Satanoperca ปลาหมอน้อย.............ชวนสับสน
เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตลาดปลาหมอสายแท้ในเมืองไทยเริ่มคึกคักเนื่องจากหลายร้านได้นำเข้าปลาหมอสายแท้เข้ามาจำหน่ายอย่างมากมาย สวนกระแสปลาอื่นๆ อย่างมากมาย ผู้เลี้ยงหลายคนเริ่มให้ความสนใจในปลาหมอสายแท้มากขึ้นเนื่องจากเบื่อปลาหมอหัวตุ่ย หน้าตากวนบาทาทั้งหลาย ที่เหล่าอาตี๋ อาแปะที่ไหนก็ไม่รู้ ขยันตั้งชื่อ ตั้งสายออกมาขายกันมากมายจนผู้เลี้ยงหลายท่านเลิกติดตามเนื่องจากจะออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น มันก็ไม่ต่างกันมากมายนักนั่นเองตี๋น้อย ดอยเต่า ประธานชมรมผู้เพาะเลี้ยงหนอนเงาะแห่งประเทศไทยเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปลาหมอลูกผสมทั้งหลายในวันที่เมา หย๋ำเป ว่า ..."อั๊วเลิกเลี้ยว" "อั๊วเลิกเลี้ยว" "เลิกเลี้ยงหรอครับ คุณตี๋" ผู้สื่อข่าวถาม"เปล่าๆ ที่อั๊วเลิกเลี้ยวเพราะด่านอยู่ข้างหน้า เลี้ยวไปโดนจับติดซังเตแน่นอนเลยอ่า....""แล้วคุณคิดเห็นอย่างไรกับปลาหมอลูกผสมทั้งหลายครับ"อาตี๋น้อยส่ายหัวแล้วมองด้วยหางตา"มันจะผสมกันยังไง มันไปหนักหัวบันไดบ้านลื้อหรอ ลงไปจากรถอั๊วะได้แล้ว อั๊วะจะกลับบ้าน ไอ้ Shiftหาย เอ๊ย"ไอ้ตี๋ดวงตกไล่นักข่าวลงไปด้วยคำพูดหยาบคาย นักข่าวทนไม่ไหว วอ ไปบอกตำรวจให้มาจับไอ้ตี๋ดวงตก สุดท้ายไอ้ตี๋โดนจับ นักข่าวแม้จะไม่ได้ข่าวปลาหมอลูกผสม แต่ก็ได้ข่าวไอ้ตี๋ขับรถขณะมึนเมามาขึ้นหน้าหนึ่งจนได้.....เหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าเลี้ยว และ อย่าเปรี้ยวกับนักข่าว"ปลาหมอสายแท้ได้เข้ามาในบ้านเรามากมาย บางชนิดไม่เคยโผล่หัว โผล่หางให้เห็นเลยบางชนิดเคยมีมานานแล้ว แต่โดนกระแสบ้าๆ บอๆ กลบ จึงสูญพันธุ์ไปจากสายการผลิต บางตัวก็นานๆ มาที แล้วก็มาในค่าตัวที่แสนแพง จนบางครั้งยังนึกเสียดายเงินที่ซื้อปลาไป สู้เอาไปให้น้องปู-ปลา ดาวบีวา จะดีกว่าตั้งเยอะ.....เนอะและผมเองก็ไม่พลาดเมื่อร้านขายปลาร้านนึงได้นำเข้าปลาสกุล Satanoperca เข้ามาชุดหนึ่งในตอนแรกนั้นทางร้านบอกว่าเป็น S. leucosticta แต่เมื่อวันจริงได้เข้าไปถาม ทางร้านกลับบอกว่าไม่แน่ใจผมเองก็เข้าใจทางร้าน เพราะว่าปลากลุ่มนี้ค่อนข้างหลากหลายและแยกยากเอามากๆ ในตอนเล็กและทางร้านเองคงไม่กล้ารับประกันว่า ไอ้ตี๋ต่างเมืองมันจะซื่อสัต ส่ง S. leucosticta มาให้ทั้งล๊อตผมเองก็ได้สอยปลาตัวเล็กๆมาทั้งหมด 5 ตัว แม้จะไม่ชัวร์ในเรื่องสายพันธุ์ว่าเป็น Satanoperca jurupari หรือ Satanoperca leucosticta กันแน่แต่ปลามันมาแล้ว ...... แล้วผมก็ไม่ต้องการกลับไปมือเปล่า เอาก็เอาวะ!