Group Blog
 
All Blogs
 

รถไฟมฤตยู

สีพเพเหระ

รถไฟมฤตยู

“ เทพารักษ์ “

เขาว่ากันว่าในกระบวนการเดินทางไกลแล้ว รถไฟปลอดภัยที่สุด ปลอดภัยกว่าทาง รถยนต์หลายเท่า แต่เราก็มักจะได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับรถยนต์ หรือแม้แต่ควายตัดหน้ารถไฟ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อย ๆ และในรอบหลาย ๆ ปี ก็จะมีเรื่องอุบัติเหตุขนาดใหญ่ของรถไฟให้ได้ยินได้ฟังได้กล่าวขวัญอยู่เหมือนกัน

อย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ซึ่งแปลกประหลาดกว่าทุกครั้ง เพราะมีหัวรถจักรดีเซลล้วน ๆ รวมหกคัน ไม่ได้ลากจูงรถตู้หรือรถพ่วงชนิดใดเลย ได้วิ่งเข้ามาในสถานี หัวลำโพง ด้วยความเร็วสูง เมื่อสุดรางแล้วก็ไม่ยอมหยุด คงวิ่งทะลุออกไปถึงลานกลางสถานี ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับผู้โดยสารรอซื้อตั๋วอยู่มากมาย ราวกับรถผีสิง เพราะรถจักรทั้งหกคันนั้น ไม่มีพนักงานขับรถแม้แต่คนเดียว

เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา ๐๙.๑๐ น. สารวัตรสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลนพวงษ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟกรุงเทพว่า มีขบวนรถจักรดีเซลพุ่งเข้าชนสถานี จนได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงทราบ พร้อมกับแจ้ง มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊งและมูลนิธิร่วมกตัญญู ระดมกำลังไปยังที่เกิดเหตุทันที

ในที่เกิดเหตุคือชานชลาสถานีรถไฟหัวลำโพง พบว่าขบวนหัวรถจักรดีเซลได้วิ่งฝ่าเข้าไปในชานชลาที่ ๔ ทะลุออกไปชนห้องประชาสัมพันธ์ ห้องแลกเงินของธนาคารกรุงเทพ ร้านขายหนังสือและของเล่น แล้วเลยไปชนร้านขายของซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า ใกล้กับที่พักผู้โดยสาร พังแหลกยับเยิน แล้วจึงสิ้นฤทธิ์ลงในสภาพที่หัวรถจักรหมายเลข ๔๐๒๙ พลิกตะแคงข้างขวางหัวรถจักรหมายเลข ๔๐๔๒ ตามด้วยหัวรถจักรหมายเลข ๔๐๔๔, ๔๐๑๐, ๔๐๐๖ และ ๔๐๔๓ น้ำมันหกไหลนองพื้น โดยเฉพาะหัวรถจักรหมายเลข ๔๐๒๙ ได้ทับร่างหญิงสาวผู้หนึ่ง และหมายเลข ๔๐๔๒ ก็ทับร่างของชายผู้หนึ่งอยู่เช่นกัน

ต่อมาผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กับผู้บัญชาการตำรวจดับเพลิง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิง หน่วยบรรเทาสาธารณภัยจำนวน ๑๕๐ คน พร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ ในการช่วยเหลือไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อทำการยกหัวรถจักรออก โดยนำรถเครนขนาดใหญ่ ๒๐ ตันเข้าไปทางด้านข้างของสถานีแถบริมคลองผดุงกรุงเกษม แต่ปรากฏว่าพื้นไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ถึงกับยุบลงไปต้องฉุดลากถอยออกมา แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ลดละความพยายาม ได้นำรถตักขนาดเล็ก ๑๒ คันเข้าไปทำการยก และเอาแม่แรงเข้าช่วย หลังจากใช้เวลานับชั่วโมง จึงสามารถลากเอาร่างของผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองออกมาจากใต้รถจักรได้ ปรากฏว่าฝ่ายชายถูกทับตัวขาดสองท่อนสิ้นชีวิตไปก่อนแล้ว ส่วนฝ่ายหญิงขาถูกทับทั้งสองข้างอาการสาหัสอาจต้องถูกตัดทิ้งก็ได้

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เสียชีวิตจากการที่ถูกหัวรถจักรชนครั้งนี้อีก ๔ คน เป็นหญิง ๒ ชาย ๒ คน ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชาย ๒ หญิง ๑ คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกลางทั้งหมด

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ต่อมา ทราบว่าหัวรถจักรทั้ง ๖ หัวจอดอยู่ในโรงซ่อมรถจักรบางซื่อ แต่จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบแน่ชัด หัวรถจักรทั้งหมดได้วิ่งลากและดันกันออกมา โดยหัวรถจักรหมายเลข ๔๐๔๔ ซึ่งเป็นคันที่สาม ติดเครื่องเพียงคันเดียวโดยไม่มีคนขับ เมื่อมาถึงแยกถนนเทอดดำริ ก็ชนรถแท็กซี่และรถจักรยานยนตร์ที่ไม่รู้ตัวขับข้ามตัดหน้า จนได้รับความเสียหาย และขบวนหัวรถจักรทั้งหมดก็แล่นมาตามรางถึงสถานีสามเสน เจ้าหน้าที่หอสัญญาเห็นว่าไม่มีคนขับ และแล่นมาด้วยความเร็วอย่างไม่ยอมหยุด จึงได้ส่งสัญญาณแจ้งให้เจ้าหน้าที่ห้ามรถแยกยมราช ทำการห้ามรถที่จะวิ่งตัดรางรถไฟได้ แล้วแจ้งไปยังสถานีรถไฟหัวลำโพงให้ทราบ เพื่อจัดการให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณสถานีได้ออกไปให้พ้นก่อน ซึ่งทางสถานีก็เลือกใช้ชานชลาที่ ๔ เป็นที่กั้นเพื่อหยุดรถมฤตยูขบวนนั้น เพราะเห็นว่ามีราวเหล็กเป็นเครื่องกีดขวาง และมีผู้คนอยู่บริเวณนั้นน้อยกว่าด้านอื่น แล้วแจ้งให้พนักงานประชาสัมพันธ์ของสถานีกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารหลบออกมาเสียก่อน แต่เหตุการณ์ช่วงนั้นฉุกละหุกโกลาหล และขบวนรถจักรก็แล่นมาด้วยความเร็วมาก จึงทำให้หลายคนหนีไม่ทันต้อง เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ทางด้านผู้บัญชาการตำรวจรถไฟและสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลนพวงษ์ได้นำกำลังมาตรวจสอบพื้นที่อย่างเต็มที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกล สารวัตรบำรุงทาง และฝ่ายการเดินรถของการรถไฟ ได้ร่วมกันทำการถอดเครื่องบันทึกเทปความเร็ว จากหัวรถจักรหมายเลข ๔๐๔๔ เพื่อนำไปเข้าเครื่องอ่านว่ารถดังกล่าว วิ่งมาด้วยความเร็วเท่าใดแน่

ต่อมาเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเมื่อได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ก็รีบเดินทางมาทันที เรื่องพรรค์นี้ไม่น่าที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะหัวรถจักรเหล่านี้อยู่ระหว่างการตรวจเช็คเครื่อง เป็นหัวรถจักรแบบยีอีใช้เครื่องแฮมมิ่งของสหรัฐอเมริกา ขนาดเครื่อง ๑๒๐๐ แรงม้ามีอายุใช้งาน ๒๕ ปี และใช้งานมาแล้ว ๒๓ ปี ราคาคันละ ๘ ล้านบาท ซึ่งหัวรถจักรแบบนี้การรถไฟมีอยู่ ๕๐ คัน บางคันปลดระวางไปแล้วก็มี เป็นแบบที่ไม่มีระบบเบรคอัตโนมัติ ไม่เหมือนรถรุ่นใหม่แบบอันต้อม ที่มีกำลังแรง ๑๕๐๐ แรงม้า และมีระบบเบรคอัตโนมัติ

ผู้ว่าการรถไฟกล่าวด้วยว่า ตนเองก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เช่นกันว่า รถจักรทั้งหมดวิ่งออกมาจากโรงซ่อมบางซื่อ โดยไม่มีคนขับจึงได้แจ้งให้หน่วยกั้นรถตามสี่แยกต่าง ๆ ทราบ แต่แยก ประดิพัทธ์นั้นอยู่ใกล้ที่สุด จึงกั้นไม่ทันทำให้ชนรถแท็กซี่และจักรยานยนตร์เสียหาย ส่วนที่แยกราชวิถี สะพานเสาวนีย์ แยกยมราช ปิดกั้นได้ทันหมด แล้วแจ้งให้ทางสถานีหัวลำโพงทราบ แต่เพียงแค่ ๒ นาทีเท่านั้น หัวขบวนรถจักรก็โผล่มาให้เห็น จึงตัดสินใจใช้ชานชลาที่ ๔ จากจำนวน ๑๓ ช่อง โดยสับรางให้วิ่งเข้าไปยังที่หยุด เพราะไม่ทราบว่ารถวิ่งมาด้วยความเร็วเท่าไร แต่หลังเกิดเหตุแล้วก็พบว่ารถวิ่งมาจากบางซื่อถึงสถานีหัวลำโพง ใช้เวลาเพียง ๑๒ นาที

