Group Blog
 
All Blogs
 

ตอนที่ ๗ ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๗ ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

“ เล่าเซี่ยงชุน "

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ นั้น ตั้งแต่ เล่ากึน หนีไปแล้วพระองค์ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรมีความสุข ข้าวปลาอาหารและผลไม้ก็บริบูรณ์ วันหนึ่งพระเจ้าเจงเต็ก เสด็จออกขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าพร้อม จึงมีรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาตั้ง พระราชทานให้ขุนนางทั้งปวงกินหน้าที่นั่ง เป็นที่ถูกพระทัย

ขณะนั้น จิวหยง ปรึกษากับ ฮ่อจีนปัง ว่า เราทิ้งบ้านเรือนเสีย มาทำราชการนานแล้ว บัดนี้บ้านเมืองค่อยมีความสุข เราคิดจะทูลลากลับไปเยี่ยมที่ฝังศพบิดา มารดา และจะได้รับครอบครัวเข้ามาเมืองหลวง พี่จะเห็นประการใด ฮ่อจีนปังก็เห็นชอบด้วย

ครั้นปรึกษากันพร้อมแล้ว จึงไปคุกเข่าลงกราบทูลว่า ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอถวายบังคมลาไปบ้านเดิมคำนับศพบิดามารดาสักครั้งหนึ่ง ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

".....ท่านทั้งสองจะไปคำนับศพบิดามารดานั้น ได้ชื่อว่ากตัญญูสมควรแล้ว แต่อย่าอยู่ช้ารีบกลับมาสามเดือนให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยงกราบทูลว่า บ้านเดิมข้าพเจ้าอยู่เมืองกังหนำ แต่บิดามารดายกครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนค้าขายอยู่ที่เมืองเซงเกียจนถึงแก่กรรม ข้าพเจ้าคำนับศพบิดามารดา ที่เมืองเซงเกียแล้ว จะต้องเลยไปคำนับศพปู่ย่าที่เมืองกังหนำด้วย ซึ่งพระองค์โปรดจะให้กลับมาในสามเดือน หนทางไกลจะไม่ทันกำหนด

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลว่าจะไปเมืองกังหนำ ก็มีพระทัยยินดีด้วยพระองค์ทรงทราบว่าเมืองกังหนำสนุก มีของเล่นต่าง ๆ อยากจะเสด็จไปประพาสอยู่เนือง ๆ

จึงตรัสถามว่า เมืองกังหนำเล่าลือสืบกันมาว่า คนมีปัญญาคิดทำเครื่องเล่นอย่างดีมีมากจริงหรือ

จิวหยงทูลว่าเมืองกังหนำนั้นเป็นเมืองใหญ่ กว้างขวางภูมิฐานก็งามดี กว่าเมืองทั้งปวง มีภูเขาสลับเป็นชั้น ๆ มีต้นไม้ที่ประหลาดอยู่หลายอย่างผลไม้โอชารส แถวถนนก็ราบรื่น ผู้มีปัญญาฉลาดคิดการทำของเล่นก็มีมาก นักปราชญ์ที่รู้หนังสือก็ลึกซึ้ง วัดใหญ่ก็งดงามหลายตำบล มีศาลเจ้ารูปพระกัษศปอยู่แห่งหนึ่ง ถ้าถึงเทศกาลชาวบ้านชาวเมืองคิดกัน ตั้งกระบวนแห่ที่หน้าบ้าน แต่งเครื่องบูชาประกวดกันเป็นที่สนุกยิ่งนัก

ผู้หญิงในเมืองนั้นมักมีรูปกิริยาดี แต่งตัวก็สะอาดงดงาม ในลำแม่น้ำใหญ่มีเรือเท้งจอดอยู่เรียงราย และชาวเมืองนั้นเล่นนักขัตฤกษ์ทั้งสี่ฤดูเป็นที่สนุกสนานเพลิดเพลินทุกตำบล

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็อยากจะเสด็จไปเที่ยวเล่น จึงตรัสเป็นอุบายว่า

"...เวลาคืนนี้ประมาณสามยามเศษเรานอนหลับสนิทนิมิตฝันว่าเทวดาองค์หนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ ร้องบอกว่าให้เราไปเมืองกังหนำสืบหาผู้มีปัญญาซื่อตรง มาช่วยรักษาแผ่นดิน บ้านเมืองจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข เราคิดว่าจะไปยังไม่เห็นผู้ใด จะป้องกันอันตรายได้ บัดนี้ท่านจะไปก็สมดังใจคิด เราจะไปด้วย...."

จิวหยงได้ฟังก็ตกใจ คิดว่าเรากราบทูลผิดเสียแล้ว ด้วยฮ่องเต้พอพระทัยในการเล่น ครั้นเราทูลว่าเมืองกังหนำสนุก ก็อยากเสด็จไปเที่ยว จึงแกล้งรับสั่งว่านิมิตฝัน ถ้าเรานำเสด็จไปมีเหตุอย่างไรขึ้น ขุนนางทั้งปวงก็จะติโทษเราได้ คิดแล้วจึงกราบทูลว่า

".....ซึ่งพระองค์ทรงพระสุบิน จะเชื่อถือเอาเป็นแน่ไม่ได้ ทางที่จะไปนั้นกันดารนัก เป็นซอกห้วยเชิงเขา ทั้งสัตว์ร้ายก็มีมาก แม่น้ำก็กั้นหลายตำบล อย่าเสด็จไปให้ลำบากพระองค์เลย...."

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

"....เราไปเที่ยวสืบหาผู้มีปัญญามาตั้งเป็นขุนนาง เพราะเห็นแก่การแผ่นดินมิได้กลัวความลำบาก จะเปลื้องเครื่องกษัตริย์ออกเสีย แต่งตัวเป็นพ่อค้าปลอมไปไม่ให้ใครรู้จัก แต่ท่านทั้งสองป้องกันก็คงจะคุ้มภัยได้....."

จิวหยงก็ทูลว่า

"...พระองค์ไม่ควรเสด็จ ด้วยโบราณกล่าวไว้ว่า ราชสมบัติว่างขาดเจ้าจนวันหนึ่งก็ไม่ได้ ด้วยราชการบ้านเมืองใหญ่โตนัก เกลือกจะเป็นอันตรายสิ่งใดขึ้น ฮองไทเฮากับขุนนางทั้งปวง จะลงโทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต พระองค์จะขืนเสด็จไปให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองจะยอมตายอยู่หน้าที่นั่ง...."

พระเจ้าเจงเต็กได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลถูกอย่างธรรมเนียม จึงทรงคิดว่าจะข่มขืนไปให้ได้ ก็จะเป็นที่ยากใจแก่คนทั้งสอง จึงตรัสว่า

".....ท่านพูดถูกต้อง แต่ไปอย่าอยู่ช้า ห้าเดือนจึงกลับมาให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยง ฮ่อจีนปังก็มีความยินดีถวายบังคมลากลับมาบ้าน จัดแจงสิ่งของพอสมควรสั่งบ่าวไพร่ให้อยู่รักษาบ้านเรือน ครั้นเวลาเช้าก็ไปคำนับลาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเสร็จแล้ว ก็รีบออกจากเมืองหลวง ขุนนางทั้งปวงก็ตามไปส่งจนนอกประตูเมือง

จิวหยงกับฮ่อจีนปังเดินไปถึงเก๋งใหญ่อยู่ห่างกำแพงเมืองสิบลี้ ชื่ออางเต๋งกวางเอียะกว้างใหญ่งดงาม มีขุนนางเจ้าพนักงานรักษา เป็นของหลวงสำหรับแขกเมืองพักอาศัย พอดีเวลาเย็นก็หยุดพักอยู่ ณ ที่นั้น

ฝ่ายพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ใช้ให้ขันทีไปสืบดู ทราบว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังออกจากบ้านไปแล้ว ก็ทรงพระอักษรฉบับหนึ่งมอบให้ขันที และรับสั่งว่าท่านอย่าแพร่งพรายไป ถ้าขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาเฝ้า จงบอกว่าเราป่วยออกว่าราชการไม่ได้ ต่อครบห้าวันแล้วจึงเอาหนังสือนี้ไปส่งให้ เนียฉู

รับสั่งแล้วก็ผลัดเครื่องทรงออกแต่งตัวเป็นพ่อค้าเอาตราและกำไลหยกสำหรับกษัตริย์ กับหยิบทองห่อติดพระองค์ไปด้วย เดินหลบหลีกออกจากพระราชวัง ไปถึงนอกกำแพงเมือง ทรงคิดว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังเห็นจะพักอยู่ที่เก๋งอางเต๋งกวางเอียะเป็นมั่นคง

พอเวลาพลบค่ำเดือนหงายสว่าง ก็รีบเดินไปได้ประมาณยามเศษ ก็ถึงเก๋งใหญ่จึงเคาะประตูร้องเรียก ผู้รักษาประตูเปิดออกมาดู เห็นชายหนุ่มแต่งตัวเป็นพ่อค้ากิริยาเรียบร้อย จึงถามว่าท่านชื่อไรมีธุระสิ่งใด

ฮ่องเต้ก็บอกว่าเราชื่ออึงหลุน มาหาจิวหยงฮ่อจีนปังท่านจงบอกให้ทราบด้วย ผู้รักษาประตูก็เข้าไปแจ้งความแก่คนทั้งสองตามสั่ง สองพี่น้องก็สงสัยด้วยชื่ออึงหลุน มิได้เคยรู้จัก พอเดินออกมาดูก็จำได้ว่าเป็นพระเจ้าเจงเต็ก แต่ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์จึงชงักนิ่งอยู่ แล้วเชิญเสด็จเข้าไปข้างใน คุกเข่าลงคำนับตามธรรมเนียม แล้วทูลถามว่าพระองค์เสด็จมาที่นี่ มีพระราชประสงค์สิ่งใด

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ตรัสว่า

".....ตั้งแต่ท่านมาเราไม่มีความสุข จึงได้ลอบแปลงตัวหลบหลีกตามมา ปรารถนาจะไปเมืองกังหนำด้วย...."

จิวหยงฮ่อจีนปังได้ฟังก็ตกใจกราบทูลว่า

".....ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาอย่าเสด็จไปเลย ข้าพเจ้าทั้งสอง ก็ยังไม่กลับบ้านเดิม จะตามเสด็จเข้าเมืองหลวง ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณก่อน ต่อว่างลงเมื่อใด จึงจะถวายบังคมลาต่อครั้งหลัง....."

