Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าของคนวัยทอง (๘) คนว่ายาก

เรื่องเล่าของคนวัยทอง (๘)

คนว่ายาก
" เพทาย "

ผมนอนมองน้ำเกลือที่หยดจากขวด ลงไปในสายพลาสติค ที่ห้อยลงมายังเข็มซึ่งปักตรึงอยู่กับเส้นเลือดเหนือข้อมือซ้ายของผม อย่างช้า ๆ ทีละหยดทีละหยด ดูจะกินเวลานานเหลือเกินกว่าจะหมดขวด แต่ละหยดของมันได้ช่วยคืนพลังวังชาของผมให้ดีขึ้นเป็นลำดับ ความคลื่นใส้ปั่นป่วนมวนท้องค่อยทุเลาลง หลังจากที่ได้อาเจียรอย่างหนักมาครึ่งคืนจนหมดแรง

แล้วผมก็หวนนึกไปถึงอดีต เมื่อหลายสิบปีก่อน..........

# # # # #

ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งอายุแก่กว่าผมไม่กี่ปี แต่เขาเป็นสิบเอกแล้วในตอนที่ผมเพิ่งเป็นข้าราชการวิสามัญต๊อกต๋อย อยู่ที่กรมทหารแถวสะพานแดง เราคบกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เที่ยวด้วยกันกินด้วยกัน เว้นแต่ไม่ได้นอนด้วยกันเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะเป็นผู้จ่ายเงิน เพราะเขามีมากกว่าผม เราคบกันได้ ๓ - ๔ ปี เขาก็อาสาสมัครไปรบในราชการสงครามเกาหลี

เมื่อเขากลับมาแล้วก็ไม่ค่อยได้เจอะเจอกัน เพราะผมแยกทางไปรับราชการที่กรมอื่นอีกมุมหนึ่ง ของสี่แยกสะพานแดงนั้นเอง ส่วนเขาก็เที่ยวอาสาสมัครไปรบ แทบจะทุกสมรภูมิ เรียกว่าเป็นนักล่า พ.ส.ร.หรือที่เรียกเต็มยศว่า เงินเพิ่มสู้รบ เขาเป็นนักรบหัวเห็ด ที่ได้ไปมาแล้วทุกศึก ต่อจากเกาหลีก็ไป เป็นเสือพรานอาสาสมัครไปรบนอกแบบในลาว แล้วก็ไปสงครามเวียดนาม แม้แต่เขมรในสมัยที่นายพลลอนนอน ได้สปอนเซอร์ เอามาสู้รบกับเขมรแดง เขาก็เคยได้ไปกินเหล้าเสือสิบเอ็ดตัวขนานแท้มาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้อยู่จนถึงเวลาที่ นายพอลพตเข้ามายึดกรุงพนมเปญเท่านั้น

ต่อมาเขาได้ไปช่วยราชการในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และถูกส่งไปต่างจังหวัด เลยไปตั้งหลักแหล่งในภูมิลำเนาของภรรยาที่จังหวัดนครสวรรค์ เราจึงห่างเหินกันไปพอสมควร และผมก็ไม่ได้ทราบข่าวคราวของเขาอีกเลย

จนกระทั่งผมได้มีโอกาสไปในงานแต่งงานน้องสาวของเพื่อนอีกคนหนึ่ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ จึงได้พบเขาอีกครั้งที่หน้าภัตตาคารแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ด้วยสภาพของสารถีรถ สามล้อเครื่อง ผู้มีสุขภาพชำรุดทรุดโทรมเต็มที เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มมันมาตั้งแต่ครั้งไปราชการสนาม และก็ได้ความว่าออกจากราชการเสียแล้ว เพราะไม่ถูกกับเจ้านาย จึงยึดอาชีพขี่ สามล้อ เลี้ยงชีวิตไปตามแกน สังขารก็ร่วงโรยลงไปตามลำดับ จึงเปลี่ยนมาขับรถตุ๊ก ๆ แทน เงินที่เหลือจากค่าเช่าก็ลงขวด
หมด

เมื่อผมถามถึงครอบครัวของเขาซึ่งผมหมายถึงภรรยาที่มีอาชีพครู และลูกชายหญิงของเขา

" เขาทิ้งข้าไปหมดแล้วละว่ะ อย่าไปห่วงเขาเลย สบายไปซะแล้ว "

" อ้าวไหงเป็นงั้น...แล้วเพื่อนก็เลยต้องมา..."

