Group Blog
 
All Blogs
 
ชุดที่ ๕ บู๊สง....ผู้ไม่รู้จักความกลัว (ตอนที่ ๔)

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ชุดที่ ๕ บู๊สง.....ผู้ไม่รู้จักความกลัว

ตอนที่ ๔ กระบี่บ้าเลือด

"เล่าเซี่ยงชุน"

บู๊สงอยู่ในคุกเมืองเม่งจิวด้วยความสุขสบายผิดคาด จึงพยายามสอบถามจากผู้ที่มาดูแลเป็นประจำวันว่าผู้ที่สั่งให้มาดูแลนั้นคือใคร คนรับใช้อดปากไม่ได้ก็บอกว่า คือคนที่โพกศรีษะ ด้วยผ้าขาว ที่ยืนกระซิบอยู่ข้างหลังผู้คุมใหญ่นั่นเอง เป็นผู้ช่วยและเป็นบุตรของผู้คุมใหญ่มีชื่อว่า ซิอิน อยากจะคบหากับผู้มีฝีมือเข้มแข็ง ชำนาญเพลงอาวุธ บู๊สงจึงว่า

".....ขอบใจหนักหนา จงไปบอกกับนายท่านว่ามีข้อความสิ่งใดก็เชิญมา ถ้าแม้นไม่มาเราก็ไม่ขอรับประทานสิ่งของของท่าน จงรีบไปบอกให้รู้เถิด....."

ซิอินจึงรีบเข้ามาหาบู๊สงในห้องขังแล้วคำนับ บู๊สงรีบลุกขึ้นรับคำนับแล้วพูดว่า

".....ท่านช่วยชีวิตไม่เป็นอันตราย แล้วให้คนมาปฏิบัติทุกเวลา พระคุณเป็นที่ยิ่ง ถ้าไม่ตายก็จะขอทดแทนคุณท่าน ไม่เสียดายชีวิตเลย....."

ซิอินว่าเคยได้ยินชื่อเสียงอยู่ เมื่อมาถึงจึงหาโอกาสมาสนทนาด้วย เดิมตั้งใจว่าเดินทางมาไกลยังเหน็ดเหนื่อยอยู่ จึงอยากจะให้พักสบายใจสักครึ่งปี แล้วจึงจะเล่าเรื่องที่จะขอให้ช่วยเหลือ

บู๊สงก็ตอบว่า ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร ยังมีกำลังแข็งแรงดีเช่นเดิม แล้วก็ชวนซิอินเดินออกมาถึงหน้าศาลเจ้าในคุก มีศิลาก้อนหนึ่งสีเขียวหนักประมาณร้อยชั่ง บู๊สงว่าจะลองยกศิลาแผ่นนี้ให้ดู ว่าแล้วก็ยกแผ่นศิลาขึ้นแล้วก็ทิ้งลง ศิลานั้นก็จมลงไปในดินถึงครึ่งแผ่น บู๊สงก็ยกขึ้นใหม่ คราวนี้โยนขึ้นไปสูงถึงเจ็ดศอก แล้วก็เอามือรับมาวางไว้ตามเดิม คนที่อยู่ใกล้เคียงก็พากันสรรเสริญว่าไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน เปรียบด้วยเทพยดา

ซิอินก็ชวนบู๊สงกลับมาที่ห้องขัง แล้วเล่าว่าตนเองชักชวนเพื่อนคนที่ต้องโทษเก่า ๆ มีฝีมือเข้มแข็งประมาณเก้าสิบคน ไปตั้งโรงสุราและขายของกินอยู่ที่ตำบลคาอัวะหลิม นอกประตูเมืองทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งที่พ่อค้าเมืองซัวตังเมืองฮ่อปัก ได้เดินทางค้าขายไปมาอยู่เป็นนิจ มีโรงเตี๊ยมประมาณร้อยโรง โรงบ่อนและร้านค้าอีกสามสิบโรง ทั้งหมดอยู่ ในความควบคุมดูแลของซิอิน ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในตำบลนั้น ว่ากล่าวสิ่งใดก็ไม่มีใครขัดขืน หญิงคนชั่วเที่ยวขับร้องมาแต่เมืองอื่น เมื่อจะมาหากินที่ตำบลนี้ก็ต้องบอกกล่าวให้ซิอินรู้ก่อน จึงจะหากินได้ บรรดาพวกพ่อค้าต้องเอาเงินมาให้ทุกวัน เดือนหนึ่งประมาณสามร้อยเหรียญ

