Aun Witthaya Fanclub อั๋น วิทยา แฟนคลับ Aun Witthaya School @ Pantip Campus
Group Blog
 
All blogs
 
ถ้าเราไม่ชอบก็คงไม่ทำ...กับผู้ชายหลายอารมณ์ “อั๋น” วิทยา วสุไกรไพศาล 2007-10-29

ทำไมพระเอกตัวสูง มาดเซอร์ แถมมีดีกรีสุดยอดหนุ่มโสดในฝัน The Cleo 50 Most Eligible Bachelor’05 อย่าง “อั๋น” วิทยา วสุไกรไพศาล เมื่อถูกถามถึงจึงไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือจดจำหน้าค่าตาได้เท่าไหร่นัก เพราะอะไร ? วันนี้ Cover Story จะพาไปรู้จักเขามากขึ้น โดยเฉพาะกับมุมที่จะทำให้ใครหลายคนรู้ว่าการมีความเชื่อและรอคอยทำสิ่งที่รักอย่างอดทน เมื่อประสบผลสำเร็จมันจะทำให้เราภูมิใจกับตัวเองมากแค่ไหน วันนี้ “อั๋น” ได้ทำให้เราเห็นแล้วว่าเขาทำได้ด้วยตัวเองล้วนๆ

ช่วงนี้ทำอะไรอยู่บ้าง


ชีวิตช่วงนี้ก็เรื่อยๆครับ มีละครเรื่องฟ้ากับตะวัน ที่กำลังถ่ายทำอยู่ เล่นกับพอลล่า เทเลอร์ แล้วช่วงนี้ก็โปรโมทภาพยนตร์เรื่อง แฝด เล่นกับพี่มาช่า วัฒนพานิช ถ่ายละครจันทร์ – พฤหัสบดี แล้วอาทิตย์หนึ่งก็หมดไป 4 วันแล้ว ก็เหลืออีก 3 วัน บางทีก็ต้องมาโปรโมทออกรายการไปถ่ายพวกรายการเพื่อโปรโมทภาพยนตร์ประมาณนี้ครับ

ช่วยเล่าถึงการเริ่มต้นบนเส้นทางมายาให้ฟังหน่อยสิคะ


คือหลังจากจบโทคณะ Master of Test Master of Computer Information System ก็เข้ามาในวงการได้สัก 3-4 ปี โดยเริ่มต้นจากเข้าไปแคสงานโฆษณารถเชฟโรเล็ต ซาฟีร่า เทิร์นเล็ฟต์เทิร์นไรต์คอนเซ็ปต์ ซึ่งเป็นชิ้นแรกในชีวิต แล้วเผอิญว่าเขาเลือกเราก็เลยได้มีโอกาสทำงานในวงการ ต่อมาก็ไปถ่ายมิวสิกวีดีโอ แล้วหลังจากนั้นก็มาเซ็นสัญญากับทีวีธันเดอร์ ก็เลยทำให้มีงานละคร ซึ่งตอนนั้นก็คือทำรายการ รักล้นจอ แล้วก็มี เอ็กซ์โฟร์ เสือ สิงห์ กระทิงโสด เล่นกับพี่โอ พี่โน่ พี่กมล แล้วก็พี่เคลลี่ ซึ่งก็เหมือนเราไปรับเชิญเฉยๆต่อมาก็ภาพยนตร์เรื่อง โคลิก เด็กเห็นผี ค่ายสหมงคลฯ แล้วก็ล่าสุดเรื่องแฝด กับค่ายจีทีเอช ส่วนงานละครก็มี หนุ่มห้าวสาวใสหัวใจปิ๊ง เป็นละครยาวอันแรกที่ได้เล่นแล้วก็มา สะใภ้สุดขั้วแม่ผัวสุดซ่า แล้วก็กำลังถ่ายอยู่ก็ ฟ้ากับตะวัน ครับ


3 ปีในวงการบันเทิงเป็นยังไงบ้าง


แรกๆก็ไม่ได้มีงานต่อเนื่อง ก็ลำบากนะคือต้องอาศัยบุญเก่าตัวเองมันทรมาน แล้วเราซัพพอร์ตตัวเองด้วย คืองานกว่าจะมีเข้ามาแต่ละงานนาน บางทีก็ครึ่งปีกว่าจะมี ก็คือช่วงนั้นก็สมัครงานอยู่ ก็ไปสัมภาษณ์ แต่พอเราไปสมัครก็มีงานเข้ามา คือมันดึงเรากลับเข้ามาจนหลังๆ มันเหมือนเริ่มงานต่องาน ด้วยจังหวะชีวิตด้วย บวกกับความโชคดีของเราที่มีคนหยิบยื่นโอกาสให้ คือเหมือนกับไม่มีงาน เงินเริ่มหมด(หัวเราะ) แล้วเดี๋ยวมันก็มาใหม่