หลังจากได้นั่นดู นอนดู ตีลังกาดู ไปหลายตลบผมก็ได้สังเกตุเห็นว่า.....มีปลาตัวนึงได้แตกต่างไปกับพวกพ้องของมันในตู้จากรูป เพื่อนๆ เห็นกันไหมครับว่า เจ้าปลาทั้งสองนั้น ต่างกันที่สีสัน...โดยตัวทางซ้ายนั้นมีโทนสีออกไปทางเหลือบฟ้า ส่วนอีกตัวกลับมีโทนสีออกโทนเหลืองเขียวและจากนั้นผมก็ได้ไล่ดูรูปเจ้าลูคอส และ จูรูพารี โดยจากการสังเกตุนั้น มันทำให้ผมคิดว่า ปลาในล๊อตนี้นั้น มีทั้ง Satanoperca jurupari หรือ Satanoperca leucosticta และไม่น่าแปลกใจมากมายเลย เพราะผมมีจูรูพารีอยู่สองตัวลักษณะโทนสีนั้นเด่นชัดพอสมควรดังนั้นแปลได้ว่า ปลาที่ผมซื้อมาทั้ง 5 ตัวนี้ มี Satanoperca leucosticta แน่ๆ แล้ว 1 ตัว....ดูจากรูปนี้คงเห็นเหลือบสีที่แตกต่างนะครับ แต่การสมมุติฐานของผมนั้น ไม่สามารถหาเหตุผลที่เป็นกิจลักษณะมารับรองได้หรอกนะครับด้วยว่า ผมเองก็ไม่เคยเลี้ยงเจ้าลูคอสมาแต่อย่างใด จึงไม่อยากให้หลงเชื่อในข้อสุงเกตุของผมการจะพิสูจน์ได้นั่นมีวิธีเดียว นั่นก็คือ ก้มหน้า ก้มตาดูแลเลี้ยงดูเจ้าปลาน่ารักทั้งหลายต่อไปแม้ว่าเขาจะเป็นอะไร แต่ตอนนี้ ที่แน่ๆ เขาคือสมาชิกในครอบครัวเล็กๆ ของผมครับ(ในรูปข้างล่างนี้เป็นจูรูพารีหมดเลยนะครับ)แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ ล่ะครับวันนี้........คุณดูแลครอบครัวเล็กๆของคุณ ดี แล้วหรือยังสวัสดี.....
Leleupi story ========>>>> ปลาหมอน้อยตัวแสบ
ช่วงนี้ขอขยันทำกระทู้หน่อยแล้วกันนะครับ ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่ มาช่วงนี้ หัวมันแล่น วันนี้มีเพื่อนส่งเมล์มาให้ 3คนคนแรก มันส่งรูป Anatomy ของ มิยาบิ โอซาว่า มาให้ดู ให้ศึกษาไอ้เพื่อนคนนี้มันก็ดีใจหาย ส่งมาแต่รูป Anatomy ให้ดูตลอดไม่รู้ว่ามันหมกมุ่นหรือมันรักเพื่อนอย่างผม คนที่สองนี่มันส่งเรื่อง การให้สัมปทานอุทยานแห่งชาติแก่เอกชน... เรื่องนี้ บอกตรงๆ อย่างคนเอียงขวา ว่า ถ้าได้ผู้รับสัปทานดี ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดี อาจเป็นช่องให้ไอ้พวกนายทุนหน้าปลวก ขนไม้ออกไปสบายดากผมว่าเรื่องนี้คงอีกยาว เพราะทางภาครัฐเขามองที่ผลประโยชน์ค่าเช่า ส่วนคนที่ต่อต้านเขามองเรื่องธรรมชาติ ที่อาจถูกทำลายขอบคุณเพื่อนมากที่ส่งมาให้อ่าน เห็นเพื่อนมันสนใจเรื่องแบบนี้แล้วรู้สึกดีดีกว่าเพื่อนที่ชวนไปส่องหญิง แถวรัชดา อันนั้นเสียทั้งเงิน กบาลอาจแยก และที่สำคัญ อาจได้ของชำร่วยเป็นของแถม.... เพื่อนคนสุดท้าย มันรูปและข้อความมามันถามว่า "กูกับท่านนากยก ใครจมูกบานกว่ากัน" แล้วก็เป็นรูปท่านนายก