Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้หยั่งรู้ดวงดาว (บันทึกจากประวัติศาสตร์)

บันทึกของคนเดินเท้า

ผู้หยั่งรู้ดวงดาว

" เทพารักษ์ "

เมื่อปลายปีฉลู พ.ศ.๒๕๔๐ ผู้หยั่งรู้อิทธิพลของดวงดาวหลายท่านได้ให้ คำทำนายทายทักถึงเหตุการณ์ในปีขาลไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง มีอยู่ท่านหนึ่งพยากรณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นพาดหัวตัวใหญ่ว่า

พิสูจน์ “ดวงเมือง” ๒๕๔๑

แล้วก็มีหัวรองลงไปว่า

"ปีขาล" หฤโหด พินาศสิ้นทั้งแผ่นดิน ?

พร้อมกับโปรยหัวว่า

ดวงดาวในปี ๒๕๔๑ นี้ โฉมหน้าของประเทศไทย ได้รับการ เบียดเบียนบ่อนทำลายรอบด้าน ยังมีการจลาจลนองเลือดปราบปราม มีการประหารหมู่ ตายอย่างสยดสยอง ยังจะต้องระวังภัยธรรมชาติ เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศมากกว่าปีก่อน ๆ ถือว่าเป็นวาตภัยครั้งร้ายแรงที่สุด ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ ประชาชนอดอยาก ถึงขั้นแบ่งปันอาหาร เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ถือว่าเป็นปีแห่ง เศรษฐกิจเลือด

แล้วก็มีรายละเอียดของแต่ละเดือน ซึ่งจะมีแต่ความเลวร้ายแทบทั้งสิ้น เกือบจะไม่มีอะไรดีเลย ยกตัวอย่างเช่น

มกราคม ชายแดนมีการกระทบกระทั่งรุนแรง เกิดวินาศกรรมในเมืองหลวง มีตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์

กุมภาพันธ์ ดาวมฤตยูแห่งการปฏิวัติลอยเหนือฟากฟ้ากรุงเทพฯ ส่งอิทธิพลรุนแรง มีปฏิวัติรัฐประหารแย่งอำนาจ เกิดศึกสงครามภายในและนอก ปลายเดือนไฟไหม้ใหญ่หลายจังหวัด

มีนาคม ประชาชนเบียดเสียด แย่งกันถอนเงินโกลาหล จนเกิดจลาจล เผาผลาญอาคารสถานที่ราชการ และบ้านเรือนวอดวายไป

เมษายน เกิดแผ่นดินไหวอย่างหฤโหดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย มีตึกสูงในกรุงเทพฯพังทลาย มีคนตายเป็นพัน

พฤษภาคม ระยะนี้เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นอันตราย และบุคคลสำคัญจะล่วงลับ

มิถุนายน เป็นเดือนแห่งความแตกแยก ความยากแค้น ความไม่สามัคคีกันระหว่างหมู่คณะ วงการสงฆ์ไม่ดีนัก มีเรื่องมัวหมอง

กรกฎาคม มีการฆาตกรรมการข่มขืน ในเดือนนี้เมืองไทยจะมีกิจกรรมเด่น ๆ ปรากฎ แก่สายตาชาวโลก

สิงหาคม ประเทศไทยจะได้รับการสรรเสริญบางอย่าง จากต่างชาติ จะได้รับความเอื้อเฟื้อจากต่างชาติอย่างดียิ่ง ปลายเดือนจะมีพายุไซโคลนลูกใหญ่ พุ่งเข้าไทยร้ายแรงกว่าครั้งใด ที่ผ่านมา โดยจะโหมเข้าทางภาคกลางรวมถึงกรุงเทพด้วย ในกรุงเทพจะต้องบันทึกประวัติศาสตร์น้ำท่วมใหญ่อีกครั้งหนึ่งในเดือนนี้

กันยายน จะเกิดน้ำป่าไหลบ่าลงมาจนถึงกรุงเทพฯแหล่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่จะพังทลาย ภาคใต้ผู้อาศัยอยู่ติดทะเล จะถูกพายุร้ายหอบตกทะเลไป

ตุลาคม เป็นเดือนที่วิปโยคที่สุดของเมืองไทย เกิดเป็นสงครามกลางเมือง แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย แผ่นดินเดือด ผู้นำต้องหนีลี้ภัยออกนอกประเทศ

