Group Blog
 
All Blogs
 
ชุดที่ ๑๐ ลุยเหง...จูตง...สองสหายใจซื่อ (ตอนที่ ๑)

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ชุดที่ ๑๐ ลุยเหง..จูตง..สองสหายใจซื่อ

ตอนที่ ๑ นายทหารคู่หู

"เล่าเซี่ยงชุน"

บรรดาลิ่วล้อของกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะส่วนใหญ่เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็ง มีความรู้สติปัญญาดี เคยทำราชการมาก่อน แต่มักจะถูกกลั่นแกล้งจากขุนนางกังฉิน ต้องได้รับความไม่เป็นธรรมจนทนไม่ได้ จึงมีคดีความต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะให้ปลอดภัย แล้วก็คอยดักปล้นทรัพย์จากพ่อค้าหรือขุนนาง ที่ร่ำรวยมาจากการกดขี่ข่มเหงราษฎร เท่านั้น

สองคนในจำนวนนี้ คนหนึ่งได้เคยเป็นนายทหารเดินเท้า ของเมืองหุนเสียกุ้ยมาก่อนชื่อ ลุยเหง หน้าตาดุร้ายรูปร่างสันทัดคน เป็นคู่หูกับ จูตง นายทหารฝ่ายขี่ม้า มีหนวดยาว ทั้งสองขึ้นอยู่กับ ซิบุนปิน เจ้าเมืองหุนเสียกุ้ยเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งจิตใจสัตย์ซื่อ

ครั้งหนึ่งเจ้าเมืองใช้ให้ไปสืบข่าวที่เล่าลือกันว่า ตำบลเขาเนียซัวเปาะนั้น เป็นซ่องโจรที่คอยตีปล้นราษฎรอยู่เนือง ๆ และบังอาจต่อสู้กับทหารหลวง ถ้าพบเจอพวกโจรก็ให้จับตัวมาจะได้ส่งไปยังเมืองหลวง

ตำบลที่อยู่ใกล้เขาเนียซัวเปาะนั้น มีแม่น้ำตังเคย ริมฝั่งมีใบไม้แดงอยู่ต้นหนึ่งเป็นที่แปลกประหลาด เจ้าเมืองจึงให้ทั้งสองคุมทหารกองละสามสิบคน แยกกันไปทางตะวันออกพวกหนึ่ง และตะวันตกพวกหนึ่ง เมื่อตรวจตราแถวนั้นแล้วให้เก็บใบไม้แดงมาเป็นสำคัญ

ลุยเหงก็คุมทหารไปทางทิศตะวันออก แล้วตรวจตราไปจนถึงตำบลตังเคยชึง ก็ไม่พบพวกโจร เมื่อถึงแม่น้ำตังเคย เด็ดใบไม้แดงมาเป็นหลักฐานแล้ว ก็เข้าไปพักอาศัยในศาลเจ้าร้างริมทาง ในเวลาจวนค่ำ ก็เจอชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวนอนหลับอยู่บนโต๊ะในศาล

ลุยเหงจึงให้ทหารจับมัดไว้อย่างแน่นหนา แล้วพาไปพักที่บ้านนายอำเภอก่อน ถึงตอนเช้าจึงค่อยพาไปให้เจ้าเมือง

นายอำเภอตังเคยชึงชื่อ เตียวไก่ เป็นคนมีฝีมือและมีทรัพย์มาก ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ลุยเหงนั้นสนิทคุ้นเคยอยู่ เมื่อไปถึงก็เอาชายผู้นั้น มัดไว้ที่เสาหน้าบ้าน ตนเองเข้าไปแจ้งให้เตียวไก่ทราบว่า จับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นโจรมาได้คนหนึ่ง เมื่อเตียวไก่ออกไปดูก็บอกว่าเป็นบุตรของพี่ชายตนเอง ซื่อ เล่าตง ออกจากบ้านไปนานหลายปีแล้ว เพิ่งกลับมาจึงเข้าบ้านไม่ถูก ต้องนอนพักที่ศาลเจ้านั้น

และเตียวไก่ก็แสดงท่าโกรธจะเฆี่ยนตีหลานชาย ลุยเหงจึงขอโทษ และจะขอลาไป เตียวไก่ก็เอาเงินให้ลุยเหงสิบตำลึง และให้ทหารที่ไปด้วยอีกตามสมควร

แต่พอลุยเหงเดินทางไปไม่เท่าไร เล่าตงก็ถือกระบี่ตามมาใกล้จะทันก็ร้องเรียกว่า

".....ลุยเหงนายทหาร ถ้าจะไปก็เอาเงินสิบตำลึงวางไว้แต่โดยดี แม้นไม่ให้ก็จะได้เห็นฝีมือกัน...."

