต่ก็สายเสียแล้ว ทหารของเล่าเปียวขุดเอาศพซุนเกี๋ยน เข้าไปไว้ในเมืองได้เสียก่อน

ซุนเซ็กซึ่งเข้ารบชุลมุนอยู่ด้วย ก็ถอยไปอยู่ที่ตำบลฮั่นซุย และเพิ่งรู้ว่บิดาถึงแก่ความตายที่กลางสมรภูมิซอกเขาฮีสัน แต่ศพนั้นถูกยึดไปเก็บไว้ในเมือง จึงขอเจรจาแลกตัวกับหองจอซึ่งเป็นเชลย ที่ปรึกษาของเล่าเปียวเสนอว่า ซุนเซ็กลูกซุนเกี๋ยนนั้นยังอ่อนความคิดอยู่ และเวลานี้ทหารทั้งปวงก็กำลังย่อท้อยำเกรงฝีมือเล่าเปียวอยู่ ไม่ควรที่จะยอมคืนศพ แต่ควรจะรีบยกเข้าตีกองทัพของซุนเซ็ก ให้พ่ายแพ้ไปโดยเด็ดขาดจะดีกว่า

แต่เล่าเปียวไม่เห็นด้วย เพราะถ้าทำดังนั้นก็จะเป็นการฆ่าหองจอ ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ รักใคร่ไว้ใจกันมานาน ในทางอ้อม จึงจำต้องยอมแลกเปลี่ยนคนตายกับคนเป็น ตามข้อเสนอของฝ่ายตรงข้าม ซุนเซ็กจึงเลิกทัพนำศพบิดาไปฝังไว้ที่ตำบลขยกโอ๋ แขวงเมืองกังตั๋ง

ซุนเกี๋ยน ซึ่งประสบชตากรรมตามคำสาบาน เมื่ออายุเพียงสามสิบปีนั้นมีบุตรทั้งหมดเจ็ดคนด้วยกัน เกิดจากภรรยาคนโตชื่อ นางงอฮูหยิน คือ ซุนเซ็ก ซุนกวน ซุนเสียง ซุนของ จากภรรยาคนรองซึ่งเป็นน้องสาวท้องเดียวกับภรรยาใหญ่ คือ ซุนลอง และซุนหยิน ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียว กับมีบุตรเลี้ยงชื่อ กองเล แถมอีกคนหนึ่ง

ซุนเซ็กซึ่งเป็นพี่ชายคนหัวปี จึงได้เป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋ง สืบมรดกของบิดาต่อไปตามธรรมเนียม ตั้งแต่บัดนั้น.

##########




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2558    
Last Update : 28 ตุลาคม 2558 5:00:16 น.
Counter : 737 Pageviews.  

๖.ผู้เปิดสารบบนักรบให้ทหารเลว

ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

ผู้เปิดสารบบนักรบให้ทหารเลว

"เล่าเซี่ยงชุน"

อันว่าวรรณคดีอมตะเรื่องสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) นั้นรายชื่อตัวเอกในเรื่อง มีมากมาย แต่น่าแปลกที่นักรบคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้มีฝีมือเก่งกล้าฉกาจฉกรรจ์ยิ่ง กลับไม่มีชื่อ ถ้าจะว่าเป็นพวกที่จัดอยู่ในประเภทลิ่วล้อก็ไม่ใช่ลิ่วล้อชั้นเลวที่ออกไปรบได้สามเพลงก็ตกม้าตายพรรค์นั้น เราลองมาดูฝีมือของเขาบ้างเป็นไร

สมัยเมื่อโจโฉหนี ตั๋งโต๊ะ ออกจากลกเอี๋ยงเมืองหลวง ไปรวบรวมผู้คนเข้าเป็นขบวนการกู้ชาติให้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ พ้นจากเงื้อมมือของมหาอุปราชผู้หยาบช้าน่าชังคนนั้น ก็มีสมัครพรรคพวกเข้ามาร่วมอุดมการณ์ด้วยกันถึงสิบเจ็ดหัวเมือง ทั้งหมดได้ประชุมพร้อมใจกันยกให้ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองปุดไฮเป็นแม่ทัพใหญ่ ยกพหลพลไกรของสัมพันธมิตรทั้งหมดร่วมยี่สิบหมื่น ไปทำศึกกับตั๋งโต๊ะ โดยให้ ซุนเกี๋ยน เป็นแม่ทัพหน้าเข้าตีด่านกิสุยก๋วนเป็นอันดับแรก

ครั้นนายด่านให้ม้าใช้ถือใบบอก ไปแจ้งข่าวแก่มหาอุปราชตั๋งโต๊ะก็วิตกว่าจะได้ใครเป็นแม่ทัพออกไปต่อสู้ ลิโป้ ลูกเลี้ยงซึ่งเป็นทหารเอกฝีมือเก่งกล้าก็ปลอบว่า พวกหัวเมืองที่ยกกันมานี้แม้จะดูว่ามาก แต่ก็เปรียบเสมือนแมลงเม่า จะบินมาเข้ากองเพลิง อย่าได้วิตกไปเลยจะขออาสายกกองทัพออกไปฆ่าเสียให้สิ้น

พอทหารชั้นลิ่วล้อคนหนึ่งได้ยินดังนั้นก็คุกเข้าลงคำนับแล้วว่า

"....ซึ่งจะฆ่าไก่และจะเอามีดฆ่าโคมาฆ่านั้นไม่สมควร ซึ่งการทั้งนี้เป็นแต่หัวเมืองทั้งปวงยกมา อันลิโป้ผู้บุตรท่าน จะยกออกไปรบด้วยข้าศึกนั้น เห็นไม่สมควร ข้าพเจ้าจะขออาสาไปตัดศีรษะ หัวเมืองทั้งปวงมาให้จงได้.."

ทหารผู้นี้สูงหกศอกเศษ มีกิริยาดั่งเสือ ชื่อของเขาคือ ฮัวหยง

ตั๋งโต๊ะจึงแต่งตั้งให้เป็นนายทหารใหญ่คุมพลห้าหมื่นพร้อมด้วยนายทหารรองอีกสามนาย ยกไปป้องกันกิสุยก๋วนทันที

ทางกองทัพหน้าของฝ่ายหัวเมืองไม่ค่อยจะกินเส้นกันเอง มีแต่อิจฉาตาร้อน กลัวผู้อื่นจะได้ดีกว่า ซุนเกี๋ยนแม่ทัพหน้ายังไม่ทันจะสั่งการแต่อย่างใด นายทหารใหญ่อีกคนหนึ่งชื่อ เปาสิ้น รีบส่งเปาต๋ง น้องชายของตน ยกทหารออกไปรบก่อน หวังจะเอาความดีความชอบก่อนใคร

ฮัวหยงไม่ได้รอช้ารีบคุมทหารเพียงห้าร้อยคนเปิดประตูค่ายออกไปปะทะทันที เพียงแค่ร้องตวาดคำเดียว เปาต๋งก็ถอดใจชักม้ากลับ ฮัวหยงเลยไล่ฟันด้วยง้าว ตกม้าตายโดยไม่ทันได้ต่อสู้เลย เป็นการประเดิมชัย

ซุนเกี๋ยนจึงออกรบ พร้อมด้วยทหารเอกสี่คน คือเทียเภา ถือทวนคู่มือ อุยกาย ถือกระบองเหล็ก โจเมา ถือกระบี่ ฮันต๋ง ถือง้าว คราวนี้ฮัวหยงประมาทฝีมือข้าศึก จึงให้ทหารรองออกไปรบ แต่สู้เทียเภาได้แค่เจ็ดเพลงก็ถูกแทงตกม้าตาย ถึงกระนั้นเทียเภาก็ยังตีหักเอาด่านไม่ได้ ต้องถอยมาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลเลียงต๋ง แล้วขอเสบียงอาหารจากกองหลวงมาเพิ่มเติม กะจะตรึงกันเป็นแรมเดือน แต่ก็โดน อ้วนสุด น้องชายของแม่ทัพใหญ่ ซึ่งเป็นแม่กองเสบียงเบี้ยว ไม่ยอมส่งเสบียงให้กลัวจะชนะเสียอีก ทหารของซุนเกี๋ยนจึงอิดโรยอ่อนกำลังลง

ฮัวหยงรู้ข่าวจึงแบ่งทหารออกเป็นสองกองยกเข้าตีค่ายซุนเกี๋ยนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อเวลาสองยามเศษเดือนมืดมาก ทหารในค่ายไม่รู้ใครเป็นใคร ก็แตกตื่นล้มตายลงเป็นอันมาก ซุนเกี๋ยนรีบแต่งตัวใส่เกราะ ขึ้นม้าควงง้าวเข้าไปรบรับกับฮัวหยงได้แค่แปดเพลง โจเมาเห็นท่าไม่ค่อยดีก็พาซุนเกี๋ยนตีฝ่าออกไปจากค่าย ฮัวหยงก็ควบม้าตามไปติด ๆ ซุนเกี๋ยนหันมายิงเกาทัณฑ์ต้านไว้จนคันเกาทัณฑ์หักคามือ ก็ยังไม่เลิกตาม และไม่ระคายผิวเลย โจเมาใจฝ่อหนักขึ้นไปอีก จึงเปลี่ยนหมวกกับซุนเกี๋ยน แล้วก็แยกหนีไปคนละทาง

ฮัวหยงกับทหารจำได้แต่หมวก ก็ไล่ตามหลังโจเมาไปทั้ง ๆ ที่มืดมองเห็นไม่ถนัด โจเมาเห็นว่าเข้าตาขับขัน จึงถอดหมวกสวมตอไม้ไว้ แล้วเผ่นหนีเข้าป่าไป ฝ่ายฮัวหยงกับทหารก็ล้อมยิงตอไม้ด้วยเกาทัณฑ์อยู่นาน เห็นว่าไม่กระดุกกระดิก ก็พากันเข้าไปดู จึงได้รู้ว่าหลงกลข้าศึก

ฝ่ายโจเมาเห็นฮัวหยงเสียท่า ก็หวนกลับมาจะฆ่าให้ถนัดตอนเผลอ พอดีฮัวหยงเหลือบเห็นเสียก่อน เลยฟันด้วยง้าวตัวขาดสองท่อนเท่งทึงไปเป็นรายที่สอง