ฮ่องเต้ตรัสว่า

".....ท่านอย่าพูดวุ่นวายเลย เรามิได้เชื่อฟัง ถึงท่านทั้งสองไม่ป้องกัน เราก็คงจะไปแต่ผู้เดียว...."

ทั้งสองได้ฟังก็คิดว่าถึงจะทูลทัดทานสักเท่าใดที่ไหนจะเชื่อฟัง ด้วยพระทัยมุ่งหมายอยากจะไปฝ่ายเดียว คิดแล้วจึงกราบทูลว่า ถ้าพระองค์จะเสด็จไปเมืองกังหนำให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองก็จะป้องกันไปมิให้เป็นอันตราย

ฮ่องเต้ได้ฟังก็ยินดีจึงตรัสว่า ตั้งแต่นี้ไปถ้าพบผู้คนอย่าถวายบังคมเหมือนข้ากับเจ้าเลย จงคำนับอย่างอาหลานเถิดคนทั้งปวงจึงจะไม่สงสัย จิวหยงทูลว่าทิ้งอย่างธรรมเนียมเสีย มิเป็นการล่วงเกินพระองค์ไปหรือ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราอนุญาตแล้วไม่เป็นไร

ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ กับจิวหยงฮ่อจีนปังออกจากที่ เก๋งอางเต๋งกวางเอียะ เดินตรงไปเมืองหงยุนกุ้ย เมื่อถึงบ้านทั้งสองจึงทูลว่าพระองค์จงพักอยู่ข้างนอกก่อน ข้าพเจ้าทั้งสองจะเข้าไปแจ้งกับมารดาให้จัดที่รับเสด็จ ฮ่องเต้ก็รับคำ ทั้งสองก็คำนับลาเข้าไปในบ้าน

ฝ่าย นางเฮงสี นางลีสี นางเสียวเหนย เห็นจิวหยงกับฮ่อจีนปัง แต่งตัวอย่าง ขุนนางเดินเข้ามาก็มีความยินดี วิ่งออกไปคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วจิวหยง กับฮ่อจีนปังก็เข้าไปคำนับมารดา ต่างคนถามถึงทุกข์และสุขกัน ทั้งสองก็เล่าความตั้งแต่จับพวกโจรได้เข้าไปเมืองหลวงโปรดให้เป็นขุนนาง จนทูลลากลับมาบ้าน และฮ่องเต้ตามมาด้วย ให้มารดากับนางทั้งสามฟังทุกประการ
ทุกคนก็มีความยินดี

ฮ่อจีนปังจัดที่เรียบร้อยแล้วก็ออกไปรับฮ่องเต้เข้ามาในบ้าน เชิญเสด็จประทับในที่อันสมควรแล้ว ทั้งหมดก็คุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้เห็นไม่มีคนอื่นจึงรับคำนับอย่างธรรมเนียมกษัตริย์ แล้วตรัสถามหญิงทั้งสามคนนี้ชื่อใดเป็นอะไรกับท่าน

จิวหยงกราบทูลว่า นางลิสีเป็นภรรยาฮ่อจีนปัง นางเฮงสีเป็นภรรยากิมเหงา นางเสียวเหนยเป็นผู้มีคุณแก่นางเฮงสี แล้วก็เล่าเรื่องแต่ต้นจนปลายให้ทรงทราบทุกประการ

ฮ่องเต้ก็ตรัสกับนางเฮงสีว่า เรากลับเข้าไปเมืองหลวงจะเอาชื่อท่านจารึกไว้ในแผ่นศิลา แล้วจะตั้งให้มียศศักดิ์ขึ้น นางเฮงสีมีความยินดีคุกเข่าลงถวายบังคมทูลว่า นางเสียวเหนยนั้นข้าพเจ้ายกให้เป็นภรรยาจิวหยง แต่ยังหาได้อยู่ด้วยกันไม่ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเรากลับมาจากเมืองกังหนำแล้ว จะพาเข้าเมืองหลวงจึงค่อยแต่งการให้อยู่ด้วยกัน

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็ประทับอยู่ที่บ้านของฮ่อจีนปังด้วยความสำราญพระทัยทั้งการเสวยและบรรทม มิได้คิดถึงราชการ และความวิตกห่วงใยของขุนนางทั้งปวงที่เมืองหลวงแต่ประการใด.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๓




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 16:56:37 น.
Counter : 1394 Pageviews.  

ตอนที่ ๖ ชำระกังฉิน

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๖ ชำระกังฉิน

" เล่าเซี่ยงชุน "

รุ่งขึ้นจากวันที่ หลีตังเอี๋ยง กับ เอียอิดเซง ยกกองทัพกลับจากปราบโจรแล้ว พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ เสด็จออกแล้วสั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะมาตั้ง รับสั่งให้ เนียฉู กับแม่ทัพที่ไปปราบโจร เข้ามากินโต๊ะในพระราชวัง หลีตังเอี๋ยงก็เอาบัญชีความชอบนายทหารทั้งปวงถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นชื่อ จิวหยง ฮ่อจีนปัง ที่หนึ่ง แบ๊เทีย ที่สอง ไม่ทรงรู้จักจึงตรัสถามว่าทหารสามคนนี้มาแต่ไหน

หลีตังเอี๋ยงกราบทูลว่าแบ๊เทียเป็นน้องภรรยา เฮงซือหยิน ตกไปอยู่กับพวกโจรแล้วยอมสามิภักดิ์ ฮ่อจีนปังกับจิวหยงนั้นเป็นชาวป่า จิวหยงได้สาบานเป็นพี่น้องกับ กิมเหงา แต่ภายหลังกิมเหงาไม่สุจริต คิดร้ายต่อจิวหยง แล้วทูลความเรื่อง เล่ากึน ขอกิมเหงาเป็นบุตรเลี้ยง คบคิดกับ เจียวฮอง ทำผิดต่าง ๆ ให้ทรงทราบ

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ทรงฟังแล้วตรัสว่า กิมเหงาจะเป็นดังนั้นเจียวหรือ หลีตังเอี๋ยงเห็นฮ่องเต้ไม่ทรงเชื่อก็ลุกจากโต๊ะกราบทูลว่า ขอพระองค์จงรับสั่งให้หาสองคนนั้นเข้ามาเฝ้า ตรัสถามก็จะทราบความทุกประการ ฮ่องเต้ก็เห็นชอบจึงให้หาจิวหยงฮ่อจีนปังเข้าเฝ้า ทั้งสองถวายบังคมแล้วยืนอยู่ตามสมควร

ฮ่องเต้จึงตั้งจิวหยงให้เป็นที่เจงไซไต้เจียงกุ๋น แปลว่าขุนนางนายทหารปราบโจรตะวันตก ให้ฮ่อจีนปังเป็นที่มิดโค้วต๊ก แปลว่าขุนนางนายทหารสำหรับปราบผู้ร้าย แล้วรับสั่งให้กินโต๊ะกับขุนนางห้าคน ทั้งสองพี่น้องก็คุกเข่าลงถวายบังคมรับตำแหน่ง แล้วถอยออกมาคำนับขุนนางทั้งห้า และเข้านั่งกินโต๊ะพร้อมกัน

พระเจ้าเจงเต็กตรัสถามจิวหยงว่า กิมเหงาคิดจะทำร้ายท่านด้วยเหตุใด จิวหยงก็กราบทูลตั้งแต่ต้นจนสิ้นทุกประการ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าให้กิมเหงาเข้ามาพร้อมกันจึงจะชำระ เอียอิดเซงได้ยินฮ่องเต้รับสั่งเหมือนไม่สนพระทัย ก็โกรธเป็นกำลัง จนผิวหน้าผิดปกติจึงกราบทูลว่า

".....ถ้าละเลยพวกไม่สุจริตทำความชั่วอย่างนี้ ก็เหมือนพระองค์ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม เล่ากึนกับพรรคพวกทำทุจริตให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน จึงเกิดโจรผู้ร้ายขึ้นหลายตำบล ซึ่งข้าพเจ้าเข้ามาทั้งนี้ ปรารถนาจะกำจัดพวกเหล่าร้ายเสียให้สิ้น บ้านเมืองจะได้มีความสุข....."

ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่าเล่ากึนทำการล่วงเกินสิ่งใด เอียอิดเซงทูลว่า

"....เล่ากึนกับพวก มีความผิดควรประหารชีวิตถึงหกชั่ว ข้าพเจ้าได้สาบานไว้ว่าไม่ขออยู่ร่วมฟ้าร่วมดินกับพวกไม่สุจริต ถ้าพระองค์ไม่โปรด จะชุบเลี้ยงขุนนางกังฉิน ต้องฆ่าพวกข้าพเจ้าเสีย จึงจะไม่มีผู้รบกวนให้ขัดเคืองพระทัย...."

ฮ่องเต้เห็นเอียอิดเซงโกรธมากจึงถามว่า พวกเล่ากึนโทษถึงตายหกข้อนั้นคือผิดสิ่งใด ค่อยบอกแต่โดยดีอย่าขุ่นเคืองเลย เอียอิดเซงทูลว่า

".....เมื่อข้าพเจ้าอยู่เมืองเซียมไซ ทราบว่าขุนนางเข้ามากราบทูลทัดทาน ต้องพระราชอาญาป่วยล้มตายมาก ข้าพเจ้าไม่เสียดายชีวิต คิดจะให้พระเกียรติยศของพระองค์ ปรากฎไป...."

