Group Blog
 
All Blogs
 
วาระสุดท้ายของจอมคน

บันทึกจากสามก๊ก

วาระสุดท้ายของจอมคน

“ เทพารักษ์ “

จอมคนในที่นี้ก็คือท่านมหาอุปราช ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ในนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก ผู้มีชื่อว่า โจโฉ นั่นเอง โจโฉถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.๗๖๓ อายุได้หกสิบหกปี ดังนั้นโจโฉคงจะเกิดเมื่อ พ.ศ.๖๙๗ และเมื่อพระเจ้าเลนเต้ขึ้นครองราชย์สืบราชวงศ์ฮั่น โจโฉเพิ่งจะมีอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉก็มีอายุได้สามสิบหกปี หลังจากที่มหาอุปราชตั๋งโต๊ะและลิ่วล้อทั้งหลายถูกปราบราบคาบไปหมดสิ้นแล้ว โจโฉก็ได้เป็นมหาอุปราชแทน และเป็นอยู่จนถึงวาระสุดท้าย เป็นเวลาประมาณสามสิบปี

สาเหตุที่จะทำให้โจโฉเจ็บป่วยและถึงแก่ความตายนั้น เป็นเพราะซุนกวนยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋ว แล้วจับกวนอูประหารชีวิตเสีย และเอาศรีษะใส่หีบส่งมาให้โจโฉ เป็นการปัดสวะให้พ้นจากความรับผิดชอบของตน

ซึ่งสามก๊กฉบับท่าน เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ได้บรรยายไว้ว่า

โจโฉได้เปิดหีบขึ้นเห็นหน้ากวนอูยังเป็นปกติ เหมือนเมื่อยังเป็นอยู่นั้น โจโฉหัวเราะเย้ยแล้วว่า

“ กวนอูยังไม่อยู่ไม่มาหาเรา บัดนี้ยังแต่ศรีษะเปล่าอุตส่าห์มาหาเรา “

ว่ายังมิทันจะขาดคำ แลเห็นศรีษะกวนอูมีปากอ้า ตาเหลือกกลอกไปมา โจโฉตกใจล้มลง ขุนนางทั้งปวงก็ตกใจเข้าอุ้มโจโฉให้นั่งขึ้น โจโฉสิ้นสมประดีนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงค่อยได้สติคืนสมประดีมา จึงว่าแก่ขุนนางทั้งปวงว่า กวนอูคนนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก เหมือนหนึ่งเทพดาลงมาจากขั้นฟ้า ทหารซุนกวนได้ยินโจโฉว่าดังนั้น จึงเล่าเนื้อความซึ่งกวนอูไปเข้าลิบอง ด่าซุนกวนหักคอลิบองเสียนั้น ให้โจโฉฟังทุกประการ

โจโฉได้ยินดังนั้นก็กลัวยิ่งกว่าแต่ก่อน จึงสั่งให้เอาไม้หอมต่อหีบใส่ศรีษะกวนอู แล้วให้แต่งเครื่องเซ่นตามบรรดาศักดิ์ขุนนางผู้ใหญ่ แล้วเชิญศรีษะกวนอูไปฝังไว้ริมประตูเมือง ลกเอี๋ยงข้างทิศทักษิณ โจโฉแลขุนนางทั้งปวงก็ตามไปส่งสักการะศพ โจโฉจึงสั่งให้ตกแต่งฝังตามอย่างผู้นั่งเมืองเกงจิ๋ว แล้วจารึกอักษรลงไว้ว่า ที่ฝังศพเจ้าเมืองเกงจิ๋ว แล้วแต่งขุนนางให้ไว้รักษา

ตั้งแต่นั้นมาโจโฉก็ป่วย นอนหลับตาลงเมื่อใด ให้เห็นกวนอูเมื่อนั้น ตื่นขึ้นก็ปวด ศรีษะเป็นกำลัง ครั้นให้หมอเข้ามารักษา หมอมานวดทายาจนสิ้นความรู้ โรคนั้นก็ไม่หาย ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงเห็นดังนั้น ก็เป็นทุกข์หนัก ที่ปรึกษาคนหนึ่งจึงแนะนำให้หาหมอฮัวโต๋มารักษา

จากนี้ สามก๊กฉบับนายทุน ตอน โจโฉ..นายก ฯ ตลอดกาล ของท่านอาจารย์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ได้บรรยายต่อไปว่า

