Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนท่ี่ ๑๒ เตรียมสงคราม

พลิกพงศาวดาร ตอนที่ ๑๒
เตรียมสงคราม
พ.สมานคุรุกรรม

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ได้ประกาศอิสระภาพ และเดินทางผ่านเมืองกาญจนบุรี มาถึงพระนครศรีอยุธยาแล้ว ก็กราบทูลเรื่องยุบลทั้งปวง ถวายให้ สมเด็จพระราชบิดาทรงทราบทุกประการ เมื่อได้แจ้งแล้วก็ตรัสว่า
"เราไม่มีผิด พระเจ้าหงสาวดีมิได้ตั้งอยู่ในคลองธรรมเสียสัตยานุสัตย์ ประพฤติพาลทุจริตอิจฉา เป็นวิสมโลภต่อเราฉะนี้ ก็เพราะผลวิบากแห่งสัตว์ เป็นสำหรับกาลกลียุค ตั้งแต่นี้ไปมอญกับไทยจะเป็นปรปักษ์ต่อกัน"
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็กราบทูลว่า พระเจ้าหงสาวดีจะยกพยุหแสนยากรมาเท่าใดก็มิได้เกรง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะสนองพระคุณ มิให้เคืองฝ่าพระบาท
แล้วสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้พระมหาเถรคันฉ่องจำพรรษา อยู่ ณ วัดมหาธาตุ พระราชทานสัปทนกันชิง คานหามคนหาม จังหันนิจภัตร เครื่องสมณบริขารต่าง ๆ กับให้ญาติโยมที่ติดตามมานั้น อยู่ตำบลบ้านหลังวัดนก
ส่วนพระยาเกียรติ พระยาราม ก็พระราชทานเจียดทองน้ำเต้าทอง กระบี่บั้งทอง เงินตราเสื้อผ้านุ่งห่ม แล เครื่องอุปโภคเป็นอันมาก ให้อยู่ตำบลบ้านขมิ้นวัดขุนแสน กับครอบครัวมอญซึ่งกวาดลงมา นั้น ก็ให้อยู่ในความควบคุมดูแลว่ากล่าวด้วย แล้วสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปยังเมืองพิษณุโลก
เมื่อเสด็จถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว หลวงโกษา แลลูกขุนทั้งปวงผู้อยู่รักษา เมือง ก็นำบรรดานายทหารไทยใหญ่เข้าเฝ้า และกราบบังคมทูลว่านันทสุแลราชสงคราม ซึ่งมาตั้งอยู่ ณ เมืองกำแพงเพชร ได้มีหนังสือมาให้ส่งไทยใหญ่แลครัวซึ่งหนีมาอยู่ที่เมืองพิษณุโลกคืนไป จึงแจ้งว่าพระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จอยู่ ซึ่งจะส่งไปนั้นมิได้
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทราบดังนั้น ก็ตรัสสั่งให้มีหนังสือตอบไปว่า ธรรมดาพระมหากษัตราธิราช ผู้ดำรงทศพิธราชธรรมนั้น อุปมาดั่งร่มพระมหาโพธิ์อันใหญ่ แลมีผู้มาพึ่งพระราชสมภาร หวังจะให้พ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ ซึ่งจะให้ส่งไทยใหญ่ไปนั้นไม่ควร ด้วยล่วงขัตติยราชประเพณีธรรม
ฝ่ายนันทสุกับราชสงครามแจ้งดังนั้นก็เห็นกันว่าสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ยกพยุหยาตราทัพขึ้นไปหงสาวดีครั้งนี้ เหตุไฉนจึงไม่กลับโดยทางเมืองกำแพงเพชร แลบัดนี้ก็ได้มีหนังสือเป็นคำฉกรรจ์องอาจมาดังนี้ เห็นประหลาดนัก เราจะอยู่มิได้จำจะ ต้องเลิกทัพขนครอบครัวเมืองกำแพงเพชร อพยพไปเมืองหงสาวดี จึงจะมีความชอบ