กับรูปมันทำจมูกบาน ผมเข้าใจว่าเพื่อนอยากให้ผมขำ เพราะคำลงท้ายมันบอกว่า "กลัวเพื่อนเครียด เลยทำมาให้ดู" ผมเห็นรูปที่เพื่อน เพียรพยายามทำให้แล้วอดขำไม่ได้ เพราะแม้เพื่อนผมพยายามทำจมูกบานแทบตาย แต่ก็ไม่ได้ครึ่งของท่าน นายก.... ก่อนเข้าเรื่องปลา ขอเล่าเรื่องเพื่อนก่อนแล้วกันนะครับ ชอบมากๆเวลาได้รับอะไรดีๆ จากเพื่อน เอาล่ะ ช่วงนี้ผมมีรูปปลามาชุดนึง เป็นปลา มอ มอ ที่น่ารัก น่าเลี้ยงดีไม่ค่อยเห็นใครโพสให้ดูเลย เลยเอามาโพสเองก็ได้ เหอๆๆปลาตัวนี้ คงเห็นจากรูปแล้ว มันคือเจ้า เลลูปอาย นั่นเอง ผมมีปลาตัวนี้อยู่สองตัว ซื้อมาตอนแรก 5 ตัว โดนสอยร่วงเสีย 2 กัดกันเอง ม่องไปอีก 1 เลยเหลืออยู่สองตัว แถมไอ้สองตัวนี้ดันไล่กันไป-มา จนน่ารำคาญ เลยแยกตู้เลี้ยงกันไปเลย จะได้ไม่ทะเลาะกันตอนนี้ตัวในรูปอยู่ตู้บน ส่วนอีกตัวเล็กกว่าเล็กน้อย อยู่ตู้ล่างไม่ต้องประสบพบเจอกันเลย จะได้ไม่ทะเลาะกัน ที่ผ่านมานี้ มีคนถามหาปลาที่สามารถเลี้ยงกับฟรอนโตซ่า ปลาสุดรัก สุดสวาทของใครหลายๆ คนเวลาใครมาถาม ผมมักจะแนะนำเจ้านี่เสมอๆ แต่มันก็มีข้อแม้นะ คือว่า ขอให้เลี้ยงร่วมกันไปแต่เล็กเด็กแดงกันเลยอย่าได้ไปใส่เอาตอนหลัง เดี๋ยวฟรอนมันจะนึกว่า ลูกกวาดสีเหลืองหลงเขมือบไปเสียฉิบผมเลี้ยงเจ้าสองตัวที่เหลือนี่ ได้มา 2 ปีกว่าแล้ว ก่อนซื้อหามาใส่ตู้ ก็หาดูข้อมูลอยู่นาน รูปในเน็ต ตัวมันสีเหลืองสวยดี ในตอนแรกก็นึกว่าจะเหลืองแบบนั้น พอเลี้ยงไปนานเข้าปลามันก็โต สีมันก็เปลี่ยน ถามว่าสวยไม๊สำหรับผม สวย Shift หายเลยครับ ผมมักจะบอกว่า ปลาตัวนี้ดุ ซึ่งมันก็ดุจริงๆ โดยเฉพาะกับพวกเดียวกันยิ่งในตู้มีปลาตัวใดที่อ่อนแอ หรือป่วยด้วยแล้ว เจ้านี่ ถือเป็นตัวซ้ำ ที่ดีจริงๆ บางที ซ้ำจนผมเองก็รับไม่ได้ เพราะมันจิกที ลูกตาปลาหลุดออกมาต่อหน้าเลยเชียว.... เจ้านี่เป็นปลาที่กินง่าย ไม่ค่อยเบื่ออาหารที่ผมชอบที่สุดคือ เมื่อเห็นเจ้านี่ไล่กินพานาเรียในตู้ดูมันจะสนุกมาก กับการฝ่ากระแสน้ำเข้าไปกิน พานาเรียผมมองเจ้านี่เป็นเพื่อนร่วมตู้กับฟรอนโตซ่าแล้วนึกขำแม้ฟรอนโตซ่าจะมีขนาดใหญ่กว่ามาก แต่มันก็ไม่เคยเกรงกลัว ยังคงเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าฟรอนทั้งสี่แยกชิงอาหาร แย่งชิงอาณาเขตกันสนุกสนาน เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงเพื่อนหลายๆ คน ต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ลดละ แต่พอมาเจอกันเข้า...ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ แบ่งปัน ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันจนตลอดผมเป็นคนโชคดีครับ ที่มีเพื่อนแบบนี้อยู่เยอะวันก่อน เพื่อนคนนึงโทรมาตอนหัวค่ำ บอกว่ามีเรื่องให้ช่วยด้วยน้ำใจที่เพื่อนเคยมีให้ผม มีหรือผมจะปฏิเสธค่ำวันนั้นเพื่อนไม่ได้เอาแค่งานมาให้ เพื่อนยังคงพกความสนุกสนาน แถมด้วยโปรแกรมทำมาหากินและเกมส์สนุกๆ อีกมากมายขากลับ....เห็นเพื่อนกลับไปค่อนข้างดึก ก็ได้แต่ภาวนาว่า " กลับไปถึงบ้าน ขออย่าให้ยายด่ามันเลย" สวัสดี
[Lethrinops] 2 เดือนผ่านไป กับความสุขที่ได้รับใช้
สวัสดีครับ ผมเพิ่งสังเกตุเห็นนะเนี่ยว่าผมไม่ได้ทำกระทู้มานานพอสมควร แต่วันนี้หลังจากที่เคลียร์อะไรหลายๆ อย่างแล้ว เลยมีเวลา+อารมณ์พอที่จะทำกระทู้ให้ได้ดูกันครับกระทู้นี้เลยขอนำเจ้า Lethrinops sp. 'Ired cap tungi' มาให้ได้ดูกัน ผมได้ปลาชนิดนี้มา 5 ตัว จากเพื่อนใจดีของผมได้มาแบบฟรีๆ ไม่เสียตัง เรียกว่าใจดีหน้าดูชมผมเองก็สัญญากับเขาว่า เมื่อรับมาเลี้ยงแล้วจะพยายามเลี้ยงให้ดี แม้ตอนสัญญาก็กลัว และหนักใจพอสมควร กลัวทำปลาเขาตาย เหตุที่กลัวเพราะผมเองเคยประสบความล้มเหลวในการเลี้ยงปลาหมอเรดพีค๊อกล้มเหลวสุดๆ แบบว่า เอามาปลาลงได้ 30 นาทีแล้วตายแบบไร้สาเหตุ เป็นแบบนี้มา 3 ครั้งเลยถอดใจเลิกเลี้ยงปลาชนิดนั้นไปเลย ปลาทั้ง 5 ตัวปุเลง ปุเลงในถุงจากบางแค มาแวะที่สวนจตุจักรแล้วค่อยเดินทางต่อไปยังจุดหมาย ที่รังสิต ในวันที่ 9-05-51 ตอนปลามาใหม่ๆ นั้นขนาดน่าจะราวๆ 1 นิ้วนิดๆ สีเนื้อสีตัวก็เงินๆ ดูขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่เหมือนที่เห็นในอินเตอร์เน็ตเวลาหาข้อมูลผมเคยถามเพื่อนผมคนที่ให้ปลามาว่า "มันจะสวยไหม"เขาก็บอกว่า "สวยซิ ต้องสวย สวยเหมือนพ่อมัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมจึงบอกกับเขาว่า "ทำไมพ่อผมหล่อจะตาย แต่ผมไม่หล่อล่ะ"เพื่อนผมฟังอึ้งๆ ไปซักพักแล้วบอกว่า "นั่นมันเรื่องของมึง" ผมเฝ้าเลี้ยงเจ้าตัวน้อยทั้ง 5 ตัวอย่างมีความหวัง(สูง)โดยทั้ง 5 ตัวนั้นอยู่ในตู้ขนาด 36นิ้ว มีเพื่อนเป็นปลาหมอ อัลติฟรอน และปลาหลดจากบ้านป๋าอีก 2 ตัว ซึ่งปลาที่กล่าวมาทั้งหมดต่างก็ได้มาฟรีๆ มิต้งเสียตัวไปแลกมาแต่ประการใด ไม่เหมือนเกรดที่นักศึกษาอยากได้ อันนั้นเขาต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวแลกมา เห็นแล้วก็สลดจิต อนาถใจเป็นยิ่งนัก "ในความมั่นใจ มักมีความวิบัติซ่อนอยู่เสมอ" ลุงเก็บของเก่าแถวคอนโดเคยบอกกับผม และมันก็เป็นจริง เมื่ออยู่ดีๆ หนึ่งในเจ้าตัวน้อยก็จากไปแบบ ตาเหลือก ปากอ้าเหวอ คล้ายนางเอกหนังยี่ปุ่นที่ผมชอบดู แต่ต่างกันตรงที่นางเอกเธอมีอะไรอยู่ในปาก ส่วนเจ้าปลาน้อยมันไม่มี....