ผมชงักปากไว้ ตามองดูยานคู่ชีพของเขา ซึ่งมีลักษณะโกโรโกโสพอ ๆ กับสภาพผู้เป็นเจ้าของ

" เราก็หากินเลี้ยงท้องตัวเองไปมื้อ ๆ ยังงี้แหละวะ "

เสียงของเขาเข้มแข็ง ต่างกับสังขารที่ซูบซีดร่วงโรยที่มองเห็นได้ ใบหน้ากร้านเกรียม เบ้าตาลึก แต่แก้มป่องแทบจะย้อย จมูกแดงบานและมีน้ำมูกซึมอยู่ตลอดเวลา แขนทั้งสองข้างลีบเรียว บนผิวหนังมีรอยลอกเป็นแห่ง ๆ

" ยังพอทู่ซี้ไปได้ไม่ถึงกับอดตายหรอกว่ะ "

ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับทราบ อยากจะซักไซ้ต่อไป ให้ละเอียดกว่านี้อีก แต่สมองมึนตื้อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ จึงจับต้นชนปลายไม่ถูก พอดีเขาถามขึ้นว่า

" แล้วเพื่อนล่ะ คงสบายดีซีนะ "

" ฮื่อ " ผมยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านั้น

" ติดดาวหรือยังล่ะ "

เขาถามถึงอาชีพหลักของผม

" ได้มา ๒ - ๓ ปีแล้ว ตอนนี้ร้อยโท "

" เออดี "

เขาคว้ามือผมไปเขย่าอย่างแรง ความรู้สึกซาบซึ้งตื้นตัน แล่นผ่านมือทั้งสองของเราไปอย่างรู้สึกได้

" เพื่อนได้ดีก็ดีใจด้วยว่ะ ดีใจจริง ๆ แต่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงฉลอง "

" เฮ้ย...มีซีวะ "

ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้อย่างปัจจุบันทันด่วน

" เดี๋ยวนี้แหละ ไป...เข้าไปในร้านด้วยกัน "

" ไม่เอาโว้ย อายเขาตายห่ะ สารรูปเรายังกะอีแร้ง "

เขาขืนตัวไม่ยอมลงจากรถตามแรงฉุดของผม

" เหอะน่า อายใครกัน ไม่มีใครเขาสนใจเราหรอก "

" ไหว้ทีละวะ ขอตัวที "

เสียงของเขาอ้อนวอนขอร้องอย่างจริงใจ

" ตามสบายเถอะ อย่าห่วงเราเลย โอกาสหน้าค่อยเจอกันใหม่ "

ว่าแล้วเขาก็สตาร์ทรถคู่ชีพออกไปจากที่จอด โดยไม่ยอมฟังเสียง ผมจำใจต้องปล่อยให้เขาไป เพราะไม่สามารถจะหยุดรถของเขาไว้ได้ ในขณะนั้น

# # # # #

ผมนึกถึงคำพูดของเขา เมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน ตอนที่ผมเตือนเขาว่า

" กินเหล้าไม่เติมโซดายังงี้ ลูกยังไม่ทันจะโต แกจะแย่เสียก่อนนา "

" ชั่งหัวมัน " เขากระดกเสียอีกพรวดหนึ่งเป็นการยืนยัน

" เรากินเหล้ามาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น แกก็รู้ แต่อยู่มาได้ถึงเดี๋ยวนี้ ดู
เจ้าผีนั่นไง ซัดกราขาวเป็นขวด ๆ ทุกวันก็ยังเห็นสบายดีไม่ใช่เรอะ ทีเจ้าออดกินเหล้าไม่ตายรถเสือกทับตายไปก่อน เอาแน่ได้เมื่อไร คนอย่างเราเชื่อดวงว่ะ จะตับแข็งหรือกะเพาะทะลุ หรือมะเร็ง มันก็ไอ้ตายเหมือนกันแหละวะ ไม่เห็นมีใครอยู่ค้ำฟ้าซักกะคน "

