เรื่องราวทั่วไปของหมาน้อยที่ชื่อพลูจังและมี๊ของมาน
Group Blog
 
All Blogs
 

แนะนำสุดยอด....นักชำแหละหนัง!!!

Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์



...ถึง Saw จะเป็นเรื่องของ ฆาตกร ที่จับเหยื่อมาทรมานให้ตายอย่างอเน็จอนาถ เป็นหนังที่เต็มไปด้วยฉากสยดสยองเลือดนองพื้น ไม่ว่าจะเป็นจาก เลื่อยขาตัวละคร , ถูกเผาทั้งเป็น , ตกลงไปในทะเลเข็ม , ควักลูกตา ฯลฯ เรียกได้ว่า Saw ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่หนังกลุ่มลาบเลือดของผมเช่นเดียวกับ หนังชุดลาบเลือดทรมานเหยื่ออย่าง Texas chainsaw massacre , Wolf creek ฯลฯ

แต่ Saw สามารถฉีกตัวเองให้แตกต่างไป ตรงที่ จิ๊กซอว์ ไม่ได้ฆ่าคนเพราะความป่วยจิตแต่แอบมีข้อคิดสอนใจอันเนื่องมาจากปมของตัวเอง และ ความคิดสร้างสรรค์ในการตายของตัวละครก็ผ่านการคิดมาอย่างดี และ ที่สำคัญที่สุดที่ต่างจากเพื่อนร่วมสำนักฆาตกร นั่นคือ การฆ่าของจิ๊กซอว์ เป็น เกมส์ที่มีกฎกติกา และ เจ้าของเกมส์ก็แฟร์พอที่จะปล่อยเหยื่อให้มีชีวิตรอดหากทำตามกติกาได้

... Saw สองภาคแรก มุ่งเน้นไปที่ คุณค่าของการมีชีวิต และ การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า โดยมีคุณครู จิ๊กซอว์ คอยสอนสั่งนักเรียนผ่านการเลือกเหยื่อมาเล่นเกมส์ ซึ่ง ถ้าเล่นผ่าน ก็จะได้รับการปลดปล่อยไปเป็นอิสระ






คุณครูจิ๊กซอว์ กลับมาอีกครั้งในภาคสาม ซึ่งถ้าใครได้ตามมาทั้งสองภาคก็คงรู้ว่า คุณครูของเราใกล้ไปเยี่ยมลูกศิษย์ในนรกตั้งแต่ภาคแรกแล้ว เนื่องจาก ภาวะเนื้องอกในสมองของเขาเอง และ ในภาคที่แล้ว ครูของเราก็ได้ผู้ช่วยใหม่ที่เขาหวังว่าจะสานเจตนารมย์ของตัวเองสืบต่อไป นั่นก็คือ อแมนด้า เหยื่อจากภาคแรก

บทเรียนบทใหม่ในสภาวะใกล้ตายของ จิ๊กซอว์ เป็นบทเรียนเรื่อง การให้อภัย

...เหตุการณ์บางเหตุการณ์สามารถสั่นคลอนสถานภาพชีวิตคู่ให้พังทลายได้ในพริบตา โดยเฉพาะหากเป็น ความตายของคนในครอบครัว เช่นเดียวกับ ในหนัง In the bedrooms ที่ฝันร้ายของตัวละครคู่สามี-ภรรยาตามติดมาจากการตายของลูกชาย และ ฝันร้ายนั้นทำให้มนุษย์เราไม่มีวันตื่นหรือหลุดพ้น นั่นเพราะ มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ความแค้น คอยกดไว้ตลอดเวลา

แต่เราจะสามารถให้อภัย กับ เรื่องราวเหล่านั้นได้หรือไม่ นั่นดูจะไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะ จิ๊กซอว์เองก็ดูมีแผนบางอย่างซ่อนไว้ในใจ ด้วยเหตุผลของคนใกล้ตาย

.... Saw III เปิดเรื่องไม่ต่างจากภาคก่อนๆนั่นคือ ให้คนดูได้เห็น วิธีการสอน ของคุณครูจิ๊กซอว์ ด้วยการกำจัดตัวละครส่วนเกินจากภาคที่แล้ว ก่อนที่จะเปิดฉากเล่าเรื่องของตัวละครชุดใหม่