ต่อมามีขุนนางฝ่ายทหารชื่อ เตียทวนเลียน มาตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คนเอาไปเป็นทหารหลวง และมีทหารคนสนิทชื่อ เจียตง รูปร่างสูงใหญ่มีชื่อเสียงว่าฝีมือเข้มแข็ง มาแย่งชิงเอาโรงเตี๊ยมไปเป็นของตัวเสียทั้งสิ้น ซิอินไม่ยอมก็เกิดวิวาทกันขึ้น ซิอินสู้ไม่ได้โดนตีศรีษะแตกและมือเจ็บ ต้องพันผ้าและเข้าเฝือกอยู่อย่างที่เห็น เมื่อวันที่บู๊สงมาถึงคุก ถ้าบู๊สงช่วยแก้แค้นเอาอิทธิพลกลับคืนมาได้ จะไม่ลืมพระคุณเลย

บู๊สงถามว่า เจียตงมีศรีษะและมือเท้ามากหรือประการใด ซิอินก็ว่าเจียตงเป็นคนธรรมดา บู๊สงว่าถ้ากระนั้นจะกลัวทำไม จะไปตีให้ตายเหมือนเสือใหญ่ที่ตำบลเก็งเอียงก๋งนั่น ถ้าแม้นมีโทษทัณฑ์จะขอรับเอง แล้วก็ชวนซิอินให้ไปเสียเดี๋ยวนี้เลย

ซิอินผัดว่าขอปรึกษาบิดาดูก่อน แล้วก็พาบู๊สงไปสนทนากับบิดาที่บ้าน ขณะที่ตั้งโต๊ะสุรากินเลี้ยงกันอยู่ บิดาของซิอินก็เล่าว่า ที่คิดอ่านให้บุตรไปตั้งโรงค้าขายอยู่ที่ตำบลคาอัวะหลิมนั้น มิใช่จะเห็นแก่เงินทอง แต่เห็นว่าชัยภูมิดีมีพ่อค้าต่างเมืองไปมาเป็นอันมาก จะได้เป็นสง่าแก่เมืองเม่งจิวสืบไป ครั้นมีคนมายื้อแย่งเอาไปเสียก็หมดหนทางที่จะทำให้เจริญต่อไปได้ จึงขอให้ช่วยเหลือบุตรเหมือนอย่างพี่น้อง บู๊สงก็สาบานเป็นพี่น้องกับซิอิน แล้วนั่งเสพสุราตามสบายจนถึงเวลานอน ก็กลับไปนอนในคุกตามเดิม

พอรุ่งเช้าตื่นขึ้น คนใช้ก็จัดอาหารมาให้รับประทาน แต่สุรานั้นน้อยนัก บู๊สงก็ถามคนใช้ที่หาบน้ำมาให้อาบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คนใช้บอกว่านายกลัวจะมึนเมาเสียการไป จึงให้ดื่มสุราแต่น้อย บู๊สงก็หัวเราะ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จซิอินมาถึง บู๊สงจึงบอกว่า ถ้าออกเดินทางจากนี้ไป กว่าจะถึงตำบลคาอัวะหลิม มีโรงขายสุราที่ไหนจะต้องดื่มโรงละสามชามทุกโรงจึงจะทำงานสำเร็จ เมื่อครั้งที่ฆ่าเสือตายนั้นก็เพราะเมาไม่ใช่หรือ ซิอินว่าไม่รู้จึงวิตก ถ้าเช่นนั้นจะให้คนหาบสิ่งของล่วงหน้า ไปจัดเตรียมไว้ทุกโรง ถ้าหยุดพักที่ใดก็เสพสุราได้ตามสบาย

ขณะนั้นเป็นเดือนเจ็ดฤดูร้อน แต่บู๊สงก็แวะดื่มสุรากว่าสิบแห่งตลอดระยะทางประมาณสี่ห้าลี้ รวมสุราประมาณสามสิบชาม พอใกล้ถึงตำบลคาอัวะหลิมบู๊สงก็ให้ซิอินคอยอยู่ที่โรงสุดท้าย ตนเองเดินเซซวนไปเพราะความเมา

ขณะนั้นเจียตงมานั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้หน้าโรงสุรา บู๊สงเดินผ่านเข้าไปในโรง เมื่อนั่งโต๊ะแล้วก็ร้องสั่งสุราสองชาม พอคนใช้ยกมาให้ก็ดมดูแล้วบอกว่าสุราไม่ดีขอเปลี่ยนใหม่ คนใช้ไปบอกหญิงซึ่งเป็นภรรยาของเจียตง ให้ตักสุราใหม่ถึงสองครั้ง

