Plc 4 Mie Haed - NDR/GRND 1.0
Group Blog
 
All blogs
 

03. One Summer Night 6 Years Ago



18 ก.ค. 2542

ค่ำคืนนี้ความรู้สึกเก่าๆ บางอย่างมันหวนกลับมา เลยทำให้หวนคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องเก่าๆ และก็คนเก่าๆ ที่เคยคุ้นเคยกันมา แต่ความรู้สึกยังไม่ค่อยมีความหมาย หรือมีผลต่อเราสักเท่าไร มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึก และความทรงจำของเราไปแล้ว

ฤดูร้อนที่ผ่านมามันทำให้เราได้คิด และรับรู้ในเรื่องราวบางเรื่อง ซึ่งทำให้เราตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่คิดว่ามันคงจะดีกับเราเอง ถึงแม้ว่ามันก็จะมีผลต่อจิตใจของเราบ้าง แต่ก็ผ่านมันมาได้เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เคยผ่านมาเช่นกัน

มันดูแล้วน่าขำ แต่ในมุมกลับกันมันก็ทำให้มีรสชาติในชีวิตขึ้นมาบ้าง จนถึงตอนนี้เรารู้ว่าใครคือคนที่เราต้องการที่จะให้เดินไปพร้อมๆ กัน มีคนรู้ว่าใครคือบุคคลที่เราพูดถึง แต่เราก้ไม่คิดว่าต้องการจะบอกหรือเปิดเผยออกไปในตอนนี้ แต่อะไรมันก้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในวันข้างหน้า ความสัมพันธ์ในขณะนี้ มันก็ทำให้เรามีความรู้สึกที่ดีมากๆ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่บางครั้งก็ได้กลับมาใกล้ชิดกัน ได้ช่วยเหลือและดูแลกันในบางครั้ง

การได้รับรู้เรื่องราวมาตลอด มันคงทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเค้ามาตลอด มันค่อยๆ ซึมซาบเข้ามา และความรู้สึกที่เคยมีมันก้ก่อตัวมากขึ้น มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึง และเค้าก็คงรู้สึกดีๆ มาบ้างเช่นกัน ...

22:53 น.

เช้านี้ได้มีเวลามาเปิดอ่านสมุดบันทึกเล่มแรกที่เขียนไว้ ก็มาเจอสิ่งที่ตัวเองเขียนไว้เมื่อนานมแล้ว อ่านแล้วก็ทำให้นึกถึงคนๆ หนึ่ง ขึ้นมา ถึงแม่ตอนนี้จะไม่ได้พอเจอ พุดคุย กันเหมือนเก่า แต่ก้ได้รับรู้ว่าเค้าก็มีความสุขดีกับชีวิต และคนที่อย่างเคียงข้าง เราก็โอเคแล้วเท่านี้

อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ทำไงมันก็ไม่ใช่ของเราวันยันค่ำ




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 กันยายน 2549 15:40:56 น.
Counter : 362 Pageviews.  

02. กระจก กับ เทียน



ค่ำคืนนี้นอนไม่หลับซะงั้น พยายามพลิกไปพลิกมา แต่มันก็ยังไม่หลับ เลยเดินไปค้นกองหนังสือ ก็ได้เจอกับหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง "ไม่ได้ดั่งใจ" ของ ซูโม่เจี๊ยบ เริ่มเปิดจากปกนอก ปกใน มาจนเจอบทที่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอ่านกันก็คือ "คำนำ" ผมเองก็เป็นคนนึงแหละที่จะพลิกข้ามบทนี้ไป แต่ไม่รู้ว่าด้วยอะไรดลจิตดลใจให้อ่าน และก็ได้บางอย่างมาฝากทุกท่าน

เคยดูหนังฝรั่งเรื่อง กังฟู ที่มีเดวิด คาราดีนเล่นเป็นพระเอกมั่งมัยครับ ผมชอบคำสอนของอาจารย์ตาบอดที่สอนพระเอกอยู่ตอนหนึ่ง แกจุดเทียนไขไปตั้งไว้หน้ากระจกเงา แล้วถามพระเอกว่า

"เจ้าอยากเป็นอะไร ระหว่าง กระจก กับ เทียน"

"ศิษย์อยากเป็นเทียน จะได้ส่องนำทางให้กับผู้คน"