ในภาคนี้ก็เช่นกัน หนังเล่าเรื่องของตัวละครสองชุด





เจฟฟ์ ถูกจับมาเล่นเกมส์ เนื่องจาก เขาเป็นพ่อที่มีชีวิตจมอยู่กับความแค้นที่ลูกชายถูกรถชน และ คนขับก็ถูกปล่อยโดยไม่ยุติธรรมสมกับความผิดที่ลงมือ เขาเป็นผู้ตัดสินใจในการผ่านด่านแต่ละด่าน ว่าจะไว้ชีวิตผู้ที่เกี่ยวข้องในการปล่อยให้คนผิดรอดกระบวนการยุติธรรม หรือไม่ เพราะชีวิตคนพวกนั้นถูกแขวนไว้กับเกมส์ของจิ๊กซอว์





ส่วนอีกด้านหนึ่ง ลินน์ หมอสาวที่รู้สึกว่า ชีวิตครอบครัวกำลังมาถึงทางตัน ถูกจับให้มารักษา คุณครูจิ๊กซอว์ ซึ่งเราต่างก็รู้ว่าป่วยเป็นเนื้องอกของสมองระยะสุดท้าย และ สภาพร่างกายทำได้มากสุดแค่นอนในห้องพร้อมสายน้ำเกลือ เธอมีชีวิตรอดอยู่ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเขาหยุดเต้น ก่อนเกมส์ของเจฟฟ์สิ้นสุด ปลอกคอของเธอก็จะระเบิดในทันที


...Saw 1 สดที่สุด และ เป็นภาคที่ดีที่สุด แม้จะมีความไม่สมเหตุไม่สมผลอยู่มากในแผนที่หลอกไว้ แต่การหักมุมตอนจบที่แรงพอก็กลบให้คนดูลืมๆไปได้ หนังทำให้ต้องอึ้งกับฉากจบที่เหมือนตีแสกหน้าคนดูกับสิ่งที่เรารู้เห็นตรงหน้าแต่ละเลยตั้งแต่วินาทีแรกของหนัง

...Saw II อาศัยของเก่ากินจากภาคแรก มาเล่าเรื่อง โดยการจับเหยื่อมาเป็นกลุ่มเพื่อผ่านด่านทดสอบทีละด่าน มันทำให้ภาคสองนี้ดูเหมือนเป็นเกมส์มากกว่าเป็นหนัง แต่ก็ยังสามารถหลอกล่อให้คนดูต้องหลงกลกับเรื่องคู่ขนานในตอนท้าย

...Saw III เป็นเรื่องยากที่จะหลอกคนดูให้จั๋งหนับเหมือนสองภาคก่อน เพราะคนดูทั้งสองภาคนั้นน่าจะจับทางได้แล้วว่า เกมส์ของ Saw มีรูปแบบที่ชัดเจน คือ การเล่าเรื่องคู่ขนานก่อนที่จะต้องมาขมวดให้เกี่ยวข้องกันในตอนจบของทั้งสองเหตุการณ์ และ ต้องมีจุดหักมุมในตอนท้าย แต่ ผมเองก็ยังโดนหลอกให้ต้องทึ่งอยู่ดี กับ การล่อหลอกหักมุมคนดูตามยุทธวิธีเส้นผมบังภูเขา ที่ภาคก่อนทำมาได้ นั่นก็คือ สองจุดที่คาดไม่ถึง

...ตัวอักษรสีส้มถัดจากนี้ Spoil เฉลยจุดสำคัญในหนัง



หนึ่ง คาดไม่ถึงว่า หมอลินน์ จะเป็น ภรรยาของ เจฟฟ์ การเปิดเรื่องตอนต้นหลอกคนดูอย่างผมได้สนิทใจ เพราะบทที่วางไว้ว่าเธอมีปัญหาชีวิตคู่ กับ ภาพของเธอกับชายที่นอนข้างๆซึ่งมีท่าทางหมางเมิน หลอกให้เข้าใจว่า ทั้งคู่ที่เห็นเป็นสามี –ภรรยา โชคดีที่ไม่ได้อ่านเรื่องย่อในหนังสือบางเล่มมาก่อนที่บอกคนอ่านตั้งแต่ต้น โดยไม่รู้ว่านี่เป็นจุด twist สำคัญจุดหนึ่งของหนัง