แล้วแจ้งความต่อไปว่า ข้อหนึ่งเล่ากึนจัดการต่าง ๆ เข้าเล่นในพระราชวัง จนพระองค์ละเลยราชการเสีย เป็นที่มัวหมองแห่งเกียรติยศของพระองค์

ข้อสอง ขุนนางซื่อตรงทูลทัดทานโดยชอบธรรมเล่ากึนทูลยุยงพลิกความเสีย ขุนนางที่สุจริตกลับต้องลงพระราชอาญาเฆี่ยนตี ที่อายุมากก็ตาย

ข้อสาม พระองค์ถอดเฮงซือหยิน ขุนนางผู้ใหญ่ออกจากที่ ให้ไปรักษาตำบลเลงเตีย เล่ากึนลอบใช้ทหารไปฆ่าเฮงซือหยินตาย

ข้อสี่ ข้าพเจ้ามีหนังสือบอกข้อราชการเข้ามา ตังเทงอุนจะนำขึ้นถวาย เล่ากึนจับ ตังเทงอุนเอาไม้เคาะฟันหักหลายซี่ จนตังเทงอุนตาย แล้วปิดหนังสือบอกเสีย

ข้อห้า เล่ากึนสร้างตึกอยู่ริมพระราชวัง แล้วพานางในเข้าไปอยู่ด้วย

ข้อหก เกลี้ยกล่อมคนมีกำลังและฝีมือ สะสมเครื่องอาวุธไว้ ปรารถนาจะชิงเอาราชสมบัติ แล้วให้พวกพ้องของตัวออกไปตรวจตามหัวเมืองข่มขี่เจ้าเมืองกรมการและราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน คนทั้งแผ่นดินมีความขัดเคือง คิดจะกำจัดเล่ากึนเสียให้สิ้น

แล้วเอาหนังสือของเจ้าเมืองทั้งแปดถวาย ฮ่องเต้รับมาทอดพระเนตรแล้วกลับว่า ยังไม่มีสำคัญสิ่งใดเป็นแน่ ครั้นจะเชื่อถือเอาเป็นจริง
คนทั้งปวงจะติเตียนนินทาว่า ชำระความไม่ยุติธรรม

เอียอิดเซงทูลว่า ถ้าพระองค์จะชำระให้เห็นเท็จและจริง จงมีรับสั่งโปรดให้ขุนนางที่สัตย์ซื่อ ไปค้นบ้านเล่ากึนก็คงจะได้ของสำคัญ ถ้าไม่จริงดังข้าพเจ้าทูล จะขอรับพระราชอาญาตาย ขุนนางทั้งปวงก็กราบทูลขึ้นพร้อมกันว่า เอียอิดเซงกราบทูลนี้เป็นความจริงทุกประการ

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ได้ฟังจึงตรัสว่า ถ้าท่านทั้งหลายเห็นพร้อมกัน แล้ว จงชำระให้เห็นจริงโดยยุติธรรม แล้วพระราชทานโองการ ให้เอียอิดเซงถือไปจัดการ เอียอิดเซงกับพวกก็ไปปรึกษากันที่บ้านเนียฉูเพื่อจะจับเล่ากึน เนียฉูว่าเล่ากึน ได้กิมเหงาและ เตาเลงกูไว้เป็นกำลัง จำจะต้องคิดอ่านให้กิมเหงา ออกไปจากเมืองหลวงเสียก่อน จึงจะจับเล่ากึนได้โดยสะดวก ถ้ากิมเหงาอยู่ใกล้เคียงก็จะเกิดรบพุ่งกันขึ้นในเมืองหลวง ด้วยเล่ากึนมีพวกพ้องมาก

จิวหยงจึงว่า ท่านจงแกล้งใช้กิมเหงาออกไป ให้รางวัลทหารที่กองทัพ ข้าพเจ้ากับฮ่อจีนปังจะไปจับเตาเลงกู และพวกไม่สุจริตฆ่าเสียให้สิ้น เนียฉูว่าท่านอย่าประมาท เตาเลงกูมันมีกำลังมากยากที่จะจับได้โดยง่าย จิวหยงว่าข้าพเจ้ากับฮ่อจีนปัง มีกำลังมากกว่ากิมเหงา ข้าพเจ้าทั้งสองคงจับได้เหมือนกัน

เนียฉูจึงหาตัวกิมเหงามาแล้วว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านออกไปเลี้ยงทหารที่กองทัพ แล้วจัดสุราและเนื้อแพะมอบให้ กิมเหงาก็ออกไปจัดการตามคำสั่ง

เอียอิดเซงจึงสั่งให้ หลีจือเซียง คุมทหารพันหนึ่งไปจับเจียวฮอง ให้หลีตังเอี๋ยน ซุนเกียงตง จิวหยง ฮ่อจีนปัง คุมทหารพันหนึ่ง ไปจับเล่ากึนแล้วค้นให้ได้ของสำคัญด้วย เมื่อไปถึงบ้านเล่ากึนสัตว์ที่ชื่อเตาเลงกูก็เข้ามาจะทำร้าย ฮ่อจีนปังเข้าต่อสู้เอาอาวุธตีเตาเลงกูตาย แล้วเข้าไปจับเล่ากึนกับผู้คนในบ้านได้ทั้งสิ้น

จิวหยงเข้าไปข้างในเห็นห้องหนึ่ง ประตูลั่นกุญแจมีหนังสือเขียนไว้ว่าคลังใส่สิ่งของอย่างดี จึงพังประตูเข้าไป เห็นของประหลาดต่าง ๆ เป็นอันมากกับแพรปวยหุนผืนหนึ่ง

จิวหยงก็กลับมาแจ้งแก่หลีตังเอี๋ยง แล้วให้ทหารเข้าไปขนของในคลัง มีหีบยี่สิบห้าใบ ทองคำแปดสิบชั่ง เงินแปดสิบหมื่นตำลึง กับสิ่งของวิเศษเป็นอันมาก จึงเขียนหนังสือปิดไว้ที่ประตู มิให้ผู้ใดเข้าออกแปลกปลอม แล้วคุมตัวเล่ากึน กับสิ่งของทั้งปวงเข้าไปในพระราชวัง พอดีหลีจือเซียงคุมตัวเจียวฮองมาถึงพร้อมกัน

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เสด็จออก รับสั่งให้เจ้าพนักงานผู้ใหญ่สามคน เป็นกรมการชำระความ เล่ากึนให้การปฏิเสธไม่รับ หลีตังเอี๋ยงให้ทหารเปิดหีบออกดูต่อหน้าคนทั้งปวง เห็นมีศาสตราวุธต่าง ๆ เป็นอันมาก กรมการถามว่าสะสมอาวุธไว้ด้วยเหตุใด เล่ากึนว่าเราเป็นนายทหารรักษาพระองค์จึงได้รวบรวมไว้ กรมการถามว่าทำไมจึงซุกซ่อนไว้ในบ้าน เล่ากึนจนใจพูดไม่ออกจึงยอมสารภาพรับผิด

กรมการก็เอาความที่เอียอิดเซงกล่าวหาทั้งหกข้อถาม เล่ากึนก็รับทุกข้อ กรมการก็คัดคำให้การของเล่ากึนขึ้นกราบทูลให้ทรงทราบ

พระเจ้าเจงเต็กจึงตรัสว่า เราไม่รู้เลยว่าเล่ากึนทำการทุจริตถึงเพียงนี้ สำคัญว่าดีจึงชุบเลียงให้เป็นใหญ่ เล่ากึนมิได้มีกตัญญูต่อเราจะเอาไว้มิได้ แล้วรับสั่งให้เอาตัวเล่ากึนกับ เจียวฮองไปประหารชีวิตที่ท้องสนาม

กิมเหงาได้ทราบความก็ตกใจให้ นางเฮงหยง ภรรยาปลอมตัวเป็นพ่อค้า รีบออกไปท้องสนาม ชิงเอาเล่ากึนกับเจียวฮองออกมาให้ได้ นางเฮงหยงก็ปลอมเป็นผู้ชายพาทหารในบ้านแต่งตัวเป็นลูกค้า ซ่อนอาวุธไว้ในเสื้อ เดินปนไปกับชาวเมืองทั้งปวงที่มาดูการประหาร พอทหารที่คุมนักโทษร้องว่าถึงเวลาแล้ว นางเฮงหยงก็ชักกระบี่ออกแล้วร้องให้สัญญาณ ทหารที่ไปด้วยก็ชักอาวุธเข้าไล่ฆ่าฟันเป็นตลุมบอน พอดีกิมเหงามาถึง ก็พาทหารตีกระหนาบเข้าไป พวกทหารหลวงไม่ทันรู้ตัวก็แตกกระจายไป

กิมเหงากับนางเฮงหยงชิงเอาเล่ากึนกับเจียวฮองหนีไปได้ ทหารหลวงก็มาแจ้งเอียอิดเซงให้ทราบ จึงให้จิวหยงกับฮ่อจีนปังคุมทหารพันหนึ่งตามไปถึงกำแพงเมืองหลวง

ฝ่ายผู้รักษาประตูเป็นพวกเล่ากึนก็ปล่อยให้เล่ากึนผ่านไปก่อน แล้วตนเองซุ่มทหารคอยดักผู้ติดตาม พอจิวหยงกับฮ่อจีนปังพาทหารมาถึง ก็เข้าสู้รบกันอุดตลุด ทั้งสองก็ฆ่าผู้รักษาประตูและนายรองตาย แต่ก็ตามเล่ากึนกับพวกไม่ทัน ต้องกลับมาแจ้งแก่เอียอิดเซง เข้าเฝ้ากราบทูลให้ทรงทราบทุกประการ

ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้เขียนหมาย แจ้งจับตัวเล่ากึน เจียวฮองและกิมเหงา ไปทุกตำบล แล้วเอาทรัพย์ที่เล่ากึนเบียดบังไว้ พระราชทานแก่ขุนนางนายทหารทั้งปวง ตามสมควรแก่ความชอบ ที่เหลือให้เอาเข้าท้องพระคลัง แต่แพรปวยหุนนั้นพระราชทานแก่จิวหยง และรับสั่งให้จิวหยงไปอยู่บ้านเล่ากึนให้ฮ่อจีนปังอยู่บ้านเจียวฮอง แล้วเลื่อนเอียอิดเซงเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวง ตั้งแบ๊เทียเป็นเจ้าพนักงานรักษากำแพงเมืองด้วย

ฝ่ายเล่ากึนกับพรรคพวก หนีจากเมืองหลวงไปหา พวนอ๋อง ที่เมืองฮ่อปัก พวนอ๋องรักใคร่กับเล่ากึนมาก่อน ก็ต้อนรับเป็นอันดีถามว่ามีเหตุสิ่งใดท่านจึงมาถึงที่นี่ เล่ากึนก็เล่าความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าคิดจะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เกรงว่าจะมีผิดมาถึงท่านด้วย พวนอ๋องจึงให้เล่ากึนกับพวกไปอยู่ที่เขาอิมเขงเหนีย มีชัยภูมิดีแน่นหนาพอจะพักกองทัพตั้งค่ายได้ เล่ากึนกับ เจียวฮองและกิมเหงา ก็ก่อกำแพงให้มั่นคงขึ้น แล้วคิดอ่านเกลี้ยกล่อมผู้คน สะสมเครื่องศัตราวุธเสบียงอาหารไว้พร้อม ตั้งตนเป็นโจรคอยปล้นชิงพ่อค้าวาณิชและราษฎรผู้เดินทาง ได้ทรัพย์สิ่งของพอเลี้ยงดูกันสืบมา.