ผู้ว่าการรถไฟเปิดเผยต่อไปว่า เรื่องนี้การรถไฟจะต้องรับผิดชอบผู้บาดเจ็บและ ผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยสถานีตำรวจนครบาลนพวงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของคดีจะเป็นผู้ตรวจสอบและแจ้งมาให้ทราบ สำหรับเบื้องต้นนี้จะให้ค่าทำศพคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนคนที่บาดเจ็บก็จะออกค่ารักษาพยาบาลให้ และจะพิจารณาถึงความเสียหายที่แท้จริงต่อไป ส่วนสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ จะได้ให้คณะกรรมการอุบัติเหตุถาวร ทำการตรวจสอบโดยด่วน

ต่อมาวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน เวลา ๐๙.๐๐ น. ผู้ว่าการรถไฟได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการรถไฟร่วมประสานงานกับตำรวจรถไฟ อยู่ที่ศูนย์สถานีรถไฟหัวลำโพง ได้รายงานให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว เจ้าหน้ารถไฟในตำแหน่งนายตรวจกล ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการซ่อมรถไฟทั้งหมดที่โรงจักรกลบางซื่อ มาทำการสอบสวนปากคำแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ที่ผ่านมาได้สอบสวนไป ๓ ปากแล้ว ยังต้องสอบเพิ่มอีก ๕ คน

เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น.วันเดียวกัน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำตัวนายตรวจกลมาร่วมชี้แจง โดยนายตรวจกลได้รับว่าตนเป็นผู้ติดเครื่องรถจักรคันหมายเลข ๔๐๔๔ ซึ่งได้ซ่อมเสร็จแล้ว รอตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง ขณะนั้นได้มีคนงานของการรถไฟ มาตามให้ไปดูรถจักรคันหมายเลข ๔๑๑๘ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ ๔๐ เมตร พอไปดูเสร็จแล้วก็กลับมาที่คันหมายเลข ๔๐๔๔ แต่ปรากฏว่ารถได้เคลื่อนออกไปจากที่จอดแล้ว

ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เปิดเผยต่อไปว่า ตนได้เข้าไปหาข้อเท็จจริง และดูขั้นตอนการติดเครื่องรถจักร และขั้นตอนการที่จะทำให้รถเคลื่อนที่แล่นไปได้ และพบว่าในบริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ ห่างจากตัวโรงงานประมาณ ๙๐๐ เมตร มีเหล็กกั้นรถที่จะทำให้รถตกรางได้ แต่ในขณะเกิดเหตุพบว่าเหล็กกั้นนั้นเปิดให้รถวิ่งออกไปทางหัวลำโพง สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ามีการซ่อมทางบริเวณใกล้เคียงกับเหล้กกั้นประมาณ ๔๐๐ เมตร จึงได้เปิดเหล็กกั้นไว้ให้รถวิ่งผ่านได้

จากการตรวจสอบ ในวันเกิดเหตุมีความพอดีกันทุกอย่าง ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งข้อหากับใครทั้งนั้น แต่ขอควบคุมตัวนายตรวจกลไว้ก่อน เพราะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่เรื่องทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องฟังผลสรุปของคณะกรรมการของการรถไฟเสียก่อน คาดว่าอีก ๒ วันคงจะสรุปผลได้ ขณะนี้ได้มีการพิจารณาว่าเจ้าหน้าที่การรถไฟ ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือไม่ เพราะมีกฎของการรถไฟว่า เมื่อมีการติดเครื่องแล้ว เจ้าหน้าที่จะลงจากรถจะต้องดับเครื่องก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ

ถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยว่า นายตรวจกลได้รับว่าเป็นผู้ติดเครื่องรถจักร แล้วลงจากรถไปดูรถอีกคันหนึ่ง รถก็เลยเคลื่อนออกมา ผลการเสียหายของทางการรถไฟ คาดว่าว่าประมาณล้านกว่าบาท ส่วนผู้เสียชีวิตจะชดใช้ให้ในเบื้องต้นคนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าหากผู้เสียหายร้องขอมาว่ามีความจำเป็น ก็มีกรรมการพิจารณาเพิ่มให้อีก ในกรณีที่มีผู้สงสัยว่ารถมันวิ่งออกมาได้อย่างไรนั้น ทางกระทรวงคมนาคมก็ให้ปลัดกระทรวงร่วมสอบสวนด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ ทุกวิถีทาง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ของการรถไฟที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ขอย้ำว่าอย่าไปหลงงมงายว่าเป็นรถผีสิง เพราะเหตุที่รถจักรคันนี้ได้เคยก่อเหตุชนประสานงาที่สถานีตลิ่งชัน เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ มีคนตายนับร้อยคน

ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้ตั้งข้อหานายตรวจกลฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้สอบผู้เกี่ยวข้องอีกคนหนึ่ง คือเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการสับราง ซึ่งเปิดเครื่องกั้นรถตั้งแต่เวลา ๐๘.๑๐ น. แต่ไม่ได้ปิดทำให้รถเคลื่อนออกไปได้ ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้และตั้งข้อหาเช่นเดียวกัน

วันที่ ๑๒ เดือนเดียวกัน คณะกรรมการสอบสวนของการรถไฟ ได้เตรียมสรุปผลการสอบสวนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุอันเกิดมาจากการที่พนักงานรถไฟไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของการเดินรถ กล่าวคือนายตรวจกลซึ่งเป็นคนติดเครื่องรถจักรแล้วไม่อยู่บนรถ เป็นเหตุให้หัวรถจักรปราศจากคนควบคุม ส่วนพนักงานควบคุมหอสัญญาณเปิดประแจสับหลีกแล้วไม่สับกลับ เป็นเหตุให้หัวรถจักรวิ่งเข้าไปถล่มสถานีหัวลำโพง

และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่า ความผิดในฐานประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ในมาตรา ๒๙๑ โทษจำคุก ๑๐ ปี

สุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๙ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้แถลงถึงผลของการสอบสวน หาตัวผู้รับผิดชอบการที่หัวรถจักรชนหัวลำโพงว่า ตามที่ได้เกิดอุบัติเหตุรถดีเซลตัวเปล่า ๖ คันวิ่งออกจากย่านโรงรถจักรดีเซลบางซื่อโดยไม่มีพนักงานขับรถ วิ่งเข้าชนชานชลาสถานีกรุเทพ ฯ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๐๘.๕๕ น. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๔ คน บาดเจ็บ ๓ คน รถจักรดีเซลตกราง และชานชลาสถานีกรุงเทพ ฯ ได้รับความเสียหายนั้น การรถไฟขอสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทราบดังนี้

ในคำแถลงนั้นได้แจ้งผลของการสอบสวนรวม ๕ ข้อ และมีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุแบบนี้อีก ๗ ข้อ สรุปความได้ตามข้อ ๕ ว่า

ผลการสอบสวนได้พบว่า นายตรวจกลได้เป็นผู้ติดเครื่องยนต์รถจักรดีเซลเลขที่ ๔๐๔๔ โดยที่ในขณะที่ติดเครื่องยนต์ไม่ได้ตรวจสอบว่า เกียร์อยู่ในท่าเดินหน้าหรือถอยหลัง หลังจากติดเครื่องยนต์แล้วได้เร่งรอบไปตำแหน่งที่ ๕ เพื่อทดสอบเครื่องยนต์ และในระหว่างที่ลมยังไม่ได้พิกัด นายตรวจกลได้ถูกเรียกตัวไปตรวจสอบรถจักรอีกคันหนึ่ง ซึ่งนายตรวจกลได้สั่งรายการซ่อมไว้ผิด นายตรวจกลจึงลงจากรถโดยมิได้ดับเครื่องยนต์ ประกอบกับในเช้าวันเกิดเหตุได้มีหน่วยซ่อมทางจะต้องเข้ามาซ่อมทางในย่านโรงรถจักรดีเซลบางซื่อ พนักงานควบคุมย่านบางซื่อผลัดที่ออกเวร ๐๘.๐๐ น. ได้บันทึกไว้ว่าจะขอเปิดทาง เพื่อให้รถซ่อมบำรุงขนาดเบาเข้ามาซ่อมทาง พนักงานควบคุมย่าน ฯ ที่เข้ามารับเวรใหม่เมื่อเห็นบันทึกดังกล่าว จึงได้เปิดเครื่องตกรางเมื่อเวลาประมาณ ๐๘.๑๐ น. และเปิดทิ้งไว้ในช่วงต่อมา รถจักรดีเซล ๖ คัน ซึ่งมีรถจักรหมายเลข ๔๐๔๔ ที่นายตรวจกลได้ติดเครื่องไว้ จึงวิ่งผ่านเครื่องตกรางเข้าสู่ทางประธานได้

ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เจ้าพนักงานทั้งสองคนนั้น มีความผิดฐานประมาท ทางคณะกรรมการพิจารณาโทษถึงขั้นไล่ออก แต่ปรากฏว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยมีความผิดมาก่อน จึงเป็นเพียงแค่ให้ออกเท่านั้น แต่ในด้านคดีอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการต่อไป ตามกฎหมาย

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดพิศดารนี้ จึงต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในรอบร้อยปี และหลังจากนั้นจึงได้มีการสร้างเครื่องกีดขวางอย่างแข็งแรงขึ้นที่ปลายรางของสถานีรถไฟหัวลำโพงกรุงเทพ ป้องกันรถไฟแล่นออกจากรางเข้าชนสำนักงานต่าง ๆ ของสถานีกรุงเทพ ฯ อีก

และได้อยู่มาอีกเกือบ ๒๐ ปี โดยไม่มีรถไฟผีสิงขบวนไหนพุ่งออกมา ทดลองความแข็งแกร่งของเครื่องกั้นใหม่นี้อีกเลย คงจะเข็ดเขี้ยวไปแล้ว.

