Group Blog
 
All Blogs
 
วาระสุดท้ายของสองเจ้าเมือง

บันทึกจากสามก๊ก

วาระสุดท้ายของสองเจ้าเมือง

เทพารักษ์

เจ้าเมืองปักเป๋งมีชื่อว่า กองซุนจ้าน เป็นเพื่อนกับ เล่าปี่ ตั้งแต่เล่าปี่ยังเป็นเจ้าเมืองเพงง้วนก๋วน ครั้งนั้นกองซุนจ้านได้พาเล่าปี่ไปร่วมกับกองทัพกู้ชาติของ โจโฉ ซึ่งมี อ้วนเสี้ยว เป็นแม่ทัพด้วย เมื่อกองทัพจับฉ่ายนี้ไม่ประสบความสำเร็จในการชับไล่ ตั๋งโต๊ะ มหาอุปราชคนแรกของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ต้องแยกย้ายกันกลับเมืองแล้ว กองซุนจ้านก็แยกทางกับเล่าปี่ กลับมาปกครองบ้านเมืองของตนดังเดิม

อยู่มาไม่นานก็ได้รับหนังสือเชิญจากอ้วนเสี้ยว ให้ยกทหารไปช่วยกันตีเมืองกิจิ๋ว ถ้าสำเร็จแล้วจะแบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แต่กองซุนจ้านยังไม่ทันได้ยกพลไป อ้วนเสี้ยวก็ได้ครองเมืองกิจิ๋วเรียบร้อยไปแล้ว กองซุนจ้านจึงให้น้องชายไปทวงสมบัติที่ว่าจะแบ่งให้ อ้วนเสี้ยวก็บอกว่า กองซุนจ้านไม่ได้ทำอะไรเลย จะมาเอาส่วนแบ่งได้อย่างไร น้องชายก็ต้องกลับมามือเปล่า มิหนำซ้ำยังถูกอ้วนเสี้ยวทำอุบายดักฆ่าตายเสียในระหว่างเดินทางกลับอีกด้วย

กองซุนจ้านจึงยกทหารไปรบอ้วนเสี้ยวเป็นการแก้แค้น แต่ก็สู้อ้วนเสี้ยวไม่ได้ ดีแต่ จูล่ง และเล่าปี่กับน้องร่วมสาบานทั้งสองมาช่วยไว้ จึงรอดกลับมาถึงเมืองปักเป๋งได้

ต่อมาอีกนานพอควร อ้วนเสี้ยวก็ยกทัพมาตีเมืองปักเป๋งบ้าง การสงครามคราวนี้ สามก๊กฉบับนายทุน ตอนโจโฉ..นายก ฯ ตลอดกาล ของท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวไว้ไม่ถึงบรรทัดว่า

อยู่มาวันหนึ่งโจโฉเชิญเล่าปี่มากินโต๊ะที่บ้าน ขณะที่เลี้ยงกันอยู่นั้นมีรายงานด่วนเข้ามาว่า อ้วนเสี้ยวได้ยกกองทัพ ไปตีเมืองของกองซุนจ้านแตก

ส่วน ยาขอบ ผู้ร่ายสามก๊กฉบับวนิพก ตอน เล่าปี่ผู้พนมมือให้แก่ชนทุกชั้น ได้ขยายความว่า อ้วนเสี้ยวนักเลงโตฝ่ายเหนือกำลังแผลงฤทธิ์ กำเริบขึ้นหนักมือ ยกมาขยี้กองซุนจ้านผู้ครองปักเป๋งสำเร็จ ตัวกองซุนจ้านเสียชีวิตสิ้น ทั้งบุตรภรรยา

แต่คุณวรรณไว พัธโนทัย กล่าวไว้ในสามก๊กฉบับแปลใหม่ว่า

ขณะเสพสุราอาหารกันนั้น ทหารเข้ามารายงานว่า ซึ่งโจโฉสั่งให้ หมันทองไปสืบข่าวอ้วนเสี้ยวนั้น บัดนี้หมันทองกลับมาแล้ว โจโฉจึงเรียกตัวเข้ามาพบ หมันทองรายงานว่า บัดนี้กองซุนจ้านเสียทีแก่อ้วนเสี้ยวแล้ว

เล่าปี่ซึ่งขณะนั้นได้ช่วยโจโฉปราบลิโป้ มีความชอบมาก โจโฉจึงพาเข้ามาเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ที่เมืองหลวง พอฮ่องเต้ทราบว่า เป็นพระญาติพระวงศ์ระดับพระเจ้าอา ก็ปูนบำเหน็จรางวัล โดยแต่งตั้งให้เป็นเจ้ากรมวัง ขณะนั้นได้ร่วมโต๊ะกินเลี้ยงอยู่กับโจโฉ ก็ตกใจถึงอันตรายที่เพื่อนเก่าได้รับ จึงถามข่าวคราวจากผู้ที่เข้ามารายงาน ก็ได้ความจากที่หมันทองรายงานเพิ่มเติมว่า