##########

นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๓





 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 6:44:39 น.
Counter : 1036 Pageviews.  

ตอนที่ ๕ โจรกลับใจ

ฟหลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๕ โจรกลับใจ

" เล่าเซี่ยงชุน "

วันหนึ่ง ฮ่อจีนปัง กับ จิวหยง ลุกขึ้นแต่เช้ามืด กินอาหารแล้วก็สะพายเกาทัณฑ์ถือกระบองเหล็กสองมือ เที่ยวไปในป่าถึงเขาสูงแห่งหนึ่ง สองคนเดินเลียบไปตามริมเขา พบหมีตัวหนึ่งออกมาจากพุ่มไม้ ก็ช่วยกันเอากระบองตี หมีวิ่งหนีสองพี่น้องก็ไล่ตามไป หมีวิ่งเข้าไปในกองทหารที่ผ่านมา เข้าไล่กัดทหารที่เดินข้างหน้าป่วยเจ็บไปหลายคน

พอดีฮ่อจีนปังกับจิวหยงตามมาทัน จึงเอากระบองตีหมีใหญ่ตาย หลีตังเอี๋ยง แม่ทัพซึ่งเดินทางจากเมืองหลวง เห็นสองพี่น้องมีกำลังเข้มแข็ง จึงให้คนใช้ตามตัวมาหา ทั้งสองเข้าไปคุกเข่าคำนับ หลีตังเอี๋ยงถามว่าท่านทั้งสองแซ่ใดชื่อไร บ้านอยู่ที่ไหนมีกำลังและฝีมือเหตุใดจึงไม่ทำราชการ

ฮ่อจีนปังก็บอกตามจริงและว่า

".....ข้าพเจ้าทั้งสองขัดสนยากจนนัก เที่ยวป่าหาสัตว์และตัดฟืนขายเลี้ยงชีวิต ไม่มีเงินทองพวกพ้องจะอุปถัมภ์ คิดเจียมตัวจึงไม่อาจจะไปทำราชการ..."

หลีตังเอี๋ยงถามว่าท่านทั้งสองใจกล้า ได้ร่ำเรียนเพลงอาวุธและเกาทัณฑ์บ้างหรือไม่ จิวหยงบอกว่าเพลงอาวุธและเกาทัณฑ์ได้ฝึกหัดอยู่บ้าง หลีตังเอี๋ยงก็ว่า

".....ท่านทั้งสองศึกษาวิชาเพลงอาวุธ ถ้าเข้มแข็งชำนาญดี จงไปทำราชการกับเราให้มีชื่อปรากฎไว้ จะได้สืบแซ่และตระกูลต่อไป ซึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในป่าดังนี้ไม่ควร...."

ทั้งสองก็ว่าข้าพเจ้าเป็นคนชาวป่าไม่เข้าใจราชการ แต่ท่านเมตตาแล้วก็จะต้องฉลองพระเดชพระคุณตามสติกำลัง หลีตังเอี๋ยงจึงว่าท่านทั้งสองจงลองฝีมือและเพลงอาวุธให้เราดู ถ้าชำนิชำนาญจะให้เป็นนายทหารทัพหน้า สองพี่น้องถามว่าจะยกไปตำบลใด หลีตังเอี๋ยงบอกว่าจะไปปราบโจรเมืองเซียมไซ

สองพี่น้องก็ยินดีลุกขึ้นรำเพลงอาวุธและยิงเกาทัณฑ์ด้วยกระบวนต่าง ๆ หลีตังเอี๋ยงเห็นคนทั้งสองรำอาวุธคล่องแคล่วว่องไว และยิงเกาทัณฑ์แม่นยำ ชำนาญในกระบวนรบก็มีความยินดีมาก จึงว่าท่านทั้งสองสมควรแล้วที่จะเป็นนายทหาร

ทั้งสองก็คำนับแล้วขอกลับไปบอกมารดาก่อน หลีตังเอี๋ยงก็หยิบเงินสามสิบตำลึงส่งให้ แล้วว่าท่านเอาไปให้มารดาใช้สอย แล้วรีบกลับมาโดยเร็ว เราจะรออยู่ที่นี่

ฮ่อจีนปังกับจิวหยงก็คำนับรับเงินแล้วกลับไปบ้าน แจ้งความให้มารดา และ นางเฮงสี นางเสียวเหนย ฟังทุกประการ มารดาก็ยินดีแต่นางเฮงสีนั้นว่าถ้าชนะพวกโจรมีความชอบกลับเข้าเมืองหลวง ต้องเปลี่ยนแซ่และชื่อเสียใหม่ ระมัดระวังตัวให้จงดี ด้วยกิมเหงามีใจอาฆาตอยู่คงจะคิดประทุษร้ายต่าง ๆ ทั้งสองก็ว่าอย่าวิตกเลย จะคิดระวังตัวมิให้เป็นอันตราย

พูดจากันแล้วก็ลามารดาและนางทั้งสองกลับไปเข้ากองทัพเดินทางผ่านตำบลใหญ่น้อยต่อไป จนถึงเมืองเซียมไซ หลีตังเอี๋ยงก็ให้ตั้งค่ายพักทหารอยู่นอกเมือง

เอียอิดเซง เจ้าเมืองเซียมไซก็เปิดประตูเมืองต้อนรับ ต่างคำนับกันแล้วก็จัดโต๊ะมาตั้งเสพสุราด้วยกัน หลีตังเอี๋ยงถามว่าพวกโจรมีกำลังและไพร่พล มากน้อยเท่าใด เอียอิดเซง ก็บอกว่าพวกโจรประมาณสิบหมื่นเศษ มีนายโจรใหญ่ชื่อ เฮงตินพัว เฮงขวน จกยงปิว และ แบ๊เทีย

แต่สืบได้ความว่าแบ๊เทียซึ่งเป็นน้องภรรยาของ เฮงซือหยิน ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง ตั้งอยู่ที่เมืองเอียนอันฮู้ มีกำลังและฝีมือเข้มแข็งชำนาญเพลงอาวุธต่าง ๆ ชาวเมืองพากันมาเป็นศิษย์ประมาณร้อยเศษ

ครั้นรู้ว่า เล่ากึน ทูลฮ่องเต้ให้ถอดเฮงซือหยิน ออกเสียจากขุนนางผู้ใหญ่จนมีข่าวว่าน้อยใจโดดน้ำตาย แบ๊เทีย จึงพาศิษย์มาเข้าพวกโจร ช่วยตีเมืองได้สามตำบล บัดนี้ตั้งอยู่ ที่เมืองจือเอียงกุ้ย ไม่ทำอันตรายแก่ไพร่บ้านพลเมือง ชาวเมืองนับถือสรรเสริญและเกรงกลัวมาก

และแบ๊เทียเห็นพวกโจรฆ่าเจ้าเมืองและราษฎรตายมาก ก็ทราบว่า เฮงตินพัว นายโจรใหญ่คิดกบฏ จึงเอาใจออกห่างตั้งแข็งเมืองอยู่ เอียอิดเซงก็แนะนำว่า

".....ครั้งนี้ท่านเป็นแม่ทัพยกมา ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าไปพูดจาว่ากล่าวโดยดี เห็นทีจะอ่อนน้อมต่อเราเป็นมั่นคง...."

หลีตังเอี๋ยงก็เห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านจงคุมทหารยกไปเมืองจือเอียงกุ้ย เกลี้ยกล่อม แบ๊เทียให้จงได้ ข้าพเจ้าจะยกไปเมืองเอียนอันฮู้ก่อน แล้วหลีตันเอี๋ยงก็ลาไปค่าย ครั้นรุ่งเช้าก็ยกทัพไป เอียอิดเซงก็เรียกขุนนางมาสั่งให้ช่วยกันดูแลรักษาเมือง แล้วก็ใส่เกราะขึ้นม้า คุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปเมืองจือเอียงกุ้ย

ฝ่ายแบ๊เทียตั้งแต่รู้ความว่าเฮงตินพัวเป็นกบฏ ก็ไม่มีความสบายคิดวิตก กลัวชื่อจะพลอยเสียไปด้วย ครั้นรู้ข่าวว่าหลีตังเอี๋ยงเป็นแม่ทัพยกมาสมทบกับเอียอิดเซงที่เมืองเซียมไซ ก็หารือกับที่ปรึกษา

ขิมบุนตี๋ ก็ว่าเดิมท่านพาศิษย์มาสามิภักดิ์ต่อเฮงตินพัว หมายจะกำจัดขุนนางที่ไม่สุจริต แก้แค้นแทนเฮงซือหยิน บัดนี้การหาสมคิดไม่ ผิดไปแล้วด้วยคนทั้งปวงไม่ล่วงรู้ คงติ เตียนว่าท่านเป็นกบฏต่อแผ่นดิน ถ้าครั้งนี้เราสู้รบกับกองทัพเมืองหลวง ก็สมร้ายเหมือนคำคนนินทาชื่อก็จะเสียไป ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ตามแต่จะเห็นสมควร

แบ๊เทียก็ว่าซึ่งท่านพูดนี้จะทำอย่างไรจึงจะพ้นผิด ขิมบุนตี๋ก็แนะนำว่า

".......ถ้าเอียอิดเซงยกมา เราออกไปอ่อนน้อมยอมสารภาพโดยดี ราษฎรไม่เป็นอันตราย ก็จะเห็นว่าท่านมิได้คิดร้ายต่อแผ่นดิน ภายหลังจึงทำราชการแก้ตัวหาความชอบต่อไป...”