พฤศจิกายน น้ำยังท่วมกรุงเทพตลอดทั้งเดือน และจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศไทย จะเกิดขึ้นทางภาคเหนือ มีผู้คนล้มตายมหาศาล

ธันวาคม ทางด้านตะวันออกกลางเกิดสงครามใหญ่ ทำให้ทั่วโลกขาดแคลนน้ำมัน อาจเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ที่ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์มาหั้มหั่นกัน

แต่ก็ออกตัวไว้ว่า ทั้งหมดเป็นคำทำนายที่ค่อนข้างจะร้ายแรง แต่ขอเตือนว่า เราอย่า หลงเชื่อจนงมงาย เพราะวิชาโหราศาสตร์นั้นเป็นเพียงทฤษฎี ที่กำหนดขึ้น เพื่อใช้ เป็นหลักในการให้คำพยากรณ์ การพยากรณ์เป็นเพียงการคาดคะเน อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้

เมื่อเวลาได้ผ่านมาจนถึงบัดนี้ ก็คงจะทราบแล้วว่าอะไรเกิดขึ้นตามคำทำนายและอะไรที่ไม่เกิด การที่ยังไม่ถึงกับพินาศสิ้นทั้งแผ่นดิน ก็คงจะเป็นด้วยบารมีของพระสยาม เทวาธิราช ที่ทรงคุ้มครองเมืองไทยมาตลอดกาลนั่นเอง

วิชาโหราศาสตร์นี้ ได้มีอยู่คู่กับบ้านเมืองมานานหนักหนาแล้ว นับถอยหลังไปเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๑๘๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นปีมะแม พระโหรา ท่านหนึ่งมีความสามารถที่จะทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ

วันหนึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นหนูตัวหนึ่ง ตกลงมาจากเพดานพระที่นั่งไพชยนมหาปราสาท จึงทรงเอาขันทองครอบไว้ แล้วให้พระโหรามาทาย พระโหรา คำนวณแล้วทูลว่าสัตว์สี่เท้า ทรงพระกรุณาตรัสว่ากี่ตัว พระโหราทูลว่าสี่ตัว เมื่อเปิดขันที่ครอบอยู่ ก็มีลูกหนูคลานอยู่สามตัว กับแม่ตัวหนึ่งรวมเป็นสี่ตัว ตามคำทำนายของพระโหรา

จึงทรงสรรเสริญว่า ดูแม่นกว่าตาเห็นเสียอีก

ต่อมาได้พยากรณ์ว่าจะเกิดเพลิงไหม้ในมหาราชวังภายในสามวันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสให้ขนของในพระราชวัง ออกมาไว้ที่วัดชัยวัฒนาราม และในพระราชวังนั้นก็ได้เกณฑ์ไพร่สม พร้อมด้วยพร้าขอตะกร้อน้ำ คอยระวังเหตุการณ์ อีกทั้งห้ามมิให้หุงข้าวในเขตพระราชวัง แล้วให้เรือตำรวจคอยบอกเหตุทุกทุ่มโมง

คอยอยู่สามวันจนถึงเวลาเย็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับ ณ เรือกิ่งเพื่อจะเสด็จกลับพระราชวัง พระโหราก็ทูลว่าขอให้ย่ำฆ้องค่ำก่อน จึงจะสิ้นพระเคราะห์ สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวก็ให้ลอยเรืออยู่จนเกือบค่ำ เกิดเมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้น แล้วฝนก็ลงเม็ดปรอยๆ ทรงพระกรุณาตรัสแก่พระโหราว่า ฝนตกลงมาแล้วเห็นจะสิ้นเหตุละกระมัง

แต่พระโหราก็ทูลว่าขอให้งดไว้ก่อน พอสิ้นคำสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาต้องยอดพระมหาปราสาท เป็นเพลิงติดพลุ่งโพลงขึ้น และไม่สามารถจะดับได้ เพราะดีบุกที่ดาดหลังคานั้น ละลายไหลรดลงมาดั่งห่าฝน เพลิงได้ไหม้ลามไปถึงห้องคลังเรือนหลัง ถึงร้อยเรือนจึงดับได้

