Group Blog
 
All Blogs
 
๗.ผู้ผิดคำสาบาน

ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก

ผู้ผิดคำสาบาน

เล่าเซี่ยงชุน

บุคคลผู้เป็นใหญ่ในภาคใต้ของแผ่นดินจีน เป็นหนึ่งในสามก๊กนั้น ใคร ๆก็รู้จักเป็นอย่างดีเขาคือ ซุนกวน ซึ่งได้ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้แห่งง่อก๊กแข่งบารมีกับคนแซ่เล่า และแซ่โจ จนต้องทำสงครามขับเคี่ยวกันนัวเนียอยู่อีกห้าสิบปี จึงจบสิ้นยุคสมัยของสามก๊ก

อันว่าซุนกวนนั้นไม่ใช่คนเก่งกล้าสามารถอะไรนัก แต่โชคดีที่ต้นตระกูลเป็นนักรบที่เข้มแข็ง และมีบริวารทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นที่มีสติปัญญาหลายคน จึงได้ปกครองดินแดนอันมั่งคั่งสมบูรณ์ และมีชัยภูมิที่ดี คือแคว้นกังตั๋ง ตั้งแต่ยังหนุ่ม แม้ โจโฉ จะได้ใช้ความพยายามตีเท่าไรก็ไม่แตก แต่คนที่จะได้กล่าวถึงในตอนนี้ก็คือบิดาของซุนกวน ผู้มีนามว่า ซุนเกี๋ยน

ซุนเกี๋ยนเกิดที่เมืองตองง่อ มีลักษณะที่พิเศษคือ หน้าผากใหญ่ หน้ายาวกิริยาเหมือนเสือ เมื่อรุ่นหนุ่มอายุเพียงสิบเจ็ดปี ได้ร่วมเดินทางโดยขบวนเรือไปค้าขายที่เมืองเจียนต๋องกับบิดา พบเห็นโจรสิบคนตีชิงลูกค้าของตน เอาของมาแบ่งกันอยู่บนบก ก็เดินเข้าไปอ้างตัวว่าเป็นขุนนาง พวกโจรลุกขึ้นวิ่งหนี ก็ตามไปฆ่าตายเสียคนหนึ่งหนีไปเก้าคน เจ้าเมืองเกิดชอบใจ เลยเอาตัวไว้แต่งตั้งให้เป็นนายทหาร

ต่อมาก็ร่วมมือกับเจ้าเมืองเจียนต๋องปราบปราม หือฉง ซึ่งเป็นขบถต่อพระเจ้าเลนเต้ ได้อีก จากนั้นก็ร่วมมือกับ จูฮี เล่าปี่ปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองที่เมืองอ้วนเซีย ด้วยการฆ่านายโจรและลูกสมุนตายไปหลายสิบคน แล้วก็ช่วยปลดปล่อย หัวเมืองที่พวกโจรยึดครองไว้ได้ถึงสิบสี่สิบห้าหัวเมือง ทำให้อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเตียงสา และได้ปราบ คูเสง หัวหน้าโจรโพกผ้าเหลืองในเมืองนั้น ให้ราบคาบลงได้อีกกลุ่มหนึ่ง จึงได้ย้ายไปเป็นเจ้าเมืองกังแฮ ซึ่งเป็นหัวเมืองเอกทางภาคใต้ใหญ่โตขึ้น

จนกระทั่งถึงแผ่นดิน พระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งตั๋งโต๊ะ เป็นมหาอุปราชได้กระทำการหยาบช้าต่าง ๆ นา ๆ โจโฉจึงตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ หนีออกจากเมืองหลวง ไปรวบรวมพลพรรคจากหัวเมืองในชนบท เพื่อกลับมาปราบปราม ซุนเกี๋ยนก็ได้พาทหารเข้าร่วมขบวนการด้วย และได้รับแต่งตั้งจาก อ้วนเสี้ยว แม่ทัพใหญ่ ให้เป็นแม่ทัพหน้าเข้าตีเมืองลกเอี๋ยง แม้จะไม่ได้ชัยชนะเด็ดขาด แต่ก็สามารถผลักดันให้ตั๋งโต๊ะต้องพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน และเผาเมืองลกเอี๋ยงเสียราบเรียบไป

ซุนเกี๋ยนก็ยกทัพหน้าเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองร้างนั้น และได้พบตราหยกติดอยู่กับศพของหญิงผู้หนึ่ง เป็นตราหยกสี่เหลี่ยมจตุรัสหน้าแปดนิ้ว ยอดเป็นรูปมังกรห้าตัวเกาะเกี่ยวกัน มีอักษรแกะไว้ว่า เทวดาประสิทธิ์ให้ ถ้าผู้ใดได้ไว้แล้วครองราชสมบัติ ก็จะจำเริญพระชันษาสืบไป ซึ่งใช้เป็นตราประจำตำแหน่งของฮ่องเต้มาตั้งแต่ พระเจ้าโซบูอ๋อง พระเจ้าฮั่นโกโจ พระเจ้าฮั่นกองบู๊ จนถึงพระเจ้าเลนเต้และพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว

ซุนเกี๋ยนเกิดความโลภคิดจะเก็บเอาไว้เป็นประโยชน์แก่ตนจึงขอลาอ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่ จะยกพลพรรคกลับบ้านเมือง โดยอ้างว่าป่วยจะไปรักษาตัว อ้วนเสี้ยวรู้ระแคะระคาย จึงดักคอว่า

"...เราทั้งปวงคิดกันมา หวังจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ซึ่งท่านได้ตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์ไว้ จงเอามาให้เราซึ่งเป็นนายทัพผู้ใหญ่ ถ้าสำเร็จราชการแล้ว จะได้ถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้เสวยราชสมบัติสืบไป ซึ่งท่านได้ตราไว้แล้วปิดเนื้อความเสียจะพาเอาไปนั้น ท่านคิดจะเอาราชสมบัติหรือ....."

ซุนเกี๋ยนจึงเอามือชี้ฟ้าแล้วสาบานว่า

"......ถ้าข้าพเจ้าได้ตราหยก ไว้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยสายฟ้า และอาวุธต่าง ๆ เถิด...."

อ้วนเสี้ยวก็เอาตัวทหารผู้เห็นเหตุการณ์มายืนยัน ซุนเกี๋ยนก็พาลจะฆ่าเสีย ทหารเอกของทั้งสองฝ่าย ต่างก็ชักกระบี่ออกประจันหน้ากัน ข้างละสองสามคน แม่ทัพหัวเมืองอื่น ๆ จึงเข้าห้ามปรามเสียทั้งสองฝ่าย และปล่อยให้ซุนเกี๋ยนยกทหารกลับไป

อ้วนเสี้ยวยังไม่ยอมแพ้ รีบแต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปถึง เล่าเปียว ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ให้คุมทหารออกสกัดรบชิงเอาตราหยกมาให้ได้ เล่าเปียวก็ยกกองทัพหมื่นหนึ่งมาดักซุนเกี๋ยนกลางทาง ซุนเกี๋ยนก็ไม่ยอมรับ และทวนสาบานซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

เล่าเปียวไม่เชื่อ ทั้งสองจึงรบปะทะกันอยู่พักใหญ่ แต่ก็ทำอะไรซุนเกี๋ยนไม่ได้ เพราะมีฝีมือแก่กล้าพอตัวจึงยกทหารผ่านไปถึงเมืองกังตั๋งได้สำเร็จ และคิดอาฆาตแค้นเล่าเปียวไว้ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมา อ้วนสุด ผู้น้องอ้วนเสี้ยว เกิดมีเรื่องโกรธเคืองกับพี่ชาย ก็ส่งหนังสือมาชวนซุนเกี๋ยน ให้ยกไปรบเล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋ว แล้วตนจะยกไปตีอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋วพร้อมกัน ซุนเกี๋ยนก็รีบตกลงทันที แม้ ซุนเจ้ง น้องชาย จะพาบุตรของซุนเกี๋ยนทั้งเจ็ดคนไปห้ามปราม ไม่ให้ยกกองทัพไปก็ไม่ฟัง บุตรชายคนโตซื่อ ซุนเซ็ก จึงขอไปรบด้วย ซุนเกี๋ยนก็ไม่ขัดข้อง ยอมพาไปกับกองทัพของตน

ซุนเกี๋ยนยกทัพเรือมาถึงปากน้ำเมืองฮวนเสีย ก็เจอกับ หองจอ พวก ของเล่าเปียวคุมทหารมาดักอยู่ แล้วกระหน่ำยิงด้วยเกาทัณฑ์ถึงสามวันสามคืน จนหมดลูกเกาทัณฑ์ไปสิบห้าหมื่นดอก ซุนเกี๋ยนก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด กลับให้ทหารเก็บเอาลูกเกาทัณฑ์ที่ปักติดเรือรบทั้งหมด ไว้ใช้ประโยชน์ต่อไปเสียอีก แล้วยกทัพตามหองจอ ซึ่งหนีออกจากเมืองฮวนเสีย ไปถึงเมืองเตงเซีย ก็เจอทหารของหองจอสองคนคือ เตียวเฮา กับ ตันเสง ตั้งทัพยันไว้

ซุนเกี๋ยนก็ให้ทหารเอกของตนเข้ารบด้วย ประมาณสามสิบเพลง ซุนเซ็กลูกชายซุนเกี๋ยนก็ยิงเกาทัณฑ์ถูกตันเสงตกม้าตาย เตียวเฮามัวตกตลึงที่เพื่อนตาย เลยเสียทีถูกฟันด้วยง้าวตายตามไปอีกคน หองจอก็แตกหนีเตลิดไปถึงเมืองเกงจิ๋ว ขอให้เล่าเปียวช่วย

