Group Blog
 
All blogs
 
องศาเย็น ไปเที่ยวเล่น แพร่ น่าน เชียงราย

กลางเดือนธันวาที่ผ่านมาตั้งใจหนีหนาวมาพึ่งร้อน อยากขับรถไปเที่ยวเมืองเหนือ อยากจะได้ไปที่ๆไม่เคยไป อยากไปสัมผัสจุดหมายปลายทางที่ฉันไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย อยากแถมท้ายไปนอนเล่น ที่ๆฉันตกหลุมรักเสมอหากได้แวะเวียนไป



เมืองแพร่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ล้านนา โดยคำว่าแพล น่าจะมาจากศรัทธาของชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือช่อแฮที่สร้างขึ้นภายหลังการสร้างเมือง ต่อมาได้กลายเสียงเป็นเมืองแพร่ ในยุคอาณาจักรสุโขทัย และอยุธยา จนถึงปัจจุบัน

เมืองแพร่อาจจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ด้วยความเงียบสงบ คงไว้ด้วยวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่กลับกลายเป็นเสน่ห์ให้หลายๆ คน รวมทั้งฉันต้องการมาสัมผัส ทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนะจ๊ะ



จากกรุงเทพไปเมืองแพร่ ระยะทางประมาณ 782 กิโลเมตร เราเริ่มต้นออกเดินทางจากบางกอกอย่างสบายใจโดย เนื่องจากคอนเซ็ป slow life slow trip ทำให้ฉันอ้อยสร้อย กว่าจะแวะทานข้าวกลางวันที่อำเภอเด่นชัยก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว สวนไซทองเป็นร้านอาหารพื้นเมืองง่ายๆ ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่วย่างบนเตาดินก่อขนาดใหญ่ ร้านนี้อร่อยจริงๆ







เรื่องที่พักนั้นต้องให้เครดิตอุ๊กเอ๋ น้องสาวที่น่ารักของเราจาก LSQ เอ๋แนะนำที่พักที่นี่ สารินพาร์ค ใช้ได้เลยทีเดียว เมืองแพร่เป็นเมืองป่าไม้โดยเฉพาะไม้สัก ไม่แปลกใจที่นี่ยังมีการซื้อขายไม้สักกันอยู่ ดูขนาดแต่ละต้นสิจ๊ะ





ได้เวลาออกทัวร์กันแล้วนะจะ ลูกทัวร์พร้อมยังจ๊ะ
การกระจายรายได้ที่ดี ก็คงต้องให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม ฉันเลยให้คุณลุงชาลวันสามล้อถีบรับจ้างเป็นGPS ให้เราในวันนี้


เราเริ่มต้นแวะเยี่ยมชม บ้านประทับใจหรือบ้านเสาร้อยต้น บ้านประทับใจเป็นเรือนหลังใหญ่ของตระกูลชัยวัณณคุปต์ ตัวบ้านเป็นแบบทรงไทยประยุกต์เชื่อมต่อกันถึง 3 หลัง ภายในจัดแสดงของใช้โบราณ มีมุมนั่งเล่น บริเวณชานบ้านให้นั่งพักผ่อน




เดินทางต่อมายังวัดหลวง เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองแพร่ สร้างขึ้นมาพร้อมกับเมืองแพร่ ด้านหลังของวิหาร คือ พระธาตุหลวงไชยช้างค้ำ



วัดพระนอน โดดเด่นด้วยพระอุโบสถแบบเชียงแสนที่ไม่มีหน้าต่าง แต่ทำเป็นช่องรับแสงแทน


วัดหัวข่วง


เปลียนบรรยากาศมาเที่ยวชมบ้านวงศ์บุรี บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยเจ้าพรหมหรือหลวงพงษ์พิบูลย์ บ้านวงศ์บุรี เป็นบ้านไม้สองชั้นแบบยุโรปประยุกต์ แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่ความงดงามไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะ จุดเด่นอยู่ที่ลวดลายไม้แกะสลักที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง หน้าต่าง และประตู ภายในบ้านตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูล มีหลักฐานเอกสารการซื้อขายทาสในเรือนเบี้ยด้วย แล้วไพร่อย่างพวกเราหล่ะ







แวะสักการะ พระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ ที่วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร


จากนั้นข้ามฝั่งมาไม่ไกลเป็นที่ตั้งของ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ สร้างขึ้นโดย เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์อุดร เจ้าผู้ครองนครแพร่คนสุดท้าย ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐ ถือปูน 2 ชั้น ตัวเรือนทาสีครีมขลิบด้วยสีเขียว งดงามจนได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น