พอทัพหน้าแตกยับเยินไปแล้ว ฮัวหยงก็รุกคืบหน้าเข้าไปถึงค่ายทัพหลวงของอ้วนเสี้ยวร้องด่าท้าทายต่าง ๆ นา ๆ พร้อมกับเอาไม้เสียบหมวกของซุนเกี๋ยนเยาะเย้ยเสียอีกด้วย อ้วนเสี้ยวทนไม่ได้จึงส่ง ยูสิด ออกไปรบ ฮัวหยงรำง้าวได้สามเพลงก็ฟันยูสิดตกม้าตายเป็นรายที่สาม

ต่อไปกองทัพกู้ชาติก็ส่ง หัวหอง ซึ่งถือขวานใหญ่เบ้อเร่อ ออกไปประฝีมือกับฮัวหยงอีกคน ก็ไม่เกินสามเพลงเหมือนกัน ตกม้าตายเป็นรายสุดท้าย

คราวนี้อ้วนเสี้ยวชักขยาด เข้าไปปรารภในที่ประชุมแม่ทัพบ้านนอก ว่าทหารเอกของเรายังมีอีกสองคน แต่ยังมาไม่ถึง ไม่งั้นไม่ต้องกลัวอะไรกับฮัวหยง ว่าแต่ตอนนี้จะได้ใครออกไปรบเป็นคนต่อไป

ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งของ กองซุนจ้าน จึงยกมือขออาสา อ้วนเสี้ยวถามว่าเจ้าคนที่อาสานั้นเป็นทหารตำแหน่งใด กองซุนจ้านบอกว่าเป็นทหารม้าถือเกาทัณฑ์ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธจนหนวดสั่น หาว่าเป็นแต่ทหารเลวแล้ว บังอาจดูหมิ่นฝีมือนายทัพนายกองในที่นี้อวดดีขออาสาโดยไม่เจียมตัว ในกองทัพทั้งสิบเจ็ดหัวเมืองนี้ ยังมีนายทหารอีกมากพอที่จะทำศึกต่อไปได้ ไม่ต้องถึงขั้นใช้พลทหารเป็นนายทัพหรอก ว่าแล้วก็ไล่ไปให้พ้นหน้า

โจโฉ เป็นผู้เห็นการณ์ไกลจึงประนีประนอมว่าท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งโกรธ อันทหารที่ชื่อ กวนอู ผู้นี้ ท่วงทีจะมีฝีมือกล้าหาญอยู่ น่าจะปล่อยให้แสดงความสามารถดูก่อน ถ้าออกไปรบแล้วไม่สมปากว่าก็ควรเอาโทษถึงตาย ถ้าชนะก็ดีไป อ้วนเสี้ยวแย้งว่า ถ้าขืนเอาทหารเลวออกไปรบ ฮัวหยงก็จะหัวเราะเยาะเล่นได้ ว่าในกองทัพของเราไม่มีทหารเอกแล้ว โจโฉก็อ้อนวอนต่อไปว่า ดูรูปร่างของกวนอูนี้ก็ใหญ่โตคมสันอยู่ คือสูงได้ประมาณหกศอกเศษ หน้าแดงดังผลพุดทราสุก ปากแดงดังชาดแต้ม คิ้วดังตัวไหมจักษุยาวดังนกการะเวก ถือง้าวยาวสิบเอ็ดศอกหนักถึงแปดสิบสองชั่ง เห็นท่าทางจะสมเป็นทหารเอก ฮัวหยงจะรู้ได้อย่างไร กวนอูจึงย้ำว่า ถ้าออกไปครั้งนี้ทำงานไม่สำเร็จไม่ได้ศีรษะฮัวหยงมา ก็ขอแลกด้วยศีรษะตนเอง

อ้วนเสี้ยวเห็นว่าไม่มีทางขาดทุน จึงยอมจัดทหารให้กวนอูออกไปรบได้ โจโฉซึ่งเป็นคนลุ้นอยู่ ก็รินสุราใส่จอกยื่นให้กวนอูเป็นการยกย่องเอาใจตามหลักจิตวิทยาการครองใจคน กวนอูคำนับด้วยความเคารพแล้วว่าตนเองเป็นเพียงทหารเลว ท่านเป็นถึงรองแม่ทัพใหญ่ ซึ่งจะให้สุรากินนั้นเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ของดไว้ก่อน เมื่อได้ศีรษะฮัวหยงมาแล้วนั่นแหละ จึงจะมีศักดิ์ศรีพอจะรับสุราของท่านได้ ว่าแล้วก็ขึ้นม้าถือง้าวยาวสองเท่าตัว นำทหารออกไปรบ

ความจริงการรบครั้งนี้น่าจะมีรายละเอียด เกี่ยวกับฝีไม้ลายมือของทั้งสองฝ่ายบันทึกเอาไว้บ้าง แต่ไม่ทราบว่าท่านผู้แต่ง สามก๊ก ฉบับภาษาจีน ลำเอียง หรือตั้งใจจะยกย่องกวนอูจนเกินเหตุไปหน่อย จึงไม่กล่าวถึงฮัวหยงซึ่งเคยแสดงฝีมือ ให้เห็นประจักษ์มาแล้วบ้างเลยแม้แต่น้อย คงมีที่ท่านว่าไว้เพียงสั้น ๆ ไม่กี่บรรทัด ดังน

"....ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้น ได้ยินเสียงกลองและม้าล่อดังอื้ออึงก็ชวนกันออกไปดู กวนอูรบกับฮัวหยง ครั้นออกไปถึงประตูค่ายก็เห็นกวนอูหิ้วเอาศีรษะฮัวหยงกลับมาทิ้งไว้ตรงหน้าค่าย นายทัพทั้งปวงเห็นก็ดีใจจึงพากวนอูเข้าไปในค่าย โจโฉจึงเอาจอกสุรานั้นมาคำนับส่งให้กวนอู ๆ คำนับตอบแล้วรับจอกสุรานั้นมากินสุรานั้นยังอุ่นอยู่...."

ชีวิตของ ฮัวหยง ลิ่วล้อชั้นดี ก็สิ้นสุดลงอย่างง่ายดาย เป็นเครื่องเซ่นคมง้าวของ กวนอู ซึ่งเป็นพลทหารเลวคนหนึ่งเช่นกัน ในเวลาเพียงแค่สุราในจอกยังไม่ทันเย็นเลย

และตั้งแต่บัดนั้นมา ชีวิตของกวนอูทหารม้าถือเกาทัณฑ์ก็ก้าวหน้ารุ่งโรจน์เป็นทหารเอกที่มีชื่อเสียงของ สามก๊ก ต่อไปอีกนานถึงสามสิบปี จนอายุได้ห้าสิบแปดปีจึงต้องตายอย่างน่าอนาถเช่นเดียวกัน

แต่ยังดีที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น...เทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อ...มาจนถึงทุกวันนี้

ตรงกันข้ามกับ ฮัวหยง พระเอกระดับลิ่วล้อของเรา ซึ่งตายแล้วก็ดับสูญสิ้นชื่อไปเลย.


##########




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2558    
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 18:55:32 น.
Counter : 580 Pageviews.  

ทำคุณบูชาโทษ (๕)

ลิ่วล้อเล่าเรื่ิองสามก๊ก

ผู้ทำคุณบูชาโทษ

ตอนที่ ๕ มีนายผิดคิดจนตัวตาย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตันก๋งได้เป็นที่ปรึกษาของลิโป้ อยู่ที่เมืองชีจิ๋วต่อมาอีกเป็นเวลานาน โดยไม่มีภัยมาแผ้วพาน เพราะโจโฉมัวไปรบทางอื่นเสีย ลิโป้ก็เลยชักจะหลงระเริงมัวเมาอยู่ในความสุข ปล่อยให้ตันกุ๋ยกับตันเต๋งที่ปรึกษาสองพ่อลูก ยกยอปอปั้นจนลืมตัว ตันก๋งผู้ซื่อสัตย์ก็เตือนว่า อย่าไปหลงคารมของสองพ่อลูกนั้นให้มากเกินไปนัก เพราะดีแต่ปากส่วนใจนั้นคอยคิดร้ายอยู่เสมอ ขอให้ระวังตัวไว้ให้ดี ลิโป้กลับเห็นว่าตันก๋งอิจฉาริษยา เพราะสองคนนั้นได้ดีกว่าตน ตันก๋งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ต้องปลีกตัวออกมานอนอยู่บ้านเสีย เพราะความคิดของนายชักจะแปรปรวนไปทุกวัน จะทิ้งไปอยู่ที่อื่นก็ไม่รู้จะไปข้างไหน ได้แต่วิตกทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว อาศัยได้พักผ่อนด้วยการไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่านอกเมือง

ส่วนเมืองเสียวพ่ายที่ลิโป้ชิงมาจากเล่าปี่ได้นั้น ก็ให้โกซุ่นอยู่รักษาเอาไว้ แต่ต่อมาเล่าปี่ซึ่งหนีไปพึ่งโจโฉ และได้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว ต่อมาทำความชอบแก่โจโฉ จึงได้กลับมาอยู่ที่เมืองเสียวพ่ายตามเดิม โดยโจโฉเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้เลิกผูกพยาบาทเล่าปี่เสีย จงปรองดองกันเถิด ลิโป้ก็เชื่อคำโจโฉ แต่ที่แท้โจโฉบอกกับเล่าปี่ว่า เมื่อไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแล้ว จงคิดอ่านกับตันกุ๋ยและตันเต๋ง หาทางกำจัดลิโป้ให้สำเร็จ

วันหนึ่งตันก๋งไปล่าสัตว์ในป่า เจอม้าใช้ของโจโฉควบม้าออกมาจากเมืองเสียวพ่าย จึงให้ทหารของตนจับตัวมาสอบอสวน เมื่อเอาตัวทหารของโจโฉมาให้ลิโป้ ก็พบหนังสือลับจากเล่าปี่ถึงโจโฉซุกซ่อนอยู่ มีความว่า ที่มหาอุปราชให้คิดกำจัดลิโป้เสียนั้น ยังทำไม่ได้เพราะมีกำลังน้อย ขอให้โจโฉยกทัพมาเองจะได้ช่วยกัน ลิโป้รู้ว่าโจโฉกับเล่าปี่คบคิดกันทำร้ายตนก่อน ก็ให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยว ยกทหารไปตีเมืองเสียวพ่าย อีกพวกหนึ่งให้ยกไปทางตะวันตกเพื่อตีเมืองยี่เอ๋ง ตันก๋งนั้นให้ยกทหารไปเกลี้ยกล่อมพวกโจรที่เขาไทสัน เมื่อได้ไพร่พลเพิ่มขึ้นแล้ว ให้ยกไปทางตะวันออก ลุยดะไปให้ถึงเมืองกุนจิ๋ว

ทางเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยจัดกำลังตั้งรับ แล้วมีหนังสือไปขอให้โจโฉยกทัพมาช่วย เตียวเลี้ยวก็ได้แต่ล้อมเมืองไว้ จนทหารของโจโฉที่ยกมาช่วยเล่าปี่ ปะทะกับทหารของลิโป้ที่ยกมาช่วยพวกของตนเหมือนกัน เลยเกิดเป็นศึกใหญ่ผลัดกันรุกผลัดกันถอย จน ลิโป้ต้องลงมือแสดงเอง ตีเอากวนอูเตียวหุยแตกกระจาย พลัดกับเล่าปี่ไปคนละทาง

ฝ่ายตันก๋งนั้นเกลี้ยกล่อมพวกโจรที่เขาไทสัน ได้ตัวนายมาสี่คนกับไพร่พลอีกมาก ก็ยกไปตีหัวเมืองรายทางด้านตะวันออกเรื่อยไป จนยึดด่านเสียวก๋วนซึ่งอยู่ชายแดนด้านตะวันออกไว้ได้ โจโฉจึงยกทหารตามไปแก้ไข พวกนายโจรทั้งสี่ก็สู้รบต้านทานไว้เป็นสามารถ แต่สู้ฝีมือเคาทู ทหารเอกของโจโฉไม่ได้ ต้องกลับเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในด่าน ให้โจโฉล้อมไว้

ลิโป้ซึ่งยึดเมืองเสียวพ่ายได้แล้ว ให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวรักษาไว้ ตนเองกลับมาเมืองชีจิ๋ว เมื่อรู้ข่าวว่าตันก๋งถูกล้อมอยู่ที่ด่านเสียวก๋วน ก็ตั้งให้ตันกุ๋ยผู้พ่ออยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว ตนเองเอาตันเต๋งผู้ลูกไปในกองทัพ ที่จะยกไปช่วยตันก๋ง ก่อนออกเดินทางตันเต๋งก็ทำอุบายให้ลิโป้แบ่งทหารเอาครอบครัวกับเสบียง ไปตั้งอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ถ้าพลาดพลั้งอย่างไรก็จะได้ไปอาศัยอยู่ ลิโป้ก็เชื่อเพราะเป็นห่วงครอบครัวอยู่เหมือนกัน

พอยกพลมาได้ครึ่งทาง ตันเต๋งก็แนะนำให้หยุดพักกองทัพไว้ก่อน ตนจะไปสืบข่าวดูลาดเลาทางกองทัพโจโฉให้รู้เรื่องราว ลิโป้ก็เชื่ออีก ตันเต๋งก็เข้าไปหาตันก๋งในด่าน บอกว่าที่พวกโจรเสียทีโจโฉ แตกถอยเข้ามารักษาด่านนี้ ลิโป้โกรธมากจะเอาโทษนายทัพ แต่ตันก๋งไม่ได้ห่วงตนเอง กลับสั่งตันเต๋งให้ไปบอกลิโป้ว่า ศึกครั้งหนักนัก ให้รีบถอยไปรักษาเมืองชีจิ๋วเอาไว้ให้ดี

ตกค่ำตันเต๋งก็ขึ้นไปบนเชิงเทิน เขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ ยิงไปตกในกองทัพโจโฉที่ตั้งค่ายประชิดอยู่ บอกว่าจะอาสาเป็นไส้ศึกอยู่ในด่าน ถ้าจุดเพลิงขึ้นให้เข้าตีด่าน จะช่วยให้สำเร็จ

แล้ววันรุ่งขึ้นก็กลับมาหาลิโป้ บอกว่าพวกโจรที่รักษาค่ายอยู่นั้น ทำท่าจะเป็นใจกับโจโฉหมดแล้ว ให้รีบยกไปช่วย ลิโป้ก็บอกให้ตันเต๋งไปก่อน แล้วนัดตันก๋งว่าจะไปช่วยคืนนี้ ให้เปิดประตูรับด้วย

ตันเต๋งก็ย้อนมาหาตันก๋งอีกบอกว่า ลิโป้สั่งว่าโจโฉยกมามาก ด่านนี้ไม่สำคัญให้ยกกลับไปเมืองชีจิ๋ว ช่วยลิโป้ป้องกันเมือง ตันก๋งก็ลืมไปว่าตันเต๋งนั้นเป็นอริกับตนอยู่ ก็พลอยหลงเชื่อไปด้วย รีบคุมทหารออกจากด่านไปในตอนค่ำโดยไม่บอกใคร

ตันเต๋งก็ลอบจุดเพลิงขึ้นตามที่นัดหมายกับโจโฉไว้ ลิโป้เห็นแสงเพลิงคิดว่าตันก๋งส่งสัญญาณ ก็ยกทหารจะเข้าไปในค่าย สวนกับตันก๋งและทหารในความมืด ทั้งสองฝ่ายคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นทหารของโจโฉ จึงเข้าสู้รบฆ่าฟันกัน ล้มตายลงเป็นอันมาก

ส่วนโจโฉกลับยกมาอีกทางหนึ่ง นายโจรทั้งสี่ก็ต่อต้านจนสุดกำลังแต่ทานไม่ไหว โจโฉก็พาทหารเข้าค่ายได้ พวกโจรก็หนีกระจัดกระจายตัวใครตัวมัน

ในระหว่างที่รบกันชุลมุนนั้น ตันเต๋งก็ออกจากด่านเสียวก๋วน ไปหา โกซุ่นกับ เตียวเลี้ยวที่เมืองเสียวพ่าย แจ้งว่าเมื่อวานนี้โจโฉล้อมลิโป้ไว้เห็นจะสู้ไม่ได้ จึงให้ตนรีบมาหาให้ยกทหารไปช่วย ทั้งสองนายก็ตกใจสำคัญว่าจริง ก็ยกออกจากเมืองเสียวพ่ายมุ่งไปช่วยลิโป้ ตันเต๋งจึงออกไปพาทหารโจโฉเข้ามายึดเมืองเสียวพ่ายได้อย่างง่ายดาย

จนรุ่งเช้าลิโป้กับตันก๋งจึงเห็นหน้ากัน และรู้ว่าถูกหลอกให้รบกันเอง ด้วยฝีปากของตันเต๋ง จึงรีบยกทหารที่เหลือกลับเมืองชีจิ๋ว แต่ประตูเมืองไม่ยอมเปิด บิต๊กลูกน้องของเล่าปี่โผล่ออกมาบนเชิงเทินบอกว่า เมืองชีจิ๋วเป็นของเล่าปี่นายตน บัดนี้จะเอาคืนให้เล่าปี่แล้ว ลิโป้ยังมีแก่ใจถามว่าตันกุ๋ยซึ่งสั่งให้รักษาเมืองไปอยู่เสียที่ไหนเล่า บิต๊กบอกว่าถูกฆ่าตายไปแล้ว ลิโป้หันมาถามตันก๋งว่า ตันเต๋งลูกชายตันกุ๋ยมาด้วยหรือเปล่า ตันก๋งก็บอกว่ามันเป็นศัตรูหลอกลวงเราถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะรออยู่ให้เห็นหน้าอีกหรือ ลิโป้จึงได้สติแลเห็นความทรยศของสองพ่อลูก ดังที่ ตันก๋งได้เคยเตือนไว้แล้ว

ลิโป้กับตันก๋งก็ยกทหารกลับไปเมืองเสียวพ่าย มาได้กลางทางก็พบโกซุ่นกับเตียวเลี้ยว ลิโป้ก็ว่าตนใช้ให้เฝ้ารักษาเมืองเสียวพ่าย เหตุใดจึงทิ้งเมืองมา ทั้งสองก็ว่าถูกอุบายตันเต๋งล่อลวงให้มาช่วยลิโป้ และขอยอมรับผิดที่ทิ้งเมืองมา ตันก๋งจึงว่าซึ่งตันเต๋งคิดร้ายเราดังนี้ จะทำประการใด ลิโป้ก็ว่าอย่าวิตกเลย ตนจะจัดการกับมันเอง แล้วทั้งสี่นายก็ยกพลกลับไปเมืองเสียวพ่าย แต่ตันเต๋งไม่เปิดประตูให้ ลิโป้ก็ควบม้าเข้าไปถึงเชิงกำแพง ร้องด่าตันเต๋งว่า

“……….ตัวมึงสองคนพ่อลูก กูรักใคร่ตั้งให้เป็นขุนนาง บัดนี้มึงทรยศต่อกู กูจะตัดศรีษะมึงเสียให้ได้…….”

ตันเต๋งก็ตอบว่า

“……..ตัวอย่าโอหังเจรจา เราเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ต่างหาก เมื่อครั้งอ้วนสุดยกมาตีเมืองชีจิ๋วนั้น ก็เพราะความคิดของเรากับบิดาเรา ตัวจึงรอดจากความตาย บัดนี้กลับมาว่าเราทรยศอีกเล่า…….”

ลิโป้ก็โกรธขับทหารเข้าตีหักเอาเมืองเสียวพ่าย แต่ไม่สำเร็จเพราะเตียวหุยกับกวนอู ที่แตกหนีไปคราวก่อน รวบรวมกำลังพลกลับมาช่วยตันเต๋ง ลิโป้เสียกำลังมาหลายครั้งก็ไม่สามารถจะต่อสู้ได้ จึงต้องพาพรรคพวกไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ ตามแผนการของตันเต๋งจนได้ โจโฉก็ยกกองทัพเข้าล้อมเมืองแหฝือไว้

ลิโป้นั้นเห็นว่าเมืองแห้ฝือ มีเสบียงอาหารบริบูรณ์ คูเมืองก็กว้างและลึก เมื่อโจโฉยกมาล้อมก็ไม่ออกไปสู้รบด้วย คงรักษาเชิงเทินไว้แน่นหนา ตันก๋งจึงบอกแก่ลิโป้ว่า

“………บัดนี้โจโฉยกทัพมายังมิได้ตั้งมั่น เป็นไฉนท่านจึงนิ่งอยู่ ไม่คิดอ่านที่จะยกออกรบกับโจโฉ แม้โจโฉตั้งมั่นแล้ว เห็นเราจะทำการยาก……..”