หญิงนั้นจึงพูดเปรย ๆ ว่า ชายคนนี้จะมาหาที่ตาย ต้องเอากระดูกห่อไปบ้าน บู๊สงก็โกรธถามว่าหญิงนั้นเป็นใคร ให้มานั่งเสพสุราด้วย คนใช้ก็บอกว่าเป็นภรรยาเจียตง เจ้าของโรงเตี๊ยมนี้ และเป็นใหญ่อยู่ในตำบลบ้านนี้

บู๊สงก็ลุกขึ้นตรงเข้าไปจับภรรยาเจียตง ใส่ลงในโอ่งสุรา คนใช้ก็กรูกันเข้าไปช่วย บู๊สงกำลังเมาฝีมือเข้มแข็งมาก จึงจับคนใช้ยัดใส่โอ่งอีกหลายคน ที่หนีได้รีบวิ่งไปบอกเจียตง บู๊สงก็ออกจากโรงเตี๊ยมไปคอยอยู่ พอเจียตงมาถึงก็เข้าตีโดยไม่ต้องถามไถ่อะไร เจียตงต่อสู้ต้านทาน อยู่สักพักหนึ่งก็เสียที ถูกบู๊สงถีบถูกอกล้มลง บู๊สงเข้าไปตีซ้ำเติมจนเจ็บเหลือทนจึงร้องขอชีวิตไว้ บู๊สงบอกว่า

"..เรามีความอยู่สามข้อ ถ้าทำตามก็จะไม่ให้ตาย.....ข้อหนึ่งอย่าได้อยู่ตำบลนี้ต่อไป ข้อที่สอง เงินทองสิ่งของและคนทั้งปวง ที่แย่งชิงเขาไปว่ากล่าวนั้น จงกลับคืนให้คนเก่าตามเดิม ข้อที่สามนั้น ผู้ใหญ่ซึ่งค้าขายอยู่ในตำบลนี้ จงไปบอกให้รู้ทั่วกันว่าการงานและของทั้งปวงนั้น กลับคืนเจ้าของเดิมแล้ว ให้คนเหล่านั้นมาอ่อนน้อมเสียก่อน ตัวเจ้ากับพวกพ้องจงไปในวันนี้ ถ้าแม้นขืนอยู่เราจะตีเสียให้ตาย เหมือนกับเสือใหญ่ที่ตำบลเก็งเอียงก๋ง....."

เจียตงพอรู้ว่าเป็นบู๊สงคนที่ตีเสือตาย ก็ยิ่งเกรงกลัวยอมทำตามทุกประการ แล้วก็พาภรรยากับครอบครัวออกจากโรงเตี๊ยมไป กิจการทั้งปวงก็กลับมาอยู่ในกำมือของซิอินตามเดิม บิดาของซิอินก็ยินดี และรับอุปการะบู๊สงไว้เป็นเพื่อนกับบุตรชาย อยู่ที่ตำบลคาอัวะหลิมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ฝ่ายเจียตงก็ไปหาเตียทวนเลียนผู้เป็นนาย เล่าเรื่องให้ฟังโดยตลอด เตียทวนเลียนก็คิดแค้นบู๊สงแต่เกรงฝีมือ จึงไปหา เตียมงฮวง ขุนนางใหญ่ฝ่ายทหารขอให้ช่วยเหลือ เตียมงฮวงจึงให้คนไปตามบู๊สงมาหาที่บ้านในเมืองเม่งจิว

เมื่อบู๊สงเข้าไปคำนับแล้ว เตียมงฮวงก็ว่าได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว เมื่อรู้ว่ามาอยู่กับซิอินจึงให้คนไปรับมา หมายจะชุบเลี้ยง จงมาอยู่ด้วยกันที่บ้านนี้เถิด บู๊สงไม่ได้ระแวงว่าเป็นพวกศัตรู จึงยอมอยู่ด้วย เตียมงฮวงทำเป็นรักใคร่ จัดที่อยู่ที่กินเครื่องนุ่งห่มให้พร้อมบริบูรณ์ ถ้ามีผู้ใดเอาเงินทองแพรพรรณมาให้เป็นของกำนัล ก็ยกให้บู๊สงทั้งสิ้น บู๊สงอยู่ไปได้เดือนเศษ แม้จะคิดถึงซิอินก็ไม่มีเวลามาเยี่ยม