อาจารย์ตาบอดหัวเราหึๆ แล้วตัดเข้าโฆษณาบ้าเลือด 2 นาทีครึ่ง ก่อนกลับมาตอบว่า

"เทียนจะไม่เป็นเทียนต่อไป ถ้ามอดไหม้ แต่เศษเสียวกระจกก็ยังพร้อมที่จะสะท้อนแสงสว่างจากเทียนอีกนับล้านเล่ม จงเลือกที่จะเป็นกระจกที่ดีเถิด"

ตอนที่ผมดู ผมไม่เข้าใจ มาเริ่มลึกซึ้งเอาตอนแก่นี่เอง

ถ้าความดีงามคือ ความสว่าง ตรงกันข้ามก็คือ ความมืดมิด หรือความเลวนั่นเอง กระจกดีที่ว่าก็คือ กระจกที่สะท้อนแต่แสงสว่างออกมา (เพราะไม่มีกระจกโลกไหนสะท้อนความมืดออกมาได้อยู่แล้ว)


ตัวผมเองอ่านแล้วก็มีรอยยิ้มเล็กๆ แปะอยู่ที่มุมปาก ก็เลยหยิบมาแบ่งปันให้ชาวคณะ ได้อ่าน ซึ่งอยู่ที่แต่ละคนจะตีความ หรือเก็บไปคิดแบบไหน ก็แล้วแต่แรงศรัทธาของชาวคณะละกันครับ




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 กันยายน 2549 15:41:12 น.
Counter : 557 Pageviews.  

01. What's your fear?



คลอดได้สักที่กับ blog ที่นี่ ... กำลังพยายามทั้งตกทั้งแต่ง แต่ยังไมไ่ด้ดังที่อยากให้เป็น แต่ไงก็นะ ขอเปิด post เอาฤกษ์เอาชัยสักหน่อยละกัน

หลายคนคงได้ดู Coach Carter กันแล้ว ยิ่งคอบาส ด้วยแล้วคงอินน่าดูเลย เช่นเดียวกับผมเหมือนกัน หนึ่งประโยคที่ Coach Carter ถาม Timo ก็คือ "What's Your Fear?" ซึ่งผมก็นึกใจในว่า ไอ้ประโยคนี้แหละ มันจะต้องเป็น Highlight ของเรื่องนี้ และในที่สุด...

Timo ก็ได้ยืนขึ้นตอบคำถามที่ Coach Carter ถามมาตลอด

"ที่เรากลัวที่สุดไม่ใช่ความไม่พร้อม
แต่ที่เรากลัวที่สุดคืออำนาจเกินขีดจำกัด
รัศมีของเราเองที่ทำให้เรากลัวที่สุด
การถ่อมตนไม่ได้ช่วยอะไรต่อโลกเลย
ไม่มีสิ่งใดรื่นรมย์ในการถ่อมตน
เพื่อที่จะให้คนอื่นไม่ต้องหวั่นใจแทนเรา
เราควารเปล่งประกายในฐานะเด็กน้อย
ไม่ใช่ในตัวเราบางคน แต่เ็ป็นพวกเราทุกคน
และขณะที่เราเปล่งประกาย
เราก็ได้ปล่อยให้ผู้อื่นทำเ่ช่นนั้นโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่เราปลดตัวเองจากควากลัว
การกระทำของเรานั้นได้ปลดปล่อยผู้อื่นด้วยเช่นกัน"

"Our deepest fear is not that we are inadequate.
Our deepest fear is that we are powerful beyond measure.
It is our light, not our darkness, that most frightens us.
We ask ourselves, who am I to be brilliant, gorgeous, talented, and fabulous?
Actually, who are you not to be?
You are a child of God.
our playing small doesn't serve the world.
There's nothing enlightened about shrinking so that other people won't feel insecure around you.
We are all meant to shine, as children do.
We are born to make manifest the glory of God that is within us.
It's not just in some of us, it's in everyone.
And as we let our own light shine, we unconsciously give other people permission to do the same.
As we are liberated from our own fear, our presence automatically liberates others."

ก็หยิบเอามาฝากเหล่าๆ ชาว PBA และผู้เยี่ยมชม ทุกท่านขอรับ...




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 กันยายน 2549 15:41:26 น.
Counter : 340 Pageviews.  

1  2  

Plc4MieHaed
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Plc4MieHaed's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.