พอได้เข้าวงการบันเทิงจริงๆมันเหมือนที่เราคิดไว้มั้ย


ตอนแรกคิดว่าเป็นงานสบายครับ แต่พอสัมผัสแล้วเราก็เลยรู้ว่าไม่ใช่งานสบายและไม่ง่าย มันเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ไม่ใช่อยู่ๆจะเข้ามาแล้วคุณก็ทำได้เลย ถึงแม้คุณเก่ง คุณทำได้ แต่ถ้าไม่มีโอกาส คุณก็ไม่ได้แสดง ถึงแม้จะไม่เป็นเลย อย่างตัวเราเข้ามาไม่เป็นอะไรเลย แต่ถ้าเราพยายามพัฒนาตัวเองมันก็ได้ ก็คือค่อยๆ เรียนรู้ไป


ช่วงที่รองานเข้ามานานๆอึดอัดหรือท้อแท้บ้างรึเปล่า


อึดอัด ที่บ้านยังสงสัยทำอะไร แต่คือ เราชอบไง ถ้าเราไม่ชอบเราคงไม่ทำ เพราะเราไม่รู้เอ๊ะเราจะยังไง มันก็มีช่วงก่อนตัดสินใจ คือมันมีช่วงหนึ่งคือเราแบบจะเอายังไงดี จะสมัครงานหรือจะทำตรงนี้ มันจะมีช่วงหนึ่งของชีวิตก็ตัดสินใจ ว่าถ้าจะทำตรงนี้ก็คิดแล้วว่าเราทำได้ ไปได้ เราอยู่ได้ ไม่เดือดร้อนใคร ตัวเองไม่เดือดร้อนมากก็เลยตัดสินใจ โอเค. ทำตรงนี้ แล้วกัน ผมก็เลยไม่ได้หางานเลยคราวนั้นก็เลยหยุด


รองานอย่างเดียว


หมายถึงรองานมั้ยมันก็คงใช่น่ะ เขาเรียกไปแคสก็ไปแคสไม่ว่าจะโฆษณาหรือภาพยนตร์ก็ไป จนมาเซ็นสัญญากับทีวีธันเดอร์

เซ็นสัญญากับทางทีวีธันเดอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่


เอ่อจริงๆ หมดสัญญาไป 2 ปี ก็หมดไปแล้ว ตอนนี้ต่ออีก 3 ปี ซึงก็ขึ้นปีที่ 1 ของครั้งที่ 2

พูดถึงผลงานล่าสุดกับภาพยนตร์ “แฝด” ร่วมงานกับจีทีเอชและมาช่า วัฒนพานิช เรื่องแรกเป็นไงบ้าง


คือมันเป็นหนังผีที่น่ากลัวอีกเรื่องหนึ่งในความคิดของผม ส่วนกับทีมงาน จีทีเอช ก็ดีครับทีมงานเขาเต็มที่กับงาน แล้วก็ทุกคนดูค่อนข้างจริงจังและซีเรียสกับการทำงานมาก แต่พอเลิกทำงานหรือพักงานก็จะคุยกัน เฮฮา นั่งคุยกันมากกว่า แต่บรรยากาศค่อนข้างจะจริงจังส่วนการร่วมงานกับพี่ช่า จริงๆเคยร่วมงานมิวสิกวีดีโอมาแล้ว ก็คือเพลง ฟังหัวใจตัวเอง แต่ก็แค่วันเดียว ก็คือเช้ายันเย็น ถ่ายทำก็รู้จักแต่ว่าเราก็ไม่ได้สนิทมากพอมาถ่ายหนังประมาณ 3 เดือน ก็มีเวลานั่งคุย ซึ่งแรกๆเราก็เกร็ง เพราะเรามักจะเกร็งกับทุกคนที่เป็นผู้หญิง แต่ว่าถ้ามีเวลาหรือเราเริ่มคุ้นเคยเพราะพี่ช่าเขาก็ชวนเราคุย

เล่นประกบคู่กับนางเอกมากี่คนแล้ว


เยอะครับ ก็มีน้องหมิง – ชาลิสา น้องนุ้ย – สุจิรา น้องพิมพ์ พิมพ์พรรณ พี่มาช่า น้องไหม ล่าสุดก็พอลล่า เทเลอร์ครับ

