Group Blog
 
All Blogs
 
คนชอบหั่น

สัพเพเหระ

คนชอบหั่น

“ เทพารักษ์ “

ข่าวอาชญากรรมที่หนังสือพิมพ์จะไม่ยอม ปล่อยให้หลุดมือไปได้เป็นอันขาดเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของการฆาตกรรมแล้วหั่นศพทำลายหลักฐาน เพราะข่าวชนิดนี้จะไม่ยอมจบง่าย ๆ ต้องติดตามกันแรมเดือน บางคดีก็เป็นแรมปี กว่าจะหาหลักฐานได้แต่ละชิ้น เพราะส่วนใหญ่ฆาตกรจะเป็นคนฉลาดรอบคอบ ปกปิดการกระทำอย่างแนบเนียน ตั้งแต่ต้นจนปลาย แต่อาจจะเป็นเรื่องเวรกรรมมีจริงก็ได้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่มักจะพบพิรุธเล็ก ๆ น้อย ๆ จนสามารถสาวไปหาต้นตอได้ในวันหนึ่งเสมอ

ดังเช่นเมื่อไม่นานมานี้ เหตุเกิดเมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย ๒ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ได้พบกระเป๋าเดินทางซึ่งภายในบรรจุชิ้นส่วนของศพ ลอบตุ๊บป่องอยู่ในคลองผดุงกรุงเกษม หน้าสถานีสูบน้ำกรุงเทพ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพ มหานคร ซอยเจริญกรุง ๓๐ แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กับนายแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา ไปร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ก็ได้พบกระเป๋าเดินทางสีดำมีล้อเลื่อน ขนาด ๔๕ x๖๐ ซ.ม. ที่พนักงานมูลนิธิปอเต๊กตึ๊งนำขึ้นมาจากคลอง ใต้สะพานพิทยเสถียรแล้วเปิดออก ก็พบชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ช่วงลำตัว ตั้งแต่คอถึงบั้นเอว ลักษณะเป็นคนผิวขาว มีรอยแล่ส่วนเต้านมรวมทั้งชิ้นเนื้อตามลำตัวอีกหลายชิ้นออกไป ไม่มีท่อนแขนขาและส่วนศรีษะ สภาพรอยแผลถูกหั่นเป็นริ้ว คาดว่าวัตถุที่หั่นไม่คม หรือใช้วิธีสับ สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๒๔ ช.ม.และเป็นเพศหญิง นอกจากนี้ยังพบถุงพลาสติกใบใหญ่ขนาด ๒ x ๒ ฟุตครึ่ง ๒ ใบ สีเขียวและสีฟ้า ยัดอยู่ในกระเป๋าด้วย มีผ้าม่านพลาสติกที่ใช้ในห้องน้ำกันเลือดซึมออกจากกระเป๋า และผ้าขนหนูเช็ดหน้ามีชื่อโรงแรม ที่ตั้งอยู่ที่ถนนกรุงเกษม ด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งว่า พบกระเป๋าใส่เสื้อผ้าสีฟ้าแบบหูหิ้ว ลอยอยู่ในคลองเดียวกัน ห่างจากจุดที่พบชิ้นส่วนศพประมาณ ๒ ก.ม. อยู่ระหว่างถนนมหาพฤฒาราม ตัดกับถนนเจริญกรุง ภายในมีเสื้อยืดสตรีสีฟ้า สีส้ม สีขาวคาดเขียว ยกทรง กางเกงใน อีกจำนวนหนึ่ง และมีซองยาของสำนักงานอนามัยกรุงเทพจำนวน ๔ ซอง ระบุชื่อหน้าซองว่า นางวนิดา ๓ ซอง อีกหนึ่งซองเป็นของนาย ธารินทร์ ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา จึงเก็บไว้ตรวจสอบว่าจะเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนดังกล่าวหรือไม่