เราจบทัวร์ในวันนี้ประมาณบ่ายโมง โดยแวะทานก๋วยเตี๋ยวง่ายๆ ตอนบ่ายไปหลบร้อนในที่พัก สบายๆดีกว่า ส่วนมื้อเย็นทานอะไรง่ายๆ ร้านอาหารชื่อดังใกล้ที่พัก สวนอาหารบ้านฝ้าย แต่ไม่ค่อยถูกปากนัก

ก่อนออกเดินทางไปน่านกันต่อ ฉันอยากเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟัง หากสังเกตคงนึกแปลกใจว่าทำไมสถาปัตยกรรมที่นี่ถึงคล้ายกับวัดพม่ามาก เนื่องจากว่าสมัยที่พวกต่างชาติที่เข้ามาทำสัมปทานไม้ตอนนั้น ได้นำเอาชาวไทยใหญ่หรือเงี้ยว คนพม่าซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษ เข้ามาเป็นลูกจ้างในษริษัทจำนวนมาก กลุ่มคนพวกนี้ได้สร้างวัดตามคติความเชื่อของตน รูปแบบสถาปัตยกรรมจึงออกมาในแบบที่เราเห็น หากใครเคยได้ยิน กบฏเงี้ยว ก็หมายถึงกลุ่มคนเหล่านี้ที่รวมกันต่อต้านอำนาจรัฐส่วนกลางในสมัย รัชกาลที่ 5 ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารราชการแผ่นดิน ช่วงนั้นเจ้าพิริยเทพวงศ์ได้เดินทางไปพำนักที่หลวงพระบาง พวกเงี๊ยวเลยคิดทำการกบฏ แต่ทางกรุงเทพรับมือทัน เจ้าพิริยเทพวงศ์ไไม่ยอมเดินทางกลับมา ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครจึงถูกยกเลิกไป

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 เสรีไทย(พวกต่อต้านญี่ปุ่น) กระโดร่มลงมาในประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรกก็ที่เมืองแพร่นี่เอง มีหลักฐานปรากฎที่อำเภอลอง

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ด้วยการเดินทางไป นมัสการพระธาตุที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่วัดพระธาตุช่อแฮ นับเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ องค์พระเจดีย์ช่อแฮเป็นเจดีย์พุกาม รูปแปดเหลี่ยมย่ยมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน




นอกจากพระธาตุช่อแฮแล้ว ภายในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าทันใจ และหลวงพ่อช่อแฮ อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวแพร่



ได้เวลาออกเดินทางไปจังหวัดน่านกันต่อจ้า ระยะทางจากแพร่ไปน่านแค่ประมาณ 105 กิโลเมตรแต่ใช้เวลาเกือบ3 ชั่วโมง อาจด้วยถนนที่คดเคี้ยว แต่ถึงกระนั้นวิวสองข้างทางก็เป็นภาพที่สวยงามจับใจ

เราแวะที่อำเภอเวียงสาเป็นเหมือนประตูสู่น่าน ตรงข้ามกับเทศบาลตำบล คือ วัดบุญยืน วัดคู่บ้านคู่เมืองเวียงสา พระอุโบสถมีหลังคาลดหลั่นซ้อนกัน มีพระปางประทับยืนเป็นพระประธาน เมื่อปี 2501 ในหลวงและพระราชินีเสด็จเยี่ยมราษฎรภาคเหนือเป็นครั้งแรกนับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ จากจังหวัดแพร่ทั้งสอง พระองค์ประทับรถจี๊ปมายังที่ว่าการอำเภอเวียงสา และทรงกราบพระประธานในพระอุโบสถด้วย



แวะเข้าที่พัก Nan Boutique Hotel เราพักที่นี่ 2 คืน ห้องพักที่นี่สะดวกสบาย กว้างขวาง และราคาสมเหตุสมผล





น่านเมืองสุดปลายฟ้าล้านนาตะวันออก มีแนวเขายาวเหยียดโอบรับเป็นBackground ด้วยระยะทางยาวไกลในอ้อมกอดของขุนเขา จึงเป็นตัวช่วยเก็บรักษาอารยธรรม วิถีชีวิตอันงดงาม แม้โลกภายนอกจะหมุนเร็วปานใด แต่น่านยังเป็นเมืองน่ารัก ผู้คนเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและน้ำใจ ที่นี่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะกลิ่นอายอดีตที่เจือปนอยู่กับปัจจุบันอย่างลงตัว
ฉันอยากสัมผัสอารมณ์แบบย้อนอดีต โดยเรามีสามล้อนำเที่ยว เริ่มวันโดยแวะวัดสวนตาล