ผมเสียขวัญเล็กน้อยก่อนตั้งสติไปหยิบที่วัดค่าของเสียในน้ำมา น้ำยาบ้าอะไรก็ไม่รู้แพงชิหายพอวัดค่าแล้วน้ำออกสีเหลืองๆ ไม่ใช่สีม่วงแสดงให้เห็นว่าเจ้าปลาน้อยไม่ได้เสพยาบ้าจนตายแล้วมันตายเพราะอะไรล่ะ?(รูปถ่ายเมื่อ 15-05-51 แสดงให้เห็นว่าผมมันบ้าเห่อ) จากการซักพยานในตู้เกิดเหตุต่างให้การสับสน เพราะผมฟังภาษาปลาไม่รู้เรื่อง (แล้วจะซักทำไมวะ...)มีเพียงเจ้าหลดน้อยตัวนี้ที่พอจะมีคำให้การที่มีประโยชน์บ้างคำให้การของเจ้าปลาหลดคือ.... vvvvvv จากที่ซักพยานทุกตัวในตู้จนหมดหลักฐานไม่เพียงพอจะเอาผิด เลยหย่อนหนอนแดงแช่แข็งเป็นการปลอบขวัญ ทุกฝ่ายต่างยอมความกันได้ ไร้ปัญหาขัดแย้งในสังคมแต่เมื่อผมเอานิ้วไปจุ่มที่น้ำในตู้ก็พบว่า น้ำมีอุณหภูมิสูงพอสมควร คาดว่าเหตุนี้เองที่ทำให้เจ้าเรตินอปน้อย ตาเหลือก ปากอ้า และจากไปก่อนเวลาอันสมควร เมื่อพอจะทราบสาเหตุแล้ว ผมเองไม่รอช้า รีบทำการย้ายปลาไปอยู่ตู้ 48 นิ้วที่มีทั้งฟรอนโตซ่าขนาดกลางอยู่ 4 ตัว รวมไปถึงเหล่าปลาหน้าตาโรคจิต ติดติ๊งต๊อง อีกมากมายตอนแรกก็เสียวเจ้าฟรอนจะซิวไปกิน แต่แล้วก็อยู่รอดปลอดภัยได้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ~ เฮ้อ.... ผมนั่งดูเหล่าปลาน้อยทุกวันจนวันนึงผมก็สังเกตุเห็นว่า....มีปลาตัวนึง ที่หน้าผากเริ่มมีสี อุ๊.... ผมตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปิดไฟตู้ปลา เพราะเกรงว่าสีที่เห็นมันจะเป็นสีของหลอดไฟ ประเดี๋ยวจะดีใจเก้อเมื่อปิดไฟตู้ปลาแล้วมันทำให้ผมพบว่า ผมมองไม่เห็นปลาในตู้เลย ... ไอ้บ้าเอ๊ย ก็ตู้มันมืด โง่จริงๆ เลยเรา^^^สีชมพูเรื่อๆ ตรงหน้าผากปลาไหมครับ นั่นแหละสีที่ว่า...หลังจากนั้นไม่นานผมประสบพบเจอแต่เรื่องวุ่นๆ มาตลอดจนเวลาผ่านไปเมื่อทุกอย่างเริ่มดีขึ้นผมเลยมีกระจิตกระใจจะนั่งมองปลาอย่างสงบเหมือนเดิมอีกครั้ง(รูปนี้ถ่ายเมื่อ 02-07-51) อีกด้าน ถ่ายวันเดียวกันครับ เห็นเหมือนผมไหมครับว่า มีปลาตัวนึงเริ่มแตกต่างจากปลาตัวอื่นๆ เริ่มมีลวดลาย สีสัน จากรูปแม้ภาพจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่ไอ้ปื๊ด(ชื่อของกล้องผม) มันก็ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ปลาว่ายเร็วมาก ว่ายแบบไร้ทิศทางด้วย บางทีก็อยู่นิ่งๆ พอจะกดชัตเตอร์ มันก็ว่ายหลุดออกนอกเฟรมไปแล้ว....แต่ผมเองก็ค่อนข้างดีใจมากๆ เมื่อเห็นว่าปลาที่เลี้ยงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีสมกับพี่เพื่อนผมเขาบอกว่า "สวยเหมือนพ่อมัน" ซึ่งจริงๆ น่าจะบอกว่า "หล่อเหมือนพ่อมัน" มากกว่าเนอะ สวยเหมือนพ่อ ฟังแล้วมันแปล่งๆ ชอบกลหลังจากรู้สึกล้มเหลวในการถ่ายภาพปลาคราวนี้ผมกลับมาใหม่พร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าจะถ่ายปลาให้สวยให้ได้...