พอถึงวันสารทเดือนแปดเวลาค่ำ เตียมงฮวงจัดงานเลี้ยงที่บ้าน จึงชวนบู๊สงนั่งโต๊ะเดียวกัน บู๊สงเจียมตัวว่าเตียมงฮวงเป็นขุนนางผู้ใหญ่ แต่เตียมงฮวงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็ชักชวนพูดคุยถึงเรื่องการฝึกหัดเพลงอาวุธ บู๊สงก็ถูกใจคุยเพลินไป และเสพสุรามากจนมึนเมา เตียมงฮวงก็ให้สาวใช้ชื่อ นางเง็กลัน ออกมาร้องเพลงชมเดือนให้ฟัง แล้วออกปากบอกว่าจะยกให้เป็นภรรยาบู๊สงก็กลัวจะไม่ชอบใจ

บู๊สงจึงว่า ท่านพูดเท่านี้ก็บุญหนักหนาแต่ตัวข้าพเจ้าไม่ควรจะรับไว้ เตียมงฮวง เห็น บู๊สงเมามากจึงให้คนใช้พาไปนอน แล้วสั่งความลับให้นางเง็กลันจัดการ แต่บู๊สงนอนไม่หลับ แลเห็นเดือนหงายแจ่มสว่าง ก็เดินออกไปชมสวนดอกไม้ แล้วเลยรำเพลงอาวุธ อยู่จนดึกถึงยามสาม จึงกลับเข้าห้อง

ฝ่ายนางเง็กลันเตรียมการไว้แล้ว พอเห็นบู๊สงเดินกลับมา ก็ร้องขึ้นว่าผู้ร้ายลักสิ่งของแล้วเดินไปในสวน บู๊สงจึงเดินกลับไปดูในสวนก็ไม่เห็นผู้ใด พอมาถึงหน้าประตูมีม้าตั้งขวางทางอยู่ตัวหนึ่ง บู๊สงเมาสุราก็สดุดม้าล้มลง นางเง็กลันร้องว่าผู้ร้ายอยู่ที่นี่ พวกทหารที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันเข้ามาจับตัวบู๊สงเอาไปแจ้งแก่เตียมงฮวง ว่าบู๊สงเป็นคนร้ายลักของในบ้าน

เตียมงฮวงทำเป็นโกรธ ว่าเสียแรงรักใคร่ไว้ใจ บู๊สงจะพูดความจริงอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ให้ทหารไปค้นดูที่ห้องก็เจอเงินทองแพรพรรณใส่หีบไว้เป็นอันมาก จึงเอามาเป็นของกลาง แล้วให้เอาตัวบู๊สงกับของกลาง ไปฟ้องเจ้าเมืองเม่งจิว เจ้าเมืองซักถามประการใด บู๊สงก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ร้าย เจ้าเมืองก็สั่งให้เฆี่ยนจนถึงสาหัสทนไม่ไหว จำเป็นต้องยอมรับ เจ้าเมืองจึงสั่งให้จำคุกไว้รอปรึกษาโทษ

ฝ่ายซิอินรู้ข่าวบู๊สงต้องโทษอีกก็ตกใจ ปรึกษาบิดาว่าจะทำประการใดดี บิดาก็ว่าผู้กล่าวโทษเป็นนายใหญ่กว่าทั้งนั้น ไม่สามารถจะช่วยได้ จึงให้ซิอินเอาเงินทองไปติดสินบน คังเจียดคิบ เจ้าหน้าที่คุกให้ผ่อนผันแก่บู๊สงบ้าง คังเจียดคิบจึงเล่าให้ฟังว่า เจียตงนั้นหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเตียทวนเลียนผู้เป็นนาย เตียทวนเลียนกับเตียมงฮวงได้เคยสาบานเป็นพี่น้องกัน คิดจะฆ่าบู๊สงจึงทำอุบายกล่าวหาบู๊สง แล้วส่งตัวให้เจ้าเมืองกับกรมการเมือง ตัดสินฆ่าเสียแต่ เอียบขงมก เป็นขุนนางสัตย์ซื่อไม่ยอมตาม ได้คัดค้านไว้ว่า ถึงจะเป็นผู้ร้ายจริง โทษก็ไม่ถึงตาย จึงยังไม่ได้ลงโทษเพียงแต่จำขังไว้