#######

มุมประวัติศาสตร์ ห้องสมุด
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒








 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 7:52:12 น.
Counter : 561 Pageviews.  

โจรช่างเจาะ

สัพเพเหระ

โจรช่างเจาะ

“ เทพารักษ์ “

การโจรกรรมนั้น มีมากมายหลายประเภท แต่บรรดาเหล่าร้ายที่หากินในทางปล้นทรัพย์ชอบมากที่สุด ก็น่าจะเป็นการปล้นร้านทอง ปล้นธนาคาร หรือปล้นรถขนเงินเดือน เพราะเป็นเงินจำนวนมากน่าจะเสี่ยง ถ้าทำได้สำเร็จแล้วเอาไปซุกซ่อนไว้ให้พ้นมือเจ้าหน้าที่ ถึงจะถูกจับติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมาแล้วก็มีหวังรวยคุ้มกับการเสี่ยง ดังที่เราจะได้เห็นอยู่เสมอในภาพยนตร์ของฝรั่งและจีน แต่สำหรับเรื่องจริงในประเทศไทยนั้น ไม่เห็นรอดมือเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสักรายเดียว

เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๗ ได้มีกลุ่มโจร ๖ คน ร่วมมือกันปล้นเงินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะนำมาจ่ายเงินเดือนของข้าราชการไปเป็นจำนวนถึง ๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท ทำให้ ข้าราชการต้องรับเงินเดือนล่าช้าไปถึงสามสี่วัน แต่ในที่สุดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้หมดทั้งแก๊ง และได้เงินคืนมาเกือบหมด

ต่อมาอีกหกเดือนก็เกิดการปล้นขึ้นอีก เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๑.๐๐ น. นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารทหารไทย สาขาราชดำเนิน ว่าตู้เซฟของธนาคารถูกคนร้ายตัดเจาะเอาเงินไป ๙,๑๘๒,๑๘๐ บาท เป็นธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาท ๑๐๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐ บาท กับเงินเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อได้รับแจ้งแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าคนร้ายได้ใช้เครื่องมือ ตัดเจาะผนังตึกเป็นช่องขนาดกว้างยาวด้านละฟุตครึ่ง สำหรับคนตัวเล็ก ๆ ลอดเข้าไปได้ และตัดเหล็กลูกกรงที่ล้อมตู้เซฟอีกชั้นหนึ่ง แล้วจึงตัดเจาะตัวตู้เซฟล้วงเอาเงินออกไป

จากการสอบสวนได้ความว่า ทางธนาคารได้ว่าจ้างบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่เขตยานนาวา มาทำการตกแต่งภายใน ตั้งแต่เมื่อสี่เดือนที่แล้วยังไม่เสร็จ และเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนนี้คนงานของบริษัททั้งสิ้น ๑๒ คน ได้ขนเครื่องมือตัดเจาะและเชื่อมเหล็กเข้าไปในธนาคาร เพื่อเตรียมการก่อสร้างแต่งเติมอาคารภายใน

จนถึงวันจันทร์ที่ ๒๓ เดือนนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารเข้าไปทำงาน ปรากฏว่าไฟฟ้าในสำนักงานขาดเปิดไม่ติด จึงติดต่อให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาต่อไฟให้ เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าตรวจไปจนถึงแหล่งจ่ายไฟฟ้ารวม จึงพบว่ามีช่องโหว่จากผนังตึกจนถึงตัวตู้เซฟ เจ้าหน้าที่จึงรู้ว่าเงินในเซฟ หกล้านกว่าบาทได้ถูกคนร้ายกวาดไปหมดเกลี้ยง จากการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้พบเพียงรอยนิ้วมือของคนร้ายเต็ม ๆ ฝ่ามือติดอยู่ที่ผนัง และพบหินเจียรนัย ๕-๖ อัน พร้อมมอร์เตอร์สำหรับใช้กับหินเจียรนัยและคีมตัดเหล็ก ที่คนร้ายทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวคนงานของบริษัทที่ รับเหมาตกแต่งสำนักงานทั้งหมดไปค้นบ้านแต่ก็ไม่มีบ้านไหนมีหลักฐานที่น่าสงสัยเลย

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายรายนี้ ต้องมีไม่ต่ำกว่าสามคน เพราะเครื่องมือตัดเจาะนั้นมีความแรงถึง ๔ แรงม้า และใช้ใบหินถึง ๕-๖ ใบ คนร้ายต้องทำงานอย่างหนัก เพราะมีการใช้ค้อนและเหล็กสกัดด้วย คนร้ายได้ใช้เวลาทำการ ในช่วงวันเสาร์หรืออาทิตย์ โดยใช้เวลาประมาณสอง ชั่วโมง

ต่อมาหลังจากที่มีการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพื่อวางแผนจับกุมคนร้ายแล้ว ได้แถลงว่า ภายในธนาคารทหารไทยมีการตกแต่งสถานที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน โดยคนงานของบริษัทรับเหมา มีทั้งช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างทาสี ผลัดเปลี่ยนกันมาหลายรุ่น ได้ทำการสอบสวนไปแล้ว ๑๒ คน จะต้องสอบต่อไปอีก ๒๐ คน

ช่วงเกิดเหตุหลังวันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม เวลา ๑๗.๓๐ น. พนักงานเก็บเงินของธนาคารได้นำเงินมาเก็บที่ตู้เซฟเป็นเงิน ๑๑ ล้านบาท หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน ในเวลา ๑๘.๓๐ น. คงมีแต่ยามเป็นแขกอินเดียซึ่งถือลูกกุญแจเปิดสำนักงาน เฝ้าอยู่ภายนอก ส่วนนักการภารโรงก็มีกุญแจเปิดประตูเหมือนกัน เมื่อมีพนักงานเข้ามาทำงาน ก็จะขอกุญแจไขประตูเข้าไปได้

อาคารที่เกิดเหตุมีสี่ชั้น ชั้น ๑-๒ เป็นของธนาคาร ชั้นที่ ๓-๔ เป็นของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ทางธนาคารได้มีประกันการโจรกรรมไว้ วันธรรมดา ๑๒ ล้านบาท วันสิ้นเดือน ๓๒ ล้านบาท

ส่วนขั้นตอนของการปฏิบัติของคนร้ายนั้น หลังจากคนร้ายเห็นว่าปลอดคนที่อยู่ภายในแล้ว ก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องสวิทช์บอร์ด แล้วลงมือเจาะกำแพงหนาหนึ่งฟุตครึ่ง บรรจุทรายไว้ข้างในเพื่อป้องกันความร้อนจากไฟไหม้ เมื่อเจาะผ่านแล้วเข้าไปอีกชั้นหนึ่งจะพบลูกกรงเหล็กก็ตัดเหล็กเข้าไปถึงตัวตู้เซฟ คนร้ายจึงใช้ไฟเจาะผนังเซฟจนเป็นรูกว้าง แล้วใช้มือเอื้อมเข้าไปล้วงเงินออกมา เท่าที่มือจะเอื้อมถึง ตัวตู้เซฟสูง ๑ เมตร ๕๐ ซ.ม. กว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้ว ใช้งานมาแล้ว ๒๗ ปี เมื่อเสร็จงานแล้วคนร้ายได้นำเครื่องมือไปโยนทิ้งไว้ในแอ่งน้ำชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ได้งมเอาขึ้นมาเป็นหลักฐาน ขณะนี้ยังบ่งบอกชัดไม่ได้ว่าคนร้ายลงมือเวลาใด เจ้าหน้าที่ได้แบ่งการสืบสวนออกเป็นสองสาย เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายสายหนึ่ง อีกสายหนึ่งรวบรวมพยานหลักฐาน

ต่อมาในวันที่ ๒๖ กรกฎาคม เวลา ๑๗.๓๐ น. เจ้าหน้าที่คำรวจได้แถลงผลงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก้าวหน้าไปมาก เป็นที่น่าพอใจ และเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจที่เกิดเหตุซ้ำก็พบหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกมาก ผู้ร่วมมือในการโจรกรรมครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องภายในธนาคารสาขาราชดำเนินแห่งนี้เป็นอย่างดีชนิดละเอียดทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ๒๑ ปาก และการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะต้องพิมพ์ใหม่เพื่อความรอบคอบ โดยเฉพาะแขกยามนักการและภารโรง รวมทั้งผู้ที่มาทำงานล่วงเวลาในวันเสาร์อาทิตย์ด้วยและมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้มุ่งประเด็น ไปยังพนักงานธนาคารทหารไทยเอง เพราะเชื่อแน่ว่าเกลือต้องเป็นหนอน

ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม เวลา ๑๑.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายโจรกรรมเงินในตู้เซฟของธนาคารทหารไทยว่า เมื่อเวลา ๐๑.๐๐-๐๓.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาฐจนบุรี ได้เข้าค้นร้านตัดผม ในตำบลท่าม่วง พบกระสอบข้าวสารซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงนอน เป็นที่ผิดสังเกตจึงนำออกมาแก้เชือกผูกปากถุง ก็พบว่ามีธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาทอยู่ก้นกระสอบ เทออกนับจำนวนได้ ๙๖๐,๐๐๐ บาท