โจโฉได้ยินกิตติคุณของหมอฮัวโต๋ก็เกิดเลื่อมใส ให้คนรีบเดินทางทั้งกลางคืนกลางวันไปรับหมอฮัวโต๋มา ครั้นหมอฮัวโต๋มาถึงแล้วก็ตรวจอาการโจโฉ แล้วบอกว่าโจโฉเป็นโรคใน ศรีษะ แต่หมอฮัวโต๋นั้นเป็นศัลยแพทย์ เอะอะก็จะผ่าตัดเสียเรื่อยไป หมอฮัวโต๋บอกแก่โจโฉว่า จะรักษาด้วยยานั้นไม่หายแน่ ถ้าจะให้หายต้องผ่าศรีษะชำระโรคภายในให้หมด

ครั้นโจโฉถามว่าจะผ่าอย่างไร หมอฮัวโต๋ก็ตอบว่า จะให้กินยาสลบไม่รู้สึกตัวผ่าแล้วก็จะเย็บหัวสมองคืนอย่างเก่า โจโฉไม่เชื่อแต่หมอยืนยันว่า ได้ผ่ากวนอูมาแล้วเป็นผลสำเร็จ โจโฉก็ว่าผ่ากวนอูนั้นผ่าที่ไหล่ พอจะเข้าใจเชื่อถือได้ แต่ผ่าสมองนั้นยังไม่เชื่อ เพราะหมอฮัวโต๋เป็นศัลยแพทย์ที่ก้าวหน้าเกินเวลาไปตั้งพันปี การผ่าสมองเพิ่งมาทำกันได้ในปัจจุบัน เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง แต่ก็ยังไม่แน่นอนนัก โจโฉขณะนั้นเป็นคนป่วยหนักด้วยโรคปวดศรีษะอย่างแรง อารมณ์หงุดหงิดอยู่ตามประสาคนป่วย เมื่อได้ยินหมอฮัวโต๋เอ่ยถึงชื่อกวนอู ก็ฉุนเฉียวขึ้นมาพาลสงสัยว่า หมอฮัวโต๋จะเป็นพวกเล่าปี่ มาแกล้งลวงฆ่าให้ตาย เพราะโจโฉเคยถูหมอประจำราชสำนัก พยายามวางยาพิษมาครั้งหนึ่งแล้ว โจโฉจึงโกรธหมอฮัวโต๋เป็นอันมาก สั่งให้เอาไปจำคุกไว้

ตัวโจโฉเองนั้นโรคในศรีษะก็เจ็บปวดมากขึ้น แทบจะทนไม่ไหว ขณะเดียวกันก็วิตกว่าเมืองกังตั๋งกับเมืองเสฉวน จะยกทัพมาทำอันตราย พอดีซุนกวนมีหนังสือมาจากเมืองกังตั๋ง โจโฉเปิดออกดู ในหนังสือมีใจความว่า

ข้าพเจ้าซุนกวนสามิภักดิ์มาพึ่งบุญท่าน อนึ่งบรรดาหัวเมืองทั้งปวงก็ขึ้นแก่ท่านสิ้นแล้ว ยังแต่เมืองเสฉวน เมืองตังฉวน ขอให้ท่านยกทัพไปตีเล่าปี่เถิด เห็นจะได้โดยสะดวก

โจโฉก็หัวเราะ จึงว่าแก่ที่ปรึกษาทั้งปวงว่า ซุนกวนจะลวงให้เราเหยียบกองไฟ ที่ปรึกษาคนหนึ่งจึงว่า

“……แผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ร่วงโรยมาช้านานแล้ว ครั้งนี้อาศัยบุญท่านก็บริบูรณ์มั่งคั่ง ราษฎรทั้งปวงได้พึ่งโพธิสมภาร อยู่เย็นเป็นสุข แล้วมีความรักใคร่ยินดีต่อท่านนัก ซุนกวนนี้ก็ถ่อมตัวเข้ามาเป็นข้าท่าน สมควรแล้วที่จะเป็นเจ้าแผ่นดิน……..”

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะอีก แล้วจึงว่า

“…….เราทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้มา แผ่นดินก็ราบคาบ ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขมาช้านานเพราะเรา เราก็ได้เป็นใหญ่หาขุนนางผู้ใดเสมอไม่แล้ว เราจะตั้งตัวเป็นเจ้าแผ่นดินเคียงพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นไม่สมควร เราจะทำแต่พอเหมือนจิวบูอ๋อง ซึ่งทำการไว้ให้แก่ลูกชาย……”

สุมาอี้จึงทูลว่า

“……ซุนกวนสิยอมเข้ามาเป็นข้าท่านแล้ว ควรท่านจะตั้งให้ซุนกวนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ให้เป็นฝักฝ่ายข้างเรา จะได้สกัดทัพเล่าปี่ไว้……..”