ลิโป้ก็ว่าเราทำศึกกับโจโฉเสียทีมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้จะขอตั้งมั่นอยู่แต่ในเมือง คอยให้โจโฉเข้ามาถึงกำแพงเมือง จึงค่อยออกรบ

โจโฉก็ขึ้นม้าเข้ามาใกล้กำแพงเมือง แล้วเกลี้ยกล่อมลิโป้ว่า เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเป็นขบถ ลิโป้ได้คิดอ่านฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย มีความชอบต่อแผ่นดินเป็นอันมาก คราวนี้มาคบคิดกับอ้วนสุด ซึ่งเป็นขบถต่อแผ่นดิน กิตติศัพท์รู้ถึงฮ่องเต้ จึงให้ตนออกมาปราบปราม แม้ว่าไม่ได้คบคิดกับ อ้วนสุด และยังมีน้ำใจซื่อตรงต่อแผ่นดินอยู่ ให้ยอมมอบตัวเสียโดยดี

ลิโป้ก็ชักเสียงอ่อนลง จะขอปรึกษาพรรคพวกก่อน ตันก๋งซึ่งยืนอยู่ใกล้ลิโป้ได้ยินดังนั้น ด้วยใจที่เกลียดชังโจโฉ ไม่อยากให้ลิโป้กลับใจไปปรองดองกับโจโฉ จึงยิงเกาทัณฑ์ลงไปถูกพู่หมวกโจโฉเป็นการขู่ขวัญ โจโฉมองเห็นเพื่อนเก่าอยู่กับฝ่ายตรงข้าม จึงร้องประกาศว่า กูจะฆ่ามึงเสียให้หายความแค้น แล้วก็ชักม้ากลับไม่ยอมเจรจาด้วยดีอีกต่อไป

ตันก๋งก็แนะนำลิโป้ว่า

“………โจโฉยกมาจากเมืองฮูโต๋ช้านานแล้ว เห็นทหารจะอิดโรย ขอให้ท่านแบ่งทหารออกไปตั้งอยู่นอกเมือง ข้าพเจ้าจะคุมทหารอยู่รักษาเมือง แม้โฉยกเข้าตีเมือง ท่านจงยกเข้ากระหนาบหลังโจโฉ ข้าพเจ้าจะต้านหน้าไว้ ถ้าโจโฉจะรบกับท่าน ข้าพเจ้าจะยกทหารออกรบหลังโจโฉ แม้คิดเป็นกลล่อไว้ฉะนี้ โจโฉก็จะพะว้าพะวัง สิ้นเสบียงอาหารแล้ว ก็จะเสียทีเรา…….”

ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงจัดแจงทหารไว้พร้อมแล้ว ก็เข้าไปหานางเหงียมซีภรรยาใหญ่ แจ้งเนื้อความให้ฟัง นางก็ร้องไห้ขอร้องอย่าทิ้งเมืองออกไปเลย ลิโป้ก็สงสารเมียจึงเลิกล้มความคิดของตันก๋งเสีย และไม่ออกว่าราชการถึงสามวัน ตันก๋งก็เข้ามาเตือนว่า

“…….บัดนี้โจโฉยกทหารรุกเข้ามาถึงเชิงกำแพง เป็นไฉนท่านมานิ่งอยู่ฉะนี้ เมืองมิเสียแก่โจโฉหรือ……”

ลิโป้ก็ว่าไม่เอาแล้ว อยู่ในเมืองดีกว่า ตันก๋งก็เปลี่ยนแผนใหม่ ว่า

“…….ข้าพเจ้าได้กิตติศัพท์ว่า เสบียงอาหารในกองทัพโจโฉเบาบางลงแล้ว บัดนี้โจโฉให้ทหารกลับไปเอาเสบียง ณ เมืองฮูโต๋ ขอให้ท่านยกไปสกัดชิงเสบียง โจโฉเห็นจะเสียทีแก่เรา…..”

ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย แต่พอเข้าไปปรึกษาภรรยา นางก็ห้ามปรามอีก ลิโป้ก็สงสารนางเป็นกำลัง ไม่รู้จะคิดอ่านผ่อนปรนประการใด จึงไปหานางเตียวเสียนภรรยาน้อย ที่แย่งชิงเอามาจากตั๋งโต๊ะ นางก็วิงวอนห้ามปรามอย่างเดียวกัน ลิโป้ก็ออกมาบอกกับตันก๋งว่า โจโฉอาจจะทำกลลวงก็ได้ ขืนออกไปก็เห็นจะเสียทีโจโฉ

ตันก๋งก็หมดปัญญาที่จะแนะนำต่อไปอีก ได้แต่ปรารภกับนายทัพนายกองทั้งปวงว่า ตัวเราทั้งหลายทุกวันนี้เห็นจะถึงแก่ความตายสิ้น เพราะลิโป้คิดการผิดพลาดไปเสียแล้ว

ตั้งแต่นั้นมาลิโป้ก็ขลุกอยู่แต่ภรรยาทั้งสอง เสพสุราทุกวันหวังจะให้คลายทุกข์ เพราะเหลือแต่ตัวคนเดียวแล้ว นอกนั้นเป็นศัตรูหมด ให้ทหารไปติดต่อขอยกลูกสาวให้อ้วนสุด เป็นไมตรีดังเดิม อ้วนสุดก็ไม่เอาด้วย แม้เจ้าเมืองโห้ลายซึ่งเป็นพวกลิโป้ จะยกทหารมาช่วยก็ถูกลูกน้องฆ่าตายเสียก่อนที่จะยกมา

โจโฉล้อมเมืองแห้ฝือไว้ถึงสองเดือน ลิโป้ก็ไม่ยอมออกไปสู้รบ คงเสพสุราทุกวันมิได้ขาด แต่ก็รักษาเชิงเทินไว้มั่นคง ข้าศึกตีหักเข้ามามิได้ โจโฉจึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ให้ทหารไปทดน้ำในแม่น้ำแห้ฝือ ซึ่งไหลผ่านทางด้านตะวันตกของเมือง ขณะนั้นเป็นฤดูน้ำหลาก แล้วกั้นทำนบให้น้ำไหลบ่าเข้ามืองทางเดียว น้ำก็ท่วมเมืองมากขึ้น ใครจะมาบอกลิโป้ก็ไม่ฟัง คงเสพสุราจนหมดสง่าราศรี พอภรรยาเอากระจกมาส่องให้ดูหน้า ลิโป้ซึ่งเดิมเป็นชายรูปงาม เห็นหน้าตาตนเองเศร้าหมองแล้วก็เกิดกลับใจ เลิกเสพสุราและออกประกาศห้ามทหารทั้งปวงไม่ให้กินสุรา ใครฝ่าฝืนจะถูกตัดศรีษะ

เผอิญนายทหารผู้หนึ่งชื่อเฮาเสง มีความดีความชอบ ในการจับผู้ร้ายลักม้าได้ เพื่อนฝูงมาเยี่ยมแสดงความยินดี เฮาเสงอยากจะเอาใจเพื่อน จึงไปขออนุญาตลิโป้ขอเลี้ยงสุราเพื่อน ลิโป้ก็โกรธให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แต่ซงเหียนกับงุยซก ซึ่งเป็นที่ปรึกษาขอโทษไว้ จึงให้โบยห้าสิบที ทหารทั้งปวงก็เสียใจว่าลิโป้ไม่รักทหาร เชื่อฟังแต่ภรรยา จึงคิดเอาใจออกห่าง เพื่อให้เอาตัวรอดเป็นจำนวนมาก

เฮาเสงจึงลักเอาม้าเซ็กเธาว์ ซึ่งเป็นม้าชั้นดีสูงสี่ศอกเศษ ขนแดงดังถ่านเพลิงทั่วตัว มีฝีเท้าเดินทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ขึ้นเขาหรือข้ามน้ำก็เหมือนเดินในที่ราบ ซึ่งลิโป้ได้เป็นของกำนัลจากตั๋งโต๊ะ เมื่อคราวฆ่าเต๊งหงวนพ่อเลี้ยงคนแรก และใช้ออกศึกสงครามคู่ขามาเป็นเวลานาน เอาไปให้โจโฉเป็นการตัดกำลังก่อน โจโฉก็ทำหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมืองว่า บัดนี้ลิโป้สิ้นอำนาจแล้ว ผู้ใดจับตัวส่งให้โจโฉได้จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แล้วก็ยกทหารเข้าทำลายประตูเมือง และปีนกำแพงเมืองเข้าไป

ลิโป้หาม้าไม่ได้ก็ฉวยทวนคู่มือขึ้นเชิงเทิน สู้รบกับทหารที่บุกเข้ามาอย่างทรหด ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ทหารโจโฉต้องถอยลงไป ลิโป้ก็หมดแรงต้องลงมานั่งพิงประตูเมือง แล้วก็ม่อยหลับไป ซงเหียนกับงุยซกก็ขับทหารที่เฝ้ารักษาลิโป้ ให้ถอยออกไปจะปรึกษาราชการด้วย แล้วก็หยิบทวนคู่มือเอาไปวางไว้ให้ไกล และช่วยกันจับเอาเชือกมัดไว้แน่น ลิโป้ตกใจตื่นก็ร้องเรียกให้ทหารช่วย ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วย ที่ปรึกษาทั้งสองนายก็เปิดประตูเมือง ให้ทหารโจโฉเข้าเมืองได้

ตันก๋งรู้ว่าเมืองแตกแล้ว ก็พยายามหนีออกนอกเมือง แต่ก็ถูกทหารโจโฉตามจับตัวมาได้ แล้วคุมตัวไปให้โจโฉบนหอรบ มีเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ขนาบข้าง โจโฉก็ถามตันก๋งว่า ตั้งแต่จากกันคราวโน้นแล้ว ยังสบายดีหรือ ตันก๋งโกรธที่โจโฉเยาะเย้ย จึงทวนความหลังว่า

“….ตัวท่านหยาบช้า เจรจามิได้มีความสัตย์ซื่อ มีแต่ล่อลวงให้คน หลงด้วยกลอุบาย เราจึงเอาตัวหนี…….”