สองสามีภรรยาเจ้าของร้านช่วยกันให้การว่า เมื่อ วันที่ ๒๘ เดือนนี้หลานชายของภรรยาได้นำกระสอบนี้มาฝากบอกว่าอีกสองวันจะมารับคืน โดยทั้งสองไม่ทราบว่าเป็นเงิน จากนั้นหลานชายก็ไปซื้อรถจักรยานยนต์ที่อำเภอท่ามะกา เอามาขับขี่ฉุยฉายอยู่ตามตลาด แต่ไม่นานก็เอารถไปคืนบริษัท ได้เงินกลับมา ๒๙,๕๐๐ บาท แล้วก็หายตัวไปไม่ได้กลับมาอีกเลย ทั้งสองยืนยันปากคอสั่นว่า ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเงินร้อน และไม่เคยเปิดกระสอบออกมาดู เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบที่กรุงเทพ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวคนร้ายสองคน ชื่อนายจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ ๓๐ ปี จากบ้านแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ธนาคารทหารไทย สาขาราชดำเนิน และนายชื่น (นามสมมุติเหมือนกัน) อายุ๒๖ ปี จากบ้านแขวงมักกะสัน เขตพญาไท ซึ่งเป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ที่ถูกไล่ออกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีเดียวกันนี้ พร้อมยึดของกลางเป็นเงินสด ๕,๖๘๑,๒๙๐ บาท และทองรูปพรรณหนักประมาณ ๕๐ บาท คิดเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ

นายจันทร์ผู้ต้องหาได้เปิดเผยการทำงานครั้งนี้ว่า ตนได้เข้าไปในธนาคารช่วงตอนเย็นของวันที่ ๒๐ กรกฎาคม และแอบซ่อนอยู่ในห้องสวิทช์บอร์ดไฟฟ้ากับนายชื่น เมื่อพนักงานธนาคารเลิกงานกลับบ้านไปหมด เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยล็อคประตูทางเข้าออกเรียบร้อย จึงรออยู่จนกระทั่งเวลา ๒๑.๐๐ น. เป็นช่วงที่ให้แขกยามมาเปลี่ยนเวรรักษาความปลอดภัย จึงลงมือเจาะผนังปูนจนถึงลูกกรงเหล็ก ตนรู้ว่าไฟฟ้าเสีย แต่ได้โยนชะแลงเหล็กเข้าไปเพื่อทดสอบสัญญาณไฟ ก็ไม่มีเสียงสัญญาณดังขึ้น เมื่อเห็นว่าปลอดภัยทุกประการแล้ว จึงใช้คีมเหล็กตัดสายยูกุญแจจนขาด จากนั้นก็ใช้เครื่องตัดเป็นแผ่นจานเจียรนัย ตัดผนังตู้เซฟระหว่างชั้นที่ ๒ กับชั้นที่ ๓ กว้างด้านละฟุตกว่า เมื่อแผ่นเหล็กหลุดออกมาเป็นช่องแล้ว จึงได้ใช้มือล้วงเข้าไปโกยเอาเงินออกมาใส่ถุงผ้าใบซึ่งเป็นถุงของธนาคารทหารไทย จนกระทั่งมือล้วงเข้าไปไม่ถึงจึงเอาเหล็กเส้นปลายงอเป็นตะขอ เข้าไปกวาดเงินออกมาจนแน่นเต็มถุง แล้วเดินลงมาใต้ฐานตึกชั้นล่าง เปิดก๊อกน้ำล้างขี้ฝุ่นที่ติดตามตัวออก แล้วทิ้งเครื่องมือไว้ในบ่อ

เมื่อล้างเนื้อล้างตัวเสร็จแล้ว ก็รีบขึ้นมาออกทางประตูหน้า โดยตนเองได้ทำกุญแจผีไว้แล้ว ที่ไม่ออกทางประตูหลังก็เพราะมีแขกยามนอนหลับอยู่ เมื่อไขประตูออกมาได้ก็รีบขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้หน้าธนาคาร กลับไปบ้านของตนเองที่ถนนลาดพร้าว เอาเงินออกมาแบ่งคนละ ๔,๕๕๐.๐๐๐ บาทเท่า ๆ กัน เมื่อแบ่งเรียบร้อยแล้ว นายชื่นก็ได้เดินทางกลับบ้าน ส่วนตนเองได้เข้าไปทำงานตามปกติ ไม่มีพิรุธให้เห็น งานครั้งนี้ตนได้วางแผนอยู่ประมาณสองเดือน

นายชื่นนั้นได้ใช้เงินส่วนแบ่งอย่างฟุ่มเฟือย เป็นที่ผิดสังเกตของชาวบ้าน ได้ซื้อทองให้เมียใส่ ทั้งของตนเองด้วยหนัก ๕๐ บาท และได้เดินทางหลบหนีไปหลายจังหวัด คอยติดตามความเคลื่อนไหวของตำรวจจากหนังสือพิมพ์ และสุดท้ายได้มาเสียม้าแข่งที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเงินหนึ่งล้านบาท

นายจันทร์ได้เปิดเผยต่อไปว่า ได้ตกลงใจทำกันสองคนไม่ยอมให้ใครมาร่วมมือด้วย ตั้งแต่เริ่มลงมือจนกระทั่งสิ้นสุดนั้น เหงื่อเปียกโชกทั้งตัว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คิดชั่ว ส่วนสาเหตุก็เพราะอยากได้เงินเพื่อขยับฐานะให้ดีขึ้น และประการสำคัญที่ช่วยให้ตัดสินใจเด็ดขาด เนื่องมาจากความไม่พอใจ ที่ผู้บริหารงานชั้นผู้ใหญ่ไม่เห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่จะจ้างให้ดูแลไปตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่กลับไปจ้างบาบูแขกยามมาเฝ้ากลางคืน ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เอาแต่หลับยามตลอด ไม่คอยตรวจตราดูแล ตนเองทำการโจรกรรมครั้งนี้เพื่อให้เห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนเงินนั้นตนยังไม่ได้ใช้เลย

เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลได้ไม่เกิน ๗ วัน และได้นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารทหารไทยมาตรวจสอบนับเงิน และรับคืนต่อไป ซึ่งผู้จัดการธนาคารสาขาราชดำเนิน ได้ออกปากชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าทำงานเก่งสามารถจับคนร้ายได้รวดเร็ว และได้เงินคืนเป็นจำนวนมาก จึงจะต้องมีรางวัลสมนาคุณแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ออกปฏิบัติงานตามสมควร

ส่วนคนร้ายทั้งสอง ที่ไม่ว่าจะก่อกรรมครั้งนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม สุดท้ายก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน หลังจากที่นึกว่าประสบความสำเร็จ และได้ลูบคลำเงินหลายล้านอยู่ เป็นเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น.

###########




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 5:32:43 น.
Counter : 477 Pageviews.  

เรื่องของความตาย

สัพเพเหระ

เรื่องของความตาย

“ เทพารักษ์ “

เมื่อนานมาแล้วมีศาสตราจารย์นายแพทย์ท่านหนึ่ง ได้เขียนหนังสือไว้ว่า คนเราตายได้กี่วิธี ท่านบรรยายถึงสาเหตุการตายไว้หลายสิบเรื่อง ทำให้ชาวบ้านที่ไม่ค่อยประสีประสา ในเรื่อง โรคภัยไข้เจ็บ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นตามสมควร แต่ในภายหลังมีชื่อโรคที่ไม่ได้อยู่ในสารบบ ของนายแพทย์ท่านนั้น คือโรคระบบการหายใจล้มเหลว ก็ทำให้ชาวบ้านธรรมดางุนงงกันพอสมควร เพราะต่างก็ทราบกันเป็นอย่างดีว่า เมื่อไม่หายใจก็ต้องตายแน่ แต่เพราะเหตุใดเล่าที่ทำให้เลิกหายใจ

การหายใจนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา พระท่านว่าหายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าก็ตาย ท่านจึงให้พิจารณาลมหายใจเข้าออกเป็นหลักของการทำสมาธิ ส่วนจะใช้สิ่งใดประกอบการพิจารณานั้น ก็แล้วแต่อาจารย์แต่ละท่าน ซึ่งท่านชำนาญในวิธีไหน ส่วนผู้ที่ฝึกทำสมาธิก็เลือกเอาได้ ตามอัธยาศัยของตน

แต่โรคระบบการหายใจล้มเหลวนี้ ได้เกิดเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาเมื่อหลายปีมาแล้ว เหตุเกิดเมื่อ วันที่ ๓๐ เดือนกรกฎาคม เวลา ๑๓.๕๐ น. นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่สมาคมพุทธสมาคมปทุมรังษี ถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู บุปผาราม บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย และสมเด็จเจ้าพระยา มาช่วยควบคุมสถานการณ์

เมื่อเจ้าหน้าทั้งหลายมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่ามีประชาชนหลายพันคน กำลังชุลมุนกันอยู่เนื่องจาก แย่งกันรับแจกข้าวของ จากทางสมาคม ซึ่งได้เคยปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเคลียร์พื้นที่ เพื่อควบคุมความวุ่นวายและจัดระเบียบ เมื่อควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ก็ปรากฏว่ามีประชาชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ๔ ศพ ในข่าวว่าเป็นหญิงแก่ ๒ คน แต่คนหนึ่งมีอายุเพียง ๔๔ ปี และอีกคนหนึ่งก็มีอายุเพียง ๔๗ ปีเท่านั้น อีกคนหนึ่งเป็นชายอายุประมาณ ๓๐ กว่าปี ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายอายุประมาณ ๑๐ กว่าปี

นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่ยังพบคนเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ เช่นโรงพยาบาลมิตรภาพ ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด ๑๕ คน โรงพยาบาลตากสิน ๓๑ คน โรงพยาบาลศิริราช ๑๓ คน โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า ๒ คน รวม ๖๑ คน ในเวลาต่อมาคนเจ็บเหล่านี้ได้ตายเพิ่มขึ้นอีก ๑๕ ศพ รวมแล้วมีคนตายทั้งหมด ๑๙ ศพ นอกนั้นบาดเจ็บสาหัส ๔๖ คน

เจ้าหน้าที่จึงห้ามแจกจ่ายของเด็ดขาด แล้วนำตัวนายกสมาคม ไปสอบสวน ได้ความว่าสมาคมแห่งนี้ได้ตั้งมา ๒๑ ปีแล้ว ปกติทุกปีในช่วงนี้สมาคมจะจัดให้มีการแจกสิ่งของ รวมทั้งข้าวสารอาหารแห้งให้กับประชาชนทั่วไป และนายกสมาคมจะอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๒ ปี สำหรับปีนี้ทางสมาคมได้จัดงานในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม โดยแจกข้าวสารหนัก ๕ ก.ก. ผ้าขาวม้า ๑ ผืน เงิน ๑๐ บาท เส้นหมี่ ๑ ห่อ ขนมอีก ๑ ห่อ และร่มกันแดด ๑ คัน จากนั้นก็จะมีการแสดงงิ้วให้ชมฟรี

ก่อนที่จะมีการแจกของ นายกสมาคมซึ่งเป็นคนเชื่อเรื่องเข้าเจ้าเข้าทรง จึงได้ทรงและเจ้าบอกว่าควรจะแจกใน เวลา ๑๓.๓๐ น. จึงให้ประชาชนที่ทยอยกันเข้ามาในบริเวณที่ทำการของสมาคมตั้งแต่ ๐๙.๐๐ น. จนกระทั่งเต็มพื้นที่ของสมาคม จากนั้นทางสมาคมก็ได้สั่งให้ปิดประตู ให้ผู้ที่อยู่ภายนอกคอยก่อน เมื่อได้เวลาทางสมาคมก็เปิดการแจกสิ่งของดังกล่าว แต่เนื่องด้วยประชาชนอีกเป็นจำนวนนับพันคนซึ่งคอยอยู่ด้านนอก ไม่พอใจในการกระทำของเจ้าหน้าที่สมาคม และต่างก็หวังว่าจะได้รับของแจกในครั้งนี้ด้วย จึงช่วยกันพังประตูของสมาคมเข้าไป

เมื่อคลื่นมนุษย์ฮือเข้าไปจากด้านนอก เพื่อจะแย่งเอาของแจก จึงทำให้ประชาชนที่เข้าไปนั่งอยู่ก่อนแล้ว ลุกไม่ทัน จึงถูกผู้ที่เข้าไปใหม่เหยียบย่ำเอาจนได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างน่าอนาถ เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กที่ตามมากับพ่อแม่และญาติ ๆ เพื่อช่วยกันรับของแจก ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ของที่ได้รับแจกนี้มีความหมายกับชีวิตของเขาเหล่านั้นเป็นอันมาก ซึ่งในจำนวนที่ตายเพิ่มนั้นเป็นเด็กถึง ๑๒ คน

ต่อมารองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีกสิบกว่าคน ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ เพื่อรับแจ้งจากครอบครัวของผู้ตายและบาดเจ็บ ว่าทางราชการจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ส่วนนายกสมาคมที่เป็นต้นเหตุได้บอกว่า เรื่องการให้ความช่วยเหลือนั้น ทางสมาคมจะช่วยเหลือคนตาย ตั้งแต่เรื่องพิธีทางศาสนา และด้านอื่น ๆ กับชี้แจงว่าโดยปกติแล้วทุกปีจะมีผู้มารับแจกของเพียงแค่พันกว่าคนหรือน้อยกว่านั้น แต่มาปีนี้คนที่มารอรับของแจก ได้แห่กันมาเป็นเรือนหมื่น คลื่นมนุษย์จึงยัดเยียดถึงกับเหยียบกันดังกล่าว แม้ทางสมาคมจะประกาศว่า มีการเหยียบกันจนบาดเจ็บและตาย แต่คนข้างหลังก็ยังไม่หยุด คงทยอยไหลตามกันเข้ามาอีก ซึ่งครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ ทางสมาคมจะรับผิดชอบทุกประการ

ผู้เสียหายรายหนึ่งคือนางสุ อายุ ๔๑ ปี ขายของอยู่ที่สี่แยกบ้านแขก ซึ่งหอบลูกมารอรับของแจกกับเขาทุกปี และคราวนี้ต้องสังเวยด้วยชีวิตของบุตรสาววัย ๗ ขวบ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วย น้ำตานองหน้า ว่าตนเองได้มารับของแจกที่สมาคมนี้ทุกปี ปีนี้ ตนพาลูกสองคนไปนั่งรอรับแจกแต่เช้า ขณะเกิดเหตุตนอุ้มลูกชายอยู่กับตัวมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งจูงลูกหญิง เมื่อคลื่นมนุษย์ไหลเข้ามาทำให้ตนและลูกหญิงล้มลง ตนพยายามจะเข้าไปช่วย แต่เข้าไม่ถึงลูกหญิงจึงถูกเหยียบหายไปต่อหน้าต่อตา

อีกรายหนึ่งคือนางกี่ อายุ ๓๔ ปี อยู่ที่ถนนตากสินแขวงและเขตธนบุรี ได้มารอรับแจกของตั้งแต่เช้าพร้อมด้วยลูกสี่คน เป็นเด็กหญิงสอง เด็กชายสอง ขณะเกิดเหตุตนเองและลูก ๆ ต่างพยายามหนีเอาตัวรอด แต่ทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกหญิงคนโตบอบช้ำมากมีเลือดออกที่ใบหน้า นางกี่บอกว่าเท่าที่ตนเองและลูก ๆ รอดมาได้ก็บุญแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวันที่ ๓๑ กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีได้ตอบข้อซักถามของ ผู้สื่อข่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า กรณีเหยียบกันตาย ๑๙ ศพในการแย่งรับแจกของเมื่อวานนี้ มีความเศร้าสลดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอันมาก ได้สั่งการให้ทางกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเรื่องนี้ โดยหามาตรการในการป้องกันเกี่ยวกับการแจกของ และต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาก็รู้สึกน่าเสียดายมาก ที่ต้องได้รับความกระเทือนใจกันทุกฝ่าย

ทางด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ ได้ไปเยี่ยมบรรดาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ที่โรงพยาบาลศิริราช ในโอกาสดังกล่าวผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุของการตายครั้งนี้เกิดจากการเบียดเสียดแย่งของแจก จนล้มทับกันถึงสามชั้น ผู้ถูกทับด้านล่างไม่มีอากาศหายใจก็เสียชีวิตทันที บางรายโดนกระแทกล้มลงคอหัก แต่อย่างไรก็ตามไม่มีการถูกทุบตีแต่ประการใด ส่วนบรรดาผู้บาดเจ็บตอนนี้โรงพยาบาลพร้อมรับมือเต็มที่ เนื่องจากมีนักศึกษาแพทย์ให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว

ในด้านการช่วยเหลือนั้น ผู้เสียชีวิตจะได้ค่าทำศพคนละ ๒,๐๐๐ บาท ผู้บาดเจ็บจะได้รับการรักษาพยาบาลตามความเป็นจริง รายละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งถ้าหากรักษาในโรงพยาบาล ของรัฐ ก็จะไม่ต้องเสียค่ารักษาแต่อย่างใด

สรุปว่าผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ส่วนใหญ่จะถูกทับจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ยินครั้งแรกในเวลานั้น แล้วก็เพิ่งจะมาได้ยินสาเหตุของการตายเช่นนี้อีก เมื่อไม่นานมานี้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ผ่านมาแล้วถึง ๒๐ ปี

เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ โน่น และยังจะมี ผู้ใดจำได้บ้าง หรือว่าพากันลืมไปหมดแล้วก็ไม่รู้ .

##########





 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 11 พฤษภาคม 2553 5:59:18 น.
Counter : 396 Pageviews.  