โจโฉก็เห็นชอบด้วย จึงให้แต่งตราตั้งซุนกวนเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว แล้วจึงให้ทหารคุมตราตั้งออกไปมอบเมืองเกงจิ๋วให้ซุนกวน ในฐานะที่ตีเมืองเกงจิ๋ว และสังหารกวนอูได้สำเร็จ

หลังจากนั้นอาการป่วยของโจโฉ ก็กำเริบกล้าขึ้น เห็นแต่ปีศาจของบุคคลที่ ตนได้ปลิดชีวิตมาตั้งแต่หนุ่ม ได้ยินแต่เสียงหญิงชายร้องไห้เซ็งแซ่ จนนอนไม่เป็นอันหลับ กระสับกระส่ายอยู่ทุกคืน ขุนนางก็แนะนำให้หาหมอผีมาทำพิธีปัดรังควาน โจโฉก็ทอดใจใหญ่ปลงว่า เป็นกรรมมาถึงตนแล้ว ไม่มีใครจะช่วยได้ แล้วก็เรียกขุนนางและนายทหารผู้ใหญ่ มาฝากฝังภรรยาทั้งหลาย และบุตรชายทั้งสี่คน โดยย้ำว่า

“……..เห็นแต่โจผีพี่เอื้อย เป็นคนหนักแน่นมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดหลักแหลม พอที่จะตั้งให้เป็นใหญ่แทนตัวเราได้ เราหาบุญไม่แล้ว ท่านจงอนุเคราะห์ตั้งไว้ ให้ว่าราชการแทนเราสืบไปเถิด………”

คราวนี้ก็ถึงฉากสุดท้ายของโจโฉ ซึ่ง สามก๊กฉบับคลาสสิก ของ วิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์ ก็ได้เขียนเล่าไว้ว่า

โจโฉบัญชาให้ผู้รับใช้คนสนิทเข้ามา ให้นำเอาเครื่องหอมมีชื่อ ที่ตลอดชีวิตตนเก็บซ่อนเอาไว้ ประทานแบ่งให้บรรดาอนุภรรยา พลางสั่งเสียว่า ภายหลังที่ข้าตายไปแล้ว พวกเจ้าต้องหมั่นฝึกฝนงานสตรี รู้จักทอไหม ประดิษฐ์รองเท้าเอาไปขาย เพื่อจะได้เงินเลี้ยงชีพตนเอง และบัญชาให้บรรดาอนุภรรยาส่วนใหญ่ ให้ไปพำนักอยู่ที่ปราสาทตั้งเชี๊ยกไท้ แต่ละวันให้จัดพิธีคารวะเซ่นไหว้ และจะต้องบัญชาให้หญิงคณิกา แสดงขับร้องมโหรีและนำอาหารขึ้นถวาย

และมีคำบัญชาสั่งเสียให้ไปที่จังหวัดเจียงเต็ก ทางนอกเมืองกั้งบู้เซี้ย ให้ก่อสร้างสุสานฮวงซุ้ยหลอกเจ็ดสิบสองแห่ง ห้ามมิให้คนรุ่นหลังรู้ว่า ข้าฝังอยู่ที่ใด เพราะเกรงจะมีคนไปขุดเอาขึ้นมา ครั้นสั่งเสียเป็นที่เรียบร้อย ก็ถอนหายใจเสียงยาว ๆ หนึ่งครั้ง น้ำตาไหลประดุจฝนตก อีกสักครู่ก็ขาดใจตายลง

ส่วนปัญหาที่ว่าโจโฉเป็นโรคอะไรแน่นั้น สามก๊กฉบับนายแพทย์ ของหมอพัตร ให้อรรถาธิบายไว้ว่า โรคที่น่าจะเป็นสาเหตุคร่าชีวิตโจโฉ เห็นจะได้แก่โรคเนื้องอกในสมอง และ ชี้แจงให้ทราบอย่างละเอียดว่า

เนื้องอกในสมองมี ๒ ชนิด ได้แก่เนื้องงอกชนิดธรรมดา และเนื้องงอกชนิดร้ายแรงหรือมะเร็ง แต่ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา หรือมะเร็ง ก็ทำให้ซี้บ้องเซ็กได้อย่าง(ไม่)สบาย เหมือนกัน ต่างกันแต่ตายเร็วตายช้าเท่านั้น

