Group Blog
 
All Blogs
 
เฒ่าผู้น่าเวทนา (บันทึกจากสามก๊ก)

บันทึกจากสามก๊ก

เฒ่าผู้น่าเวทนา

“ เทพารักษ์ “

เมื่อประมาณ พ.ศ.๗๒๗ ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง อยู่ระหว่างเมืองจงพวนกับเมืองตันลิว มีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาและครอบครัวหลายคน ชายผู้นี้ชื่อแปะเฉีย เป็นเพื่อนกับโจโก๋บิดาของโจโฉ ซึ่งทำราชการอยู่ที่ลกเอี๋ยงเมืองหลวง แต่โจโก๋รู้ข่าวว่ามีหนังสือมาจากเมืองหลวง ว่าบุตรชายของตนเป็นขบถ พยายามฆ่าตั๋งโต๊ะมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วหลบหนีไป ถ้าผู้ใดพบเจอคนที่มีหน้าตาเหมือนรูปเขียนในหนังสือ ให้จับตัวส่งไปเมืองลกเอี๋ยง จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง แต่ถ้าผู้ใดคบคิดกันซุกซ่อนตัวไว้ จะลงโทษประหารทั้งครอบครัว โจโก๋จึงหนีหายไป ว่าจะไปอยู่เมืองตันลิว

แล้วเย็นวันหนึ่งก็มีชายสองคนขี่ม้ามาที่บ้านแปะเฉีย คนหนึ่งชื่อตันก๋งเป็น เจ้าเมืองจงพวน และอีกคนหนึ่งก็คือโจโฉ ลูกชายของโจโก๋ที่ต้องคดีมหันตโทษนั่นเอง โจโฉมาถามข่าวคราวของบิดา เมื่อทราบว่าได้หนีไปเมืองตันลิวแล้ว ก็ขอพักอาศัยอยู่สักคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นก็จะตามไปหาบิดา เมื่อแปะเฉียถามถึงเรื่องราวที่ต้องคดี โจโฉก็เล่าให้ฟังว่า

เมื่อตั๋งโต๊ะถอดฮ่องเต้หองจูเปียนออกจากราชบัลลังก์ และยกหองจูเปียนผู้น้องขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน แล้วตั้งตนเป็นเจ้าพระยามหาอุปราชนั้น ก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความโหดร้ายทารุณ จนขุนนางทั้งปวงทั้งเกลียดทั้งกลัว ตนจึงรับอาสาอ้องอุ้นขุนนางผู้ใหญ่ จะไปฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย เพราะตนเป็นทหารคนสนิทผู้ใกล้ชิดเข้านอกออกในได้ แต่ไม่สำเร็จเพราะตั๋งโต๊ะรู้ตัวเสียก่อน ตนจึงออกอุบายหนีเตลิดออกมาจากเมืองหลวง จนถึงเมืองจงพวน

และมาเจอกับตันก๋งเจ้าเมืองซึ่งมีความเข้าใจ ในเจตนาอันบริสุทธิ์ของตน ที่จะช่วยฮ่องเต้ให้พ้นจากเงื้อมมือของทรราชย์ตั๋งโต๊ะ จึงละทิ้งตำแหน่งหน้าที่ ติดตามมากับตน โดยเป็นผู้จัดหาอาวุธ และม้าพาหนะ เพื่อจะเดินทางไปหาบิดาที่เมืองตันลิว และหลังจากที่บุกป่า ฝ่าดงมาได้สามวันแล้ว จึงมาถึงที่นี่

แปะเฉียก็ยินดีช่วยเหลือบุตรชายของเพื่อน จึงบอกกับตันก๋งว่า

“……ขอบใจท่านมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ถ้ามิได้ท่านโจโฉก็ตาย ท่านจงพากันนอน อยู่ที่นี่เถิด ต่อเวลาพรุ่งนี้จึงค่อยไป…….”

แล้วแปะเฉียก็เข้าไปในครัวสั่งแก่พ่อครัว ให้เอาสุกรและไก่มาทำอาหารเลี้ยงแขก แล้วก็กลับมาบอกแก่โจโฉว่า สุราที่มีอยู่ไม่ดีพอ จะไปหาสุราที่ดีมาให้กิน แล้วก็รีบออกจากบ้านไปหาซื้อสุรา

เมื่อแปะเฉียออกจากบ้านไปแล้ว ขณะที่โจโฉกับตันก๋งนั่งคอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนครัวพูดกันว่า เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าเสียทีเดียว โจโฉซึ่งร้อนตัวกลัวภัย ก็ระแวงว่าแปะเฉียจะเล่นไม่ซื่อ จึงปรึกษากับตันก๋งว่า

“…… แปะเฉียนี้เป็นแต่เกลอของบิดา เห็นจะไปบอกนายบ้านให้มาจับเรา จึงสั่งไว้แก่คนที่เรือน คนที่เรือนจึงว่าจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว…….”