“ กองซุนจ้านรบพุ่งกับอ้วนเสี้ยว เสียทัพหลายครั้ง จึงสั่งให้สร้างกำแพงรอบเมือง และให้สร้างหอคอยสูงสิบชั้น กวาดเสบียงอาหารสามสิบหมื่นถังเข้าไว้ในเมือง เกณฑ์ทหารรักษาหน้าที่เชิงเทินอย่างเข้มแข็ง ขณะนั้นหัวเมืองขึ้นของกองซุนจ้าน ถูกกองทัพอ้วนเสี้ยวตีแตกระส่ำระสาย จึงมีใบบอกขอให้กองซุนจ้านยกไปช่วย กองซุนจ้านตอบไปว่า ทหารของเราซึ่งอยู่แนวหลัง ก็กำลังคอยให้ผู้อื่นมาช่วยอยู่ มิได้มีใจสู้รบแล้ว จึงไม่สามารถจะยกไปช่วยได้ ด้วยเหตุนี้แลเมื่ออ้วนเสี้ยวยกทัพมา ทหารหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่กองซุนจ้าน จึงผละไปเข้ากับอ้วนเสี้ยวเป็นอันมาก “

จากสามก๊กฉบับคลาสสิก ของคุณวิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์ ก็เสริมว่า

“ กำลังฝ่ายกองซุนจ้านจึงร่อยหรอลงไปทุกที และแต่งหนังสือใช้ให้คนถือมายังเมืองฮูโต๋ของเรา หวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ แต่คาดมิถึงในระหว่างกลางทาง ถูกทหารของอ้วนเสี้ยวจับได้ ต่อมากองซุนจ้านมีหนังสือไปถึงเตียวเอี๋ยน โดยนัดหมายให้จุดไฟเป็นสัญญาณ ช่วยกันทั้งภายนอกภายใน แต่โชคร้ายผู้ถือหนังสือก็ถูกฝ่ายอ้วนเสี้ยวจับได้อีก ฝ่ายอ้วนเสี้ยวจึงได้ใช้แผนกลซ้อนกล ยกทัพออกไปนอกเมือง จุดไฟเป็นสัญญาณหลอกล่อ กองซุนจ้านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไปตามแผนการ จึงออกรบด้วยตนเอง ทหารฝ่ายอ้วนเสี้ยวที่ดักซุ่มอยู่ ดาหน้าเข้าประหัตประหาร ทั้งทหารทั้งม้าล้มตายเกือบครึ่งกว่า กองซุนจ้านต้องนำทหารพ่ายศึกถอยร่นเข้าเมือง “

สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ได้สรุปบทโศกนาฏกรรมของกองซุนจ้าน ในตอนสุดท้ายว่า

กองซุนจ้านนั้นหนีกลับเข้าเมืองได้ อ้วนเสี้ยวจึงให้ทหารขุดอุโมงค์เข้าไปทะลุขึ้นในเมือง แล้วให้จุดเพลิงเผาเมืองขึ้น กองซุนจ้านเห็นจวนตัวเข้าดังนั้น ก็ฆ่าบุตรภรรยาเสียสิ้น ตัวนั้นเชือดคอตาย แลอ้วนเสี้ยวก็ได้ทหารของกองซุนจ้านไว้เป็นอันมาก

ชีวิตของกองซุนจ้าน ที่ได้ยกมาจากหนังสือสี่ห้าเล่ม ผู้มีเพื่อนเป็นนักรบชั้นยอดอย่าง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย และ จูล่ง แต่ไม่ได้รวบรวมไว้เป็นกำลังของตน จึงถึงกาลสิ้นสุดลงตั้งแต่ตอนต้น บ้านเมืองยังไม่ได้แบ่งเป็นสามก๊กเสียด้วยซ้ำ.


และข่าวที่มาพร้อมกับข่าววาระสุดท้าย ของกองซุนจ้าน เจ้าเมืองปักเป๋งผู้มีคุณแก่เล่าปี่มาแต่หนหลัง ก็คือข่าวที่ว่า อ้วนสุด น้องของอ้วนเสี้ยว ที่ได้ถือกรรมสิทธิ์ตราหยกสำหรับฮ่องเต้ ซึ่ง ซุนเซ็ก บุตรชายคนโตของ ซุนเกี๋ยน ได้เอามาจำนำของทหารไปแก้แค้นแทนบิดา แล้วอ้วนสุดได้ยึดเอาไว้นั้น กำลังยกพลจากเมืองลำหยง ไปสมทบกับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว

เล่าปี่เห็นได้ทีที่จะปลีกตัวออกไปจากเมืองหลวง จึงขอกองทัพจากโจโฉจำนวนห้าหมื่นอ้างว่าจะไปสกัดกั้นอ้วนสุด ไม่ให้ไปรวมกับอ้วนเสี้ยว แม้โจโฉจะสำนึกได้ทีหลังว่า เหมือนปล่อยเสือเข้าป่าหรือปล่อยจรเข้ให้ลงน้ำ จึงใช้เคาทูให้ไปตามตัวกลับ แต่เล่าปี่ก็ไม่ยอมกลับ และไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว

เมื่อได้ทราบข่าวว่าอ้วนสุดยกขบวน มาถึงแดนเมืองชีจิ๋ว เล่าปี่กับกวนอูและเตียวหุย น้องร่วมสาบาน ก็ยกพลออกไปสกัดไว้ เตียวหุยได้รบกับกิเหลงซึ่งเป็นกองหน้าได้สิบเพลง ก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง ม้าของกิเหลงตกใจทรุดถอยหลังออกไป เตียวหุยได้ทีจึงแทงกิเหล็งตกม้าตาย

เล่าปี่ก็ยกพลไปล้อมอ้วนสุดไว้ สำนวนของสามก๊กฉบับแปลใหม่ว่า ทัพซ้ายและทัพขวาของเล่าปี่ตลุมบอนฆ่าฟันทหารของอ้วนสุด ล้มตายเกลื่อนแผ่นดิน เลือดไหลนองท้องธาร ที่เหลือตายก็แตกตื่นกระเจิดกระเจิงไป

อ้วนสุดคิดจะหนีกลับไปเมืองฉิวฉุน พวกโจรรู้เข้าก็เข้าตีกระหน่ำซ้ำเติมสกัดกั้นไว้ อ้วนสุดจำต้องหนีไปหยุดทัพที่เมืองกังเต๋ง เหลือไพร่พลอยู่เพียงพันเศษ ล้วนแต่สิ้นกำลัง จะรบก็ไม่ไหวจะหนีก็ไม่พ้น

ยามนั้นอากาศร้อนจัด อาหารในกองทัพใกล้จะหมดสิ้น เหลือข้าวสาลีอยู่เพียงสามสิบโตว แต่ฉบับคลาสสิกว่า สามสิบฮก เฉลี่ยแบ่งให้พวกทหาร แต่คนในครัวไม่พอรับประทาน ส่วนใหญ่ต้องอดอาหารไปตาม ๆ กัน

อ้วนสุดตำหนิว่า ข้าวหยาบไปกลืนไม่ลง จึงมีบัญชาให้คนครัวหาน้ำผึ้งมาดื่มแก้กระหาย คนครัวกล่าวว่า น้ำผึ้งไม่มี มีแต่น้ำเลือด อ้วนสุดนั่งอยู่ที่เตียง ร้องด้วยเสียงอันดังคำเดียว แล้วพลัดตกลงมาที่พื้น กระอักโลหิตเป็นสายถึงแก่ความตาย ชนรุ่นหลังประพันธ์บทกวีไว้ว่า

ปลายยุคราชวงศ์ฮั่น การรบครบสี่ทิศ
อ้วนสุดมิควรกำเริบเสิบสาน
ไม่คิดถึงบรรพบุรุษเคยเป็นขุนนางใหญ่
ทำตัวโดดเดี่ยวกระหายเป็นฮ่องเต้
ยโสโอ้อวดครองราชย์ลัญจกร
ปลิ้นปล้อนอ้างอิงลิขิตสวรรค์
กระหายหมายลิ้มน้ำผึ้งอันไม่สมควรได้
จึงต้องรากเลือดตายบนเตียวเดียวดาย.

บทกวีบทนี้ ฉบับแปลใหม่ เขียนไว้ต่างกัน แต่ดูจะเป็นกลอนแปดที่ถูกต้องกว่าดังนี้

ราชวงศ์หั้นวันท้ายใกล้สิ้นสุด
เหล่าอาวุธกระทบแว่บแปลบกรุงศรี
อ้ายอ้วนสุดตัวร้ายขายความดี
ตั้งพิธียกตนเป็นเจ้าไท
ถือว่ามีตราหยกปกแผ่นดิน
คุยทั่วถิ่นฟ้าโปรดประทานให้
ขอน้ำผึ้งกินหน่อยค่อยชื่นใจ
จึงตักษัยไร้ญาติอยู่กลางดง

ครั้นอ้วนสุดตายแล้ว อ้วนอิ้นผู้เป็นหลานเอาศพใส่โลง แล้วนำครอบครัวของอ้วนสุด กับตราแผ่นดินหยก ไปยังเมืองโลกั๋ง ฝ่ายชีจิ๋วเป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง จับตัวฆ่าเสียทั้งหมด แลค้นได้ตราหยก จึงรีบนำไปให้โจโฉที่พระนครฮูโต๋

ชีวิตของอ้วนสุด น้องชายชองอ้วนเสี้ยว ผู้ยิ่งใหญ่ในภาคเหนือ ก็ถึงวาระสุดท้ายอย่างไม่ค่อยสวยงามกังนี้.

#############




Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 20:11:37 น. 0 comments
Counter : 620 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.