สอง ไม่ทันได้สังเกตว่า ทุกคำพูดของ คุณครูจิ๊กซอว์ เขาไม่ได้พูดกับ ลินน์ แต่เป็นคำพูดที่ใช้ทดสอบลูกศิษย์ตัวเอง อแมนด้า ว่าจะสามารถผ่านการทดสอบทัศนคติการทำงานได้หรือไม่ จะสามารถดำเนินตามรอยตัวเองได้หรือไม่ และ อแมนดา ก็แสดงให้เห็นว่า เธอไม่สามารถที่จะเป็นจิ๊กซอว์ได้ เธอไม่กล้าที่จะปล่อยให้เหยื่อรอด และ วิธีการที่เธอใช้แตกต่างไปจากจิ๊กซอว์ นั่นคือ เธอปิดทางเลือกของการมีชีวิตทุกเส้นทางของเหยื่อ







ทั้งอแมนดา และ จิ๊กซอว์ ไม่ได้มีใครวิเศษไปกว่าใคร ทั้งคู่ต่างก็เป็นแค่ฆาตกรที่ฆ่าคนตายโดยอาศัยเหตุผลของตัวเอง สิ่งเดียวที่จิ๊กซอว์มีมากกว่า และ อแมนด้า กับ เหยื่อคนอื่นๆอีกหลายคนที่ตายไปตั้งแต่ต้น ไม่มี นั่นคือ การเคารพกฎกติกา

... จะว่าไปแล้ว รอบๆตัวเราจิ๊กซอว์ มีชีวิตอย่างไม่มีตัวตนคอยทดสอบมนุษย์อยู่ตลอดเวลา ว่าเมื่อกิเลสบังตาตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็น ราคะ โทสะ หรือ โมหะ พวกเขาจะยังสามารถเคารพตามกติกา หรือว่า จะแหกกฎเพื่อตอบสนองกิเลสตัวเอง เช่นเดียวกับ นายตำรวจในภาคสอง รวมไปถึงตัวละครในภาคนี้เป็นตัวแทนของมนุษย์ ที่ปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกชั่ววูบเข้าครอบงำจนทำลายชีวิตตัวเอง

.... หากดูตามโครงสร้างของเรื่องแล้ว ผมชอบ Saw III มากกว่า สองภาคที่ผ่านมา เนื่องจากภาคแรกนั้นมีดีตรงการหลอกคนดู แต่ ประเด็นที่ใส่เข้ามาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตนั้น มันยังดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูเป็นส่วนเกินที่จงใจให้หนังมีสาระ เป็นเหมือนความจงใจที่ไม่เนียน

ครั้นภาคสอง การหยิบประเด็น การรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิต เข้ามาในหนังจับใส่ได้อย่างลงตัวกว่าภาคแรก แต่ ในส่วนของความโหดหรือความสนุกในแง่ของหนังระทึกขวัญชั้นดี กลับ ด้อยลงถนัดใจ ภาคสองเหมือนการเล่นเกมส์ผ่านด่านทีละด่านมากกว่า แถมนักแสดงที่เลือกมาเห็นได้ชัดว่าจงใจเลือกสาวๆเซ็กซี่ซึ่งก็ตามมาพร้อมการแสดงที่น่าผิดหวัง

ภาคสาม เด่นตรงผสม ประเด็น(การให้อภัย) กับเน้น การล่อหลอก ได้อย่างกำลังดี จะเสียก็ตรงที่ ความสดใหม่ของหนังนั้นลดลงไปเยอะแล้วยิ่งถ้าเทียบกับภาคแรก นั่นทำให้ การตายหลายๆฉาก เช่น แข็งตาย , กระดูกสันหลังฉีก , ห่วงมรณะ ฯลฯ ไม่ชวนให้คนดูอึ้ง ทึ่ง เสียว ได้ แต่ ก็ยังมีอีกหลายฉากที่ยังพอขายได้อยู่ เช่น เครื่องบิด ที่สร้างความอึดอัดขณะดูได้ดี หรือ ฉากศัลยกรรมสมองสดๆที่ใครไม่ได้ใช้ชีวิตในห้องผ่าตัดคงต้องแอบปิดตาดูข้างเดียวด้วยความสยดสยองน่าดู