ตันก๋งก็พลอยหวาดสดุ้งไปด้วย จึงพลอยว่า

“…….เราไม่รู้จักน้ำใจแปะเฉีย จะประมาณการนั้นไม่ได้…..”

โจโฉจึงว่าจะเอามันไว้ทำไม แล้วก็ชักกระบี่ออกวิ่งเข้าไปฟันพ่อครัว กับบุตรภรรยาแปะเฉีย ตายไปแปดคน พอดีตันก๋งเหลือบไปเห็นสุกรที่เขามัดไว้ก็ตกใจ จึงว่า

“……เขามัดสุกรไว้จะฆ่าต่างหาก ท่านมาฆ่าผู้คนบุตรภรรยาแปะเฉียเสียนั้น ผิดนัก…….”

โจโฉจึงได้รู้ว่าตัวพลาดไปแล้ว ก็ตกใจกลัวความผิดเช่นเดียวกัน จึงพาตันก๋งควบม้าหนีออกจากบ้านโดยไม่รอช้า

ความตอนนี้ สามก๊ก ฉบับของท่าน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ว่า

ครั้นไปประมาณยี่สิบเส้น พอพบแปะเฉีย ๆ ถามว่าไม่อยู่กินข้าวจะไปไหนเล่า โจโฉตอบว่าข้าพเจ้าเป็นคนผิดอยู่จะรีบไปให้พ้นภัย ก็ขับม้าไปแล้วก็ได้คิด จึงกลับม้ามาเรียกแปะเฉีย ว่าจะสั่งความไว้ แปะเฉียก็หยุดอยู่ โจโฉมาถึงเอากระบี่ฟันแปะเฉียตาย ตันก๋งเห็นดังนั้นก็ยิ่งตกใจเป็นอันมาก จึงว่าแก่โจโฉว่า เมื่อกี้ฆ่าบุตรภรรยาผู้คนเขาเสียแล้ว บัดนี้ซ้ำมาฆ่าตัวแปะเฉียเล่า โจโฉจึงตอบว่า เมื่อกี้เราคิดผิดอยู่แล้ว ครั้นจะละไว้แปะเฉียก็จะโกรธไปบอก นายบ้าน ๆ ก็จะคุมกันมาตามจับเรา ส่งขึ้นไปเมืองหลวง เราจึงซ้ำฆ่าแปะเฉียเสีย หวังจะให้เนื้อความสุญไป ตันก๋งจึงว่าโจโฉว่า ท่านมีความคิดผิดเมื่อมิทันรู้ ฆ่าบุตรภรรยาผู้คนเขาเสีย ครั้นรู้ตัวว่าผิดแล้ว มาซ้ำฆ่าแปะเฉียเสียฉะนี้ เป็นคนอกตัญญูหาดีไม่ โจโฉจึงว่าแกตันก๋งว่า ท่านว่าฉะนี้ก็ชอบกลอยู่ แต่ว่าธรรมดาเกิดมาทุกวันนี้ ย่อมจะรักษาตัวมิให้ผู้อื่นคิดร้ายได้

แล้วทั้งสองก็พากันหนีต่อไป แต่เมื่อโจโฉพักนอนหลับ ตันก๋งก็แอบขึ้นม้าแยกหนีไปอีกทางหนึ่ง ไม่ยอมเดินทางร่วมกับโจโฉไปถึงเมืองตันลิวด้วย

คดีฆาตกรรม ยกครัวแปะเฉียนี้ อีกกว่าพันปีก็ได้มีผู้นำมาเสนออีกครั้งหนึ่ง มีความในตอนท้ายว่า