ผลของกรรม

สัพเพเหระ

ผลของกรรม

“ เทพารักษ์ “

บรรดาข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเรียกกันว่ามนุษย์เงินเดือนนั้น วันสิ้นเดือนจะเป็นวันสำคัญที่สุดของเขา เพราะเป็นวันจ่ายเงินเดือนที่จะทำให้เขาเหล่านั้น มีชีวิตที่สดชื่นต่อไปอีกหลายวัน

แต่เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๗ ข้าราชการหน่วยหนึ่งของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ต้องเกิดความตระหนกตกใจ และระส่ำระสายไปตาม ๆ กัน เนื่องจากในเวลา ๐๙.๔๕ น. ได้มีชายสองคนแต่งกายเยี่ยงสุภาพชน เข้าไปติดต่อราชการตามปกติ แต่ได้เข้าไปในห้องทำงานของ เลขานุการกรม แล้วใช้มีดจี้พนักงานสาวซึ่งเพิ่งไปเบิกเงินสดมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อจะเอามาจ่ายเงินเดือนแก่ข้าราชการ ให้อยู่ในความสงบแล้วกวาดเอาเงินสดไป ประมาณสองล้านหกแสนบาท จากจำนวนทั้งหมดสี่ล้านบาท วิ่งออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์สองคันที่ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อครออยู่ ขึ้นซ้อนท้ายคนละคัน ขับหนีไปอย่างลอยนวล

เมื่อได้รับแจ้งข่าว เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เจ้าของท้องที่ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณห้าสิบเมตร ก็ได้รีบดำเนินการสอบสวนพยานและผู้ใกล้ชิดที่เห็นเหตุการณ์ ตลอดทั้งคืนเพื่อหาข้อมูล จนถึงเช้าวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ก็มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจ นครบาล ก็เข้ามาร่วมประชุมวางแผนจับกุมคนร้ายรายนี้ด้วย

ทางการสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายกลุ่มนี้น่าจะมีไม่น้อยกว่าหกคน และมีการวางแผนมาก่อน โดยคนร้ายได้เข้ามาดักรอเจ้าหน้าที่การเงินอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งการกระทำครั้งนี้น่าจะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งไปรับเงิน หรือในสำนักงานรู้เห็นเป็นใจด้วย แล้วให้สัญญาณกับคนร้าย จึงได้เข้าไปในห้องเก็บเงินได้ถูกต้อง โดยไม่ลังเล แต่คนร้ายที่เข้าปล้นชุดนี้น่าจะไม่ใช่มืออาชีพ อาจเป็นพวกที่ทำ แก้จนเพราะเป็นหนี้สินมาก และที่น่าสังเกตก็คือ เมื่อคนร้ายชิงทรัพย์แล้วขี่จักรยานหลบหนี ได้มี พลเมืองดีเอารถจักรยานสองล้อขวางทางไว้ แต่คนร้ายไม่ได้ยิงแสดงให้เห็นว่าคนร้ายไม่ใช่มืออาชีพอย่างแน่นอน เพียงแต่เป็นคนใจถึงเท่านั้น น่าจะหนีไม่พ้นต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน

ขั้นแรกเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนักการของกระทรวงมาสอบสวน ก่อน เพราะเป็นผู้ที่ร่วมเดินทางไปเบิกเงินด้วย น่าจะรู้เห็นในการปล้นครั้งนี้

ต่อมาถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายศักดิ์ (นามสมมุติ) อายุ ๓๖ ปี พักอยู่แขวงบางนา เขตพระโขนง อาชีพปกติเป็นบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งรับหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์พาเพื่อนหนี เจ้าหน้าที่ได้ยึดธนบัตรตรงตามหมายเลขที่คนร้ายปล้นไป จำนวน ๑๐,๙๑๐ บาทพร้อมกับทองรูปพรรณซึ่งนำเงินที่ปล้นได้ไปซื้อมา มีมูลค่า ๑๑,๗๐๐ บาท สมุดฝากเงินธนาคารจำนวน ๓๙,๗๑๑.๔๒ บาท และจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะหนึ่งคัน

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ นายศักดิ์ได้รับสารภาพพร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ไปเอาเงินจำนวน ๘๓,๕๐๐ บาทที่ฝากไว้กับแม่มาคืนให้เจ้าหน้าที่ และยังนำตำรวจไปจับกุมสมาชิกที่ร่วมโจรกรรมครั้งนี้อีกด้วย

วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายโหม่ง (นามสมมุติ) อายุ ๒๓ ปี ที่บ้านพักถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน โดยมีอาชีพเป็นลูกจ้างชั่วคราวขององค์การป่าไม้ ได้เงินของกลางที่มีหมายเลขตรงกับเงินที่ถูกปล้น จำนวน ๕,๕๐๐ บาท อาวุธปืนพกขนาด ๗.๖๕ ม.ม. พร้อมกระสุนสามนัด และรถจักรยานยนต์ที่พาพรรคพวกหนี

ในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายวรา ซึ่งทำงานอยู่ในร้านอาหาร จากบ้านที่พักแขวงลาดยาว เขตบางเขน ไม่ได้ของกลาง ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายศิริ ไม่ได้ของกลาง เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับนายริน พร้อมของกลางเป็นธนบัตรหมายเลขตรงกับเงินที่ถูกปล้น จำนวน ๓,๐๐๐ บาท แล้วเจ้าหน้าก็ไปจับตัวนายกรุด ได้เงินของกลาง ๒,๐๐๐ บาท ผู้ต้องหาทั้งสามซึ่งเป็นนามสมมุติ ได้ให้การปฏิเสธทุกคน
ต่อมาในวันเดียวกัน เวลา ๒๒.๐๐ น. กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้ไปล้อมแฟลตในซอยถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นที่อยู่ของหนึ่งในแก๊งโจรร่วมปล้นเงินเดือนครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งก็ขึ้นไปยังห้องที่ ๒๐๖ เมื่อเคาะประตูห้องอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบจากด้านใน พอเคาะอีกครั้งก็มีเสียงคนเดินมาที่ประตู ครั้นประตูเปิดออกก็มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระชากหญิงสาวผู้นั้นออกมาให้พ้นประตู แล้วตำรวจสามนายก็กระโจนตีลังกาเข้าไปในห้องเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงปืนแผดกัมปนาทเข้าใส่เจ้าหน้าที่สามนัดทันที ตำรวจทั้งสามนายที่จู่โจมเข้าไปจึงยิงปืนสวนไปคนละนัด พอสิ้นเสียงปืนก็เห็นชายผู้หนึ่งนอนหงายตายสนิท อยู่บนเตียง ในชุดเสื้อดำกางเกงดำ ในมือยังกำปืนพกขนาด .๒๒ ม.ม.มีกระสุนเหลืออยู่ในลูกโม่อีก ๔ นัด

จากการตรวจชันสูตรพลิกศพ และค้นหลักฐานในตัวจึงทราบว่าผู้ตายชื่อนายเปี๊ยก (นามสมมุติ) อายุ ๓๐ ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านขวา หน้าอกขวาและใต้กกหูขวา และทราบว่าผู้ตายมีประวัติการปล้นมาอย่างโชกโชนในหลายท้องที่ เช่น ปล้นสำนักงานที่ดินในเขตท้องที่ สน.ชนะสงคราม ปล้นร้านขายทองย่านเตาปูนสองครั้ง ปล้นร้านขายทองย่านหัวหมาก และยังมีคดีปล้นอีกหลายท้องที่ด้วย

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวนายเลิศ (นามสมมุติ) จากที่พักย่านบางนา ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้วางแผนทั้งหมดในการปล้นครั้งนี้ โดยมีผู้ร่วมแก๊งทั้งสิ้น ๖ คนใช้จักรยานยนต์ ๓ คัน ตนเองเป็นผู้ขึ้นไปดูลาดเลาหลังจากเจ้าหน้าที่นำเงินมาเก็บ แล้วจึงลงมาบอกนายเปี๊ยกขึ้นไปกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ยังหนีการจับกุมอยู่ เมื่อปล้นได้ทรัพย์สินแล้ว จึงแยกย้ายกันหนีไป โดยน้องชายนายเปี๊ยกได้พานายเปี๊ยกไปแบ่งเงินกันที่บ้านแม่เลี้ยง ย่านสามเสน ซึ่งนายเปี๊ยกกับตนได้ส่วนแบ่งมากที่สุด เป็นเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท นายโหม่งได้น้อยที่สุดเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท

เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสำหรับผู้ต้องหาบางคนที่จับมานั้น เป็นคนที่รับใช้หนี้จากพวกคนร้าย ซึ่งจะต้องปล่อยตัวไป และนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้เปิดเผยว่าตำรวจได้สืบสวนจนรู้ว่าเมียนายเปี๊ยกเป็นใครอยู่ที่ไหน จึงได้พาไปเกลี้ยกล่อมจนนางยอมเปิดเผยความจริง ทำให้สามารถตามไปพิชิตนายเปี๊ยกลงได้สำเร็จ ส่วนหญิงสาวที่อยู่ในห้องของนายเปี๊ยกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการปล้นแต่อย่างใด แต่อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเปี๊ยกต้องพบจุดจบ ในครั้งนี้ก็ได้

สำหรับข้าราชการที่อดได้เงินเดือนเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคมนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และผู้ร่วมงานอีกแปดคน ได้เดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มาใหม่โดยขออนุมัติจ่ายเงินสำรองฉุกเฉิน จำนวน สองล้านบาทเศษ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ เพื่อนำมาจ่ายให้แก่ข้าราชการที่ยังไม่ได้รับเงินเดือน โดยขอการคุ้มกันจากตำรวจท้องที่ เพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก ถึงแม้จะเป็นการล้อมคอกภายหลังวัวหายแล้วก็ตาม แต่ช่วยให้บรรดาข้าราชการทั้งหลาย หายหน้ามืดได้ภายในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น

เรื่องก็ควรจะจบลงแค่นี้ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หลังจากที่ถูกควบคุมตัวระหว่างฟ้องศาล อยู่ ๒ ปี เมื่อตำรวจได้นำจำเลย ๕ คน คือ นายเลิศ นายริน นายศิริ นายวรา และนายกรุด ไปศาลเพื่อสืบพยาน ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ เวลา ๐๙.๓๐ น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ ๕๐ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านอาคารศาลอาญา ๒ ถนนหับเผย โดยทุกคนใส่ตรวนที่ขาทั้งสองข้าง ส่วนนายเลิศและนายริน ได้ใส่กุญแจมือติดกันเป็นพิเศษ