ผมเริ่มจากอดอาหารปลาเป็นเวลา 1 วัน เพื่อตัดกำลังมันก่อนจากนั้นเปิดไฟใฟ้ปลาตื่นตัวอีกราวๆ 2 ชั่วโมง ระหว่าง 2 ชั่วโมงก็ลองเปิดหนังสือดูเพื่อหาไอเดียในการถ่าย พอดูปลาเริ่มนิ่งแล้วจึงค่อยๆ ขยับไปใกล้ๆ ยกไอ้ปื๊ดขึ้นจอ กลั้นหายใจ....แล้วลั่นชัตเตอร์"แชะ" รูปมืดไปหน่อย คงเพราะหลอดไฟเริ่มเสื่อมแล้ว แต่ผมก็รู้สึกดีนะ ที่ถ่ายได้ขนาดนี้ ปลาตัวนี้มีขนาด ณ ตอนถ่ายประมาณเกือบๆ นิ้วครึ่งถ่ายได้ขนาดนี้ด้วยกล้องแบบไอ้ปื๊ด ถือว่าสำเร็จเกินร้อยครับ เมื่อได้ดีในรูปแรกๆ ความมั่นใจเริ่มกลับมาแล้ว จำได้วันนั้นเป็นวันที่ถ่ายรูปปลาสนุกมากๆ วันนึงเลยทีเดียว ^__^อีกซักรูป .....ในมุมมองที่คล้ายๆ กัน ว๊าก กรั๊ก กรั๊ก กรั๊กสนุกจริงๆ เว้ย เหอ เหอ เหอ รูปต่อจากนี้ไปเป็นรูปล่าสุด ถ่ายเมื่อ 29-07-50ปลาโตขึ้นมาอีกหน่อย ผมชอบมองปลาตู้นี้เป็นพิเศษ แถมตอนนี้ผมได้ย้ายฟรอนทั้ง 4 ตัว ปลาหมอมาลาวี 5 สีตัวอ้วน หมูอินโด เลลูปอาย ออกไปไว้ตู้บนแทนที่เหล่าปลาหมอจากอเมริกาใต้แล้วเจ้านี่กลับยิ่งมีสีสันสดสวยยิ่งขึ้น คงเพราะไม่มีใครข่มเขาแล้วกระมังครับ เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แถมช่วงหลังๆ นี่เห็นการทำมาหากินของเขาแล้ว ผมยิ่งรู้สึกชอบเข้าไปอีก เพราะปลาหมอตัวนี้มีวิธีการหากินคล้ายๆ ปลาหมอในกลุ่ม eartheaters ของอเมริกาใต้ด้วยตอนนี้ในตู้มีเพียงเหล่าปลาแมวน้อย-ใหญ่ว่ายวุ่นไปมา และมีปลาหมอตัวเล็กๆ จากทังกันยิกาอีกนิดหน่อยไว้ว่างๆ ว่าจะหาปลาหมอหอยมาใส่ไว้ด้วย น่จะสวยงามสมใจผมดีนะครับเอาเจ้านี่มาให้ดูด้วย ของขวัญวันมีตติ้งครั้งแรกในเวปพี่ต้นยังคงอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี กินอาหารมากที่สุดในตู้แล้วมั้งเจ้านี่ ถามว่า ตอนนี้พอใจหรือยังสำหรับ Lethrinops sp. red cap 'Itungi' ผมพอใจแล้วครับ และเชื่อด้วยว่าปลายังสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้อีกเพราะตอนนี้ปลาตัวนี้มีขนาดเพียงเกือบๆ 2 นิ้ว ผมว่ารอให้เวลาผ่านไปอีกซัก 6 เดือน เจ้านี่น่าจะสวยเต็มฟอร์มเสียที เมื่อถึงวันนั้น คงได้มีโอกาศนำภาพมาให้ได้ดู ได้ชมกันอีกครั้งสำหรับวันนี้ต้องขอจบกระทู้แต่เพียงเท่านี้แล้วนะครับขอให้ทุกท่านมีความสุข...สวัสดี
[ บ่นไปเรื่อย ] Malawi crossbreed : The one fish show