ซิอินก็เอาเงินให้คังเจียดคิบร้อยเหรียญ ให้ช่วยดูแลการคุมขังบู๊สงในคุก ให้ลดหย่อนลงบ้าง แล้วก็เอาเงินไปให้เอียบขงมกอีก เอียบขงมกเห็นว่าบู๊สงเป็นคนสัตย์ซื่อฝีมือเข้มแข็ง ไม่มีความผิด จึงแก้ไขคำปรึกษาโทษให้เบาบางลง หลังจากที่ขังได้สองเดือนแล้ว ให้เฆี่ยนยี่สิบที สักหน้าและเนรเทศไปเมืองอินจิว

ส่วนกิจการของซิอินนั้น เมื่อบู๊สงเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว เจียตงก็ชวนพวกมายึดครองบรรดาโรงเตี๊ยมในตำบลคาอัวะหลิมเอากลับคืนไปอีก และทุบตีซิอินศรีษะแตก ต้องหนีกลับมาบ้าน พอดีได้ยินข่าวว่าบู๊สงจะออกจากคุกไปเมืองอินจิว ก็เตรียมสิ่งของกับเงินทองเสื้อผ้า ไปคอยดักอยู่ที่โรงสุราซึ่งเป็นทางผ่าน แล้วก็มอบของที่เตรียมมาให้บู๊สง เอาไปใช้สอยตามทาง

บู๊สงเห็นซิอินโพกผ้าพันมืออยู่ก็ถามถึงสาเหตุ ซิอินก็เล่าเรื่องที่ถูกเจียตงย้อนกลับมาทำร้ายให้ฟังทุกประการ บู๊สงก็โกรธอาฆาตว่าถ้าไม่ตายเสียจะได้เห็นดีกัน ซิอินจะเชิญผู้คุมทั้งสองให้กินอาหารผู้คุมก็ไม่กิน จะให้เงินสิบตำลึงก็ไม่รับ และเร่งให้เดินทางโดยเร็วไม่เช่นนั้นจะเฆี่ยน ซิอินจึงกระซิบบอกให้บู๊สงระวังตัว อย่าไว้ใจผู้คุมสองคนนี้คงจะคิดร้ายเป็นแน่ บู๊สงก็บอกว่าไม่ต้องวิตก จงกลับไปบ้านเถิด

ผู้คุมพาบู๊สงเดินทางไปประมาณห้าลี้ แลเห็นมีชายสองคนถือกระบี่ ยืนอยู่ข้างทาง แล้วเดินตามไป บู๊สงก็ระวังตัวยิ่งขึ้น พอเดินไปถึงแม่น้ำมีสะพานข้าม บู๊สงขออนุญาตไปล้างมือ ชายสองคนที่ตามมาจึงปรี่เข้าไปหา

บู๊สงระวังอยู่แล้วจึงเอาเท้าถีบตกจากสะพานลงไปในน้ำทั้งสองคน ผู้คุมอีกสองคนตกใจจะวิ่งหนี บู๊สงก็หักขื่อคาที่สวมคอออก แล้ววิ่งตามไปชิงกระบี่ที่ผู้คุมเหน็บมา ฆ่าเสียทั้งสองคน และวิ่งกลับไปที่สะพาน เห็นชายสองคนคลานขึ้นมาจากน้ำ บู๊สงก็ฆ่าเสียคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งสารภาพว่าเป็นลูกศิษย์ของเจียตง ใช้ให้ตามมาช่วยผู้คุมฆ่าบู๊สง

ขณะนี้ เจียตงกับเตียทวนเลียน เสพสุราอยู่ที่บ้านเตียมงฮวง คอยให้ตนเองกลับไปบอกข่าว บู๊สงได้ฟังก็ฆ่าชายคนนั้นเสีย แล้วเหน็บกระบี่ซ่อนไว้ในเสื้อ รีบเดินย้อนกลับไปเมืองเม่งจิว

พอถึงเวลาค่ำ บู๊สงเข้าไปทางหลังบ้านเตียมงฮวง เห็นคนเลี้ยงม้าถือโคมเดินเข้าไปในหอ บู๊สงก็เรียกมาถามถึงเตียมงฮวง คนใช้บอกว่าอยู่บนเหลาสูง บู๊สงก็ฟันด้วยกระบี่ตายคาที่ แล้วเดินเข้าไปชั้นใน โดดข้ามกำแพงไปเจอหญิงคนใช้สองคน ก็ฆ่าเสียอีกทั้งสองคน

แล้วขึ้นไปบนเหลาเห็นคู่อาฆาตทั้งสาม นั่งเสพสุราสนทนากันอยู่ ขณะนั้นเตียมงฮวงพูดว่า

"....เพราะเห็นแก่เตียทวนเลียนน้องเรา จึงได้คิดการอันนี้ ท่านให้คนไปคอยอยู่ที่ตำบลฮุนอินโพ้ว ป่านนี้เห็นจะฆ่าตายเสียแล้ว อีกสักครู่ก็คงกลับมา..."