ลุยเหงเหลียวมาเห็นก็พูดว่า

".....เงินทองของเจ้าที่ไหน อาเจ้าให้เราจึงได้เอามา นี่เห็นกับหน้าอาเจ้าจึงไม่เอาตัวไปส่ง ยังจะตามมาเอาเงินอีกหรือ....."

เล่าตงเถียงว่า

".....อาเราไม่เต็มใจให้ เจ้าแกล้งจับตัวเราไป ทำให้อับอายเป็นหนักหนา...."

ลุยเหงก็โกรธจับอาวุธตรงเข้าสู้รบกันอยู่หลายสิบเพลง ต่างคนก็ว่องไวดีมีฝีมือสันทัดกันทั้งสองฝ่าย

พอดีที่นั้นเป็นหน้าบ้านของซินแสชื่อ โงวหยง เดิมเรียนหนังสือและทำราชการเป็นขุนนาง ต่อมาเห็นบ้านเมืองแปรปรวน จึงฝึกหัดเพลงอาวุธต่างๆ ไว้ป้องกันตัว และสอนหนังสือให้แก่ชาวบ้าน เมื่อเห็นมีเหตุวิวาทกันอยู่ จึงถือกระบองสั้นสองมือออกมาขวางหน้าลุยเหงกับเล่าตงไว้ แล้วว่า

".....ท่านทั้งสองอย่าเพ่อสู้รบกัน ฝีมือว่องไวดีทั้งสองฝ่าย เหตุใดจึงมาสู้รบกับนายทหาร..."

เล่าตงเห็นโงวหยง รูปร่างดีมีหนวดยาว นุ่งห่มเรียบร้อยจึงตอบว่า

".....ไม่ใช่การของท่านดอก เขาจะสู้รบกันให้เห็นแพ้และชนะ....."

แต่ลุยเหงก็เล่าความให้โงวหยงฟังทุกประการ แล้วว่า

"…ข้าพเจ้าเห็นเป็นหลานเตียวไก่จึงยกโทษให้ ยังจะตามมาทวงเงินที่เตียวไก่ให้ จึงได้สู้รบกัน.."

โงวหหยงได้ฟังก็สงสัยว่าเตียวไก่ไม่เคยมีหลาน จึงพูดกับเล่าตงอีกว่า

".....นี่หาควรจะตามทวงเอาเงินกับลุยเหงไม่ เตียวไก่ให้เขาแล้ว เจ้ามาทำดังนี้ไม่ขายหน้า อาเจ้าหรือ...."

เล่าตงก็เถียงต่อไปว่า

"....ท่านยังไม่เข้าใจ ข้าพเจ้านอนอยู่ที่ศาลเจ้า แกล้งจับเอาตัวมาว่าเป็นโจรผู้ร้าย ซึ่งเงินสิบตำลึงนี้ อาไม่เต็มใจ ข้าพเจ้าจะเอาเงินให้ได้ ถ้าไม่ได้ไม่กลับไป..."

ลุยเหงก็โกรธร้องว่า

"....เงินสิบตำลึงนี้ เตียวไก่ให้เราต่างหาก ซึ่งจะมาเอานั้นไม่ได้แล้ว...."

แล้วทั้งคู่ก็เข้าสู้รบกันต่อไปอีกครึ่งวัน จนกระทั่งเตียวไก่มาห้ามไว้ได้ ลุยเหงจึงลาเดินทางกลับไปในเมือง

ต่อมาอีกประมาณครึ่งเดือน ซิซุนปินก็เรียกตัวลุยเหงกับจูตงให้คุมทหารประมาณร้อยคน ไปจับตัวนายอำเภอเตียวไก่มาสอบสวน ฐานที่เป็นหัวหน้าโจรนำพวกอีกเจ็ดคน เข้าปล้นทรัพย์ของ เนียสิเกียด เจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ ซึ่งจะเอาไปช่วยพ่อตาทำแซยิดที่ตังเกียเมืองหลวง มีค่าถึงสิบหมื่นเหรียญ และโงวหยงกับเล่าตงก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

ลุยเหงกับจูตง พร้อมด้วย ฮอต๋อ ขุนนางจากเมืองเจ๋จิวฮู้ และขุนนางจากเมิองหุนเสียกุ้ย ก็พาทหารออกจากเมืองหุนเสียกุ้ยไปในเวลากลางคืน ใกล้จะถึงตำบลตังเคยชึงบ้านเตียวไก่ พบศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง ก็ชวนกันเข้าไปพักดูลู่ทาง ทั้งลุยเหงและจูตงเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกับเตียวไก่ ต่างก็คิดจะช่วยเหลือให้เตียวไก่หนีไปเสีย จึงปรึกษาหารือกันก่อน ลุยเหงบอกว่า