ปลาหมอมาลาวี ชื่อนี้หลายคนได้ยินได้ฟังแล้วต้องร้อง หยี๋~ เหตุผลกลใดก็ไม่ทราบได้ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ยินชื่อนี้ขึ้นมาเป็นต้องอุทานด้วยน้ำเสียงเอื่อมระอา.... ไม่เอาหรอกพี่ ดุ....ปลาแบบนี้ ใครจะเลี้ยงเอาท์แล้วพี่ เดี๋ยวนี้ต้องนี่เลย เบียส เอาซักคู่มะวุ้ย อย่ามาเซ้าซี้น่า บอกไม่เลี้ยงก็ไม่เลี้ยงดิ นั่นแหละ ..... อย่างที่ได้ทราบจากข้างบน มันเป็นเสียงที่ผมมักได้ยินเสมอ เวลาบอกใครว่า เลี้ยงปลาหมอมาลาวีไม๊ สวยนะจะบอกให้บางคนบอกว่าเลี้ยงปลาพวกนี้ต้องย้อมสี จึงจะสวย เลี้ยงไม่ได้นานก็ตาย อันนี้ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง เพราะหากเราใส่ใจในการเลือกซื้อซักนิด ไม่ใช่จะเอาแค่ราคาถูกเข้าว่า เลือกร้านที่ซื่อสัตย์ ผมเชื่อว่าเราท่านจะได้ปลาที่สวย สมราคา และไม่จำเป็นต้องย้อมสี ในการพิจารณานั้นมันก็อยู่ที่ตัวบุคคล แต่หลักๆ มันก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น สีสัน รูปทรง เครื่องครีบ สายพันธุ์ สุขภาพปลา บางท่านสืบเสาะจนเกินเลย ถึงขนาดรู้เรื่องที่เจ้าของฟาร์มมีเมียน้อยกี่คน อยู่ที่ไหนบ้าง อันนี้ผมว่าคงสืบลึกเกินไปหน่อย เกรงจะเข้าข่ายยุ่งเรื่องชาวบ้าน พาลปากจะบาดเจ็บเอาเปล่าๆผมเองเคยมีช่วงเวลาที่บ้าปลาจากทะเลสาบนี้มาก ถึงขนาดต้องเดินเข้า-ออกร้านปลาหมอสีอยู่เป็นนิจมีครั้งนึงเดินผิด เผลอเข้าไปชะโงกดูในตู้กระจก เห็นสาวๆ นั่งหน้าจิ้มลิ้ม น่าทิ้มแทง ใจนึกว่าร้านนี้ดี มีสาวๆมาโชว์ในตู้ปลาเรียกลูกค้าด้วย ซักพักมีคนเดินมาถามสนใจแบบไหนครับพี่ ไม่แตกแจกเบนซ์ แน๊......ดูมันโฆษณา วิ่งออกจากร้านไปกดเงินแทบไม่ทัน ปลากลุ่มหนึ่งที่ผม สนอกสนใจเป็นพิเศษนั่นคือกลุ่ม Aulonocara เพราะเป็นกลุ่มที่มีขนาดไม่ใหญ่ ไม่ดุร้ายบ้าบอนัก เลี้ยงง่าย กินง่าย แถมสีสวยอย่าบอกใคร แต่ก็อีกนั่นแหละ สมัยตอนที่บ้าพวกนี้ มันมีอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ชอบเอาซะเลย นั่นก็คือมาลาวี๕สี หรือ OB peacock เพราะสีกระดำกระด่าง ดูมอมแมม เหมือนเด็กแถวตะเข็บชายแดนยะไข่ ใกล้กับบังคลาเทศ ที่ไม่ชอบก็คงเป็นเพราะผมเองไม่เคยเห็นตัวสวยๆ นั่นเอง จนเมื่อได้ไปดูปลาในงานประกวด ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดรังเกียจเดียดฉัน กลายเป็นความอยากได้ใคร่มีปลาตัวที่ผมเห็นที่งานประกวดนั้นช่วงสวยงามสมกับตำแหน่ง แม้จากที่ผมทราบมาว่าปลาในงานประกวดนั้นอาจต้องเร่งสีก่อนการประกวดเสียสักหน่อย แต่ดูจากพื้นฐานของสี เม็ดสีที่เรียงตัวเป็นลาย ลักษณะโครงสร้างของปลาแล้ว ยังไงมันก็สวย ผมเองมันคนบ้าเห่ออันดับต้นๆ ของประเทศ เห็นอะไรแล้วอยากได้อยากมี