โจโฉจึงว่า

“……..เราเป็นคนชั่วจึงคิดออกจากเราแล้ว เหตุใดจึงมิได้อยู่กับผู้อื่น เฉพาะมาอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นคนหยาบช้า……….”

ตันก๋งจึงตอบว่า

“……..ลิโป้นั้นเป็นคนหยาบช้า หาความคิดมิได้ก็จริง แต่มิได้เป็นคนโกหกเหมือนตัว เราจึงมาอยู่ทำการด้วย……..”

โจโฉก็ว่า

“………ลิโป้หาปัญญาไม่ ตัวเป็นคนมีความคิด เหตุไฉนจึงให้ลิโป้เสียแก่เราเล่า…..”

ตันก๋งได้ฟังจึงเหลียวมาว่าแก่ลิโป้ซึ่งถูกมัดอยู่ใกล้กันว่า

“………เพราะตัวมิได้ฟังคำเรา จึงได้เสียการทั้งนี้ แม้ทำการตามคำเราที่ไหนจะได้อัปยศแก่ทหารทั้งปวง…….”

โจโฉได้ยินตันก๋งว่าดังนั้น ก็พูดว่า

“……..ลิโป้ไม่ฟังตัวจึงเสียการ บัดนี้จะคิดประการใดสืบไป…….”

ตันก๋งก็โกรธร้องขึ้นว่า

“…ตัวกูบัดนี้ถึงที่ตายอยู่แล้ว มึงจะมาซักไซ้ถามเอาเนื้อความสิ่งใดอีกเล่า…”

โจโฉก็ทำเป็นไม่โกรธ ถามว่า

“…….ซึ่งตัวว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่มารดากับภรรยานั้น ตัวจะคิดประการใด….”

ตันก๋งได้ฟังดังนั้นก็คิดอาลัยถึงมารดากับภรรยา เสียงจึงอ่อนลงว่า

“……..อันธรรมดาชาติทหารจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ถึงจะจับข้าศึกได้ก็ไม่ทำอันตรายแก่ บิดามารดาและบุตรภรรยา ผู้ใดทำผิดก็ลงโทษแต่ผู้นั้น บัดนี้ตัวเราก็ทำผิด ถึงที่ตายอยู่แล้วมิได้อาลัยแก่ชีวิต เราจะขอฝากมารดากับภรรยา มหาอุปราชจงกรุณาช่วยเลี้ยงดูไว้ด้วย……”

พูดแล้วตันก๋งก็เดินลงจากหอรบจะให้ทหารฆ่าตัวเสีย โจโฉคิดถึงบุญคุณของ ตันก๋งที่มีมาแต่หนหลัง อยากจะใคร่เลี้ยงตันก๋งไว้ จึงให้ทหารยึดตัวไว้ แต่ตันก๋งก็มิฟัง โจโฉมีความสงสารก็เดินตามหลังไปและว่า

“……..ตัวท่านมิพอใจอยู่แล้วก็ตามทีเถิด อันมารดาและภรรยาท่านนั้น อย่าเป็นกังวลวิตกเลย เราจะเลี้ยงไว้ให้เป็นปกติ……..”

ครั้นตันก๋งมาถึงนอกประตูเมืองก็เร่งให้ทหารลงดาบ ทหารก็ฟันตันก๋งตาย โจโฉจึงให้เอาศพไปทำพิธีฝังไว้ แล้วให้คุมมารดาและภรรยาตันก๋ง ไปรักษาไว้ที่เมืองฮูโต๋เป็นอย่างดี

ส่วนลิโป้นั้น โจโฉได้สั่งให้ประหารชีวิต โดยไม่ยอมฟังคำขอร้องอ้อนวอนใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะต่างก็รู้ถึงความชั่วของลิโป้มาแล้วเป็นอย่างดี

จึงเป็นอันจบเกมของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้สมญานามว่า ลูกสามพ่อ ลงไปคนหนึ่ง พร้อมด้วยชีวิตของตันก๋ง ผู้ซึ่งทำคุณแก่ใครก็ไม่ขึ้น ได้รับแต่ความผิดหวังมาตลอดชีวิต จนสุดท้ายซึ่งเลือกนายผิด จึงต้องตายตามนายไปอย่างน่าสมเพท ด้วยน้ำมือของผู้ที่ตนได้เคยช่วยเหลือมาตั้งแต่ต้น นั้นเอง.

###########




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2558    
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 7:19:56 น.
Counter : 402 Pageviews.  

ทำคุณบูชาโทษ (๔)

ลิ่วล้อเล่าเร่ื่องสามก๊ก

ผู้ทำคุณบูชาโทษ

ตอนที่ ๔ ที่ปรึกษาจอมกะล่อน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ขณะเมื่อลิโป้ได้ครอบครองเมืองชีจิ๋ว แล้วให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย โดยเก็บความขุ่นในไว้ในอกนั้น อ้วนสุดน้องชายอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองลำหยง มีตราหยกประจำแผ่นดิน ซึ่ง ซุนเซ็กบุตรชายของซุนเกี๋ยน ได้รับตกทอดจากบิดา เอามาฝากไว้ ก็คิดจะตั้งตัวเป็นเจ้า แต่จะต้องขยายอาณาเขตการปกครองของตนออกไป ให้กว้างขวางกว่าเดิมเสียก่อน เมื่อมองดูผู้ที่เป็นศัตรูสมควรจะกำจัดนั้น ก็คือเล่าปี่กับลิโป้ แต่ลิโป้กล้าแข็งกว่า จึงคิดจะผูกมิตรกับลิโป้เพื่อเล่นงาน เล่าปี่ก่อน


อ้วนสุดจึงมีหนังสือไปถึงลิโป้ พร้อมด้วยข้าวยี่สิบหมื่นถัง เป็นของกำนัล และแจ้งว่าจะยกทัพไปตีเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย ขอให้ลิโป้วางตัวเป็นกลาง อย่าได้เข้าไปช่วยเล่าปี่ ลิโป้ก็รับไว้ด้วยความยินดี ตามนิสัยดั้งเดิม

อ้วนสุดก็ให้กิเหลงคุมทหารห้าหมื่นไปตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่มีทหารเพียงห้าพัน จึงแจ้งไปยังเมืองชีจิ๋ว ซึ่งขึ้นการปกครองอยู่ ให้ยกไปช่วยด่วน ลิโป้ก็ปรึกษากับตันก๋งตามเคย ตันก๋งเห็นว่าควรจะช่วยเล่าปี่ เพราะเป็นคนบ้านใกล้และอยู่ในปกครอง แต่ต้องใช้อุบายนิดหน่อย เพราะรับของกำนัลเขาไว้แล้ว

ลิโป้จึงยกทหารไปขวางทัพทั้งสองไว้ และให้ทหารไปเชิญแม่ทัพทั้งสองฝ่ายมาพบกัน กิเหลงก็ต่อว่าลิโป้ที่รับของกำนัลจากนายของตนไว้แล้ว ว่าจะไม่ช่วยเล่าปี่ แล้วทำไมจึงยกทัพมา ท่านคิดทำการทั้งนี้ จะฆ่าเราเสีย หรือจะฆ่าเล่าปี่ ลิโป้ก็ว่าตนมิได้คิดร้ายแก่ท่านทั้งสอง แต่ เล่าปี่กับเราเหมือนพี่น้องกัน บัดนี้ท่านจะมาทำอันตรายแก่เล่าปี่ เราจึงยกมาช่วย กิเหลงก็ว่าท่านจำจะฆ่าเราเสียก่อน เล่าปี่จึงจะมีความสุข ลิโป้ก็ว่าตนคิดจะให้ทั้งสองเป็นมิตรต่อกัน ไพร่พลจะได้ไม่ลำบาก แล้วก็ชวนทั้งสองฝ่ายนั่งลงทั้งสองข้าง ชวนให้กินสุรา แล้วก็ให้ทหารเอาทวนไปปักไว้ไกลประมาณห้าเส้น และเสี่ยงสัตย์อธิษฐานต่อเทพยดาฟ้าดินว่า ตนจะยิงเกาทัณฑ์ให้ปักที่ปลายทวน.แม้นยิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายทวน ก็ให้ทั้งสองฝ่ายทำสงครามกันตามความคิดเดิม แต่ถ้าตนยิงถูก ทั้งสองฝ่ายจงเลิกทัพกลับไป แม้นผู้ใดมิฟัง ตนก็จะทำสงครามด้วยผู้นั้น

เล่าปี่นั้นไม่อยากรบอยู่แล้ว ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนกิเหลงคิดว่าลิโป้หรือจะยิงเกาทัณฑ์ ให้ถูกปลายทวนได้ ก็ยอมตกลงเหมือนกัน ผลปรากฏว่าลิโป้ยิงเกาทัณฑ์ไปปักที่ปลายทวนได้จริง ทั้ง ๆ ที่ล่อสุราเข้าไปตั้งหลายจอก กิเหลงก็เลยต้องยกกองทัพกลับ เพราะถ้าขืนรบกับลิโป้ ก็น่ากลัวว่าจะไม่รอดกลับไปเป็นแน่

อ้วนสุดนั้นพอฟังรายงานจากกิเหลงแล้ว ก็โกรธเป็นกำลัง อยากจะลุยเสียเองทั้งสองเมือง แต่กิเหลงออกความคิดตรงกันข้าม กลับให้เอาสิ่งของไปขอบุตรสาวของลิโป้มาแต่งงานกับลูกชายอ้วนสุด ให้เกี่ยวดองกันเสียเลย ลิโป้ก็จะเลิกเป็นศัตรูหันมาเป็นพวกเดียวกัน ก็จะมีกำลังเข้มแข็งยิ่งขึ้น สามารถกำจัดเล่าปี่ได้ อ้วนสุดเห็นด้วย จึงให้หันอิ้น คุมเครื่องขันหมาก ล้วนแต่เป็นของดีมีราคาเป็นอันมาก เป็นทูตไปเจรจาสู่ขอตามประเพณี