เตียทวนเลียนก็ว่า

"...ไปด้วยกันสี่คนแล้ว ถึงฝีมือเข้มแข็งประการใดก็คงตาย...."

แล้วทั้งหมดก็พากันหัวเราะเสียงดัง

บู๊สงโกรธเป็นกำลัง เงื้อกระบี่เดินเข้าไปในเหลา โดยไม่เกรงกลัวผู้ใด เจียตงเหลียวมาเห็นก่อนก็ตกตลึงตัวแข็ง บู๊สงจึงเอากระบี่ฟันศรีษะขาดกระเด็น อีกสองคนลุกขึ้นจะวิ่งหนี บู๊สงก็ฟันเตียมงฮวงถูกกลางตัวขาดสองท่อน ส่วนเตียทวนเลียนฉวยเก้าอี้เข้ารับไว้ แต่ทานกำลังไม่ไหวล้มลง ก็เลยโดนคมกระบี่ของบู๊สงคอขาดไป แล้วบู๊สงก็วิ่งเข้าไปในห้องฆ่าภรรยาเตียมงฮวงกับนางเง็กลันคนใช้ตัวดี และสาวใช้ตายกลิ้งเกลื่อนกราดรวมทั้งสิ้นสิบห้าคน ลงท้ายเอาผ้าชุบโลหิตเขียนไว้ที่ฝาผนังว่า

"ซึ่งฆ่าคนเหล่านี้ตาย คือตัวบู๊สง"

จากนั้นก็เก็บเอาเงินทองในห้องรวบรวมใส่ห่อ แล้วก็ปีนกำแพงโดดออกจากบ้านไป

บู๊สงเดินทางมาได้ห้าหกลี้เหนื่อยอ่อนเต็มที จึงแวะเข้าไปนอนในศาลเจ้า เอาห่อของหนุนศรีษะหลับไป ก็มีชายสี่คนมาพบเข้า จึงจับตัวมัดเอาไปไว้ที่โรงสุรา ปรากฎว่าเป็นของ เตียเช็ง กับ นางซึงยีเหนีย อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญวันนั้นทั้งสองสามีภรรยามาค้างอยู่ที่นี่

บู๊สงจึงรอดตาย แล้วช่วยกันปลอมตัวเป็นหลวงจีน แต่โกนผมแค่ครึ่งศรีษะ โดยใช้เครื่องแต่งตัวและลูกประคำ รวมทั้งกระบี่วิเศษที่นางซึงยีเหนียได้ยึดไว้ตั้งแต่ครั้งก่อน และมอบหนังสือรับรองให้ไปอาศัย หลวงจีนลูตีซิม กับ เอียจี้ หลบอยู่ในวัดเขายีเลงซัวต่อไป เพราะทางเมืองเม่งจิว ปิดประกาศให้รางวัลนำจับถึงสามพันตำลึง ไม่มีหนทางที่จะหนีไปทางไหนได้อีกแล้ว

บู๊สง ผู้ไม่รู้จักความกลัวตาย และมีคดีฆ่าคนสิบเก้าศพติดตัวอยู่ จึงต้องเดินทางกว่าห้าสิบลี้ ไปหาหลวงจีนลูตีซิมและเอียจี้ ที่วัดโปจู๊บนเขายีเลงซัว ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี และได้พำนักอยู่ที่นั้นเป็นเวลานาน

กว่าจะได้เข้าไปรวมกลุ่มกับขบวนโจรเขาเนียซัวเปาะในภายหลัง.

##########

นิตยสารโล่เงิน
ตุลาคม ๒๕๓๙

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙







Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 7:05:33 น. 4 comments
Counter : 472 Pageviews.

 
ลงชื่ออ่านครับ


โดย: blackguard IP: 124.157.244.18 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:12:30 น.  

 
คุณblackguard ย้อนอ่านมาตั้งแต่ต้นเลยหรือครับ
ขอบคุณมากครับ

ผมเอาไปวางในห้องไร้สังกัดแล้ว จึงเอามาเก็บในบล็อกครับ



โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:07:59 น.  

 
คนจริงใจเด็ดมาก บู๊สง


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:8:59:58 น.  

 
สุดท้ายก็ไปเป็นโจรครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:19:30:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.