แบ๊เทียก็เห็นชอบด้วย พอเอียอิดเซงยกมาถึง ตั้งค่ายมั่นอยู่ห่างเมืองประมาณสามลี้ แบ๊เทียกับขิมบุนตี๋ทำหนังสือรับสารภาพผิดฉบับหนึ่ง แล้วมัดมือทั้งสองคน พาราษฎรออกไปถึงค่าย ส่งหนังสือให้ผู้รักษาประตูนำเข้าไปให้เอียอิดเซง

เมื่ออ่านได้ทราบความแล้ว เอียอิดเซงก็รีบออกไปแก้มัด แล้วพาแบ๊เทียกับขิมบุนตี๋เข้ามาในค่าย จัดที่ให้นั่งตามสมควร ราษฎรทั้งปวงก็สรรเสริญต่าง ๆ นา ๆ แบ๊เทียคำนับแล้วว่า

".....ข้าพเจ้าคบคิดกับเฮงตินพัว ทำให้ราษฎรเดือดร้อน ท่านต้องยกกองทัพมาลำบาก ข้าพเจ้าผิดเป็นข้อใหญ่ ท่านมีความกรุณายกโทษเสีย พระเดชพระคุณมาก ท่านจะใช้สอยสิ่งใด ข้าพเจ้าจะทำตามทุกประการ....."

เอียอิดเซงได้ฟังก็ยินดีสั่งให้จัดโต๊ะและสุรา มาเลี้ยงดูพวกที่มาอ่อนน้อม แล้วคิดอ่านกับแบ๊เทีย เพื่อยกไปตีเมืองเจียจัวกุ้ย เมืองแปะฮอกุ้ย และเมืองเอียนอันฮู้ต่อไป

แล้วแบ๊เทียก็ออกอุบายให้เอียอิดเซงเข้าตีเมืองเจียจัวกุ้ย ที่ จกยงปิว นายโจรที่สามยึดอยู่ได้ ตัวจกยงปิวถูกล้อมก็แทงตัวตายกลางที่รบ แล้วเอียอิดเซงกับแบ๊เทีย ก็ยกทัพไปตีเมืองแปะฮออุ้ยที่ เฮงขวน ยึดอยู่

ฝ่ายหลีตังเอี๋ยงก็ยกไปตีกองโจรของเฮงตินพัว ที่ล้อมเมืองเอียงอันฮู้ ฮ่อจีนปังกับ จิวหยง ก็อาสาเข้าตีค่ายโจรในเวลากลางคืนจนค่ายแตก เฮงตินพัวขับม้าหนีขึ้นไปบนเขา ฮ่อจีนปังกับจิวหยงก็ไล่ตามไป ฮ่อจีนปังเอาเกาทัณฑ์ยิงม้าของเฮงตินพัวกระโดดไปโดยกำลัง เฮงตินพัวตกจากหลังม้าถูกจับมัดไว้ได้ พวกสมุนโจรก็ยอมวางอาวุธเสียสิ้นประมาณหมื่นเศษ

ฮ่อจีนปังจึงใช้อุบายให้พวกโจรที่ยอมอ่อนน้อม ไปล่อลวง เฮงขวนที่เมืองแปะฮออุ้ย ให้ยกพลมาช่วยเฮงตินพัวที่เมืองเอียงอันฮู้ แล้วถูกดักโจมตีที่เขาปวยหงซัว ฮ่อจีนปังก็เอาทวนแทงเฮงขวนที่ขา ตกจากหลังม้าถูกจับได้อีก

พอดีทัพของเอียอิดเซงมาถึง จึงร่วมกับหลีตันเอี๋ยง เข้าล้อมเมืองแปะฮออุ้ยที่นายโจรรองรักษาอยู่ทั้งสี่ด้าน นายโจรรองทั้งสองนายก็เปิดประตูเมือง ออกมาอ่อนน้อม และนำกองทัพหลวงเข้าเมือง โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อแต่ประการใด

เมื่อจัดการบ้านเมืองราบคาบเป็นปกติแล้ว ก็จัดโต๊ะมาเลี้ยงแม่ทัพนายกอง นั่งกินเป็นลำดับตามผู้ใหญ่ผู้น้อย มีความยินดีรื่นเริงด้วยกันทุกคน หลีตังเอี๋ยงแม่ทัพ ให้เจ้าพนักงานจดบัญชีความชอบ ฮ่อจีนปังจิวหยงที่หนึ่ง แบ๊เทียที่สอง และนายทหารทั้งปวง ตามความชอบมากน้อย

จิวหยงก็นึกถึงคำนางเฮงสีสั่งมา ก็ลุกขึ้นคำนับหลีตังเอี๋ยงแล้วว่า ท่านอย่าออกชื่อข้าพเจ้าดังนั้นเลย ขอจงเปลี่ยนชื่อแซ่ของข้าพเจ้าเสีย หลีตังเอี๋ยงถามว่าเหตุอย่างไรจึงไม่ให้ใส่ชื่อเดิม

จิวหยงก็เล่าความที่กิมเหงาทำมาแต่หลัง และผูกพยาบาทให้ฟังทุกประการ หลีตังเอี๋ยง เอียอิดเซงและนายทหารบรรดาที่กินโต๊ะอยู่ ต่างก็มีความแค้นเคืองกิมเหงาทุกคน เอียอิดเซงจึงว่า

".....ซึ่งกิมเหงาทำผิดเราเข้าไปเมืองหลวง จะกราบทูลพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เอาตัวกิมเหงามาลงโทษจะยากอะไร ไม่ควรที่ท่านจะวิตกหนักหนา.."

หลีตังเอี๋ยงก็ว่าที่กิมเหงาทำนี้เป็นแต่การเล็กน้อย จะมัวทุกข์ร้อนทำไม แล้วก็เล่าความที่ เล่ากึน เจียวฮอง กับกิมเหงาทำการไม่สุจริต ตั้งแต่ถอดเฮงซือหยิน ออกจากตำแหน่ง ทำร้าย ตังเทงอุน ผู้รับหนังสือราชการของเอียอิดเซง จนฆ่าตัวตาย

และ เนียฉู สั่งมาว่า พวก ขุนนางกังฉินเกิดขึ้นในพระราชวังประพฤติการหยาบช้าต่างๆ ถ้าเอียอิดเซงปราบโจรสำเร็จแล้ว ให้รีบเข้ามาเมืองหลวง จะได้คิดอ่านกันกำจัดพวกทุจริตเสีย ราษฎรจะได้มีความสุข

เอียอิดเซงก็โกรธเอามือตบโต๊ะแล้วว่า เราจะเข้าไปเมืองหลวงกำจัดพวกไม่สุจริตเสียให้สิ้น แล้วบอกกับจิวหยง ฮ่อจีนปังว่าไม่ต้องวิตกจะช่วยมิให้เป็นอันตราย

พอรุ่งเช้าเอียอิดเซงก็ให้คนใช้ไปเชิญเจ้าเมือง ที่ขึ้นกับเมืองเซียมไซ มาพร้อมแล้ว ก็ให้เจ้าเมืองทำหนังสือกล่าวโทษเล่ากึนกับพวก ที่ได้ทำทุจริตเบียดเบียนราษฎรในเมืองของตน รวมเป็นหนังสือแปดฉบับ ให้เอียอิดเซงนำเข้าไปถวายฮ่องเต้

เอียอิดเซงก็ให้เตียวเทงจุนอยู่รักษาเมืองเซียมไซ และรักษาด่านทางจงกวดขัน อย่ามีความประมาท ระวังพวกโจรที่เหลืออยู่จะลอบมาทำอันตราย แล้วก็พากันเดินทางมาถึงแดนเมืองหลวง

เนียฉูทราบก็กราบทูลฮ่องเต้ว่า กองทัพเมืองหลวงที่ส่งไป ได้มีชัยชนะแก่พวกโจรกลับมาจะถึงแล้ว ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ให้เนียฉูพาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย ออกไปคอยรับอยู่นอกกำแพงเมืองเว้นแต่เล่ากึนบอกป่วย

เอียอิดเซงก็ให้กองทัพตั้งค่ายพักอยู่นอกกำแพง ตนเองกับหลีตังเอี๋ยงพากันไปเฝ้าฮ่องเต้ และนำเชลยสองคนไปด้วย ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เอาเฮงตินพัวกับเฮงของ ไปตัดศรีษะเสียบประจานไว้ แต่ไพร่พลสามหมื่นให้แบ่งไปทุกกรมกอง แล้วให้เอียอิดเซงไปพักผ่อนเสียก่อน ค่อยมาเฝ้าวันรุ่งขึ้น.
##########

นิตยสารโล่เงิน
เมษายน ๒๕๔๓




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 6:59:11 น.
Counter : 1031 Pageviews.  

ตอนที่ ๔ มิตรยามยาก

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๔ มิตรยามยาก

" เล่าเซี่ยงชุน "

ทหารทั้งแปดคนของ กิมเหงา ติดตาม นางเฮงสี และนางเสียวเหนย มาถึงเชิงเขาอายเฮียซัว ก็พบชายคนหนึ่งถือพลองมายืนขวางกั้นไว้ เมื่อถามชื่อแซ่ชายคนนั้นก็หัวเราะแล้วว่า

".....ถ้ารักชีวิตจงขอโทษนางเฮงสีเสีย กลับไปบอกกับกิมเหงาว่า เราเป็นชาวเมืองกังหนำ แซ่จิวชื่อหยง รับเอาหญิงสองคนนี้ไว้ ถ้ากิมเหงาจะเอาตัวก็จงมาบ้านเรา...."

พวกทหารได้ฟังก็โกรธตรงเข้าแทง จิวหยง ก็รับด้วยพลองสู้รบกันเป็นสามารถ จิวหยงตีทหารเหล่านั้นเจ็บป่วยหลายคนก็ขับม้าหนีไป

นางเฮงสีกับนางเสียวเหนยก็คุกเข่าลงคำนับ จิวหยงก็จูงมือลุกขึ้น แล้วพูดกับนางเฮงสีว่า ข้าพเจ้าชื่อจิวหยงมาช่วยช้าไปพี่จึงลำบาก นางเฮงสีได้ฟังก็นึกได้ จึงถามว่าท่านหรือที่สาบานกับกิมเหงา จิวหยงรับว่าคือตัวข้าพเจ้า นางเฮงสีก็ร้องไห้เล่าความทุกข์ให้ฟัง จิวหยงจึงว่าเชิญพี่ไปบ้านข้าพเจ้าก่อนจึงค่อยคิดอ่านกัน แล้วก็พานางทั้งสองไปบ้าน จัดที่อยู่ให้ตามสมควร

ฝ่ายทหารทั้งแปดคนกลับไปเมืองหลวง แจ้งความที่ได้สู้รบให้กิมเหงาฟังทุกประการ แล้วว่าจิวหยงนั้นเป็นคนเข้มแข็งกล้าหาญอย่างไร จึงได้ว่ากล่าวมาถึงท่าน กิมเหงาว่าจิวหยงกับเราสาบานเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา ทหารเกรงกิมเหงาจะไม่โกรธแค้นจึงใส่ความว่า

".....เมื่อวันรบกัน ข้าพเจ้าได้ยินจิวหยงด่าหยาบช้าถึงท่าน แล้วว่าฝีมืออย่างท่านจะสู้ใคร ถ้าขืนไปตามนางเฮงสีกับนางเสียวเหนยที่บ้านจิวหยง จะตัดศรีษะเสีย....."