น่าเสียดายที่ในพงศาวดารไม่ได้บันทึกชื่อของพระโหราธิบดีท่านนี้ไว้ให้ปรากฎ

ย้อนหลังไปอีกนาน ประมาณ พ.ศ.๗๖๑ ในเมืองจีนยุคสามก๊ก มีหมอดูคนหนึ่งเป็นชาวเพงง้วนก๋วน มีความสามารถทำนายทายทักเก่งมาก เจ้าเมืองเคยลองความรู้โดยเอาตราประจำตำแหน่งออกเสียจากหีบ แล้วเอาขนไก่ใส่ไว้แทน ให้ทายว่าสิ่งใดอยู่ในหีบ หมอดูก็ว่ามีขนไก่แดงเท่านั้น ขนไก่ดำเท่านั้น ขนไก่ขาวเท่านั้น

เมื่อเปิดหีบออกแล้วนับดู ก็มีจำนวนตรงกับที่ทำนายนั้น เจ้าเมืองนับถือมาก จึงตั้งให้เป็นที่ปรึกษา

ต่อมาโจโฉมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ล้มป่วยลง ได้ยินกิติศัพท์จึงห้คนไปตามตัวมา และให้ดูชะตาของตนว่าดีร้ายหนักเบาอย่างไร หมอดูก็ทำนายว่าที่ป่วยนี้อย่าวิตกเลยหาเป็นไรไม่ เมื่อโจโฉหายป่วยตามคำก็จะตั้งให้เป็นโหรประจำตัว หมอก็ปฏิเสธว่าข้าพเจ้านี้บุญน้อยนัก อันจะอยู่ในเมืองหลวงบังคับผู้คนนั้นไม่ได้

โจโฉก็ให้ดู ชะตาราศีของตนว่าจะมีบุญขึ้นอีกหรือไม่ หมอก็ว่า ท่านมีบุญเป็นถึงพระเจ้าวุยอ๋อง เสมอพระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่แล้ว ซึ่งจะให้ดูต่อไปนั้นเห็นจะสิ้นตำรา โจโฉก็ชอบใจเป็นอันมาก และให้พักอยู่ที่ฮูโต๋เมืองหลวง

ครั้นได้ข่าวว่า เล่าปี่จะยกทัพมาตีเมืองฮันต๋ง โจโฉก็สั่งให้จัดเตรียมทหารจะยกไปช่วย โหรผู้นี้ก็ทักท้วงว่าจะยกทัพไปเวลานี้ไม่ได้ เพราะถึงเทศกาลปีใหม่เมืองฮูโต๋จะเกิดเพลิงใหญ่หลวงนัก โจโฉก็ให้โจหองยกทหารห้าหมื่นไปช่วยรักษาเมืองฮันต๋งไว้ให้มั่นคง แล้วให้อองปิดคุมทหารรักษาเมืองฮูโต๋ กับให้แฮหัวตุ้นคุมทหารคอยส่งข่าวสารระหว่างเมืองฮูโต๋กับเมืองเงียบกุ๋น ซึ่งตนได้สร้างปราสาทไว้เป็นที่พำนัก

พอถึงเดือนสามเข้าปีใหม่ เกงจี อุยหลง กิมหัน ขุนนางที่จงรักภักดีต่อ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็คบคิดกันจะก่อการจลาจลขึ้นในเมืองหลวงโดยชักชวนให้ เกียดเมา เกียดบก บุตรชายของ เกียดเป๋ง หมอหลวงที่ถูกโจโฉฆ่าตายอย่างทารุณ ให้พาพรรคพวกเข้าโจมตีบ้านของอองปิด ผู้รักษาพระนคร โดยนัดหมายจะลงมือกันในวันขึ้นสิบห้าค่ำ

ครั้นถึงกำหนดเวลากลางคืนชาวเมืองจุดโคมรุ่งเรืองทุกตำบล ขุนนางใหญ่น้อยราษฎรชายหญิงทั้งปวง เที่ยวเล่นกระจับปี่สีซอ เป็นการมหรสพแน่นไปทั่วเมือง ผู้ว่าราชการก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทหารอยู่ในจวน ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบก็ลงมือทำตามแผน โดยจุดเพลิงขึ้นในที่ต่าง ๆ แล้วรวบรวมทหารชาวเมืองและขุนนาง ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นจำนวนมาก เข้าโจมตีจวนผู้รักษาพระนคร อองปิดก็เข้าต่อสู้อย่างเข้มแข็ง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่ายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็หลบหลีกหนีเพลิง อยู่ในพระราชวัง เสียงผู้คนทั้งปวงร้องประกาศอื้ออึงทั้งเมืองว่า เราจะกำจัดพวกศัตรูแผ่นดินเสีย จะบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่เย็นเป็นสุข