ลิโป้ก็ยอมรับสินสอดด้วยความยินดี แล้วก็ปรึกษากับนางเหงียมซีภรรยาใหญ่ ซึ่งเป็นแม่ของลูกสาวคนที่อ้วนสุดมาสู่ขอ นางก็บอกว่าอ้วนสุดนั้นมีกำลังมาก อยู่เมืองใหญ่ นานไปคงตั้งตัวเป็นเจ้า แล้วลูกสาวเราก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโตตามสามี จึงไม่มีข้อขัดข้อง หันอิ้นก็กลับไปบอกอ้วนสุด แล้วก็จัดขบวนกลับมารับตัวเจ้าสาวจะไปแต่งงาน ลิโป้ก็กลับลังเลขึ้นมาอีก

ฝ่ายตันก๋งซึ่งไม่ชอบเล่าปี่ อยากจะให้ลิโป้เป็นพวกอ้วนสุด ก็เข้าไปเตือนว่าทำไมจึงไม่ส่งลูกสาวไป ลิโป้ก็บอกว่าตามธรรมเนียมโบราณ ถ้าเป็นกษัตริย์กำหนดปีหนึ่งจึงจะส่งลูกสาว ถ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่กำหนดหกเดือน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็สามสิบวัน อ้วนสุดนั้นมีตราหยกประจำแผ่นดินเทียบเท่ากษัตริย์ ก็ต้องถือปฏิบัติอย่างกษัตริย์ ตันก๋งก็ว่าอย่าปล่อยไว้นาน เดี๋ยวศัตรูอื่นรู้เรื่องยกพวกมาชิงเจ้าสาว จะเกิดวุ่นวายกันใหญ่ ขอให้รีบส่งตัวไปพรุ่งนี้เช้าเลย ลิโป้ก็เชื่อคำที่ปรึกษา สั่งให้ภรรยาจัดแจงส่งตัวลูกสาวขึ้นเกวียนไม้หอม มอบให้หันอิ้นนำขบวนแห่ออกจากเมืองไป

ปรากฏว่าตันกุ๋ยซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโตเกี๋ยมเจ้าเมืองเก่า บิดาของตันเต๋งซึ่งเป็นพวกนิยมเล่าปี่ ทราบข่าวการแต่งงานก็เข้าไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ว่า แต่ก่อนก็เคยช่วยเล่าปี่ให้พ้นมืออ้วนสุด ตอนนี้กลับจะไปเกี่ยวดองเป็นญาติกับอ้วนสุด ต่อไปอ้วนสุดจะทำอะไรเล่าปี่ก็ไปช่วยไม่ได้ และเมื่ออ้วนสุดทำสงครามต่อไป ก็จะมากะเกณฑ์เมืองชีจิ๋วให้ไปช่วย บ้านเมืองก็จะไม่เป็นสุข และอีกประการหนึ่งอ้วนสุดจะตั้งตัวเป็นเจ้านั้น ก็เท่ากับเป็นขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อลิโป้เป็นญาติกับอ้วนสุด ใคร ๆ ก็พลอยเป็นศัตรูกับลิโป้ไปด้วย

ลิโป้ก็หันมาเชื่อตันกุ๋ย สั่งให้ทหารตามไปชิงเอาตัวลูกสาวกลับคืนมา แล้วเอา หันอิ้นไปใส่คุกไว้ พร้อมกับมีหนังสือไปบอกอ้วนสุดว่า ยังจัดแจงสิ่งของไม่เสร็จ ตันกุ๋ยก็ยุให้ส่งตัว หันอิ้นไปให้โจโฉเสีย จะได้มีความชอบ แต่ลิโป้ก็ยังเฉยอยู่

พอดีลิ่วล้อที่ใช้ให้ไปซื้อม้าจากเมืองซัวตั๋ง กลับมารายงานว่า ม้าสามร้อยตัวที่ซื้อมานั้น ขากลับผ่านชายแดนเมืองเสียวพ่าย ถูกโจรตีชิงไปร้อยห้าสิบ สืบดูได้ความว่าหัวหน้าก็คือเตียวหุยเอง ลิโป้จึงยกทหารไปเมืองเสียวพ่ายจะจับตัวเตียวหุย เล่าปี่ก็คุมทหารออกตั้งรับ ลิโป้ก็ชี้หน้าว่าไม่รู้จักบุญคุณที่เคยช่วยเหลือ บังอาจมาตีชิงเอาม้าไปได้ เล่าปี่ก็ว่าไม่เคยทำดังนั้น ลิโป็ก็ยันว่าเตียวหุยนั่นแหละเป็นตัวการ จะรับหรือไม่รับ เตียวหุยโกรธจัดก็ว่าเอามาแล้วละจะทำไม ลิโป้ก็ว่าอ้ายผู้ร้ายคนนี้ ทำการหยาบช้าดูหมิ่นตนมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ยังมาท้าทายอีก

เตียวหุยก็ย้อนเอาว่า ที่ตนชิงม้าเอามานี่โกรธหรือ แล้วที่ตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของ เล่าปี่ไว้นั้น คิดว่าเราพี่น้องจะไม่โกรธบ้างหรือ แล้วทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันดุเดือดถึงร้อยเพลง ก็ยังไม่เสียท่าทีแก่กัน จนค่ำเล่าปี่ก็ตีม้าล่อให้ยกทหารกลับเข้าเมือง ลิโป้ก็ล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน

เล่าปี่ไต่สวนเตียวหุย ได้ความว่าเอาม้าไปซ่อนไว้ที่วัดก๊กอี้บนเนินเขา เล่าปี่จึงให้ทหารออกไปขอขมายอมรับผิดกับลิโป้ และจะเอาม้ามาคืนให้ ลิโป้ก็หายโกรธ แต่ตันก๋งไม่ชอบ เล่าปี่ จึงว่าตอนนี้เป็นทีของเราแล้ว ขืนรั้งรอไม่กำจัดเล่าปี่นานไปจะเป็นอันตรายแก่เราเอง

ลิโป้จึงยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ต้านทานไม่ไหว จึงพาพี่น้องตีฝ่าออกทางทิศเหนือ ไปขอพึ่งโจโฉที่เมืองฮูโต๋ ลิโป้ก็มิได้ติดตามเล่าปี่ คงตั้งให้โกซุ่นเป็นเจ้าเมืองเสียวพ่าย แล้วตนเองกับตันก๋งก็กลับไปเมืองชีจิ๋ว

โจโฉก็ขอรับสั่งฮ่องเต้ แต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว และแต่งตั้งลิโป้ให้เป็นผู้ว่าราชการภาคตะวันออก ลิโป้ก็ดีใจว่าได้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับเล่าปี่และโจโฉอีกต่อไป พอดีอ้วนสุดให้ทหารมาแจ้งว่าจะตั้งตัวเป็นฮ่องเต้บ้าง และให้ลูกชายเป็นเจ้าฝ่ายหน้า จึงขอให้ลิโป้ส่งตัวลูกสาวไปแต่งงานโดยเร็ว ลิโป้ก็ว่าอ้วนสุดเป็นขบถต่อแผ่นดิน จึงเอาตัวหันอิ้นออกจากคุกมาเข้าเครื่องจองจำ แล้วให้ตันเต๋งลูกชายของตันกุ๋ย คุมตัวไปส่งให้โจโฉประหารชีวิตเสีย ตันเต๋งก็เข้าไปประจบประแจงโจโฉ จนได้เป็นเจ้าเมืองกองเหลง ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองชีจิ๋ว และเพิ่มค่าส่วยให้แก่ตันกุ๋ยผู้พ่ออีกด้วย

พอตันเต๋งกลับมา ลิโป้รู้เรื่องที่สองพ่อลูกได้บำเหน็จรางวัล ก็ด่าว่าใช้ให้ไปหาโจโฉ แทนที่จะเอาความดีความชอบให้นาย กลับเอาดีแต่ตัวสองคนเท่านั้น ลิ่วล้ออย่างนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้ ก็ชักกระบี่จะฆ่าเสีย ตันเต๋งก็ทำใจเย็นอธิบายว่า โจโฉยังไม่ได้ตั้งให้ลิโป้เป็นใหญ่กว่านี้ ก็เพราะจะให้คอยช่วยกำจัดศัตรูด้านนี้ ให้ราบคาบเสียก่อน เพราะโจโฉเชื่อฝีมือลิโป้ว่าเก่งกล้าสามารถ เมื่อขยายอำนาจครอบครองหัวเมืองเพิ่มขึ้น ทรัพย์สินลาภสการก็เพิ่มพูนขึ้นเอง ลิโป้ก็หลงเชื่ออีกตามเคย

ฝ่ายอ้วนสุดเมื่อรู้ว่าลิโป้กลับใจ ไม่ยกลูกสาวให้ แล้วยังส่งตัวหันอิ้นไปให้โจโฉฆ่าเสียอีก ก็โกรธแค้นอย่างยิ่ง สั่งให้ยกกองทัพเจ็ดกองใหญ่ แยกเข้าตีเมืองขึ้นของชีจิ๋วทุกเมือง ไม่ให้ช่วยกันได้ แล้วก็ยกทัพหลวงมุ่งเข้าตีเมืองชีจิ๋ว

ลิโป้ก็เรียกประชุมที่ปรึกษาทั้งสามคือ ตันก๋ง ตันกุ๋ย ตันเต๋ง มาหารือ ตันก๋งก็ว่าที่เกิดเหตุใหญ่ขึ้นนี้ เพราะสองพ่อลูกห้ามไม่ให้ลิโป้ยกลูกสาวให้อ้วนสุด แล้วไปหาความดีความชอบจากโจโฉ สมควรสั่งประหารชีวิตสองพ่อลูกเสีย แล้วตัดศรีษะส่งไปให้อ้วนสุด พร้อมกับชี้แจงให้อ้วนสุดเข้าใจ ก็คงจะเลิกทัพกลับไป

ลิโป้ก็เชื่อที่ปรึกษาเก่า สั่งให้เอาตัวสองพ่อลูกไปฆ่าเสีย แต่ตันเต๋งกับตันกุ๋ยไม่ตกใจ แกล้งยอลิโป้ว่ากลัวอะไรกับทหารทั้งเจ็ดกองนั้น เปรียบเหมือนหญ้าเจ็ดกำอยู่ใกล้ปากโค ถ้าคิดวางแผนให้ดีก็เห็นจะไม่พอฝีมือลิโป้ ขอให้เชื่อคำแนะนำของตนรับรองว่าเมืองชีจิ๋วจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ลิโป้ก็ยอมเชื่อฟังอีกครั้ง ตันเต๋งจึงออกอุบายไปเกลี้ยกล่อมทหารเอกสองคนของอ้วนสุด ให้ยอมเข้าเป็นพวกด้วยสองกอง เหลืออีกห้ากองลิโป้กับตันก๋งและทหารรองอีกสี่คน ก็แบ่งทหารเข้ารบจนสุดท้าย อ้วนสุดก็แตกพ่ายไปตามคำของพ่อลูกจริง ทั้งคู่ก็เลยรอดชีวิตอยู่คอยเป็นไส้ศึกให้โจโฉและเล่าปี่ต่อไป

ตันก๋งจึงเป็นเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ แม้จะหวังดีต่อลิโป้สักเพียงใด ก็ไม่มีพรรคพวกที่จะคัดค้านความคิดเห็ยของที่ปรึกษาจอมกะล่อนทั้งสองได้ เพราะนายของตันก๋งคนนี้เป็นคนหูเบา เชื่อง่าย และเป็นคนโลภเห็นแก่ลาภยศสรรเสริญ และไม่รู้จักกตัญญูต่อผู้ใด แม้ฝีมือจะเข้มแข็งแเกร่งกล้าปานใด ก็ยากที่จะรอดจากศัตรู ที่มีอยู่รอบด้านไปได้.