สิ่งที่ชอบ

1.การหลอกคนดู ... จะให้ดี การไม่รู้อะไรเลยของ SAWIII มีส่วนทำให้สนุกได้มากขึ้น เพราะตามหนังสือหรือตามเว็บหลายแห่งที่เล่าเรื่องย่อมีการแถมเฉลยจุดสำคัญในหนังไว้โดยไม่รู้ตัว ส่วนตัวแล้วชอบภาคนี้เพราะทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าหนังมีขุดหลุมหลอกและก็จับตาดูอย่างดีก็ยังพลาดไป

2.ประเด็นในหนัง ... หนังฉลาดที่นำ การให้อภัย มาเล่นจนวินาทีสุดท้าย ควบคู่ไปกับการ ทดสอบ ได้อย่างแนบเนียน

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ความสดและสร้างสรรค์ที่ลดลง ... ฉากการตายแต่ละตอนเริ่มก้าวเข้าสู่ความจำเจ เมื่อเทียบกับภาคแรก และ หนังก็เริ่มจะใช้เลือดมากขึ้น แสดงฉากฉีกขาดของเนื้อหนังเกินความจำเป็นเพื่อให้คนดูสยอง ทั้งที่ภาคก่อนๆไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนี้ ความช่างคิดในการออกแบบการตายภาคนี้ลดน้อยถอยลงอย่างน่าเสียดาย


สรุป ... ตาม saw มาสองภาคแล้ว จะไม่ตามมา see Saw สาม ก็ดูจะกระไรอยู่ และ การมาดูพร้อมไม่คาดหวังเพราะได้อ่านคำวิจารณ์จากฝั่งเมืองนอกว่ามันมาพร้อมกับ เกรด C ก็ยิ่งทำให้การ see Saw III ตามมาด้วยผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ภาคนี้ แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็เป็น Saw ที่ดีกว่าภาคสองอย่างชัดเจน


บทความเกี่ยวเนื่อง

Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2005&date=25&group=1&blog=19

Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2005&date=05&group=1&blog=1

จาก "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=12&month=01-2006&date=23&blog=1#




 

Create Date : 22 เมษายน 2550    
Last Update : 22 เมษายน 2550 2:37:56 น.
Counter : 559 Pageviews.  

ต้อนรับวันวาเลนไทน์ ด้วยหนังสุดซึ้ง...

Nada Sou Sou หนังที่ทำให้ผู้หญิงเต็มใจร้องไห้





“...ดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดถึงพี่ค่ะ ความรักระหว่าง โชตะ และ คาโอรุ บริสุทธิ์มาก จนเราอดที่ร้องไห้ไม่ได้...” ( ฮายาคาวะ ยูมิโกะ : อาชีพนักเขียนอิสระ )

หลังจากที่เปิดตัวทำรายได้ถล่มทลายเกินความคาดหมาย และเก็บรายได้ไปกว่า 900 ล้านบาท ยังมีอีสิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Nada Sou Sou ( นาดะ โซว โซว ) ยังคงเดินหน้าสร้างสถิติอย่างต่อเนื่องในทุกประเทศที่เข้าฉายนั่นก็คือ ในทุกรอบที่ภาพยนตร์ฉายจะต้องมีผู้หญิงร้องไห้

ภาพยนตร์เรื่อง Nada Sou Sou ( นาดะ โซว โซว ) เป็นภาพยนตร์รักกระแสแรง ผลงานเรื่องล่าสุดของ “โนบุฮิโระ โดอิ” ผู้กำกับจากเรื่อง Be With You ด้วยเนื้อหาที่สั่นสะท้านหัวใจได้ทำให้ Nada Sou Sou ( นาดะ โซว โซว ) กลายเป็นภาพยนตร์ที่ผู้หญิงกลับไปดูซ้ำมากที่สุด