เมื่อข่าวแจ้งไปถึงเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าจึง ประชุมปรึกษาท้าวพระยามุขมนตรีว่า ซึ่งเราจะละให้เมืองกำแพงเพชร พลัดพราก จากภูมิลำเนานั้นมิชอบ เราจะยกไปตีนันทสุกับราชสงคราม มิให้เอาครัวเมืองกำแพงเพชรไปได้ ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งปวงก็เห็นโดยพระราชบริหาร
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงให้ข้าหลวงคุมเอาตัวพม่ามอญ ที่ได้มา ประจำตามหัวเมืองฝ่ายเหนือ ส่งไปไว้ที่พระนครศรีอยุธยาทั้งสิ้น และกำหนดให้พระยาสวรรคโลก พระยาพิชัย ยกพลโดยเสด็จไปสมทบที่เมืองกำแพงเพชร แล้วจึงเสด็จพยุหยาตราทัพออกจากเมืองพิษณุโลก เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้นเจ็ดค่ำเดือนแปด
ฝ่ายนันทสุกับราชสงครามรู้ข่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าเสด็จมา ก็ยกรี้พลช้างม้าหนีออกไปจากเมืองกำแพงเพชร สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ให้พระยาไชยบูรณ์ ขุนพลี และพระหัวเมืองทั้งปวง ยกทัพล่วงหน้าตามไปจนทันที่ตำบลแมรกา ทั้งสองฝ่ายก็รบพุ่งกันเป็นสามารถ พระยาไชยบูรณ์ขี่ช้างพลายปืนพระราม ขุนพลีขี่ช้างพลายศัตรูพินาศ ก็ชนช้างกับนันทสุแลราชสงคราม นันทสุจ้วงฟันพระยาไชยบูรณ์ด้วยของ้าวโดนนิ้วชี้ข้อขาด แต่ช้างของข้าศึกทานกำลังข้าหลวงทั้งสองไม่ได้ต้องพ่ายไป จึงพากันหนีไปทางเมืองเชียงทอง เจ้าฟ้าเมืองจี เมืองลองแจ เมืองปากสมิง เป็นต้น ก็แต่งช้างม้ารี้พลทแกล้วทหาร ช่วยตามตีนันทสุแลราชสงครามถึงตำบลแมงรางซาง แล้วกลับคืนมายังเมืองเชียงทอง
ในคราวนั้นชาวไทยใหญ่ชาวแสนหวีอันมาอยู่ ณ เมืองเชียงทอง ทั้งชาย ฉกรรจ์แลครอบครัว ก็อพยพมาสู่พระราชสมภาร ประมาณสองหมื่นเศษ
ฝ่ายพระยาพิชัยทราบว่า สมเด็จพระนเรศวรเป็นปรปักษ์ กับพระเจ้าหงสาวดี ก็คิดการกบฏ จึงเมื่อแจ้งพระราชกำหนดแล้ว ก็ซ่องสุมชาวเมืองแลกวาดครอบครัวของตน กับครัวชาวเมืองทั้งปวง อพยพไปเมืองสวรรคโลก ครั้นแจ้งความแล้วพระยาสวรรคโลกก็ลงใจด้วย จะยกไปตีเอาเมืองพิษณุโลก แต่หลวงปลัดแ ลขุนยกกระบัตร ขุน นครนายก มิได้ลงใจด้วย พระยาทั้งสองจึงให้คุมตัวไว้ทั้งหมด