ตันก๋งผู้ตั้งใจจะใช้ชีวิตเป็นเพื่อนร่วมตาย ตะลึงไปต่อการกระทำอย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อนนั้น นี่อะไรกันฆ่าครอบครัวลูกเมียของเขาเหี้ยนเตียนบ้าน แล้วซ้ำยังมาประกอบกรรม ทำร้ายตัวเขาเองด้วยอีกเล่า โจโฉตอบว่านั่นน่ะซี เพราะเหตุได้ฆ่าฟันครอบครัวเหี้ยนเตียนน่ะซี ถ้าขืนปล่อยให้แปะเฉียคืนเรือน ไปพบกรรมที่เราก่อไว้ ไม่ต้องสงสัยว่าผู้เฒ่าแปะเฉียจะไม่คลั่ง และรีบร้อนไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ทางบ้านเมืองให้มาเล่นงานเรา

และโจโฉก็สรุปสุดท้ายว่า

หลักของข้าพเจ้ามีอยู่ว่า ข้าพเจ้าสมัครทรยศโลก มากกว่ายอมให้โลกทรยศข้าพเจ้า

เมื่อถึงประโยคนี้ ผู้อ่านก็จะทราบทันทีว่าเป็นสำนวนของท่าน ยาขอบ นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อประมาณห้าสิบปีมาแล้ว ใน สามก๊กฉบับวนิพก ชุด โจโฉผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ

และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี ก็มีผู้วิเคราะห์คดีฆาตกรรมเรื่องนี้อีก ซึ่งมีข้อความโดยพิศดารว่า

ในชั้นต้นขอทบทวนความจำกันก่อนว่า คำสั่งจับโจโฉนั้น สั่งให้จับเป็นมิใช่จับตาย น่าสังเกตว่าพอโจโฉเข้ามาในบ้านแปะเฉีย ๆ ก็บอกว่า ตนรู้เรื่องประกาศจับโจโฉดี แต่น่าประหลาดที่แปะเฉียมิได้กริ่งเกรง ในการรับโจโฉเข้ามาไว้ในบ้าน เพราะประกาศนั้นบอกไว้แน่ชัดว่า หากปรากฎว่าใครให้ความคุ้มครองแก่โจโฉ จะต้องเป็นโทษถึงชีวิตตลอดจนบุตรภรรยา แปะเฉียเป็นเพียงคนชนบท แต่ก็หากลัวอาญาที่รุนแรงถึงเพียงนั้นไม่ และก็ไม่ปรากฎว่าโจโฉกับแปะเฉียสนิทสนมกันมาก่อน ถึงกับสละชีวิตตนให้กันได้ อาการของแปะเฉียนั้นน่าสงสัยว่าจะคิด มิดีมิร้ายต่อโจโฉเสียแล้ว

ประการที่สอง แปะเฉียกล่าวว่า โจโก๋บิดาโจโฉหนีจากเมืองตันลิวไปแล้ว อันนี้เป็นความเท็จ เพราะเมื่อโจโฉไปถึงเมืองตันลิวก็พบบิดาอยู่ปกติสุขมิได้หลบหนีไปไหน ชะรอยแปะเฉียจะลวงโจโฉเพื่อหน่วงไว้มิให้รีบรุดเดินทางต่อไป แล้วแปะเฉียก็แก้ตัวว่าจะออกไปซื้อเหล้า ซึ่งความจริงเห็นจะไปบอกเจ้าหน้าที่ให้มาจับโจโฉจริง ๆ ดังที่โจโฉสงสัย เพราะเมื่อโจโฉหนีออกจากบ้านแปะเฉียไป ก็พบแปะเฉียอยู่ห่างบ้านถึงยี่สิบเส้น ในมือก็ไม่มีเหล้า ผิดวิสัยคนที่จะไปซื้อเหล้ามาเลี้ยงเพื่อน

ประการที่สาม ก่อนที่แปะเฉียจะออกจากบ้านคงแอบสั่งคนใช้ไว้แล้วว่า ถ้าโจโฉจะหนีก็ให้จัดการ แต่คนใช้แปะเฉียอาจไม่รู้เรื่องประกาศจับโจโฉดีว่า ใหจับเป็นหรือจับตาย จึงต้องปรึกษาหารือกันว่า จะมัดไว้ก่อนหรือจะฆ่าเลยทีเดียว เรื่องหมูที่มัดไว้นั้นเห็นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้าหากแปะเฉียจะสั่งคนครัวให้หาของไว้กินแกล้มเหล้าจริง คนครัวก็น่าจะฆ่าหมูได้เลย เพราะเวลาก็ค่ำลงแล้ว ไม่เห็นมีเหตุที่จะต้องปรึกษากันว่า จะต้องมัดไว้ก่อนแล้วจึงฆ่า หรืออะไรเช่นนั้น