มีโอกาสได้เล่นกับนางเอกที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น แต่ทำไมคนทั่วไปกลับไม่ค่อยรู้จัก “อั๋น”


ไม่นะผมว่าสมัยนี้คนที่เข้ามาทำงานในวงการมันเยอะมาก แล้วการที่เราทำงานเพิ่งจะ 2 – 3 ปี เราก็เข้าใจว่าคนภายนอกที่เขายังไม่รู้จักเราก็อาจจะด้วยเหตุผลนี้ อีกอย่างเราคงยังไม่มีผลงานที่โดดเด่น เพราะส่วนใหญ่จะมีแค่มิวสิกวีดีโอหรือโฆษณา เห็นแว้บเดียวก็จะหายไปซึ่งผมว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ช่วงนี้คนก็เริ่มจำเราได้มากขึ้นจากละคร สะใภ้สุดขั้วแม่ผัวสุดซ่า

จุดประสงค์ในการเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง


อันแรกเลยคือ อยากลองว่าทำได้หรือเปล่า เพราะเราเป็นคนขี้อาย แต่วันหนึ่งที่เรามีความมั่นใจมากขึ้นก็ไปแคส แล้วจังหวะชีวิตโอกาสมันได้ จนเข้าไปทำ บางคนบอกว่าดวง แต่ไม่อยากคิดอย่างนั้น ส่วนหนึ่งเรามาทางนี้ได้ก็อาศัยกำลังใจตัวเอง แล้วก็ศึกษาเรียนรู้จากคนรอบข้างสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็พยายามคิดว่าไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดเราต้องพยายาม ผมว่าลึกๆมันก็เหมือนความใฝ่ฝันที่ทำแล้วชอบเราสนุกกับมันถึงอยู่ได้ เพราะถ้าเราไม่ชอบไม่สนุก ไม่งั้นป่านนี้ไปแล้ว เพราะว่ากว่าจะมีงานแต่ละงาน แรกๆนี่แบบว่าทรมานมาก แล้วก็งานมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ มันต้องใช้เวลาความเข้าใจ ทุ่มเท ไม่ใช่มาแล้วจะทำได้

ได้แรงผลักดันมาจากใครในการทำงานตรงจุดนี้


จากตัวเองล้วนๆ แต่ว่าในอดีตมันก็มีคนเคยชวน มันก็เลยทำให้เราเก็บเป็นความสงสัยมาตลอด ทำไมชวน เป็นลีดก็ชวนแต่เราก็ไม่กล้าเป็นเราอายไง แล้วแบบมีคนชวนบอกเขาดูแลนักแสดงเยอะแยะ ตอนนั้นเราก็ยังเพิ่งจบใหม่ๆ เราก็ไม่เอาจนมันอาจจะเก็บมาลึกๆไง เลยอยากลองแค่นั้นเอง

แล้วมีใครให้คำปรึกษาเราบ้าง


ก็ตัวเองเลย แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนนะที่เราร่วมงานด้วย เขาก็จะคอยสอนเรา เราก็คอยจดจำอย่างพี่เล็กผู้กำกับฯเรื่อง “เอ็กซ์โฟร์ฯ”เขาก็มีหนังสือ “ศิลปะการแสดงสมัยใหม่” ซึ่งก็จะบอกว่าควรจะแสดง ควรตีความยังไงบ้าง อ่านทีแรกก็ไม่เข้าใจ แต่หลังๆ ก็เริ่มเข้าใจ การแสดงมันต้องศึกษา คือมนุษย์ทุกคนมันรอจังหวะคลิกเท่านั้นเอง ส่วนของผมมันก็เริ่มคลิกแต่ยังไม่ซะทีเดียว มันก็ต้องมีอะไรที่ปรับแก้ด้วยมากกว่า

เคยคิดมั้ยว่า นอกเหนือจากฝีมือการทำงานของเราแล้ว หน้าตาก็มีส่วนที่ทำให้เราได้เข้ามาในวงการ


ครับก็อาจจะเป็นบุญเก่าที่ทำไว้ (ยิ้ม) แต่ว่าก็อาจจะเป็นโอกาสหลายๆอย่างมันไม่ใช่ตัวเราอย่างเดียว มันอยู่ที่ผู้ใหญ่ โอกาสงานที่เข้ามา ทีมงานแล้วก็ความสามารถเรา

สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากเข้าวงการ


พูดเยอะขึ้น แล้วเราก็รู้อะไรมากขึ้นกว่าเดิมจากที่ไม่รู้เรื่อง ทำอะไรไม่เป็น มันมีอะไรบ้าง สัมภาษณ์ยังไงบ้าง แล้วก็เรื่องเวลาเป็นยังไง