วัดพญาภู วัดพญาวัด



วัดหัวข่วง



วัดมิ่งเมือง เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองจังหวัดน่าน คล้ายๆ วัดร่องขุ่นที่เชียงราย


คุ้มราชบุตร สร้างขึ้นปี 2409 ปัจจุบันคุ้มนี้เป็นสมบัติของเจ้าสมปรารถนาและเจ้าวาสนา ณ น่าน ผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครองนคร คำว่า คุ้ม ในภาษาเหนือ หมายถึงที่อยู่อาศัยของเจ้าขุนมูลนายหรือผู้มีฐานะ อาคารไม้สักทองสองชั้นนี้ ชั้นล่างจัดแสดงเครื่องใช้ในอดีต เช่น กูบท่นั่งบนหลังช้าง ชั้นสองมีแท่นบูชาบรรพบุรุษราชสกุล ณ เมืองน่าน อยู่ในห้องโถงใหญ่ จากนั้นเราสามารถเดินชมห้องอื่นได้ทั่วๆ มีตู้เย็นโบราณที่ใช้แก๊สทำความเย็น เตารีดใช้ถ่าน ชามพอสเลนซ์จาก เดนมาร์ก Royal Copenhagen คุ้มราชบุตรเป็นเหมือนบ้านเก่าเล่าเรื่อง



ภาพรวมแล้วที่คุ้มราชบุตรอาจจะดูทรุดโทรมกว่าบ้านวงศ์บุรีที่แพร่ คุณลุงคนดูแลคุ้มราชบุตรเล่า(เม้าท์) ให้ฟังว่า ที่คุ้มราชบุรียังไม่โทรมเพราะว่าลูกเขยของตระกูลนั้นคือ ปลอดประสพ สุรสวดี อดีตอธิบดี กรมป่าไม้ ถึงบางอ้อ กันยังจ๊ะ



นั่งรถต่ออีกไม่กี่อึดใจก็ถึง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็นอาคารสีขาวสองชั้นขนาดใหญ่



ติดกับพิพิธภัณฑ์ก็คือ วัดภูมินทร์ หนึ่งใน Unseen Thailand เพราะเป็นวัดเดียวในเมืองไทยที่ภายในโบสถ์ใหญ่มีพระประธานถึง 4 องค์ นั่งหันหลังชนกัน หันหน้าไปสี่ทิศ ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของน่าน ยังไม่หมดเท่านั้น จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์วัดภูมินทร์ ถือเป็นหนึ่งในที่สุดของล้านนา โดยเฉพาะภาพวิถีชีวิตของชาวน่าน ผลงานของหนานบัวผัน ศิลปินชาวไทยลื้อ โดยใช้สีขาว แดง ดำ น้ำเงิน เป็นหลัก ภาพที่คนรู้จักมากที่สุดคือ ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน กำลังกระซิบกระซาบกัน


รัฐบาลไทยสมัยรัชกาลที่ 8 เคยพิมพ์รูปวิหารวัดภูมมินทร์ลงในธนบัตรใบละ 1 บาท


เดินข้ามถนนจากวัดภูมินทร์ไป วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ได้เลยอย่างสบายๆ จุดสำคัญคงเป็นส่วนฐานขององค์พระธาตุที่สร้างเป็นรูปช้างครึ่งตัวล้อมไว้ตามแบบศิลปะสุโขทย น่าจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของสองอาณาจักร



พอแดดร่ม ลมตกในเวลาบ่ายก้ไปกราบนมัสการ วัดพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งอยู่นอกตัวเมืองมานิด เขาว่าเป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ ก็ฉันเองแหละ แล้วทำไมพระธาตุถึงแช่แห้ง?


มาเมืองเหนือ สิ่งที่คนชอบชิมอย่างฉันไม่ควรพลาดคือหาโอกาสสัมผัสกับรสชาติอาหารพื้นเมืองแท้ๆ ร้านปู่สม ตกแต่งเป็นสไตล์ Western แนวคาวบอย อาหารขึ้นชื่อ ประมาณ ลาบ ลู่ ต้มยำ แนวปรุงไม่สุก คล้ายอาหารอีสานเลย ใจฉันไม่ถึงพอ ฉันสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากอิทธิพล วัฒนธรรมการกินของเมืองคุ่แฝด หลวงพระบางชาวล้านช้าง ก็พวกคนลาวมั้ง ยังไงก็บ้านใกล้เรือนเคียง ล้านนา ล้านช้าง