อาการป่วยของโจโฉ เข้าได้กับอาการของโรคเนื้องงอกในสมองหลายอย่าง ตามที่กล่าวไว้ในพงศาวดาร โจโฉมีอาการปวดศรีษะอย่างร้ายแรงจนนอนไม่หลับ บางครั้งหลับแล้วยังตื่นขึ้น เนื่องจากความเจ็บปวด นอกจากนั้นยังเห็นผีเห็นสางมากมาย ซึ่งถ้าจะอนุโลมว่าเป็นอาการประสาทหลอน ก็คงจะพอรับฟังได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจนัก หมอฮัวโต๋ยังบอกว่า โจโฉเป็นโรคลมเสียดแทงในศรีษะ ต้องผ่าตัดเข้าไปชำระโรคจึงจะหาย

แล้วท่านก็สรุปยืนยันว่า โจโฉตายด้วยโรคเนื้องอกในสมอง อย่างแน่นอน

ต่อจากนั้น วรรณไว พัธโนทัย ได้กล่าวไว้ใน สามก๊กฉบับแปลใหม่ ว่า

สิ้นเสียงสั่ง โจโฉถอนพระทัยยาว น้ำตาไหลดุจฝนหลั่ง ครู่หนึ่งก็ขาดใจตาย สิริชนมายุ ๖๖ ปี ขณะนั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ ปีที่ยี่สิบห้า ศักราชเจี้ยนอัน คนภายหลังได้แต่งกลอน รำลึกถึงโจโฉไว้ว่า

ยืนอยู่เมืองเงียบกุ๋นครุ่นรำลึก ชายชาญศึกเกิดริมน้ำจังใหญ่
คนเหนือคนมีอิทธิ์ฤทธิไกร จักหาใครเทียบได้ที่ใดมี
เป็นทั้งคนใจบุญสุนทรทาน เป็นทั้งยอดอันธพาลชาญชัยศรี
เป็นนักธรรมล้ำเลิศทางพาที เป็นทั้งจอมอสุรีคับโลกา
มีปัญญาสามารถทั้งบุ๋นบู๊ แสนรอบรู้สารพัดในโลกหล้า
ฝีมือรบเกริกก้องพสุธา สถาปนาเวียงวังได้ดั่งใจ
คนนี้คือโจโฉโตใหญ่นัก แสนจงรักฮ่องเต้จะหาไหน
จึงเข้ายึดแผ่นดินทั่วถิ่นไซ้ ตั้งตัวใหญ่เป็นอ๋องครองนภา

และท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้สรุปไว้ในที่สุดว่า

เมื่อโจโฉมีนโยบาย ที่จะรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น โจโฉก็มุ่งหน้าดำเนินนโยบายนั้นอย่างไม่ท้อถอย มิให้ความสุขหรือทุกข์หรือเหตุใด เข้ามาเป็นอุปสรรคกีดขวางได้ โจโฉถือว่าตนอยู่ในฐานะทำราชการให้แก่พระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นหลักไปตลอดชีวิต ถวายการยกย่องและสักการะ ตามควรแก่ฐานะตลอดมา แม้ว่าพฤติการณ์และพระราชอัธยาศัยของพระเจ้าเหี้ยนเต้ บางกรณี น่าจะทำให้โจโฉเปลี่ยนความคิดได้ โจโฉก็ไม่ยอมเปลี่ยน

ซึ่งหมายถึงความจงรักภักดีของโจโฉ ที่มีต่อฮ่องเต้อย่างมั่นคงมาตลอดชีวิต แต่ตรงกันข้ามกับโจผีบุตรชายคนโต เมื่อได้ขึ้นเป็นอ๋องแทนบิดาไม่เท่าไร ในปีต่อมาก็ได้ถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากราชบัลลังก์ แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ทรงพระนามว่าพระเจ้าอ้วยโซ่ แล้วจึงให้จารึกกุฏิฝังศพโจโฉใหม่ ทรงพระนามว่าพระเจ้าไทล่อฮูฮ่องเต้ เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ วุย มาตั้งแต่บัดนั้น

ก็เป็นอันจบสิ้นชีวิตอันโลดโผนพิศดาร ของมหาอุปราชที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ในยุคสามก๊ก ลงแต่เพียงนี้.

###########



Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 15:56:40 น. 0 comments
Counter : 413 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.