ฝ่ายผู้ก่อการไม่สงบเกือบจะยึดเมืองฮูโต๋ได้สำเร็จแล้ว แต่แฮหัวตุ้นได้ยกทหารสามหมื่นเข้ามาระงับเหตุในเมืองหลวง โดยแบ่งออกเป็นสองกอง พวกหนึ่งให้ช่วยกันดับไฟ อีกพวกหนึ่งเข้าปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ เกิดการรบพุ่งฆ่าฟันกันเป็นโกลาหลอลหม่าน ล้มตายลงไปเป็นอันมาก ฝ่ายทหารของแฮหัวตุ้นชำนาญการรบกว่าก็ได้รับชัยชนะ กิมหัน เกียดเมาและเกียดบกถูกฆ่าตาย อุยเหลงกับเกงจี ถูกจับตัวไว้ได้ เมื่อสอบสวนแล้วแฮหัวตุ้นก็ให้ทหาร ไปคุมครอบครัวของฝ่ายก่อการไม่สงบ มาจำขังไว้ทั้งสิ้น แล้วให้ม้าใช้ถือหนังสือไปแจ้งแก่พระเจ้าวุยอ๋องหรือโจโฉที่เมืองเงียบกุ๋น

โจโฉก็สั่งให้ประหารชีวิตผู้ที่จับมาเสียทั้งหมด แต่ให้ส่งตัวขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยในเมืองฮูโต๋ ไปพิจารณาคดีที่เมืองเงียบกุ๋น โจโฉก็ให้เอาธงแดงและธงขาว ปักไว้ในสนามไกลกันประมาณสิบเส้นแล้วประกาศว่า เมื่ออ้ายเหล่าร้ายห้าคนคบคิดกันเผาเมืองนั้น ขุนนางผู้ใดได้ไปช่วยดับเพลิงให้ไปอยู่ข้างธงแดง ผู้ซึ่งมิได้ไปช่วยดับเพลิงนั้นให้ไปอยู่ข้างธงขาว ขุนนางคิดว่าโจโฉจะเอาโทษ พวกที่มิได้ไปช่วยดับเพลิง จึงพากันไปอยู่ทางธงแดงถึงสามในสี่ส่วน แต่ขุนนางที่มีใจสัตย์ซื่อ ไม่ได้มาช่วยดับเพลิงนั้นเข้าไปอยู่ทางธงขาวเพียงส่วนเดียว

โจโฉก็ว่าบรรดาผู้ที่ไปช่วยดับเพลิงนั้น มิได้ไปโดยสุจริตหวังจะไปเข้าด้วยอ้ายพวกขบถ แล้วจะบรรจบกันมาทำร้ายเรา ให้เอาตัวขุนนางซึ่งอยู่ฝ่ายธงแดง ไปฆ่าเสียที่ริมแม่น้ำ เจียงโหประมาณสามร้อยคน ส่วนขุนนางที่ไปอยู่ทางฝ่ายธงขาว ให้ปูนบำเหน็จตามสมควร

แล้วให้จัดทองเงินและสิ่งของ เป็นรางวัลแก่โหรซึ่งทำนายได้แม่นยำนัก แต่ท่านคำนับแล้วถ่อมตนว่า ตัวข้าพเจ้ารักเที่ยวอยู่ในถ้ำในป่าเขา จะเอาเงินทองไปนั้นหาต้องการไม่ ท่านจงเอาไว้แจกทแกล้วทหารเถิด

ท่านโหราจารย์ผู้นี้มีชื่อว่า กวนลอ

##########

จาก นิตยสารโล่เงิน
กรกฎาคม ๒๕๔๒

มุมประวัติศาสตร์ ห้องหสมุด
๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๑




Create Date : 08 มิถุนายน 2551
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 22:02:14 น. 0 comments
Counter : 590 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.