ฝ่ายเล่าเปียวไม่กล้าออกมาสู้กะว่าจะตั้งยันอยู่ในเมือง แต่ ชัวมอ ซึ่งเป็นน้องภรรยา อาสาออกรบโดยไปตั้งอยู่ที่เขาฮีสัน แต่ก็สู้ซุนเกี๋ยนไม่ไหว ต้องแตกกลับเข้าเมืองอีก ซุนเกี๋ยนจึงยกทหารเข้าล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ แล้วเตรียมจะทำลายกำแพงเมืองตีหักให้รู้แพ้ชนะกันไปเลย

วันต่อมาก็เกิดพายุใหญ่ พัดเอาธงชัยสำหรับกองทัพของซุนเกี๋ยนหักสบั้น พอตกค่ำก็เกิดมีดาวตก เป็นลางไม่ดีสำหรับซุนเกี๋ยน ซึ่งทางฝ่ายเล่าเปียวก็รู้เหมือนกัน จึงให้ ลีก๋ง คุมทหารห้าร้อยคนตีแหวกออกจากเมืองในขณะที่เดือนมืด เอาทหารขึ้นไปซุ่มอยู่บนเขาฮีสันสองด้านสองร้อยคน ตนเองกับทหารสามร้อยคน จะแยกไปขอกองทัพจากอ้วนเสี้ยวให้มาช่วย

ซุนเกี๋ยนรู้เรื่องก็คุมทหารคนสนิทเพียงสามสิบม้าไล่ตามลีก๋งไป รบกันได้แค่ห้าเพลง ลีก๋งก็ทำเป็นหนีเข้าไปทางซอกเขาฮีสัน พอซุนเกี๋ยนตามเข้าไป ทหารที่อยู่ข้างบน ก็ยิงเกาทัณฑ์และทุ่มก้อนหินลงมาดังห่าฝน ถูกซุนเกี๋ยนและม้าล้มกลิ้งลงกลางซอกเขา เลยถูกระดมทุ่มด้วยก้อนหิน จนตายคาที่อยู่ตรงนั้นเอง

ลีก๋งก็หันมาฆ่าทหารที่ติดตามทั้งสามสิบคนตายเกลี้ยง แล้วจุดประทัดให้เป็นสัญญาณขึ้นสามนัด ทหารของเล่าเปียวในเมืองก็ออกมาตีค่ายของซุนเกี๋ยน จนแตกตื่นล้มตายลงไปเป็นอันมาก ทางกองทัพเรือได้ยินเสียงก็คุมทหารมาช่วย จับหองจอได้และฆ่าลีก๋งตาย แต่ก็สายเสียแล้ว ทหารของเล่าเปียวขุดเอาศพซุนเกี๋ยน เข้าไปไว้ในเมืองได้เสียก่อน

ซุนเซ็กซึ่งเข้ารบชุลมุนอยู่ด้วย ก็ถอยไปอยู่ที่ตำบลฮั่นซุย และเพิ่งรู้ว่บิดาถึงแก่ความตายที่กลางสมรภูมิซอกเขาฮีสัน แต่ศพนั้นถูกยึดไปเก็บไว้ในเมือง จึงขอเจรจาแลกตัวกับหองจอซึ่งเป็นเชลย ที่ปรึกษาของเล่าเปียวเสนอว่า ซุนเซ็กลูกซุนเกี๋ยนนั้นยังอ่อนความคิดอยู่ และเวลานี้ทหารทั้งปวงก็กำลังย่อท้อยำเกรงฝีมือเล่าเปียวอยู่ ไม่ควรที่จะยอมคืนศพ แต่ควรจะรีบยกเข้าตีกองทัพของซุนเซ็ก ให้พ่ายแพ้ไปโดยเด็ดขาดจะดีกว่า

แต่เล่าเปียวไม่เห็นด้วย เพราะถ้าทำดังนั้นก็จะเป็นการฆ่าหองจอ ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ รักใคร่ไว้ใจกันมานาน ในทางอ้อม จึงจำต้องยอมแลกเปลี่ยนคนตายกับคนเป็น ตามข้อเสนอของฝ่ายตรงข้าม ซุนเซ็กจึงเลิกทัพนำศพบิดาไปฝังไว้ที่ตำบลขยกโอ๋ แขวงเมืองกังตั๋ง

ซุนเกี๋ยน ซึ่งประสบชตากรรมตามคำสาบาน เมื่ออายุเพียงสามสิบปีนั้นมีบุตรทั้งหมดเจ็ดคนด้วยกัน เกิดจากภรรยาคนโตชื่อ นางงอฮูหยิน คือ ซุนเซ็ก ซุนกวน ซุนเสียง ซุนของ จากภรรยาคนรองซึ่งเป็นน้องสาวท้องเดียวกับภรรยาใหญ่ คือ ซุนลอง และซุนหยิน ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียว กับมีบุตรเลี้ยงชื่อ กองเล แถมอีกคนหนึ่ง

ซุนเซ็กซึ่งเป็นพี่ชายคนหัวปี จึงได้เป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋ง สืบมรดกของบิดาต่อไปตามธรรมเนียม ตั้งแต่บัดนั้น.

##########



Create Date : 28 ตุลาคม 2558
Last Update : 28 ตุลาคม 2558 5:00:16 น. 0 comments
Counter : 738 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.