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวความรักของพี่น้องต่างพ่อและแม่ โชตะ และ คาโอรุ ที่เติบโตมาด้วยกัน โชตะ ได้สัญญากับแม่ไว้ก่อนตายว่าจะดูแล คาโอรุ ให้ดีที่สุด ไปจนวันสุดท้ายในชีวิตของเขา โดย โชตะ ได้ใช้ความรักที่เขามีให้ คาโอรุ ผลักดันให้ตัวเองต้องทำงานอย่างหนัก เพราะอยากให้ คาโอรุ มีความสุข ได้หัวเราะในห้องๆ เดียวกัน ได้เป็นพี่น้องที่จะอยู่ดูแลกันตลอดไป แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นทั้งเขาและเธอต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน

Nada Sou Sou ( นาดะ โซว โซว ) นำแสดงโดยนักแสดงวัยรุ่นดาวรุ่งของญี่ปุ่น “ซาโตชิ ทสึมาบุกิ” จากเรื่อง Water Boy และเรื่อง Spring Snow “มาซามิ นางาซาว่า” จากเรื่อง Crying Out for Love in the Center of the World ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากเพลงพื้นบ้านที่ชื่อว่า Nada Sou Sou ( นาดะ โซว โซว ) ที่ทำยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่นในญี่ปุ่น โดยตัวเพลงพูดถึงความทรงจำของความรักที่น้องสาวมีให้กับพี่ชายที่เธอจะไม่มีวันลืม



14 กุมภาพันธ์นี้...แล้วคุณจะเต็มใจร้องไห้ไปพร้อมๆ กับคนที่คุณรัก
ฉายพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์ House RCA / โรงภาพยนตร์ลิโด
และโรงภาพยนตร์ SFX เอ็มโพเรียม




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2550 17:24:38 น.
Counter : 438 Pageviews.  

หนังน่าดูจาเข้าเร็วๆนี้


เรื่อง :: FinalScore 365 วัน-ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์

แนว :: Documentary

นักแสดง :: สุวิกรรม อัมระนันทน์, สราวุฒิ ป้าธีระ, วรภัทร จิตต์แก้ว, กิตติพงศ์ วิจิตรจรัสสกุล


เรทภาพยนตร์ :: -

วันที่เข้าฉาย :: 01-02-2007

ผู้กำกับ :: โสรยา นาคะสุวรรณ



เรื่องย่อ
ชีวิตที่ถูกฟันธงของเด็กไทยวัย 17 ปี ชายไต้หวันวัย 17 ไปเกณฑ์ทหาร
หนุ่มอเมริกันวัย 17 เก็บของออกจากบ้าน
เจ้าหนูบราซิเลียนวัย 17 ทดสอบฝีเท้าเข้าสโมสรฟุตบอล
เด็กญี่ปุ่นวัย 17 แบ็กแพ็คมากินซูชิที่ถนนข้าวสาร
แต่...วัยรุ่นไทยวัย 17 ต้องไปเอ็นทรานซ์
วัน-เดือน-ปี เวียนผ่าน เด็กไทยวัย 17 สอบเอ็นท์กันมาชั่วนาตาปี
ปี 2549 ปีนี้ไม่เหมือนปีไหนๆ
เพราะมันเป็นปีที่ปฏิทินการเมืองร้อนระอุด้วยม็อบกู้ชาติ
ปีที่ใครๆ ก็ถามไถ่ “ไปพารากอนมารึยัง?”
ปีที่ขวัญและกำลังใจของนักเรียน ม.6 แหลกสลาย เมื่อพระพรหมเอราวัณถูกทุบทำลาย ที่สำคัญ มันเป็นปีแรกของการประกาศใช้ระบบ “แอดมิชชั่นส์” ที่ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้นกับการ แอดมิด เข้าโรงพยาบาล

ปีนี้...วัยรุ่นไทยวัย 17 ที่อยากเอ็นทรานซ์ต้องสอบ โอเน็ต-เอเน็ต

สดจากโรงเรียน กองถ่ายภาพยนตร์สุดอึดจาก GTH ทุ่มเทเวลา 1 ปีเต็มเฝ้าติดตามชีวิตของนักเรียน ม.6 จำนวน 4 คนในปีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้ว่าพระเจ้าจะดลบันดาลใจให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