# # # # #

แล้วผมก็คิดไปถึงหมอโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อสิบปีก่อน ที่เอามือจิ้มชายโครงข้างขวาของผม กดเต็มแรง แล้วบอกว่า

" ตับโตออกมาตั้งนิ้ว "

ผมยังมีกะใจถามว่า

" นิ้วฟุตหรือครับ "

" ฮื่ย นิ้วมือน่ะ "

หมอถลกขากางเกงขึ้น พิจารณาดูข้อเท้าทั้งสองข้างที่บวมเป่ง มองไม่เห็นตาตุ่ม เอานิ้วกดลงไปบนหลังเท้าและหน้าแข้งจนเป็นรอยบุ๋ม แล้วว่า

" กินเหล้าหนักละซี ผู้กองน่ะ "

" ก็เอาอยู่ครับ "

ผมอ้อมแอ้มตอบ

" ติดหรือเปล่า "

" ไม่ติดครับ "

ผมยืนยันเหมือนทุกคนที่ถูกถามประโยคนี้

" งั้นก็เลิกได้แล้วถ้ายังรักที่จะมีชีวิตอยู่ "

หมอกระแทกเสียงหนักแน่น แล้วก็ให้ยากินรักษาตัวอยู่เกือบปี พอตรวจครั้งสุดท้ายบอกว่า ผลการตรวจโลหิตเป็นปกติแล้ว เลิกกินยาได้ ผมก็ค่อย ๆ กระซิบบอกหมอว่า

" ตลอดเวลาที่แล้วมานั้น ผมกินเบียร์เติมโซดาครับ "

หมอไม่ยักพูดว่าอะไร................

# # # # #

คราวนี้ผมนึกถึงคำพูดของหมอโรงพยาบาลมิชชั่น เมื่อเช้านี้ว่า

" พรุ่งนี้จะส่งไปตรวจอัลตราซาวด์ ดูถุงน้ำดีและตับ กับเอ็กซเรย์
ดูกระเพาะอาหารเมื่อทราบผลแล้วจึงจะได้รักษาให้ถูกทาง คืนนี้หลับให้สบายไม่ต้องวิตก "

ผมก็ไม่ได้วิตกอะไรนักหรอก ไม่ว่าจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือมะเร็งที่ตับ หรือแผลในกระเพาะอาหาร เพราะเชื่อคำพูดของเพื่อน ที่เล่ามาข้างต้นนั้น เขาไม่ได้ตายด้วยโรคอันน่ากลัวเหล่านั้นเลย

เขาเมาตกน้ำตายที่ปากน้ำโพ หลังจากที่ได้เจอกันไม่กี่วันเอง.

###########

จาก นิตยสารทหารปืนใหญ่
มกราคม ๒๕๔๔

ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘








































Create Date : 06 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2550 11:48:30 น.

Counter : 6 Pageviews. 4 comments

Add to







แวะมาทักทายค้าบบบ



โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:14:04:30 น.







ขอบคุณค้าบบบ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:20:02:08 น.







เพื่อนไปสบายแล้ว

เรื่องเหล้าเห็นพ่อผมว่าเลิกง่ายกว่าบุหรี่นะครับ

ทุกวันนี้พ่อเลิกได้ทั้งเหล้าและบุหรี่ครับ



โดย: พี่แต้ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:18:10:21 น.







ผมยังกินเบียร์เติมโซดา เพื่อเอาใจพยาธิ์อยู่ครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:06:39 น.






Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 19:16:51 น. 4 comments
Counter : 416 Pageviews.

 
พอดีป๋ามนไม่ดื่มเหล้า แข็งแรงดีค่ะตอนนี้
ห่วงแต่คุณเจียวต้าย เชื่อคุณหมอบ้างก็ดีนะคะ


โดย: เป็นห่วงลึกๆ (Setakan ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:39:12 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:19:36 น.  

 
ขอบคุณคุณเป็นห่วงลึกๆ (Setakan)
นับจากเวลาในเรื่องนี้ ผมอยู่มาได้อีกเป็นสิบปี
แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ดื่มอย่างนั้นอีกแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:22:16 น.  

 
วันนี้ก็อากาศดีนะครับ คุณnompiaw.kongnoo


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:10:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.