กิมเหงาได้ฟังก็โกรธเอามือตบโต๊ะลงแล้วว่า อ้ายจิวหยงไม่รู้คุณ กลับดูถูกว่ากล่าวให้ได้ความอาย จำจะยกไปฆ่าเสียให้สาใจที่ทรยศ ว่าแล้วกิมเหงาก็เข้าในเรือน แต่งตัวใส่เกราะถืออาวุธขึ้นม้าคุมทหารสามร้อยให้ทหารแปดคนเป็นผู้นำทาง

ฝ่ายนางเฮงสีกับนางเสียวเหนยอาศัยจิวหยงอยู่สองคืน ก็ลาจะไปอยู่ที่บ้านมารดาเลี้ยง จิวหยงเห็นว่าเราเป็นหนุ่มนางทั้งสองยังสาวรูปร่างงาม อยู่นานไปก็จะเป็นที่ติฉินนินทา จึงยอมตามใจ พอนางพากันออกจากบ้านเดินไปได้หน่อยหนึ่ง ก็เห็นกิมเหงาใส่เกราะขี่ม้าถืออาวุธ คุมทหารมามากก็ตกใจ รีบกลับมาบอกจิวหยงให้ทราบ

จิวหยงจึงให้นางทั้งสองเข้าอยู่ในเรือน แล้วตนออกมายืนหน้าบ้าน พอกิมเหงามาถึงก็พูดว่า เรามีคุณกับท่านแต่ก่อน ท่านก็มิได้ตอบแทนยังกลับมาเป็นศัตรูเรา จิวหยงถามว่าข้าพเจ้าทำสิ่งใดให้พี่ขัดเคือง กิมเหงาจึงว่า

".....นางเฮงสีพี่สะใภ้คบคิดกับนางเสียวเหนย ลักเอาเงินทองข้าวของมา เราใช้ทหารตามจับท่านกลับเข้าช่วยกางกั้นแก้เอาคนผิดไว้ แล้วมิหนำว่ากล่าวหยาบช้าให้ได้ความอัปยศ เราจึงมาตามคำสั่ง ท่านมีฝีมือองอาจอย่างไรจงมาลองดูให้ถึงแพ้ชนะ...."

พูดแล้วกิมเหงาก็เอาทวนแทงจิวหยงย่อตัวลงจับปลายทวนไว้แล้วว่า

".....ข้าพเจ้าคิดถึงพี่ที่ได้สาบานกัน นางเฮงสีภรรยาท่านก็เหมือนพี่สะใภ้ของข้าพเจ้า มีผู้ไล่มาจะฆ่านางเฮงสี ครั้นจะไม่ช่วยมิผิดอย่างธรรมเนียมหรือ…….”

กิมเหงาได้ฟังจิวหยงพูดเข้าข้างภรรยาก็โกรธ ถลึงตาแล้วว่า

".....จิวหยงท่านเห็นนางเฮงสีกับนางเสียวเหนยรูปงาม จึงเกลี้ยกล่อมไว้ ปรารถนาจะเลี้ยงเป็นภรรยา ยังแบกหน้าเอาแต่ดีมาพูดอีกเล่า....."

จิวหยงได้ฟังก็โกรธตอบว่า

".....เดิมข้าพเจ้าเหมือนไม่มีแววตา จึงสาบานกับท่านพลั้งพลาดไป ไม่คิดเห็นเลยว่าท่านเป็นพาลอย่างนี้ อะไรกับข้าพเจ้าพึ่งรักใคร่กันวันหนึ่งสองวัน แต่นางเฮงสีภรรยาเดิมได้ร่วมทุกข์ยากมา ท่านยังไม่มีความเมตตาปรานีบ้าง นางเฮงสีผิดสิ่งใดจึงจะฆ่าเสีย ใจของท่านเหมือนสัตว์เดรัจฉาน....."

กิมเหงาได้ฟังก็ยิ่งมีความโกรธจึงว่า

".....ถ้าตัวรักชีวิตเร่งส่งนางเฮงสี กับนางเสียวเหนยมาโดยดี ถ้าขัดขืนไว้จะขับทหารเข้าทำลายเรือนเสีย จับตัวให้จงได้...."

จิวหยงตอบว่า

".....นางทั้งสองนี้ หนีร้อนมาพึ่งเย็นอาศัยอยู่บ้านเรา ซึ่งจะส่งนั้นไม่ควร ถ้าท่านกล้าดีเร่งเข้าไปจับเอาโดยเร็ว....."

แล้วจิวหยงก็เรียกนางเฮงสีด้วยเสียงอันดังว่า เชิญพี่ออกมาเขาจะจับกุมอย่างไรให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลาย นางเฮงสีก็เดินออกมาชี้หน้าด่ากิมเหงาว่า
".....อ้ายคนไม่มีสัตย์ เราเป็นภรรยา กลัวพ่อตาจะโกรธกลับเรียกว่าพี่สะใภ้ เอาหน้าไปไว้ที่ไหนไม่อายกับคนทั้งปวง...."

กิมเหงาได้ฟังนางเฮงสีว่ามีความอัปยศแก่ทหารที่ตามมาก็กระชากทวนหลุดจากมือจิวหยง ตรงเข้าไปแทงนางเฮงสี จิวหยงกระโดดจับปลายทวนไว้ กระชากด้วยกำลังแรง กิมเหงาตกลงมาจากม้าทวนหักออกไป จิวหยงฉวยได้ข้างปลายเข้าสู้รบกับกิมเหงาเป็นสามารถ พวกทหารก็เข้ากลุ้มรุมจะจับจิวหยง

นางเฮงสีเห็นดังนั้นก็พานางเสียวเหนยหนีไปก่อน แต่จิวหยงมีกำลังมาก ก็สู้พลางหนีพลางป้องกันมาข้างหลัง

ฝ่าย ฮ่อจีนปัง กับ นางลีสี บุตรชายและสะใภ้ ของมารดาเลี้ยงนางเฮงสี ในวันนั้นชวนกันถือทวนและมีด ไปเที่ยวหาเนื้อในป่าถึงเขาปันฮองซัว เห็นข้างหน้าเป็นหมอกกลุ้ม ได้ยินเสียงเท้าม้าและคนอื้ออึง ฮ่อจีนปังก็ขึ้นไปบนเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งข้างหน้า และหญิงอีกคนหนึ่งเดินข้างหลัง พิเคราะห์ดูจำได้ว่าเป็นนางเฮงสี จึงรีบพาภรรยาลงจากเขาร้องถามว่า น้องมีเหตุสิ่งใดจึงวิ่งตกใจมาทางนี้

นางเฮงสีแลดูเห็นสองสามีภรรยาก็จำได้ ก็ยินดีพานางเสียวเหนยเข้าไปคำนับ แล้วเล่าความตั้งแต่กิมเหงาจากไป จนยกทหารมาจะทำร้าย และจิวหยงเข้ามาช่วย ให้ฟังทุกประการ

ฮ่อจีนปังและนางลีสีแจ้งดังนั้นก็โกรธกิมเหงายิ่งนัก จึงให้นางเฮงสีรีบพานาง เสียวเหนยไปก่อน สองสามีภรรยาจัดแจงแต่งตัวมั่นคง แล้วถืออาวุธออกมาทางใหญ่ เห็นกิมเหงากับทหารไล่ตามจิวหยงมา ก็เข้าขวางหน้ากิมเหงาไว้ จิวหยงเห็นมีผู้มาช่วยก็ดีใจกลับหน้าเข้าต่อสู้

กิมเหงากับทหารสามร้อยแปดคน เดินมาวันกับคืนหนึ่งไม่ได้หยุดพักอิดโรยกำลัง ก็ถูกฮ่อจีนปังกับจิวหยงฆ่าฟันทหารล้มตายลงมาก เหลืออยู่สี่สิบเศษก็ป่วยทั้งสิ้น กิมเหงาถูกฮ่อจีนปังเอาทวนแทงหลายแห่ง เจ็บปวดเหลือทนก็ขับม้าหนี ฮ่อจีนปังกับนางลีสีจะไล่ตามไปฆ่าเสีย จิวหยงก็ห้ามไว้ว่ากิมเหงาก็เป็นพี่น้องสาบานกัน ขอชีวิตไว้สักครั้งหนึ่ง ทั้งสองจึงหยุดอยู่

จิวหยงถามว่าท่านทั้งสองแซ่ไรชื่อไรอยู่ไหน ทั้งสองสามีภรรยาก็บอกให้แล้วว่า

".....นางเฮงสีเป็นบุตรเลี้ยงของมารดาเรา รักใคร่เหมือนพี่น้อง ท่านแซ่ใดชื่อใดเหตุไฉนจึงมาช่วยนางเฮงสี....."

จิวหยงก็บอกให้แล้วเล่าความตั้งแต่มารดาตายเงินตกหายกิมเหงาเก็บได้คืนให้ แล้วช่วยทำการฝังศพสาบานเป็นพี่น้องกัน จนนางเฮงสีหนีมาพบ ให้ฟังทุกประการ เมื่อพูดกันอยู่นั้น จิวหยงมองเห็นแสงไฟทางเขาอายเฮียซัว ก็โกรธพูดว่า

"....กิมเหงานี้ใจร้าย ชะรอยจะเผาบ้านเรือนข้าพเจ้าเสีย จะต้องตามไปจับตัวมาให้จงได้....."

ฮ่อจีนปังเห็นจิวหยงโกรธกลัวจะเสียทีก็ห้ามไว้แล้วว่า

".....ท่านอย่าวิตก ถึงบ้านข้าพเจ้าคับแคบก็จริง พอจะอาศัยอยู่ด้วยกันได้ เชิญท่านไปบ้านข้าพเจ้าเถิด บัดนี้นางเฮงสีกับนางเสียวเหนยอยู่ที่บ้านแล้ว ภายหลังจึงค่อยคิดการต่อไป.."