“……..หนทางจะเข้าบ้านเตียวไก่นั้นมีอยู่สองทาง หน้าบ้านทางหนึ่ง หลังบ้านทางหนึ่ง ถ้าพวกเราเข้าทางหน้าบ้าน พวกเตียวไก่ก็คงจะหนีออกทางหลังบ้าน ถ้าเราเข้าทางหลังบ้าน พวกเขาก็คงจะหนีออกทางหน้าบ้าน ด้วยเตียวไก่นั้นสติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง ที่ไหนจะยอมให้พวกเราจับโดยง่าย แต่พวกโจรหกคนกับผู้คนบ่าวไพร่เตียวไก่ก็มาก ช่วยกันสู้รบตีหักออกมา พวกเราที่ไหนจะต้านทานได้ ข้าพเจ้าเห็นว่าให้จูตงคุมทหารไปเข้าทางหลังบ้าน ตัวข้าพเจ้ากับพวกท่านไปเข้าทางหน้าบ้านพร้อมกัน…..เราคงจับเตียวไก่ได้โดยง่าย……..”

ฮอต๋อและขุนนางที่มาจากเมืองฮุนเสียกุ้ย ก็เห็นชอบด้วย จึงแบ่งทหารแยกกันบุกเข้าบ้านเตียวไก่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง แต่จูตงขอทหารเพียงสามสิบคนเท่านั้น อ้อมไปดักอยู่หลังบ้าน ลุยเหงก้พาทหารทั้งหมดจุดคบเพลิงสว่างไสวโห่ร้องเข้าทางหน้าบ้าน

เตียวไก่นั้นรู้ตัวและเตรียมเก็บทรัพย์สินไว้แล้ว จึงพากันหนีออกทางหลังบ้าน จูตงกับทหารประมาณสามสิบคนซุ่มอยู่ในที่มืด เห็นเตียวไก่คุมหาบสมบัติออกมา ก็ร้องบอกเตียวไก่ให้หนีไปโดยเร็ว

ครั้นเตียวไก่พ้นไปแล้วจึงคุมทหารพังประตูหลังบ้านเข้าไป เจอกับลุยเหงซึ่งพังประตูหน้าเข้ามา แล้วให้ทหารค้นหาจนทั่งบ้านก็ไม่พบใคร

จูตงจึงอาสาจะตามไปทางที่ออกไปจากหลังบ้าน แล้วก็ขับม้าไปแต่ผู้เดียว จนทันเตียวไก่แล้วบอกว่า

“…….เรานี้กลัวลุยเหงนายทหารจะไม่เข้าใจ จึงได้พูดล่อลวงให้ลุยเหงคุมทหารเข้าล้อมหน้าบ้าน เราคุมทหารมาทางหลังบ้าน พอเห็นท่านพาพวกพ้องออกมาแล้ว เราจึงตามมาแจ้งความให้ทราบ ท่านจงเร่งไปเข้าสำนักที่เขาเนียซัวเปาะเถิด จึงจะมีความสุข……”

เตียวไก่ว่า

“……ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ครั้งนี้บุญคุณหนักหนา สืบไปภายหน้าจะตอบแทนคุณให้จงมาก……”

พอพูดดังนั้นแล้วก็ได้ยินเสียงลุยเหงตามมาข้างหลัง จูตงก็เร่งให้เตียวไก่รีบไป แล้วตนเองก็รับหน้าลุยเหงไว้บอกให้ลุยเหงคุมทหารไล่ตามไปทางตะวันออก ตนเองจะไปตามทางเก่า

ครั้นลุยเหงแยกไป และเตียวไก่ก็พ้นไปไกลแล้ว ฮอต๋อกับขุนนางอีกคนก็ตามมาถึง จูตงก็ทำเป็นตกม้าลงนอนกลิ้งอยู่กลางทาง พวกที่มาถึงก็พยุงให้ลุกขึ้น จูตงก็บอกว่าเราขับม้าตามมาไม่เห็นมีผู้คน แล้วมืดนักจึงตกม้าลง ทำอย่างไรจึงจะจับตัวเตียวไก่ได้

พอดีลุยเหงก็กลับมาแจ้งว่า ตามไปไม่เห็นผู้คนเลย ไม่รู้เตียวไก่หนีไปทางไหน ทั้งหมดจึงต้องกลับแต่ได้พาชาวบ้านใกล้เคียงสามคนมาให้เจ้าเมืองสอบสวนแทน จนได้ชื่อคนร้ายครบทั้งเจ็ดคน แต่จับไม่ได้ เพราะหนีไปเข้าไปอยู่ในกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะหมดแล้ว เว้นแต่แปะสินคนเดียว