เมื่อเข้าห้องพิจารณาคดีแล้ว ก็มีผู้ร่วมคดีที่ได้มีประกันตัวไปอีก ๔ คนรออยู่ก่อน เมื่อผู้พิพากษาและผู้ช่วยผู้พิพากษาสองท่านชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ออกนั่งบัลลังก์แล้วก็ทำการสืบพยานจำเลยไปตามกระบวนความ ระหว่างนั้นนายเลิศซึ่งเป็นจำเลยที่ ๑ ได้ยกมือขออนุญาตศาลเพื่อแถลง แล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับนายรินซึ่งใส่กุญแจมือติดกันอยู่ แล้วเดินไปด้านหลังของโต๊ะผู้พิพากษา ชักปืนที่เหน็บเอวจี้เข้าที่ศรีษะของผู้พิพากษาชาย พร้อมบังคับให้สั่งผู้คุมถอดกุญแจมือ แต่ผู้พิพากษาไม่ยอมออกคำสั่ง ทุกคนในห้องพิจารณาต่างตกตลึงกันหมดไม่มีใครขยับเขยื้อน นายเลิศจึงบังคับให้ผู้คุม ไขกุญแจมือ เพื่อรักษาชีวิตของผู้พิพากษา เมื่อหลุดจากกุญแจมือแล้ว นายเลิศก็หันไปล็อคคอผู้ช่วย ผู้พิพากษาหญิง ไว้เป็นตัวประกัน และเจรจาขอให้จัดยานพาหนะเพื่อหลบหนี ถ้าไม่ได้ในกำหนดเวลาจะสังหารตัวประกันทันที

ต่อมาสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จึง รายงานผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือ แล้วนำกำลังจาก สน.ต่าง ๆ เข้าล้อมศาลอาญาไว้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ กรมราชทัณฑ์ ก็ได้เตรียมรถยนต์ไว้สองคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้วางแผนที่จะจัดการกับคนร้าย ในเมื่อมีโอกาสต่อไป

แต่เมื่อเวลาได้ล่วงไปถึง ๑๒.๔๐ น. ยังไม่ทันที่คนร้ายจะออกจากห้องพิจารณาคดี ได้เผลอตัวขณะที่พยายามจะถอดตรวนออกจากข้อเท้า อัยการผู้เป็นโจทก์ที่อยู่ในห้องนั้นเห็นได้ที จึงโดดเข้าต่อยคนร้ายปืนหลุดจากมือ พอดีกับนายตำรวจที่แอบเข้ามาทางหน้าต่างได้ จึงเข้าจับกุมตัวคนร้ายไว้โดยง่าย ส่วนจำเลยอีกสี่คนก็ไม่ยอมหนี ผู้คุมจึงเข้าควบคุมตัวไว้

ตามข่าวกล่าวว่า การที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นในศาลได้ ก็เพราะภรรยาของนายเลิศได้แอบเอาปืนมาให้ขณะที่มาเยี่ยมในที่คุมขังใต้ถุนศาล ก่อนจะเข้ามาในห้องพิจารณา และระหว่างที่คนร้ายได้ใช้ปืนจี้ตัวประกันอยู่นั้น ได้ประกาศว่าตนเองไม่อยากจะทำเช่นนี้ แต่ไม่มีทางเลือก เพราะตนได้ปล้นมาตั้งแต่เล็กจนโต และถูกพิพากษาไปแล้ว ๒ คดี มีโทษจำคุกถึง ๔๘ ปี

นายเลิศซึ่งได้เพิ่มคดีที่ร้ายแรงให้กับตนเอง ต้องกลับไปถูกขังเดี่ยวในห้องมืดของแดน ๑ ตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ได้เพียง ๒ วัน นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองนนทบุรี ก็ได้รับหนังสือจาก ผู้ทำการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ให้ไปทำการชันสูตรพลิกศพนักโทษชายเลิศ ซึ่งผูกคอตายในห้องขัง

สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี จึงรีบไปทำการพิสูจน์ร่วมกับแพทย์เรือนจำ พบว่าสภาพศพผู้ตายสิ้นชีวิตอยู่ในลักษณะที่เอาเชือกผ้ายาวหนึ่งเมตร ซึ่งใช้สำหรับผูกหิ้วโซ่ตรวนที่ข้อเท้า ผูกคอกับลูกกรงเหล็กช่องลมในห้องขังสูงหนึ่งเมตร แต่งกายสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินไม่กลัดกระดุม สวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีเหลือง ที่ข้อเท้ายังมีโซ่ตรวนพันธนาการอยู่ คาดว่าถึงแก่ความตายตั้งแต่เวลาประมาณ ก่อน๑๑.๓๐ น. เพราะขณะนั้นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ได้เดินทางมาเพื่อสอบปากคำ น.ช.เลิศ ในคดีปล้นซึ่งได้อายัดตัวไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำไปเบิกตัวจากห้องขังจึงเห็นว่านักโทษผูกคอตาย ตัวยังอุ่นอยู่ แต่ได้สิ้นชีวิตเสียแล้ว

สรุปว่าโจรก๊กนี้หรือโดยเฉพาะตัวหัวโจกใหญ่ ต้องสิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของตำรวจ และด้วยน้ำมือของตนเองทั้งสองคนนั้น ก็เพราะเมียของตนทั้งคู่ โดยเฉพาะ น.ช.เลิศ มีคดีต้องโทษรวมกันถึงห้าคดี และได้สารภาพกับผู้บัญชาการเรือนจำว่า ที่ต้องจี้ผู้พิพากษาก็เพราะจะต้องติดคุกนานมาก ทนไม่ไหว ถ้าถูกตำรวจยิงตายก็เจ็บเพียงนิดเดียวไม่น่ากลัว แต่เผอิญทำไม่สำเร็จถูกจับได้ ก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสออกจากคุกแน่

จึงพิพากษาตนเองเสียก่อน ให้หมดเวรหมดกรรมไปชาติหนึ่ง.

#########




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 5:49:07 น.
Counter : 504 Pageviews.  

ฝรั่งบางลำพู

สัพเพเหระ

ฝรั่งบางลำพู

“ เทพารักษ์ “

ชาวต่างประเทศที่เข้ามาเมืองไทย ไม่ว่าจะมาเที่ยว มาทำธุรกิจ หรือมาตั้งรกรากอยู่อาศัยในเมืองไทยนั้น เราเรียกว่าฝรั่งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรป ออสเตรเลียหรืออเมริกา และส่วนมากของนักทัศนาจรจะมารวมกันอยู่เป็นกระจุก แถบถนนข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ ย่านบางลำพู เขาเหล่านั้นคงจะได้รับข่าวสารหรือคำบอกเล่าว่า ในย่านบางลำพูนั้นเป็นถิ่นที่เหมาะสม สำหรับนักทัศนาจรที่มีทรัพย์และสมบัติไม่มากนัก ประเภทแบกเป้ใบเดียว เพราะมีสถานที่กินที่พักอาศัยซึ่งเรียกว่าเกสต์เฮ้าส์ และมีที่เที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไทย คือวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ และแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากท่าช้างซึ่งสามารถจะลงเรือไปเที่ยวตลาดน้ำ หรือชมภูมิประเทศตามแม่น้ำลำคลองไปได้อีกไกล โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูก สำหรับเงินในกระเป๋าของเขาหรือเธอเหล่านั้น ซึ่งคนไทยที่ทำมาค้าขายอยู่ในย่านนั้น ต่างก็มีรายได้ที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทใด ตั้งแต่เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งบาร์และร้านเหล้าที่เรียกว่าผับ ร้านขายสิ่งอุปโภคข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งของที่ระลึก ตลอดจนรถแท็กซี่และ ตุ๊กตุ๊ก

ได้เคยมีนักข่าวของหนังสือพิมพ์รายวัน ไปสัมภาษณ์ชาวต่างประเทศที่มาพักอาศัยในย่านบางลำพู ก็ได้ความว่า

นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งประเทศของเขามีค่าเงินแพงกว่าของไทย ได้หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแบบกระจอก ๆ จนมีฉายาว่า ฝรั่งกินข้าวแกง กันมาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ท.ท.ท.คำนวณรายได้ผิดพลาดไปมาก เพราะฝรั่งประเภทนี้กินข้าวแกง ไม่พักโรงแรมชั้นหนึ่งและชั้นสอง ที่มีค่าห้องคืนละเป็นพัน ๆ บาท ไม่กินอาหารตามร้านใหญ่ ๆ ไม่ขึ้นรถแท็กซี่แต่ได้โหนรถเมล์แทน ไม่ซื้อเสื้อผ้าใช้ เพราะเดินนุ่งกางเกงขาสั้นใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว

นักท่องเที่ยวกระจอกจำนวนมาก แต่นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเมืองไทยเป็นจำนวนน้อย เหล่านี้ มีทั้งชาวยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น ซึ่งพนักงานต้อนรับของห้องเช่าประเภทเกสต์เฮ้าส์ในซอยรามบุตรี เล่าว่า ประมาณเดือนธันวาคม ถึงเดือนพฤษภาคม ของทุกปี จะมีชาวเยอรมัน ออสเตรเลีย และสวีเดน มาเช่าพักเป็นจำนวนมาก เพราะระยะเวลานี้ประเทศของเขาหนาวมาก