อากาศสบายช่วงเช้ากับช่วงเย็น กลางวันฉันเลยหลบไปนั่งเล่นในโรงแรม


มีร้านน่านั่ง เดาว่าน่าจะเป็นที่รวมวัยรุ่น วัยละอ่อนอย่างฉันด้วย ร้าน โจ๋เมือง ร้านนมของคนรุ่นใหม่ มีสโลแกน เหล้ามันขม กินนมดีกว่า เป็นร้าน อาร์ต อาร์ต แนว น่ารัก ๆ ขายเครื่องดื่มเบาๆ แนวขนมปังปิ้ง นมสด เมนูนำเสนอ นมปั่นพระเจ้าจอร์จ บรรยากาศเหมือนนั่งใน Art Gallery ชั้นบนเป็นโรงเรียนสอนศิลปะ ร้านนี้มีทั้งเสื้อยืด โปสการ์ดเก๋ๆ



เราออกเดินทางไปเชียงราย แวะทานอาหารกลางวันที่สลุงคำ มากว่าสิบปี ร้านที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง


แวะ วัดพระแก้ว รำลึกความหลัง


ก่อนจะขึ้นไป retreat ที่ภูใจใส เชียงรายอย่างแท้จริง ตั้งใจว่าจะไม่ออกไปไหนเลย 3 วัน 2 คืนเต็มๆ






มีหนังสือคนละเล่ม ก็เข้ามุมใครมุมมันแล้ว





ฉันไม่ได้ไปไหนเลย กิน นอนที่ภูใจใสทุกมื้อ







เสียดายเตรียมเวลามาเที่ยวน้อยไปนิด เพราะแพร่และ น่านมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายจริงๆ โดยเฉพาะ น่าน เมืองชายแดนเล็ก ๆ แห่งล้านนาตะวันออกคงไม่ใช่เมืองผ่านของฉันอีกต่อไป น่านยังรอคอยฉันให้ได้มาสัมผัสกับจังหวะชีวิตช้าๆ อีกสักครั้ง




Create Date : 01 มีนาคม 2553
Last Update : 1 มีนาคม 2553 13:51:55 น. 6 comments
Counter : 9899 Pageviews.

 
เจียงฮายบ้านพ้ม ฮิ้ว ว ว ว ว์

อยากไปวัดพระบาทมิ่งเมืองมาก ขอบคุณที่นำรีวิวมาให้ชมนะครับ


โดย: can-cr วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:16:06:39 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: นู๋ที วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:21:44:19 น.  

 
สุดยอดเมืองแพร่
งามแท้บ้านเรา
เสาไม้สักทอง
งามพร้อมสดใส
หม้อห้อมถูกใจ
ลือไกลพระธาตุชอแฮ

...เชิญแอ่วเมืองแพร่ เวียงทอง 19/3 ม.3


โดย: บ่าวเมืองแพร่ IP: 118.172.121.125 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:20:31:49 น.  

 
มาแวะเมืองแพร่รอบหน้าอย่าลืมมาพักที่บ้านศศธรนะคะ //sasathornhouse.blogspot.com/ยินดีต้อนรับสู่เมืองแพร่ค่ะ


โดย: sasahouse IP: 115.87.149.123 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:40:14 น.  

 
สุดยอดครับนี่แหละเชียงรายดินแดนแห่งขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้งาม สาวสวย เหนือสุดแดนสยาม จนใครหลายๆคนยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองไทย


โดย: Royter วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:22:12:56 น.  

 
หม้อฮ้อมไม้สัก
ถิ่นรักพระลอ
ช่อแฮศรีเมือง
ลือเลื่องแพะเมืองผี
คนแพร่นี้ใจงาม (แถมหน้าตาก็งามตวยหนาจ้าว...)


โดย: น้องบิว IP: 125.24.74.193 วันที่: 3 มีนาคม 2555 เวลา:16:34:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Please.Peace
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




หนึ่งใน New Year Resolutions คือความตั้งใจอยากจะเขียน เล่า เรื่องราวผ่าน Blog ส่วนหนึ่งคงเป็นการจัดระบบความคิดที่ดีของตนเอง อีกส่วนคงเป็นการได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนใน Cyber space มากขึ้น

ใช้ชีวิต กึ่ง ๆเหมือนพวก Urban living ชอบหาร้านกาแฟ หอมๆ นั่งอ่านหนังสือในวันหยุด

ขออภัย เมื่อใหม่หัดใช้ Blog ด้วยจ้า
New Comments
Friends' blogs
[Add Please.Peace's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.