จิวหยงได้ฟังก็เห็นชอบด้วย ฮ่อจีนปังก็พาภรรยากับจิวหยง มาถึงบ้านที่อยู่ นางเฮงสีกับนางเสียวเหนยก็ออกมาต้อนรับ แล้วให้จิวหยงคำนับมารดา ฮ่อจีนปังชวนกันนั่งอยู่ตามสมควรแล้ว นางเฮงสีก็ถามว่าฆ่ากิมเหงาตายแล้วหรือ จิวหยงบอกว่ากิมเหงาแพ้ชักม้าหนี ฮ่อจีนปังจะตามไปฆ่าเสีย ตนจึงขอชีวิตไว้

นางเฮงสีว่ากิมเหงายังไม่ตายคงจะคิดร้ายต่อเราในภายหน้า ถ้าฆ่าเสียจึงจะสิ้นศัตรู จิวหยงว่าไม่ทันคิดจึงปล่อยไป บัดนี้แสงไฟเกิดขึ้นที่ริมเขาอายเฮียซัว เห็น กิมเหงาจะเผาบ้านเรือนของพี่กับของข้าพเจ้าเสียสิ้นแล้ว นางเฮงสีได้ฟังก็โกรธนักว่า

"...อ้ายคนอสัตย์เช่นนี้ เทวดาคงจะไม่ไว้ชีวิต ถึงเราไม่ทำอันตราย ก็คงมีผู้อื่นทำเป็นแท้ แต่บัดนี้ไม่มีที่อาศัยแล้ว....."

ฮ่อจีนปังว่าถ้าท่านไม่รังเกียจจงอยู่ที่นี่ก่อน ภายหลังมีช่องอย่างไร จึงค่อยคิดการ ต่อไป นางเสียวเหนยจึงบอกว่า

"...ท่านทั้งสองกับมารดามีใจเมตตา ควรที่เราจะอาศัยอยู่ ข้าพเจ้าได้ของติดมา จะมอบให้ท่านจำหน่ายใช้สอย และทำบ้านเรือนเพิ่มเติมขึ้น เห็นพอจะมีความสุข...."

คนเหล่านั้นก็ยินดีคิดอ่านจัดแจงตามคำนางเสียวเหนยทุกประการ ครั้นอยู่มาจิวหยงจึงขอสาบานกับฮ่อจีนปัง ว่าจะซื่อตรงสุจริตต่อกัน เหมือนดังพี่น้องร่วมบิดามารดา ต่างคนก็ยินดี ฮ่อจีนปังก็ว่า

"...เราสองคนรักกัน นานไปข้างหน้าถ้ามีความสุข อย่าลืมเพื่อนทุกข์เสียเหมือน กิมเหงา....."

อยู่มาไม่นานนางเฮงสีก็ยกนางเสียวเหนยให้เป็นภรรยาจิวหยง ตั้งแต่นั้นก็อุตส่าห์ช่วยกันทำมาหากินเหมือนญาติ โดยปกติมีความสุขสืบไป.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มีนาคม ๒๕๔๓




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 20:34:07 น.
Counter : 1097 Pageviews.  

ตอนที่ ๓ สาวใช้ใจซื่อ

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๓ สาวใช้ใจซื่อ

" เล่าเซี่ยงชุน "

นางเฮงสี ภรรยาเก่าของกิมเหงาออกจากบ้าน เดินทางรอนแรมมา ด้วยความลำบากยากแค้นนัก ของเล็กน้อยที่ติดตัวมา ก็ขายซื้ออาหารเลี้ยงชีวิตจนหมด ต้องขอทานชาวบ้านกิน ครั้นถึงเมืองหลวงได้ยินคนทั้งปวงพูดว่า กิมเจียงกุ๋นอายุยังหนุ่มอยู่มีกำลังเข้มแข็งจับ เตาเลงกูได้ พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้โปรดปราน

นางเฮงสีได้ฟังก็มีความยินดี ถามว่าบ้านท่าน กิมเจียงกุ๋นอยู่ที่ไหนชายผู้หนึ่งชี้มือบอก นางเฮงสีก็เดินมาเห็นบ้านหนึ่งใหญ่โตทำใหม่ ๆ พึ่งจะแล้ว ก็หยุดยืนพิเคราะห์ดู เห็นหน้าประตูมีเสาธงจารึกอักษรไว้ว่าฮกสิวเจียงกุ๋น

นางเฮงสีคิดว่าบ้านนี้เห็นจะเป็นที่อยู่ของกิมเหงา จึงเดินเข้าไปที่ประตูพบคนแก่นั่งอยู่จึงถามว่า นี่บ้านกิมเจียงกุ๋นหรือ คนแก่ว่านี่แหละบ้านกิมเจียงกุ๋นท่านมีธุระสิ่งใด นางเฮงสีว่าท่านจงเอ็นดู ช่วยสงเคราะห์เข้าไปบอกกิมเจียงกุ๋นว่า ข้าพเจ้ามาแต่ตำบลเขาอายเฮียซัว ชื่อนางเฮงสี จะขอเข้าไปคำนับ คนแก่จึงว่าท่านคอยอยู่ที่นี่ เราจะแจ้งแก่กิมเจียงกุ๋นให้ทราบก่อน ว่าแล้วเข้าไปข้างในคำนับกิมเหงาบอกว่า หญิงคนหนึ่งรูปร่างงามแต่เสื้อกางเกงขาดรุงรังมาคอยคำนับท่าน ถามหญิงนั้นบอกว่ามาแต่ตำบลเขาอายเฮียซัวชื่อนางเฮงสี

กิมเหงา ได้ฟังก็สดุ้งใจจึงสั่งให้ คนแก่นั้นไปบอกว่ายังติดราชการ จงคอยอยู่ก่อนสิ้นธุระจึงจะเชิญเข้ามา คนแก่ก็ออกมาบอก นางเฮงสีทุกประการ

กิมเหงาก็ปรึกษาด้วย เกียเชย คนสนิทว่า

".....เดิมเรามีภรรยาชื่อนางเฮงสี ทำมาหากินอยู่ด้วยกันที่เขาอายเฮียซัว ภายหลังเจียวฮองชักชวนเราเข้ามาทำราชการ แล้วกราบทูลฮ่องเต้ยกนางเฮงหยงผู้บุตรให้เป็นภรรยา ฮ่องเต้รับสั่งถามจะกราบทูลตามจริงก็กลัวเจียวฮองจะน้อยใจจึงต้องยอมรับ บัดนี้นางเฮงสีภรรยาเดิมเรามา ถ้านางเฮงหยงรู้ก็จะแตกร้าวฉานกัน ความชั่วก็จะอยู่แก่เรา ท่านมีสติปัญญาจะคิดแก้ไขอย่างไร...."

เกียเชยจึงออกอุบาย ให้ต้อนรับนางเฮงสีมิให้ผิดปกติ ชวนเสพสุราจนนางเฮงสีเมาแล้วให้นอนอยู่ห้องนอก ตนเองจะลอบเข้าไปฆ่าเสีย ขณะนั้น นางเสียวเหนย คนใช้ของนาง เฮงหยง เดินลงไปเห็นนางเฮงสีนั่งอยู่แต่งกายผิดคนในเมืองหลวง จึงถามว่ามาหาผู้ใด นางเฮงสีก็เล่าความให้ฟังทุกประการ

นางเสียวเหนยจะเข้ามาบอกกิมเหงา ก็เห็นกิมเหงากับเกียเชยซุบซิบกัน นางแอบฟังได้ยินปรึกษากันจะทำร้าย นางเฮงสีก็ตกใจ ครั้นจะออกไปบอกผู้ใดก็กลัวความผิด จึงคอยฟังข่าวอยู่

ฝ่ายกิมเหงาเมื่อคิดอ่านกับเกียเชยตกลงแล้ว ก็ให้ไปรับนางเฮงสีเข้ามา จัดที่นั่งอันสมควรแล้วก็จัดเสื้อกางเกงอย่างดีมาให้นางเฮงสีผลัด คนใช้ก็ยกโต๊ะมาตั้ง กิมเหงานั่งเคียงนาง เฮงสีทำกิริยาถามสุขทุกข์โดยสุจริต นางเฮงสีจึงว่าท่านเป็นใหญ่ขึ้นแล้วไม่มีข่าวคราวไปให้ทราบบ้าง

กิมเหงาจึงว่าเราคิดอยู่หลายครั้งจะไปรับแต่ยังไม่ว่าง เพราะราชการมาก พอเจ้ามาก็ดีแล้วเราสิ้นความวิตก เจ้าอย่าเสียใจเลย แล้วแกล้งพูดสัพยอกเย้ายวนต่าง ๆ นางเฮงสีก็มีความยินดี กินโต๊ะเสพสุราอยู่ด้วยกัน

กิมเหงารินสุราให้นางเฮงสีกินเนือง ๆ จนเมาเหลือขนาด ก็พาเข้าไปนอน ที่ห้องนอก นางเฮงสีหลับสนิทไม่รู้สึกตัว กิมเหงาออกมาพูดกับเกียเชยว่า การที่คิดไว้จงทำให้มั่นคง อย่าประมาท ด้วยนางเฮงสีชำนาญเพลงอาวุธ ถ้าพลั้งพลาดจะเสียการ เกียเชยรับคำ แล้วกิมเหงาก็กลับเข้าไปห้องใน

ฝ่าย นางเสียวเหนย รู้ว่านางเฮงสีเมาสุรานอนห้องนอก เกียเชยคิดจัดการจะทำร้ายก็มีใจสงสาร แต่ถ้าจะเข้าไปบอกนางเฮงสี แม้นกิมเหงารู้เข้าความผิดก็จะมีแก่ตน ถ้านิ่งเสียนางเฮงสีคงตาย นางเสียวเหนยตรึกตรองเห็นอุบายได้อย่างหนึ่ง พอจะช่วยชีวิตนางเฮงสีได้ ส่วนตนเองก็จะพ้นภัย จึงเข้าไปในห้องนางเฮงหยง ลักข้าวของที่มีราคาหลายสิ่ง แล้วรีบกลับมาห้องที่นางเฮงสีนอนอยู่ เห็นหลับสนิทก็ค่อยย่องเข้าไป กระซิบเรียกว่าเชิญท่านลุกขึ้นเถิด

นางเฮงสียังไม่สร่างเมา ลืมตาดูเห็นเป็นคนใช้ก็พลิกตัวหลับไปอีก นางเสียวเหนยจึงเอามือจับตัวนางเฮงสีสั่นบอกว่าท่านลุกโดยเร็ว ถ้าช้าอยู่จะมีภัยมาถึง นางเฮงสีได้ยินก็ตกใจลุกขึ้น เห็นนางเสียวเหนยจึงถามว่า ท่านเข้ามาด้วยเหตุสิ่งใด นางเสียวเหนยบอกว่า

".....กิมเจียงกุ๋นคิดอุบายจะฆ่าท่านเสีย ข้าพเจ้าเห็นท่านไม่มีผิดคิดสงสาร จึงมาแจ้งความให้ทราบ...."