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานจากพฤติการณ์ คล้ายกับแก๊งลูกหมูชาวจีน ที่เข้ามาก่อคดีฆ่าหั่นศพหลายครั้งแล้ว เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ซึ่งเป็นท้องที่รับผิดชอบโรงแรมดังกล่าว ให้ตรวจสอบลูกค้าที่เปิดห้องพักช่วง ๒-๓ วันก่อน พร้อมกับส่งชิ้นส่วนศพที่พบ ให้สถาบันนิติเวช ฯ ผ่าชันสูตรอย่างละเอียดต่อไป

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานทางโรงแรม กลับพบว่า มีชาวอิสราเอลสองคนผัวเมีย เข้ามาพักในโรงแรมห้องหมายเลข ๒๗๐๑ ชั้นที่ ๒๗ เมื่อ ๒๐ ก.พ.ที่ผ่านมา สามีชื่อนายอีลี่ โคเฮน อายุ ๓๔ ปี ภรรยาชื่อ นางแครอล โคเฮน อายุ ๒๖ ปี ต่อมาเวลาเที่ยงของวันที่ ๒๔ ก.พ.นายอีรลี่ได้ขอย้ายห้องลงมาที่ชั้น ๑๙ หมายเลข ๑๙๒๐ และเมื่อได้ตรวจสอบไปทางสถานทูตอิสราเอล ก็ได้ความว่า เมื่อ ๒๔ ก.พ.เวลา ๑๓.๔๗ น. นายอีลี่ได้มาแจ้งว่าภรรยาของตนได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ไปตรวจสอบเก็บรอยนิ้วมือแฝง ในห้องพักหมายเลข ๒๗๐๑ ซึ่งที่ประตูห้องน้ำพบคราบเลือดเป็นรอยป้าย และที่อ่างอาบน้ำมีรอยขูดขีดจากของมีคม ม่านพลาสติกกันน้ำกระเซ็นมีรอยถูกกรีดฉีกขาดออก และเมื่อตรวจสอบภาพโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกไว้ พบว่านายเอลี่หิ้วประเป๋าขนาดใหญ่สองใบ เหมือนกับที่พบบรรจุชิ้นส่วนศพ และสะพายใบเล็กอีกหนึ่งใบ นำลงทางลิฟท์ออกจากโรงแรมเวลา ๐๐.๐๔ น.ของวันที่ ๒๔ ก.พ.

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบที่ห้องหมายเลข ๑๙๒๐ ก็ได้พบกระเป๋าเดินทางรวม ๔ ใบของนางแครอลและนายอีลี่อยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ได้ยึดกางเกงยีนของนายอีลี่ซึ่งเพิ่งส่งซักตอนเช้าวันเดียวกัน เนื่องจากมีรอยเปื้อนคล้ายคราบเลือดเป็นจุด ๆ ที่หัวเข่าขวาด้วย

ต่อมาในเวลาสามทุ่มเศษวันเดียวกัน นายจำลองอายุ ๔๑ ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมกับให้การว่า หลังจากทราบข่าวหั่นศพ จำได้ว่าช่วงเที่ยงคืนเศษวันที่ ๒๔ ก.พ.ได้รับผู้โดยสารคือนายอีลี่ จากหน้าโรงแรมหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำที่พบ และกระเป๋าสะพายสีครีมอีกใบหนึ่ง นำกระเป๋าใบใหญ่ใส่ช่องเก็บของท้ายรถ ส่วนอีกใบสะพายติดตัวขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ว่าจ้างให้ไปแถวท่าน้ำสี่พระยา แล้วลงไปติดต่อหารถแท็กซี่บริเวณนั้นให้ไปส่งพัทยา แต่หาไม่ได้ จึงกลับมาที่รถของตนให้ขับไปเรื่อย ๆ จนเมื่อถึงริมคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้กับโรงแรมรอยัลออคิด นายอีลี่บอกให้จอดแล้วลงจากรถ พอตนจะลงไปช่วยขนกระเป๋าท้ายรถ นายอีบี่กลับปฏิเสธไม่ให้ช่วย เมื่อส่งแล้วตนจึงขับรถตระเวนหาผู้โดยสารอื่น ๆ ต่อไป เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงได้มาตรวจเก็บร่องรอยในช่องเก็บของท้ายรถด้วย

เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับสถานทูตอิสราเอล ติดต่อกับนายอีลี่มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อนายอีลี่ย้อนกลับมาที่สถานทูตอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปสอบปากคำที่ห้องหมายเลข ๒๗๐๑ ในโรงแรมที่เกิดเหตุ นายอีลี่ได้ให้การว่าตนมีอาชีพเป็นช่างตัดผมและเป็นพ่อครัว แต่ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องอื่นอีก และไม่ยอมดูวีดิโอเหตุการณ์ตอนพบศพ เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปรอยขีดข่วนบนหลังมือทั้งสองข้างของนายอีลี่ ไว้เป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่ง แล้วจึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยตรวจเลือดและเนื้อเยื่อจากเล็บ รวมทั้งตัดขนตามร่างกายไว้ตรวจเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุอีกด้วย

คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด จึงยังไม่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยนี้ จะเป็นฆาตกรหั่นศพจริงหรือไม่ และผลของคดีจะเป็นอย่างไร


ส่วนอีกรายหนึ่งที่เกิดเหตุมาก่อนหน้านี้กว่าสิบปี ก็มีความพิศดารไม่แพ้กันเหตุเกิดเมื่อ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๔ ได้มีคนร้ายบุกเข้าไปในที่เก็บศพของโรงพยาบาลตำรวจ และได้ทำการชำแหละเอาข้อมือและเท้า ของศพหญิงคนหนึ่งซึ่งถูกสามียิงตาย เพราะความหึงหวง หลังจากชันสูตรศพตามระเบียบของเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติเวช แล้วเก็บศพไว้รอญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

ทางโรงพยาบาลตำรวจจึงนำความแจ้งกับเจ้าพนักงานตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ซึ่งเป็นเจ้าของท้องที่ และเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของกรมตำรวจ ก็ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมคนร้ายจิตวิปริตรายนี้ให้ได้โดยเร็ว ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะก่อนหน้านี้ได้มีเหตุทำนองนี้เกิดขึ้นสองครั้งแล้ว

รายแรกเป็นศพของหญิงสาวอดีตแอร์โฮสเตส ซึ่งเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถชนกัน โดยชำแหละเอาข้อเท้าทั้งสองข้างไป รายที่สองเป็นศพของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตาย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยชำแหละเอามือและเท้าทั้งสองข้างไป

ต่อมาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัว นายเกียรติ หรือ ฟรานซิส อายุ ๓๗ ปี พนักงานแปลเอกสารต่างประเทศของบริษัทแห่งหนึ่ง ในซอยตรงข้ามสถานีตำรวจบางรัก ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา ตามหมายจับวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๒๔ ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น

ทั้งนี้เป็นคดีเดิม ที่ถูกกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ปีเดียวกัน นายเกียรติได้ไปเที่ยวที่ห้องอาหารแถวสะพานควาย และได้ทำความรู้จักกับ น.ส.สกุล พนักงานเสริฟ ในที่สุดก็เกิดชอบพอกัน นายเกียรติจึงได้นัดเจอโดยให้ฝ่ายหญิงมาหาที่บริษัทซึ่งตนทำงานอยู่ เมื่อหญิงสาวมาหานายเกียรติก็พาขึ้นไปบนชั้นสี่ และใช้เนคไทรัดคอ จนเธอเกือบหมดสติ จากนั้นยังใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงซ้ำที่หน้าท้อง เธอได้พยายามร้องขอชีวิตและให้สัญญาว่าจะไม่นำความแจ้งตำรวจ นายเกียรติจึงใจอ่อนยอมปล่อยตัว และนำไปทำบาดแผลที่โรงพยาบาลเลิศลิน โดยบังคับให้เธอแจ้งว่าได้รับบาดเจ็บจากการพยายามฆ่าตัวตาย แต่หลังจากที่เธอได้รับการรักษาแล้ว ก็รีบไปแจ้งความให้จับกุมตัวนายเกียรติ แต่เขาได้หลบหนีไปเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงออกหมายจับกุมไว้

เมื่อได้ตัวนายเกียรติมาแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้จรวจค้นห้องพักของเขา ได้พบกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ภายในนั้นมีถุงน้ำเกลือ ยาทาเล็บสีแดง หนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวการชำแหละศพ กล่องเข็มฉีดยา เส้นผมผู้หญิงในซองจดหมาย ซึ่งเขาบอกว่าเป็นของภรรยาตนเอง และมีดปลายแหลมยาวประมาณหนึ่งคืบอีกหนึ่งเล่ม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้พานายเกียรติไปค้นบ้านพักอีกแห่งหนึ่ง ที่ซอยสุทธิสาร แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ได้พบยาฉีดชนิดต่าง ๆ มีดแล่เนื้อหนึ่งเล่ม และยารักษาโรคหลายชนิด

ต่อมาได้มีผู้โทรศัพท์แจ้งว่าพบชิ้นส่วนข้อมือและเท้าคนลอยขึ้นอีดอยู่ในท่อพักน้ำ หน้าบ้านในซอย ห่างจากบริษัทที่นายเกียรติทำงานเพียง ๑๐๐ เมตร เจ้าหน้าที่จึงให้มูลนิธิร่วมกตัญญูเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นไปไว้ที่สถาบันนิติเวช

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเป็นเวลาหลายชั่วโมง นายเกียรติจึงได้รับสารภาพว่า ตนเองคือผู้ก่อพฤติกรรมสยองขวัญชำแหละศพเหล่านั้นเอง และให้การว่าที่ทำลงไปนั้น ไม่รู้สึกตัวแต่มาจากความฝังใจในการเดินทางไปเรียนวิชาแพทย์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้เล่าประวัติของเขาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้ว่า

เขาได้ถูกทางบ้านส่งตัวเรียนที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่จบประถมปีที่สี่ จากประเทศไทยใหม่ ๆ หลังจากสำเร็จชั้นมัธยมก็เข้าเรียนต่อทางด้านแพทย์ เป็นเวลาถึง ๔ ปี และเป็นผู้ช่วยแพทย์อยู่ที่อังกฤษนั่นเอง ต่อมาได้แอบชำแหละศพคนตาย จึงถูกไล่ออกจากงานและส่งตัวกลับเมืองไทย เมื่อปี ๒๕๑๐ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าโหดที่สระบุรี ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เมื่อพ้นโทษออกมาได้เมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้ภรรยา และได้ทดลองทางการแพทย์เป็นเหตุให้ภรรยาเสียชีวิต จากนั้นจึงเข้าไปคลุกคลีตีสนิทตามโรงพยาบาล จนรู้ลู่ทางสามารถแอบเข้าไปชำแหละศพในห้องเก็บศพได้

ในคดีชำแหละศพคนที่ตายแล้วนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาว่า บุกรุกสถานที่ราชการ ลักทรัพย์ (ศพ) โดยผ่านสิ่งกีดขวางและคุมครองทรัพย์เข้าไป ซึ่งน่าจะเป็นโทษสถานเบา

แต่คดีที่พยายามฆ่าหญิงสาวพนักงานเสริฟ คงจะมีโทษหนักพอสมควร ซึ่งเมื่อถึงเวลานี้ ก็คงจะไม่สามารถที่จะก่อคดีประหลาดพิศดารได้อีกแล้ว จึงไม่ได้ข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์แต่ประการใดเลย.

############






Create Date : 04 พฤษภาคม 2553
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 5:36:49 น. 2 comments
Counter : 775 Pageviews.

 
กุดมอร์นิ่ง ทักทายตอนสายๆ จ้า :)^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:52:18 น.  

 
สวัสดีตอนฝนหยุดตกแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:30:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.