มีคนทักบ้างหรือเปล่าว่า“อั๋น” หน้าเหมือนดาราหลายๆคน


มีๆ หน้าเหมือน แบงค์ ปวริศร์ มงคลพิสิศิฐ์ มีจุ๊บ สมชาย สาธุธรรม มีวุธ อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร มีคนทักเยอะ ซึ่งจะขำมาก ตอนที่ไปงานสุพรรณหงส์ที่ไปร่วมงานกับพี่ช่า ก็มีคนมาขอถ่ายรูป แต่เรียกเป็นพี่วุธเฉยเลย แต่ก็มีบางคนบอกเหมือน พี่นก ฉัตรชัย แค่บางมุมเท่านั้นนะ แค่ช่วงตา

ช่วยสรุปนิยามความเป็นตัว “อั๋น” หน่อยสิคะ


เรียบง่าย ดูอบอุ่น จิตใจอ่อนโยน (ยิ้ม) จบ (แหมคอนเซ็ปต์พระเอกจริงจริ๊ง) ก็เป็นพระเอกเสมอ ไม่ใช่ ก็คือเรียบง่าย แค่นั้นเอง ผมเป็นคนสบายๆ นิ่งๆ เฉยๆมากกว่า ถ้าอยู่กับเพื่อนส่วนใหญ่จะนั่งฟังมากกว่านะไม่ค่อยพูดแต่หลังๆมีตลกด้วย คือเราคิดว่าเราคงเข้าใจการทำงานมากขึ้นมั้ง อย่างสมัยก่อนจะถามคำตอบคำเพราะค่อนข้างจะซีเรียสไง แต่ดีที่เราเป็นคนไม่คิดมาก ไม่อยากเอาเรื่องพวกนั้นมาจุกจิกมันก็จะรกสมองพอเริ่มเข้าใจ อยู่ในวงการนี้มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงข่าวพวกนี้ได้ เราก็เลยเฉยๆ ดีกว่าเดี๋ยวเขาก็หยุดเองแหละ

จากที่พูดคุยมาดูเหมือน“อั๋น” เป็นคนมีหลายอารมณ์ ที่วัยรุ่นเขาเรียก “ติสต์”


มีแต่คนพูด แต่เราอาจจะมีโลกส่วนตัวมากกว่า บางทีเราไม่รู้ตัวเอง แต่ก็มีคนพูดว่าเราเป็น เราก็เลยคิดอาจจะใช่ก็ได้ เพราะคนพูดเยอะ แต่เราไม่รู้ตัว เพราะเราก็เป็นของเราอย่างนี้ บางทีเราอยู่ของเราคนเดียวก็สบายดี เฉยๆ สนุกแล้ว ถ้าคนเยอะๆ ปวดหัว แต่หลังๆ เริ่มปรับตัวได้ แต่บางทีก็ถอยๆ มาหามุมตัวเอง ซึ่งผมไม่ถึงขั้นติสต์แตกนะไม่ถึงกับหลุดออกนอกกรอบของสังคม เพียงแต่ว่าก็มีบ้างที่มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เท่านั้นเอง

พ่อแม่คาดหวังในตัวเราบ้างมั้ย


คงไม่ได้คาดหวังครับ ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะเป็นลูกคนกลาง คือมีพี่ชายกับน้องสาวด้วย ซึ่งพ่อกับแม่ก็คงงงอยู่อย่างที่บอก ตอนแรกๆว่าทำอะไรของมัน แต่เขาก็ไม่ได้กดดัน แต่ครั้งแรกเขาอาจจะเฮ้ยทำอะไรอยู่ เราจะเลี้ยงตัวเองได้เหรอ เขาคงแค่ห่วง งานไม่มี แล้วเงินที่เก็บมาก็ค่อยๆหมด แต่แล้วงานก็เข้ามาอีกเหมือนต่อชีวิตอีกเฮือกหนึ่ง เราชอบ เราอยากทำ ไม่ได้ฝันอะร ก็แค่ทำวันนี้ให้มันดีดีกว่า


-----------------------------------------------------------------


ข้อมูลจาก
นิตยสารรายสัปดาห์ ภาพยนตร์ ฉบับที่ 1575


//aun-fc.blogspot.com/2007/10/blog-post.html



Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 15 เมษายน 2552 8:32:48 น. 1 comments
Counter : 356 Pageviews.

 
แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน


โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:19:03:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*~Splendorous Utopia~*
Location :
Glendale,CA Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add *~Splendorous Utopia~*'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.