หลากหลายความฝัน, หวัง และ ลุ้น ของเด็กอายุ

17 ชีวิตของทีมงานกลับถูกลิขิตโดยเด็กอายุ 17 จันทร์-ศุกร์ ต้องไปโรงเรียน, เสาร์-อาทิตย์ พาพ่อแม่ไปช้อปปิ้ง โดยเฉพาะเมื่อการตรวจคะแนนของโอเน็ต-เอเน็ต ประสบปัญหา...โอ้ละหนอ โอเน็ต-เอเน็ต เมื่อไหร่คะแนนเจ้าจะฟันธงออกมา

อยากปิดกล้องแล้วโว้ย!

แต่ละปีเด็กม.6 ทั่วประเทศกว่า 200,000 คน
ยื่นใบสมัครสอบเอ็นทรานซ์
จากจำนวนนี้ 160,000 คนคือ ผู้ผิดหวัง!

4 คน ในจำนวนนี้ เข้าสอบเอ็นทรานซ์ด้วยระบบ O-Net / A-Net
ชีวิตเอ็นทรานซ์ของพวกเขาจะผิดหวังหรือไม่
ตามติดชีวิตการเตรียมตัวสอบ 365 วัน ต่อจากนี้ แบบไม่มีวันหยุด เพื่อเฝ้าดูช่วงเวลาสำคัญ
ไม่มีใครรู้ผลลัพธ์สุดท้ายว่าจะเป็นอย่างไร

เด็กเอ็นท์หมายเลข 1 : สุวิกรม อัมระนันทน์ (นายเปอร์)
เป้าหมายคณะที่อยากเอ็นทรานซ์ : คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา
ผลเอ็นทรานซ์ :…?

เด็กเอ็นท์หมายเลข 2 : วรภัทร จิตต์แก้ว (นายลุง)
เป้าหมายคณะที่อยากเอ็นทรานซ์ : คณะนิเทศศาสตร์
ผลเอ็นทรานซ์ : …?

เด็กเอ็นท์หมายเลข 3 : กิตติพงศ์ วิจิตรจรัสสกุล (เพื่อนเรียกนายบิ๊กโชว์)
เป้าหมายคณะที่อยากเอ็นทรานซ์ : คณะวิศวกรรมศาสตร์
ผลเอ็นทรานซ์ : …?

เด็กเอ็นท์หมายเลข 4 : สราวุฒิ ปัญญาธีระ (นายโบ๊ท)
เป้าหมายคณะที่อยากเอ็นทรานซ์ : ใจจริงอยากเข้าคณะประมง เพราะเป็นคณะที่ใฝ่ฝัน
แต่ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวครอบครัวไม่สนับสนุน เนื่องจากครอบครัวอยากให้เรียนบัญชี
ผลเอ็นทรานซ์ : …?

หนังที่ไม่มีบท ไม่มีสคริปต์
Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์





 

Create Date : 29 มกราคม 2550    
Last Update : 29 มกราคม 2550 11:05:26 น.
Counter : 349 Pageviews.  

แนะนำหนังฟอร์มใหญ่ของคนไทย..


หนังแนวประวัติศาสตร์ อย่าลืมไปดูกันนะ
เรื่อง :: ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา
แนว : Action ,Biography ,Drama

นักแสดง : วันชนะ สวัสดี ,วินธัย สุวารี,นพชัย ชัยนาม,อินทิรา เจริญปุระ,ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ,สมภพ เบญจาธิกุล,จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์

เรทภาพยนตร์ : -

กำกับโดย : ม. จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล
เรื่องย่อsrc=//www.bloggang.com/emo/emo17.gif>
ครองเมืองพิษณุโลก จำต้องยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนองเพื่อรักษาไว้ ซึ่งชีวิตอาณาประชาราษฎร์มิให้ต้องมีภยันตราย และจำต้องยอมร่วมกระบวนทัพพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ศึกครั้งนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเจ้าแผ่นดินอยุธยาทรงยอมเจรจาหย่าศึกกับพม่ารามัญ และยอมถวายช้างเผือก 4 เชือก ทั้งให้สมเด็จพระราเมศวรราชโอรส โดยเสด็จพระเจ้าบุเรงนองไปประทับยังนครหงสาวดีตามพระประสงค์ของกษัตริย์พม่า ข้างสมเด็จพระมหาธรรมราชาซึ่งได้ยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนอง ก็ได้ถวายสมเด็จพระนเรศวรราชโอรสองค์โตให้ไปเป็นองค์ประกันประทับยังหงสาประเทศเฉกเช่นกัน ครั้งนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุได้เพียง 9 ชันษา

สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นที่รักใคร่ของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ประดุจพระราชบุตรร่วมสายสันตติวงศ์ ด้วยองค์ยุพราชอยุธยาทรงมีพระปรีชาสามารถด้านพิชัยยุทธ ทั้งยังองอาจกล้าหาญ สบพระทัยกษัตริย์พม่าซึ่งก็ทรงเป็นนักการทหาร นิยมผู้มีคุณสมบัติเป็นนักรบเยี่ยงพระองค์ พระเจ้าบุเรงนองทรงมีสายพระเนตรยาวไกล แลเห็นว่าสืบไปเบื้องหน้าสมเด็จพระนเรศวรจะได้ขึ้นเป็นใหญ่ในอุษาคเนย์ประเทศ จึงทรงคิดใคร่ปลูกฝังให้สมเด็จพระนเรศวรผูกพระทัยรักแผ่นดินหงสา เพื่อจะได้อาศัยพระองค์เป็นผู้สืบอำนาจอุปถัมภ์ค้ำชูราชอาณาจักร ซึ่งพระองค์ทรงสถาปนาขึ้นด้วยความยากลำบาก เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพระเจ้าบุเรงนองนั้นหาได้วางพระทัยในพระราชโอรส คือ มังเอิน ( พระเจ้านันทบุเรง ) และพระราชนัดดามังสามเกียดนัก ถึงแม้ทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขโดยตรง ด้วยทรงเล็งเห็นว่าราชนิกุลทั้งสองพระองค์นั้นหาได้เป็นผู้ทรงคุณธรรม อันจะน้อมนำเป็นพื้นฐานให้เติบใหญ่เป็นบูรพกษัตริย์ ปกป้องครองแผ่นดินที่พระองค์ทรงสร้าง และทำนุบำรุงมาด้วยกำลังสติปัญญาและความรักใคร่หวงแหน

เหตุทั้งนี้เป็นชนวนให้พระเจ้านันทบุเรงและราชโอรส มังสามเกียดขัดพระทัย ทั้งผูกจิตริษยาสมเด็จพระนเรศวรซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนองกว่าราชนิกุลข้างพม่าทั้งหลายทั้งสิ้น พระเจ้าบุเรงนองทรงโปรดให้พระมหาเถรคันฉ่อง พระรามัญผู้มากด้วยวิทยาคุณ และเจนจบ ในตำราพิชัยสงครามเป็นพระอาจารย์ถ่ายทอดศิลปะวิทยาการแก่สมเด็จพระนเรศวร นับแต่เริ่มเข้าประทับในหงสานคร ยังผลให้ยุพราชอยุธยาเชี่ยวชาญการยุทธ กลช้าง กลม้า กลศึก ทั้งข้างอยุธยาและข้างพม่ารามัญหาผู้เสมอเหมือนมิได้ ข้อได้เปรียบตามกล่าวเป็นเสมือนทุนทางปัญญา อันส่งผลให้สมเด็จพระนเรศวรสามารถกอบกู้เอกราช แก้ทางศึกจนมีชัยเหนือพม่ารามัญในภายภาคหน้า




 

Create Date : 29 มกราคม 2550    
Last Update : 29 มกราคม 2550 21:10:51 น.
Counter : 376 Pageviews.  


pluchang
Location :
นครสวรรค์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีที่ได้รู้จักกะทุกๆคนนะค่ะ ใครชอบน้องหมาก็ไปแวะเยี่ยมเยียมกันได้ที่ http://www.pluzazz.com นะค่ะ (^_^)
ปล.ตอนนี้เว็บปิดปรับปรุงชั่วคราวนะค่ะ 30 ธค.2550
<
Friends' blogs
[Add pluchang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.