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า แจ้งว่าพระยาทั้งสองเป็นกบฏ จึงยกทัพ หลวงจากเมืองเชียงทอง เสด็จไปทางสุโขทัยตั้งทัพที่วัดฤาษีชุม แล้วตรัสบัญชาให้ชุมนุม พราหมณาจารย์ เอาน้ำในบ่อพระสยมภูวนาถน้ำตระพังโพยศรี มาตั้งบูชาโดยกิจพิธีกรรมเป็นน้ำสัตยาธิษฐานเอาพระศรีรัตนตรัยเจ้าเป็นประธาน ให้ท้าวพระยาเสนาบดีมุขมนตรทหารทั้งหลายกินน้ำสัตยาแล้ว ก็ยกทัพหลวงเสด็จขึ้นไปโดยทางเขาคับ ถึงเมืองสวรรค โลก ให้ตั้งทัพตำบลวัดไม้งาม แลให้ข้าหลวงไปประกาศแก่พระยาทั้งสองให้ออกมาถวาย บังคมทรงพระกรุณามิได้เอาโทษ แต่พระยาพิชัยแลพระยาสวรรคโลก มิได้เชื่อฟังพระราชโอวาท ทำองอาจตรวจตราจัดไพร่พลเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินป้องกันเมือง และให้ตัดศีรษะหลวงปลัด ขุนยกกระบัตร ขุนนครนายก ซัดออกมาให้ข้าหลวงอีกด้วย
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทรงพระพิโรธ ครั้นเพลาค่ำก็ตรัสให้ยกพลทหารเข้าปล้นเมือง ทางประตูสามเกิด ประตูม่อ ประตูสะพานจันทร์ แต่ค่ำจนเที่ยงคืนก็เข้ามิได้ จึงตรัสให้พระยาไชยบูรณ์ ขุนหลวงธรรมไตรโลก ขุนราชรินทร ย้ายพลจาก ประตูสะพานจันทร์ มาตั้งข้างประตูดอนแหลม พอรุ่งเช้าก็ยกทัพหลวงมาสมทบ แล้วเร่งเข้าปล้นเมืองเป็นสามารถ ชาวเมืองก็ยิงปืนไฟพุ่งศัสตราวุธ มาต้องพลหลวงป่วยเจ็บล้ม ตายลงเป็นอันมากปีนกำแพงขึ้นมิได้ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าตรัสลงโทษขุนอินทรเดช และนายทัพนาย กองด้านนั้น
ขุนอินทรเดชจึงถวายทานบนว่าจะขอเข้าปล้นเมืองให้จงได้ แลพระยาไชยบูรณ์ก็กราบบังคมทูล ให้ทหารตัดไม้ใหญ่แลไม้โตนดมาทำค่ายประชิด ปลูกหอรบขึ้นให้สูงเสมอกำแพงเมือง แล้วยิงปืนใหญ่น้อยสาดเข้าไป ชาวเมืองซึ่งรักษาเชิงเทินก็ระส่ำระสาย จึงยกทหารเข้าเผาประตูดอนแหลม แล้วเอาบันไดพาดกำแพงปีนเข้าเมืองได้
พระยาสวรรคโลกหนีไปแอบอยู่ในกุฏิพระสงฆ์วัดไผ่ ก็ถูกพวกทหาร ตามไปกุมตัวมาได้ พระยาพิชัยนั้นหนีออกจากเมืองไปถึงแดนเกาะจุล จะไปเชียงใหม่ ก็ถูกชาวด่านจับกุมเอามาถวาย พระนเรศวรเป็นเจ้าจึงตรัสให้ มัดทั้งสองพระยาตระเวนรอบทัพแล้วฆ่าเสีย และให้เทครัวอพยพทั้งปวง กับเชิญรูปพระยาร่วง พระยาลืออันรจนาด้วยงาช้างเผือก ไปยังเมืองพิษณุโลกด้วย
ขณะนั้น พระยาราชินิกุล หมื่นทิพเสนา หมื่นราชามาตย์ ก็ได้นำหนังสือจากพระราชบิดา กับขุนเทพโกษา หมื่นไชยสงคราม และเขมรอีกสามนาย ซึ่งพระยาละแวกแต่งให้เป็นทูตถือหนังสือมาขว้างไว้ที่ด่านเมืองระยอง มาถวายสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ในหนังสือนั้นมีความว่า
"พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดีรำพึงถึงคุณสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้ากรุงพระนครศรีอยุธยา แลสมเด็จพระนเรศวรบรมราชาธิราชบพิตร อันเป็นเจ้าเมืองพิษณุโลกได้เสวยราชย์ครองพิภพกรุงศรีอยุธยาโดยโบราณพระมหากษัตราธิราชนั้น เห็นว่าพระบุญญานุภาพประเสริฐนัก ด้วยแต่ก่อนสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชา ธิราช พระเจ้าช้างเผือก ทรงพระมหากรุณาพระเชษฐาข้าพระบาท ซึ่งเป็นปรปักษ์ต่อพระองค์ แล้วมิได้มีพระทัยอาฆาต ปลูกเลี้ยงดำรงให้คงอยู่ในเศวตฉัตรกรุงกัมพูชาประเทศ แล้วรับเอาพระนักสุโท นักพระสุทัน ไปชุบเลี้ยงเป็นราชบุตรบุญธรรมนั้น พระคุณใหญ่หลวงนัก ฝ่ายข้าพระบาทนี้เล่าก็เป็นคนโมหจิตคิดประทุษ ร้าย เป็นปัจจามิตรต่อพระองค์มานั้นโทษผิดนัก บัดนี้ข้าพระบาท กับท้าวพระยาเสนาบดี มนตรีมุขสมณพราหมณาจารย์ทั้งหลาย ขอเป็นพระราชไมตรีด้วย พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์"
สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทราบสาส์นดังนั้น ก็มีพระทัยยินดีแล้วดำรัส ให้แต่งหนังสือตอบไปเป็นใจความว่า
"ซึ่งพระยาละแวกโมหจิตแล้วคิดกลับใจได้ มาขอเป็นราชไมตรีนั้น เราก็อภัยโทษให้ อันเมืองละแวกโพ้นจะถาวรบริบูรณ์ทั้งสมณพราหมณาจารย์ไพร่ฟ้าข้าขอบขัณฑเสมากัมพูชาประเทศ จะเป็นสุขานุสุขสืบไป"
แล้วให้หมื่นศรีภิรมย์ ขุนพสี หมื่นรามณรงค์ ถือรับสั่งออกไปกับทูตานุฑูตเมืองละแวก พระยาละแวกก็ยินดีซึ่งจะได้เป็นพระราชไมตรี จึงแต่งให้พระยาอุภัย พระ อินทราเดโช พระทรงคเชนทร หลวงนเรนทมฤทธิ์นำพระราชสาส์นแลเครื่องราชบรรณาการ มาด้วยคณะฑูตที่ส่งไปนั้น
ถึงวันศุกร์แรมเก้าค่ำเดือนสิบเอ็ด สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็เสด็จ จากเมืองพิษณุโลก ลงมายังพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสให้บำรุงการที่จะป้องกันพระนคร แลซ่อมแปลงกำแพงแต่งค่ายป้อมหอรบทั้งปวง รอบพระนคร แล้วให้ขุดคูเมืองเบื้องบูรพาทิศนั้น ให้กว้างลึกเป็นแม่น้ำ ประจบรอบพระนครเสร็จ ก็ถ่ายข้าวเทครัวอพยพผู้คนจากเมืองด้านนอกทั้งปวงเข้ามาในพระนคร ให้จัดทหารอาสา ทั้งหลายทุกหมู่ทุกกรม ตกแต่งเครื่องศัตรายุทธไว้พร้อมสรรพ เพื่อรอท่ากองทัพของกรุง หงสาวดี ต่อไป
เมื่อกรุงกัมพูชาด้านทิศตะวันออก ยอมรับพระราชไมตรี และส่งเครื่องราชบรรณาการแล้ว ทางพระนครศรีอยุธยาก็เชื่อใจว่า คงจะเลิกลอบเข้ามากวาดต้อนครัวเรือน แถวชายแดนเมืองปราจีนนครนายกเช่นแต่ก่อน จึงหันมาเตรียมทำศึกสงคราม กับคู่อาฆาตเก่า ทางทิศตะวันตก ซึ่งคงจะต้องข้ามแดนเข้ามาอีกในไม่ช้านี้ เป็นแน่แท้.

##########



Create Date : 02 กรกฎาคม 2558
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 13:54:23 น. 0 comments
Counter : 427 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.