ส่วนตันก๋งนั้นเป็นคนยังอ่อนต่อเหตุการณ์ เห็นอะไรก็ตกใจอื้ออึงไปตามเรื่อง การที่โจโฉต้องฆ่าคนคราวนี้ ก็เพราะความจำเป็นบังคับให้ทำ โจโฉจำเป็นต้องรักษาตัวเอาไว้ เพื่อแผ่นดินต่อไป

ท่านผู้อ่านก็คงจำได้อีกว่า นี่เป็นสำนวนของปราชญ์ใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านหนึ่ง คือ พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ปราโมช จาก สามก๊กฉบับนายทุน ตอน โจโฉนายก ฯ ตลอดกาล นั่นเอง ซึ่งนับว่าท่านช่วยแก้ต่างให้กับโจโฉได้ อย่างน่าเชื่อถือทีเดียว

แต่ภายหลังมีอีกสำนวนหนึ่งให้รายละเอียด ในการตายของแปะเฉียว่า เมื่อโจโฉกับตันก๋งรีบขึ้นม้าหนีออกจากบ้านแปะเฉียนั้น

พอมาได้ไม่ถึงสองลี้ พบแปะเฉียขี่ลากลับ มีเหล้าแขวนอยู่ที่อานสองขวด ในมือถืออาหารอย่างดีมาด้วย แปะเฉียร้องถามคนทั้งสองว่า

“ หลานเรากับท่านผู้มีพระคุณ จะรีบไปไหนเสียเล่า ”

โจโฉตอบว่า

“ ข้าพเจ้ามีคดีอาญาติดตัว จะอยู่นานหาได้ไม่ “

แปะเฉียร้องว่า

“ ข้าพเจ้าได้สั่งให้คนที่บ้าน ฆ่าหมูตัวหนึ่ง เพื่อทำกับข้าวเลี้ยงหลานกับท่านผู้มีพระคุณ ขอจงกลับไปร่วมกินโต๊ะกันก่อนเถิด “

โจโฉไม่ยอมกลับ กระตุ้นม้าออกวิ่งต่อไป แต่แล้วก็กระชากกระบี่วกกลับหลังหัน พลางร้องตะโกนเรียกแปะเฉียว่า

“ หันมาดูซิว่า คนที่มาหาท่านนี้คือใคร “

พอแปะเฉียเหลียวหลัง โจโฉก็ใช้กระบี่ฟันแปะเฉียตกจากหลังลา ตาย คาที่ ตันก๋งตกใจพูดว่า

“ เมื่อกี้ท่านฆ่าคนในบ้านด้วยความเข้าใจผิด มาคราวหนึ่งแล้ว ไฉนท่านกลับกระทำร้ายแปะเฉียเช่นนี้อีก “

โจโฉตอบว่า

“ หากแปะเฉียกลับไปถึงบ้าน เห็นคนในบ้านถูกฆ่าตายหมด เขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้หรือ เขาคงต้องเรียกคนไล่ตามมา ก็จะเป็นภัยแก่เราเป็นมั่นคง “

ตันก๋งจึงว่า

“ ฆ่าคนโดยเจตนาเช่นนี้ ผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง “

โจโฉตอบว่า

“ ข้าพเจ้ายอมเนรคุณคนในใต้ฟ้า ดีกว่าปล่อยให้ตนในใต้ฟ้าเนรคุณข้าพเจ้าได้ก่อน “

สำนวนนี้มาจาก สามก๊กฉบับแปลใหม่ ของ วรรณไว พัธโนทัย ซึ่งแปลมาจากต้นฉบับภาษาจีน อันมีข้อความแตกต่างกับกับสำนวนเก่าอย่างชัดเจน

สำหรับท่านผู้อ่านขณะนี้ ท่านจะเห็นด้วยกับสำนวนของผู้ใด ก็สุดแท้แต่วิจารณญาณของท่านเอง เพราะถึงอย่างไรแปะเฉียและครอบครัว ก็ได้ตายไปแล้วนับพันปี ไม่ว่าจะถูกฆ่าด้วยเหตุผลสมควรหรือไม่ประการใดก็ตาม คงจะไม่มีผู้ขุดกระดูกขึ้นมา ฟ้องร้องให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ใน พ.ศ.นี้ อย่างแน่นอน.

##########






Create Date : 22 กันยายน 2551
Last Update : 22 กันยายน 2551 18:49:09 น. 0 comments
Counter : 374 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.