#########




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2558    
Last Update : 26 ตุลาคม 2558 15:43:11 น.
Counter : 521 Pageviews.  

ผู้ทำคุณบูชาโทษ (๓)

ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

ผู้ทำคุญบูชาโทษ

ตอนที่ ๓ มิตรไม่แท้และศัตรูไม่ถาวร

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ในการทำศึกระหว่างลิโป้กับโจโฉที่เมืองปักเอี้ยงนั้น ทั้งสองฝ่ายได้พักรบไประยะหนึ่ง เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวของชาวบ้าน ต่างก็หาเสบียงไว้เลี้ยงกองทัพของตน ลิโป้และตันก๋งนั้นอยู่ที่เมืองปักเอี้ยง กับเตียนซีเศรษฐีใหญ่ซึ่งยอมเป็นพวกด้วย เพราะกลัวฤทธิ์เดชของลิโป้ ส่วนเมืองกุนจิ๋วที่ยึดเอามาจากโจโฉนั้น ให้นายทหารรองสองนายรักษาไว้ จึงถูกเคาทูทหารเสือผู้มีพละกำลังของโจโฉ เข้าตีแย่งเอาคืนไปได้อย่างง่ายดาย แล้วก็ยกพลมาจะเข้าตีเมืองปักเอี้ยง

ลิโป้รู้ข่าวแล้วก็รีบยกทหารออกไปสู้รบด้วย ตันก๋งห้ามก็ไม่ฟัง ขับม้ารำทวนออกไปท้ารบหน้าทัพโจโฉ และลองกำลังกับเคาทูคนเก่งกล้าบ้าบิ่น ถึงยี่สิบเพลงแล้วก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำต่อกัน โจโฉจึงให้ทหารเอกออกมาช่วยอีกห้าคน กลายเป็นมวยหมู่หกต่อหนึ่ง ลิโป้ก็ยังไม่แพ้แต่เห็นว่าจะเอาเปรียบกันเกินไป ก็เลยถอยจะกลับเข้าเมือง ปรากฏว่าเตียนซีซึ่งอยู่บนเชิงเทิน สั่งให้ชักสะพานข้ามคูเมืองออก แล้วร้องบอกลิโป้ว่า ตนเปลี่ยนใจกลับไปเข้ากับโจโฉแล้ว อย่าเข้ามาทำเรื่องวุ่นวายในเมืองอีกเลย ลิโป้ก็ไม่รู้ว่าจะทำประการใด นอกจากก่นด่าบรรพบุรุษของเตียนซี กลับไปกลับมาพอให้บรรเทาความแค้น แล้วก็พาทหารกลับไปเมืองตันลิวตามเดิม ส่วนตันก๋งที่ยังอยู่ในเมืองก็ต้องพาครอบครัวของลิโป้ ตามไปเมืองตันลิวด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดีกว่านั้นเหมือนกัน

เมื่อโจโฉเข้าเมืองปักเอี้ยงได้ ก็ให้นำตัวเตียนซีมาสอบสวนเป็นประการแรก แล้วลงความเห็นว่า คราวก่อนมีหนังสือไปลวงมาให้เสียทีลิโป้นั้น โทษหนักหนาอยู่ แต่คราวนี้แก้ตัวไม่ให้ลิโป้เข้าเมืองได้ ก็มีความชอบมากเป็นอันเสมอตัว แล้วโจโฉก็ยกทหารตามลิโป้ไปยังเมืองตันลิว

ลิโป้กับเตียวเมา เจ้าเมืองซึ่งสนิทชิดชอบกันอยู่ ก็ช่วยกันรักษาเมืองไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ลิโป้เป็นนักรบที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง แม้ตันก๋งที่ปรึกษาผู้หวังดีจะทัดทานให้คิดดูให้ดีก่อน เพราะโจโฉมีสติปัญญาในการศึกลึกล้ำยิ่งนัก ลิโป้ก็ไม่ฟังตามเคย จึงออกไปดูลาดเลาจะเข้าตีค่ายโจโฉ แต่โจโฉก็วางกับดักไว้อย่างดี เมื่อลิโป้ยกทหารไปเผาป่ารอบค่ายโจโฉเพราะคิดว่ามีข้าศึกซุ่มซ่อนอยู่ ก็ไม่ได้ผลเพราะไม่มีผู้ใดเลย จะยกเข้าตีค่ายก็เห็นเงียบอยู่ จึงลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำประการใด ทหารเอกทั้งหกคนของโจโฉ ก็คุมทหารโห่ร้องเข้ามาล้อมลิโป้ไว้ แต่ลิโป้ก็ใช้ฝีมือที่เหนือกว่า ตีหักออกมาได้แต่ตัวคนเดียว แล้วก็ไม่เข้าเมือง โจโฉจึงยกพลเข้าตีเมืองตันลิวแตก เตียวเมาเจ้าเมืองเผ่นหนีไปหาอ้วนสุดที่เมืองลำหยง ตันก๋งก็รับหน้าที่คุมครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมือง ไปเจอลิโป้ที่ริมทะเลชายแดน ปรึกษากันว่าจะไปอาศัยอ้วนเสี้ยวก็ไม่ได้ เพราะเคยผิดใจกันมาแล้ว จึงพากันบ่ายหน้าไปทางเมืองชีจิ๋ว ซึ่งโตเกี๋ยมเคยเป็นเจ้าเมืองอยู่ และลิโป้มีคุณในการที่ช่วยรักษาเมืองครั้งก่อน

แต่คราวนี้ปรากฏว่าโตเกี๋ยมป่วยตายไปแล้ว และยกเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่
ครอบครองอยู่แทนทายาทของตน ลิโป้กับตันก๋งก็เข้าไปหาเล่าปี่ ขอฝากเนื้อฝากตัวอาศัยอยู่ด้วย ลิโป้ท้าวความเก่าให้ฟัง และย้ำว่าเมื่อครั้งที่โจโฉยกมา จะทลายเมืองชีจิ๋วให้ราบเรียบนั้น ตนก็ได้ช่วยเหลือโดยการไปตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ จนต้องถอยจากเมืองนี้ไปโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่รบกันอยู่นานจนโจโฉกลับเป็นผู้ชนะ ตนเองไม่มีที่จะอาศัย จึงต้องหนีมาพึ่งพาครั้งนี้ เชื่อว่าคงยินดีช่วยเหลือ

เล่าปี่นั้นแม้จะเคยต่อสู้กับลิโป้ แต่ก็นับถือฝีมือว่าเป็นนักรบที่เข้มแข็งกล้า
หาญ อยากจะเอาไว้เป็นพวกด้วย และมีอาวุโสสูงกว่า จึงจะยกเมืองชีจิ๋วให้ลิโป้ครอบครองเสียเลย ลิโป้ซึ่งใคร ๆ ก็ตราหน้าว่าเป็นคนโลภ หากตัญญูมิได้ ก็ดีใจอยากจะรับไว้เหมือนกัน แต่เกรงใจกวนอูกับเตียวหุย ซึ่งยืนถลึงตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ข้างหลังเล่าปี่ จึงแกล้งหัวเราะแล้วว่าตนเองเป็นทหารชำนาญการรบพุ่งเท่านั้น ถ้าจะให้ปกครองบ้านเมืองเห็นจะเกินสติปัญญา ตันก๋งก็ช่วยออกตัวให้ว่า

“…….ธรรมดาเป็นแขกมาหาท่าน แล้วหรือจะบังอาจเก็บเอาทรัพย์สินสิ่งของ เจ้าเรือนไปด้วยนั้น หาควรไม่ และตัวลิโป้ซึ่งมาอยู่ในสำนักท่าน ซึ่งจะคิดชิงเอาเมืองนี้หามิได้ ท่านอย่าได้สงสัยเลย……..”

เรื่องก็ทำท่าว่าจะเรียบร้อยลงด้วยดี เล่าปี่ก็ให้ลิโป้พักอาศัยในเมืองชีจิ๋ว แต่กวนอูกับเตียวหุยนั้น คอยจ้องลิโป้ด้วยความหวาดระแวงอยู่เสมอ เพราะเคยปะทะเห็นฝีไม้ลายมือกันมาแล้ว

วันต่อมาลิโป้เชิญสามพี่น้องมากินเลี้ยงที่บ้าน เพื่อขอบคุณเล่าปี่ซึ่งให้ที่อยู่อาศัย และให้ครอบครัวออกมาคำนับเล่าปี่ แต่เล่าปี่ถ่อมตัวว่าไม่ต้องคำนับหรอก ลิโป้ก็ว่าน้องเราจงให้บุตรภรรยาเราคำนับเถิด เท่านั้นเองเตียวหุยซึ่งคอยจะหาเรื่องอยู่แล้ว ก็โพล่งออกมาว่า

“……..ตัวนี้เป็นไฉน จึงบังอาจเรียกพี่กูว่าน้อง พี่กูเป็นเชื้อพระวงศ์ อุปมาเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว ซึ่งอวดตัวว่ากล้าหาญ จงออกไปลองฝีมือกันดูสักสามร้อยเพลง……..”