ต่อมาอีกนาน มีผู้มาร้องเรียนกับเจ้าเมืองให้ดำเนินคดีกับ ซ้องกั๋ง ซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน หน้าที่รับและเสนอหนังสือราชการของเมืองหุนเสียกุ้ย และเป็นผู้มั่งมีทรัพย์สินใจสัตย์ซื่อ ชอบช่วยเหลือชาวบ้านผู้มีทุกข์ร้อน จนเป็นที่นับถือกันทั้งเมือง

เจ้าเมืองก็เกรงใจ แต่ก็จำต้องสั่งให้ลุยเหงกับจูตง คุมทหารห้าสิบคนไปจับตัวซ้องกั๋งมาสอบสวนฐานฆ่า นางเงียมเผาะเสีย ผู้ภรรยาตาย

ลุยเหงกับจูตงจึงคุมทหารไปถึงบ้านซ้องกั๋งที่ตำบลซองเกชึง ช่วยกันปล่อยตัวให้ซ้องกั๋งหนีไปได้โดยสะดวก แล้วทั้งสองนายทหาร ก็กลับมารายงานเจ้าเมืองว่า หาตัวซ้องกั๋งไม่เจอ ซ้องไทก๋งป่วยลุกไม่ขึ้น ซ้องเซ็งก็ไม่อยู่ ได้มาแต่หนังสือสำคัญที่แสดงว่าตัดขาดจากพ่อลูกกันแล้ว

เจ้าเมืองก็ส่งรายงานไปถึงเมืองเจ๋จิวฮู้ เรื่องคดีความรายนี้ก็เงียบไปอีกรายหนึ่ง

ต่อมาอีกเป็นเวลานาน เมื่อซ้องกั๋งหนีคดีอีกหลายคดี ไปอยู่กับพวกโจรเขาเนียซัวเปาะแล้ว ลุยเหงเดินทางไปราชการที่เมืองตังเซียนฮู้แล้วกลับมา เงินทองก็หมดตัว เมื่อผ่านมาทางเขาเนียซัวเปาะ ก็เข้าไปพักอยู่ในโรงเตี๊ยมของ จูกุย ซึ่งเป็นพวกของกลุ่มโจร คอยเฝ้าดูต้นทางที่จะผ่านเข้าไปยังชุมโจร

ลุยเหงก็แนะนำตัวให้จูกุยรู้จัก จูกุยจึงให้คนใช้ไปบอกซ้องกั๋ง ว่าลุยเหงมาอยู่ที่นี่แล้ว

เตียวไก่ซึ่งขณะนั้นได้เป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกโจรแล้ว กำลังเสพสุราอยู่กับซ้องกั๋งและโงวหยงซินแสที่เป็นกุนซือของคณะ ก็ให้คนไปพาลุยเหงเข้ามาพบที่สำนัก ต่างคำนับต้อนรับกันเป็นอันดี ลุยเหงเล่าเรื่องการเดินทางจนเงินหมดให้ฟัง ซ้องกั๋งก็แนะนำให้รู้จักกับพวกพ้องพี่น้องโจรที่มีอยู่เป็นอันมาก แล้วก็ชวนลุยเหงพักอยู่ถึงห้าวัน

ซ้องกั๋งก็ถามถึงจูตงว่าเป็นสุขทุกข์อย่างไร ลุยเหงก็ว่ามีเจ้าเมืองมาเปลี่ยนใหม่ ชอบพอรักใคร่จูตงก็เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น เป็นขุนนางกรมเมืองไปแล้ว ไม่มีความลำบากอะไร

เตียวไก่ก็พูดจาชักชวนให้ลุยเหงมาอยู่ด้วยกัน แต่ลุยเหงว่ามารดาชรามากแล้ว ต้องขอลาไปปฏิบัติมารดาก่อน ถ้ามารดาสิ้นชีวิตไปแล้วจึงจะมาอยู่ด้วย แล้วบรรดาพรรคพวกพี่น้องทั้งหลายของเตียวไก่ ก็ช่วยกันออกเงินให้ลุยเหงเป็นอันมาก

ลุยเหงก็ดีใจขอลาซ้องกั๋งและเตียวไก่กลับมาอยู่กับมารดา ที่เมืองหุนเสียกุ้ยตามเดิม.

##########

วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑
กันยายน ๒๕๔๑

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๔๙


Create Date : 17 ธันวาคม 2550
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 6:53:38 น. 2 comments
Counter : 482 Pageviews.

 
เป็นทหารดีๆโดนชวนให้มาเข้าพวกโจรซะแล้ว


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:8:26:04 น.  

 
แกรู้จักทั้งเตียวไก่ และซ้องกั๋งนี่ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:9:40:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.