ถ้าเป็นชาวสหรัฐและอังกฤษ จะมาพักตลอดปี บางรายก็พักหนึ่งอาทิตย์ บางรายก็สามสี่วัน ตามแต่โปรแกรมที่เขาตั้งไว้ นักท่องเที่ยวประเภทฝรั่งกินข้าวแกงนี้ จะมากันคณะละสองสามคนเป็นส่วนใหญ่ ที่บุกเดี่ยวมาเที่ยวคนเดียวก็มีมาก พวกนี้จะหอบสัมภาระใส่ถุงเป้สะพายหลัง พร้อมที่จะพักอยู่ตามชายหาดหรือป่าเขา สำหรับค่าเช่าเกสต์เฮ้าส์คิดคนละ ๕๐ บาทต่อวัน ห้องหนึ่งพักได้สองคน บางครั้งอาจต้องจัดให้นักท่องเที่ยวหญิงจากสหรัฐ พักกับนักท่องเที่ยวหนุ่มจากออสเตรเลีย ในห้องเดียวกัน แล้วมอบกุญแจให้คนละดอก นอนคนละเตียง แต่ก็ไม่มีเรื่องราวอะไร เพราะฝรั่งจะมีการพูดจากัน ไปเที่ยวด้วยกันจนถูกอกถูกใจกันแล้ว จึงจะร่วมรักกัน ไม่มีการหน้ามืดข่มขืนให้เกิดคดีเลย แต่บางรายที่จับคู่นอนห้องเดียวกันแล้ว แล้วไม่ถูกสเป็คกันและกันก็มี

นักท่องเที่ยวพวกนี้ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน เพราะกินข้าวแกงเหมือนคนไทยเป็นส่วนใหญ่ ถ้าบางรายสู้อาหารเผ็ดไม่ได้ก็กินข้าวผัดและก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแทน ส่วนนมหนองโพนั้นขายดีมาก เพราะถูกกว่าเมืองนอก

เมื่อมีฝรั่งชาติต่าง ๆ มาเที่ยวไทย และพักที่ย่านบางลำพู อย่างมีความสุข เมื่อกลับไปก็ได้พูดจาเล่าขานกันต่อ ๆ ไป จนชาวต่างชาติที่มาเที่ยวภายหลัง ก็จะมีแผนที่และและชื่อของสถานที่พักเหล่านี้ ติดมือกันมาทุกคน แม้เรื่องที่นักข่าวหนังสือพิมพ์เล่ามานี้ จะเป็นเวลานานถึงยี่สิบปีแล้ว ชื่อเสียงของแดนท่องเที่ยวย่านบางลำพู ก็ยังไม่จืดจางลงแต่อย่างใด มีแต่ผู้ที่มาเที่ยวซ้ำทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ทุกปีที่ผ่านมา

ในเมื่อชาวต่างประเทศผู้มาพักอาศัยก็พอใจ และผู้ที่มีภูมิลำเนาในย่านนี้ต่างก็พอใจ เพราะมีรายได้ดีกว่าทำมาค้าขายเฉพาะคนท้องถิ่นเดียวกันเป็นอันมาก จึงไม่น่าจะมีเรื่องเดือดร้อนอะไร แต่ก็มีเรื่องให้เป็นข่าวจนได้

เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาล ชนะสงคราม ดังนั้นนายร้อยเวรจึงต้องรับแจ้งความอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๖ หมอสอนศาสนาคนหนึ่ง ถูกคนร้ายไล่แทงที่ซอยข้างสะพานเฉลิมวันชาติ ข้ามคลองบางลำพู

พอถึงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๙.๓๐ น. ก็ได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างประเทศถูกทำร้ายบาดเจ็บ ที่หน้าห้างบางลำพูสรรพสินค้า นายร้อยเวรจึงนำกำลังไปดูที่เกิดเหตุ พบนายมาร์ติน อายุ ๓๑ ปี เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันมีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม ที่สีข้างขวาหนึ่งแผล นอนฟุบร้องครวญครางอยู่บนทางเท้า เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แพทย์รับตัวไว้รักษา เพราะมีอาการสาหัส

ขณะที่เหตุการณ์ในโรงพยาบาลยังไม่เรียบร้อย ก็ได้รับรายงานทางวิทยุ ว่ามีชาวต่างประเทศถูกคนร้ายแทง ที่ข้างวัดบวรนิเวศด้านถนนสิบสามห้าง เจ้าหน้าที่ต้องรีบไปยังที่เกิดเหตุ ก็พบนางเมอร์ฟี่ อายุ ๒๖ ปีเป็นชาวออสเตรเลีย ถูกแทงที่สีข้างบาดเจ็บเล็กน้อย และพบมีดที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธตกอยู่ ๒ เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาอีกประมาณ ๒๐ นาที ก็ได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ถูกคนร้ายแทงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณหน้าป้อมพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ก็รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าผู้บาดเจ็บชื่อนายโยชิดะ อายุ ๓๐ ปี มีบาดแผลถูกแทงที่บั้นเอวข้างขวา ๑ แผล เมื่อเจ้าหน้าที่พาไปทำแผลที่วชิรพยาบาลแล้ว ก็พาผู้เสียหายและพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลวัดชนะสงคราม เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป

ในระหว่างนั้นสถานีตำรวจนครบาลท้องที่อื่น ก็ได้รับแจ้งว่า มีชาวต่างประเทศถูกแทงที่หน้าโรงแรมเฟิสท์ ถนนเพชรบุรี เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๗ และวันเดียวกันห่างแค่หนึ่งชั่วโมง ก็มีชาวเยอรมันถูกแทงที่ซอยสุขุมวิท ๑๓ อีกด้วย

หลังจากนั้นรองผู้กำกับการตำรวจนครบาลเหนือ ก็ได้เรียก เจ้าหน้าที่ในเขตกองบัญชาการตำรวจนครบาลเหนือทั้งหมด ร่วมประชุมวางแผนที่จะหาตัวคนร้ายรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน เพราะได้ทราบว่าคนร้ายรายนี้สูงประมาณ ๑๖๐ ซ.ม. มีลักษณะใบหน้าร่างกายเหมือนกันหมดทุกราย และทำร้ายชาวต่างประเทศโดยไม่หวังทรัพย์สินแต่อย่างใด ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มุ่งไปยังนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหาย แก่การท่องเที่ยว และกระทบกระเทือนถึงสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศอีกด้วย สรุปได้ว่าคนร้ายรายนี้เป็นผู้มีอายุระหว่าง ๒๕- ๒๘ ปี เป็นคนเคร่งขรึม สายตาสั้นไม่มากนัก เป็นคนมีความรู้ เพราะเคยผ่านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ไม่สำเร็จ

และในวันที่ ๒๒ มกราคม ก็มีผู้คิดฆ่าตัวตายด้วยการนอนพาดรางรถไฟ ไม่ ห่างจากสถานีรถไฟมักกะสันนัก แต่บังเอิญรถไฟเพิ่งเคลื่อนออกจากสถานี พนักงานขับรถได้เห็นและหยุดขบวนรถได้ทัน จึงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกสืบหาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เนื่องจากผู้คิดสั้นรายนี้ มีลักษณะรูปพรรณสันฐานตรงกับคนร้ายมาก แต่ก็ไม่พบร่องรอยแต่ประการใด

จนถึงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๗ เลา ๑๗.๐๐ น. หัวหน้าสายสืบสถานีตำรวจนครบาลวัดชนะสงคราม จึงได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้มาให้พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยพี่ชายก็ได้ติดตามมาด้วย

จากการสอบสวนได้ความว่า คนร้ายชื่อนายเมฆ (นามสมมุติ) ขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ได้ป่วยเป็นโรคทางประสาท ต้องรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาถึง ๕ ปี เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ศึกษาต่อ และได้สารภาพว่าตนมีความฝังใจเกลียดคนต่างชาติ ที่มักดูถูกประเทศไทยว่าเป็นประเทศด้อยพัฒนา จึงได้มุ่งที่จะทำร้ายชาวต่างประเทศอย่างเดียว

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ โดยไม่ได้เข้าห้องขัง แต่ให้อยู่ในห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่น และมีตำรวจเฝ้าตลอดเวลา และพี่ชายต้องหาอาหารมาเยี่ยม เพื่อให้กินอาหารและยาระงับประสาทตามเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่าการควบคุมตัวผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายนั้น ตำรวจจะมีอำนาจควบคุมได้เพียง ๗๒ ช.ม.เท่านั้น จากนั้นต้องนำส่งศาลแขวงให้พิพากษา แต่สำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีคดีทำร้ายร่างกายรวมถึง ๑๑ คดี จึงจะต้องดำเนินคดีกันนานสักหน่อย

แต่ถึงอย่างไรเวลาก็ได้ผ่านมาถึงยี่สิบปีแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้เลือนไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว ถนนข้าวสาร ถนนสิบสามห้าง ถนนรามบุตรี ถนนพระสุเมรุ และถนนพระอาทิตย์ รอบย่านบางลำพูในทุกวันนี้ จึงเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ นอกจากฝรั่งแล้วยังมีชาวต่างประเทศแถบตะวันออกและทวีปเอเซีย พากันมาเที่ยวหาความสำราญอยู่ตลอดปี โดยเฉพาะในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งไม่เหมือนที่ใดในโลก.

############

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 6:15:27 น.
Counter : 512 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.