เล่าปี่ก็ห้ามปรามไว้ แล้วให้กวนอูพาเตียวหุยออกไปก่อน พร้อมกับขออภัยลิโป้ว่า เตียวหุยคงจะเมาสุรา จึงพูดหยาบคายขออย่าได้ถือโทษเลย แต่พอเล่าปี่ลากลับไปแล้ว สักพักเตียวหุยก็ย้อนกลับมาหาลิโป้ร้องท้าทายว่า เมื่อกี้พี่กูอยู่กูเกรงใจ ตอนนี้พี่กูไปแล้ว มาลองฝีมือกันสักพักดีกว่า ลิโป้ชักอดใจไม่ไหว แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น เล่าปี่ก็ให้กวนอูมาลากตัวเตียวหุยไปเสีย

ลิโป้เห็นว่าขืนอยู่ไปก็ไม่มีความสุขแน่ รุ่งขึ้นอีกวันจึงไปลาเล่าปี่ว่า เมื่อ
มาขออาศัยท่านก็ยอมให้อยู่ แต่เตียวหุยน้องท่านกลับดูหมิ่นด่าว่าให้เจ็บใจ ขืนอยู่ไปก็จะเคืองใจกันเสียเปล่า ๆ ตนจึงจะขอลาไปหาที่อยู่ใหม่ดีกว่า เล่าปี่ก็เสียใจว่าถ้าลิโป้อยู่กับตนไม่ได้ ผู้คนก็จะนินทาเอา ขอให้ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่ายเถิด ถ้าขาดเหลือสิ่งใดก็ให้บอกมา จะได้ช่วยดูแลส่งเสียให้ แล้ววันหลังตนจะพาเตียวหุยไปขอขมาลิโป้เอง

ลิโป้กับตันก๋งก็เลยต้องพาครอบครัว ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่าย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในปกครองของเมืองชีจิ๋ว เพราะไม่มีปัญญาที่จะไปอยู่ที่ไหนให้ดีกว่านี้ แต่ลิโป้กับเล่าปี่ก็ดีกันอยู่ได้ไม่นาน โจโฉปราบปรามขุนนางของพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เป็นศัตรูได้หมดแล้ว ก็ตั้งตัวเป็นมหาอุปราชว่าราชการอยู่ที่เมืองฮูโต๋ ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ แล้วก็คิดถึงเล่าปี่ว่า ถ้าเป็นมิตรกับลิโป้แล้ว ก็อาจชวนกันมารุกรานเอาได้ จึงวางแผนให้ทั้งสองแตกคอกันเสียก่อน จึงให้ทำหนังสือเป็นรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการ แล้วฝากหนังสือลับส่วนตัวถึงเล่าปี่ ให้ช่วยกำจัดลิโป้ด้วย เล่าปี่ก็ดีใจที่ได้รับหนังสือแต่งตั้ง แต่หนังสือของโจโฉนั้น ขอคิดดูก่อน

ฝ่ายลิโป้รู้ว่าเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วตามรับสั่งฮ่องเต้ ก็ไปแสดงความยินดีตามธรรมเนียม กำลังคำนับกันอยู่ดี ๆ เตียวหุยก็ชักกระบี่ออกมาจะฆ่าลิโป้อีก เล่าปี่ก็กันเอาไว้ได้ ลิโป้ก็สงสัยว่าเตียวหุยโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไรหนักหนา จึงคิดพยาบาทอาฆาตจองเวรพาลหาเรื่องตนอยู่เรื่อยไม่เลิกรา

เตียวหุยก็เลยเปิดโปงออกมาว่า

“………ตัวมึงมิรู้จักคุณคน โจโฉจึงมีหนังสือมาให้พี่กูฆ่ามึงเสีย……”

เล่าปี่ก็ตกใจที่เจ้าน้องชายตัวดี เอาความลับออกมาเปิดเผยดังนั้น จึงให้ทหารเอาตัวเตียวหุยออกไปเสียจากที่นั้น แล้วก็พาลิโป้เข้าไปข้างใน เอาหนังสือของโจโฉออกมาให้ดู แล้วเล่าความให้ฟังตามความจริง ลิโป้ก็ว่าโจโฉทำเช่นนี้ก็หวังจะให้เราทั้งสองเป็นศัตรูกัน เล่าปี่ก็ว่าถึงอย่างไรตนก็จะไม่คิดร้ายต่อลิโป้ ขอให้วางใจได้ แล้วก็ชวนลิโป้กินโต๊ะอยู่จนเย็น จึงลากลับไป

ฝ่ายโจโฉพอรู้ว่าเล่าปี่ไม่หลงกล ก็เดินหมากใหม่ ทำหนังสือไปบอกอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงว่า เล่าปี่จะยกทัพมาตีเมืองลำหยง แล้วก็อ้างรับสั่งฮ่องเต้ให้เล่าปี่ยกไปตีอ้วนสุดด้วย เป็นการยุยงให้แตกแยก จะได้ทำลายทีละส่วน

เล่าปี่ก็ต้องยกทหารไปตามรับสั่ง โดยให้เตียวหุยอยู่รักษาเมือง แม้จะไม่ค่อยไว้ใจ แต่เตียวหุยให้สัญญาว่าจะไม่เสพสุรา และให้ตันเต๋งขุนนางเก่าฝ่ายบุ๋นเป็นที่ปรึกษา พอเล่าปี่ยกไปได้ไม่นาน เตียวหุยก็เชิญขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนมาประชุม บอกว่าวันนี้จะเสพสุราให้สนุกสักวัน ต่อไปจะหยุดโดยเด็ดขาด แล้วก็ชวนขุนนางทั้งปวงกินสุรา

แต่มีอยู่คนหนึ่งชื่อโจป้าเป็นทหารเก่า ไม่ยอมกินเพราะไม่เคยกิน เตียวหุ
ยก็บังคับให้กินไปจอกหนึ่ง ครั้นตนเองเมาแล้วจะให้โจป้ากินอีกโจป้าไม่กิน ก็สั่งให้เอาตัวไปเฆี่ยนเสียร้อยหนึ่ง ตันเต๋งจะห้ามปรามก็ไม่ฟัง โจป้าจึงอ้อนวอนขอโทษว่าขอให้เห็นแก่หน้าบุตรเขยของตนเถิด เตียวหุยถามว่าผู้ใดเป็นบุตรเขย โจป้าก็บอกว่าลิโป้ เตียวหุยได้ยินชื่อคู่อาฆาตก็ยิ่งโกรธ เร่งให้เฆี่ยนฝากไปให้ลูกเขยด้วย พอเฆี่ยนได้ห้าสิบที ขุนนางทั้งปวงก็ช่วยกันขอโทษไว้

โจป้ากลับมาบ้านก็ให้คนถือหนังสือไปถึงลิโป้ เล่าเรื่องให้แจ้งทุกประการ
และขอให้ยกทหารไปชิงเอาเมืองชีจิ๋วในคืนนี้ เพราะเตียวหุยกำลังเมาอยู่ ลิโป้ปรึกษากับตันก๋ง ที่ปรึกษาก็ว่าบัดนี้ได้ทีแล้ว จงรีบยกไปตีเอาเมืองชีจิ๋วไว้ จะได้อยู่เป็นสุข ลิโป้เห็นชอบด้วยจึงยกทหารไปเป็นการด่วน เตียวหุยเห็นว่าสู้ไม่ไหวแน่ จึงทิ้งเมืองเอาตัวรอดไปกับทหารอีกสิบแปดคน ลิโป้ก็ไม่ได้ตามไป แต่โจป้ายังไม่หายแค้น จึงคุมทหารตามไปถึงริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เตียวหุยก็หันกลับมาสู้ได้สามเพลงก็แทงโจป้าตกม้าตาย

ลิโป้ก็คิดถึงคุณของเล่าปี่ จึงดูแลรักษาครอบครัวของเล่าปี่ไว้เป็นอย่างดี ส่วน เล่าปี่รบกับอ้วนสุดยังไม่แพ้ชนะ ได้ข่าวว่าเมืองชีจิ๋วถุกลิโป้ยึดได้ ก็ถอยทัพไปทางเมืองกองเหลง อ้วนสุดได้ทีก็ตามมาตีแตก ลิโป้จึงมีหนังสือเชิญเล่าปี่ให้กลับเมืองชีจิ๋ว แล้วพาครอบครัวมามอบให้ ภรรยาทั้งสอง คือนางกำฮูหยินกับนางบีฮูหยิน ก็ยืนยันว่าลิโป้เลี้ยงดูเป็นอันดี ลิโป้ก็ออกตัวว่าที่ยกมาตีเมืองชีจิ๋วนี้ มิใช่จะเห็นแก่สมบัติ แต่เป็นเพราะเตียวหุยมัวแต่เมาสุรา เกรงว่าจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้ จึงมาช่วยรักษาไว้ให้ แต่เล่าปี่อายแก่ใจบอกว่า เมืองนี้เดิมตนก็ตั้งใจจะยกให้ลิโป้อยู่แล้ว แต่ลิโป้ไม่เอา คราวนี้ยึดได้แล้วก็อยู่ไปเถิด ตนจะไปอยู่เมืองเสียวพ่ายเอง ลิโป้จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอม คงลาไปจนได้ ลิโป้ก็ส่งเสียเล่าปี่ มิให้ขัดสนในเรื่องต่าง ๆ ทั้งสองก็อยู่กันเป็นปกติสืบไป

ในทางการเมืองมีสำนวนอยู่ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร คงจะมาจากตอนนี้เอง ลิโป้เคยรบกับเล่าปี่ แล้วก็มาช่วยเล่าปี่รบกับโจโฉ แล้วก็หันมารบกันเอง แล้วก็ดีกันอีก

ส่วนตันก๋งนั้น เมื่อแรกจะเป็นมิตรกับโจโฉก็ต้องผิดหวัง คราวนี้มาเป็นมิตรกับลิโป้ ก็อยากจะให้ลิโป้เป็นใหญ่ โดยไม่ต้องพึ่งทั้งโจโฉและเล่าปี่ แต่ผลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูกันต่อไป

#########




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2558    
Last Update : 26 ตุลาคม 2558 7:38:54 น.
Counter : 416 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.