นางเฮงสีได้ฟังก็สงสัยจึงว่า

".....กิมเจียงกุ๋นกับเรารักใคร่เป็นผัวเมียกันมาช้านาน มิได้ทำการสิ่งใดให้ขัดเคือง เหตุไฉนจะมาทำร้ายเรา...."

นางเสียวเหนยว่า

".....บัดนี้กิมเจียงกุ๋นได้ภรรยาใหม่ ครั้นท่านมากลัวพ่อตาจะรู้ แกล้งบอกกับคนทั้งปวงว่าท่านเป็นพี่สะใภ้ จะทำร้ายท่านด้วยเหตุฉะนี้...."

กำลังพูดกันอยู่ก็พอดีเกียเชยถือมีดเดินเข้ามา นางเฮงสีเห็นกิริยาประหลาด จึงถามว่าท่านเข้ามาธุระสิ่งใด เกียเชยเหน็บซ่อนมีดเสียแล้วบอกว่า กิมเจียงกุ๋นใช้ให้มาถามว่าท่านจะเอาน้ำร้อนหรือ

นางเฮงสีหัวเราะแล้วว่า ขอบใจกิมเจียงกุ๋นนัก ได้ภรรยาใหม่ยังไม่ลืมเรา เกียเชยได้ยินนางเฮงสีพูดดูกิริยาเหมือนหนึ่งจะรู้ตัวก็ตกใจจะหนี นางเฮงสีเหนี่ยวเสื้อไว้เห็นมีดเหน็บอยู่ข้างหลัง ก็ชักออกมาแล้วด่าเกียเชยว่า เหตุใดจะทำร้ายเรา เกียเชยตอบว่ากิมเจียงกุ๋นใช้มา ข้าพเจ้าหาได้คิดร้ายท่านไม่

นางเฮงสีจึงเอามีดฟันเกียเชยตาย แล้วผ่าอกเอาตับและใส้ ออกมาทิ้งเกลื่อนอยู่ที่นั้น

นางเฮงสีมีความแค้นกิมเหงามาก ร้องด่าด้วยคำหยาบช้า แล้วว่าอ้ายคนใจร้าย ได้ดีแล้วไม่รู้จักคุณเรา จะสู้รบให้เห็นฝีมือกัน นางเสียวเหนยก็ห้ามว่า ท่านอย่าโกรธอึงไป ด้วยคนในบ้านมาก ถึงท่านจะมีฝีมือแต่คนเดียวแล้วเป็นหญิง ที่ไหนจะสู้ได้ ควรจะหลีกหนีไปเสียก่อน จึงค่อยคิดสู้รบต่อภายหลัง

นางเฮงสีได้ฟังก็เห็นชอบ ให้นางเสียวเหนยนำออกทางหลังบ้าน เปิดประตูรีบหนีไป

ฝ่ายกิมเหงามีความวิตกนอนไม่หลับ จนย่ำยามสามลุกออกมา ให้คนใช้เรียก เกียเชยก็ไม่พบ คิดสงสัยจึงเดินออกไปที่ห้องนางเฮงสี เปิดประตูเข้าไปเห็นเกียเชยนอนตายใส้พุงไหลเกลื่อนกลาดก็ตกใจนัก ค้นหานางเฮงสีก็ไม่พบ จึงคิดว่าความนี้คงจะมีคนบอกเป็นมั่นคง นางเฮงสีรู้ตัวจึงฆ่าเกียเชยตายแล้วหนีไป

พอสว่างกิมเหงาเรียกคนใช้ชายหญิงมาตรวจอยู่พร้อม แต่นางเสียวเหนยนั้นหายไป กิมเหงาดูข้าวของหายหลายสิ่งก็โกรธ แกล้งว่านางเสียวเหนยคบคิดกับนางเฮงสีพี่สะใภ้เรา ลักเอาข้าวของหนีไปและฆ่าเกียเชยตาย ซึ่งนางเสียวเหนยเห็นกับนางเฮงสีทำดังนี้มีความผิดข้อใหญ่ พูดแล้วก็สั่งทหารแปดคน ให้ตามไปฆ่าตัดศรีษะมาทั้งสองคน ทหารรับคำแล้วถืออาวุธครบมือรีบตามไปโดยเร็ว

นางเฮงสีกับนางเสียวเหนย หนีออกทางสวนดอกไม้ เดือนหงายสว่าง รีบไปตามทางได้สิบลี้ นางเสียวเหนยจึงว่าเราสองคนหนีมา ไม่มีญาติพี่น้องที่จะสำนักอาศัย ถ้ากิมเหงาตามมาจะคิดอย่างไร นางเฮงสีว่า

".....เจ้าอย่ามีความวิตก เรามีแม่เลี้ยงคนหนึ่งบ้านอยู่หน้าเมืองหงยุนกุ้ย บุตรชายชื่อ ฮ่อจีนปัง ภรรยาชื่อ นางลีสี สองคนผัวเมียมีกำลังเข้มแข็ง เที่ยวยิงสัตว์ป่ามาขายเลี้ยงชีวิต ถ้าเราไปถึงก็คงพ้นภัย แต่ครั้งนี้ขัดสนไม่มีเงินทองจะซื้ออาหารเลี้ยงกัน....."

นางเสียวเหนยว่าเมื่อจะหนีมานั้น ได้ลักสิ่งของติดตัวมาพอจะขายเลี้ยงชีวิต นางเฮงสีได้ฟังก็มีความยินดี จึงว่าเจ้าทำคุณกับพี่ครั้งนี้หาที่เปรียบมิได้ ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน นับกันเหมือนพี่น้องร่วมบิดามารดา นางเสียวเหนยก็ว่าข้าพเจ้าเป็นบ่าว ไม่ควรจะคู่เคียงกับท่าน นางเฮงสีว่าเจ้าทำคุณกับเรามาก ควรที่เราจะคำนับ เจ้าอย่าบิดพริ้วเลย

นางเสียวเหนยเห็นนางเฮงสีว่ากล่าวโดยสุจริต ก็ยอมตาม ครั้นเวลาค่ำหยุดซื้ออาหารกินและพักนอน รุ่งเช้าก็เดินไป

ฝ่ายทหารของกิมเหงารีบไปถึงโรงเตี๊ยม แวะเข้าซื้ออาหารกินแล้วถามว่า เห็นหญิงสองคนมาทางนี้บ้างหรือไม่ เจ้าของโรงเตี๊ยมบอกว่า เมื่อคืนนี้มีหญิงสองคนมาเช่าที่นอนและซื้ออาหารกิน ครั้นรุ่งเช้าก็พากันไป ทหารแปดคนได้ฟังก็ขึ้นม้ารีบติดตามไป นางเฮงสีกับนางเสียวเหนย ไปถึงทางใหญ่ ได้ยินเสียงเท้าม้ามาข้างหลัง

นางเสียวเหนยตกใจพูดว่าชะรอยกิมเหงาจะตามมาทันเป็นมั่นคง นางเฮงสีว่าเจ้าอย่าวิตก แล้วให้นางเสียวเหนยรีบไปก่อน ตนเองค่อยเดินตามไป พอทหารแปดคนมาทันเข้าล้อมนางเฮงสีแล้วเอาทวนแทง นางเฮงสีหลบทันชิงทวนมาได้ ก็เข้ารบกับทหารทั้งแปดคนเป็นสามารถ แทงถูกทหารเจ็บป่วยหลายคนก็ออกจากที่ล้อมได้
นางเฮงสีนั้นสู้พลางหนีพลาง เพราะเป็นห่วงนางเสียวเหนยจะหลงทางไป

นางเสียวเหนยวิ่งหนีมาได้พักหนึ่ง ก็พบชายผู้หนึ่งเข้ากั้นหน้าไว้ นางก็ร้องว่าท่านช่วยชีวิตไม่ได้จงปล่อยไปโดยเร็ว ชายนั้นว่ามีเหตุอย่างไรจงบอกกับเราก่อน จึงจะช่วยแก้ไขตามสติปัญญา นางเสียวเหนยร้องไห้พลางเล่าความ ตั้งแต่กิมเหงาเข้าทำราชการจับเตาเลงกู ได้เป็นขุนนางแล้วเจียวฮองยกบุตรสาวให้ จนนางเฮงสีไปตาม กิมเหงาคิดจะฆ่าจนนางได้ช่วยนางเฮงสีหนีมาได้ และถูกกิมเหงาติดตามมา

ชายผู้นั้นจึงว่า

".....กิมเหงานี้ใจชั่ว แต่นางเฮงสีเพื่อนทุกข์ยากด้วยกัน ยังทำถึงเพียงนี้ ตัวเราสาบานเป็นพี่น้องจะนับถือที่ไหนได้...."

พูดแล้วก็เอาขวานตัดไม้ทำพลองอันหนึ่ง ถือเดินไปขวางหน้าทหารแปดคนไว้ แล้วร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ทหารทั้งปวงก็หยุดอยู่แล้วว่า

".....หญิงสองคนนี้มีโทษมาก กิมเจียงกุ๋นให้เรามาจับ ท่านอยู่ที่ใด แซ่ไร ชื่อไร จึงอาจมาชิงเอาไว้ เร่งบอกโดยเร็ว...."

ชายคนนั้นจะบอกว่าอย่างไร ก็ต้องรอให้ถึงตอนหน้าเสียก่อน.

##########

นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 9:00:59 น.
Counter : 418 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.