ก็มักจะเดินดู เดินหาสืบราคาอยู่เรื่อย วันก่อนอยากได้เกมส์เพลย์สเตชั่น แต่ดันไม่มีเงิน เดินดูไปดูมา เลยได้เกมส์เศรษฐีมาแทน... แม้อาจไม่สนุกเท่า แต่เอาน่า มันก็เพลิดเพลินเหมือนกัน ในที่สุดก็ได้เจ้าปลาหมอมาลาวี๕สี นี่มาเลี้ยงในที่สุด ได้มาแบบงงๆ ถึงขนาดที่ว่าระหว่างทางกลับบ้าน นั่งมองปลาในถุงแล้วถามตัวเองว่า จะเอาไปเลี้ยงไว้ที่ไหนดี ปลาตัวนี้ถูกเลี้ยงอยู่ภายในตู้ 48 นิ้ว ภายในบรรจุปลามากมายหลายตัว อาหารการกินก็เป็นพวกอาหารเม็ด นานๆ ทีก็ให้หนอนแดงแช่แข็ง และไรทะเลบ้างในบางโอกาส การเปลี่ยนน้ำก็ตามโอกาส ประมาณว่า เมียเผลอแล้วเจอกัน คุณเธออยู่จะเปลี่ยนราวๆ 15-20% ถ้าไม่อยู่ บางครั้งก็ล่อไป 50% ซะงั้น มัวแต่นอนฟังเพลง ไม่รู้เหมือนกันว่าปลาจะพัฒนาไปได้ซักแค่ไหน แต่ก็จะพยายามเลี้ยงเจ้าตัวนี้ให้ดี เผื่อสักวัน ป้ายรางวัล จะแปะอยู่ที่หน้าตู้เจ้านี่บ้าง จะได้ที่เท่าไหร่ รางวัลอะไรผมไม่แคร์ เลี้ยงปลาให้มีจุดมุ่งหมาย อย่างที่ไม่ทรมานปลา และไม่ลำบากคนเลี้ยง ผมว่ามันสนุกดีนะครับ..... สวัสดี
เพื่อน ชั้น๓
ผมมีเพื่อนคนนึงที่อาศัยอยู่ในคอนโดเดียวกัน ไอ้บ้านี่เขาชอบเลี้ยงปลาพอๆ กับผม แต่แฟนมันทำขนมขาย เลยมีของเยอะ และไม่ค่อยมีเวลาดูแลปลาซักเท่าไหร่ จึงเลี้ยงได้แค่สองตู้เพื่อนคนนี้เขาอยู่ชั้นสาม ส่วนผมอยู่ชั้นห้า ผมมักจะล้อมันเล่นอยู่เสมอๆ ว่ามันเป็นพวกคนชั้นล่าง ส่วนผมมันคนชั้นสูงวันก่อนลิฟท์เสีย ทำให้ผมรู้สึกแล้วว่า การเป็นคนชั้นสูง ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป <<<ไอ้ขาลงไม่เท่าไหร่ แต่ขาขึ้นนี่ซิ เล่นเอาลมแทบจับปลาที่ไอ้เพื่อนผมคนนี้เขาชอบนักชอบหนา ก็ได้แก่ปลาหมอลูกผสม หัวเป่งๆ หน้าตากวนตีนพอประมาณ ว่ายไป-มายังกับคนโรคจิต ย้ำคิดย้ำทำปลาว่าแปลกแล้ว เพื่อนผมมันแปลกกว่า วันก่อนมันถามผมว่า มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ปลาสวยขึ้นผมเองก็ไม่ทราบ เลยบอกให้มันไปถามสาวมีสทีนพอมันได้ยินเท่านั้นแหละ มันก็ลุกหนีทำปากหมุบ หมิบ พึมพำอะไรเบาๆได้ยินแว่วๆ ว่า ขอให้มันตายโหง...ไอ้นี่มันทำงานเป็นพนักงานบริษัทฯ อะไรซักอย่าง เห็นมันบอกว่าสวัสดิการดีที่สุดในโลก มีรถรับ-ส่ง มีโอที มีชุดฟอร์ม ทำงานตรงเวลา กลางปีและสิ้นปี รับโบนัส งานสบาย เจ้านายไม่ดุ ผมฟังมันเล่าแล้วนึกอิจฉา นี่เห็นมันพูดแว่วๆ มาว่า เดือนหน้าบริษัทฯ จะจัดนำเที่ยว พาพนักงานไปเที่ยวกันทั้งบริษัทฯผมถามมันว่าเขาจะพาไปเที่ยวไหนมันบอก ไม่เสฉวนก็อิระวดี ผมฟังแล้วก็ได้แต่บอกมันว่า....นี่อาจเป็นลางบอกเหตุว่า บริษัทฯมรึงกำลังเจ๊งแฟนของเพื่อนผม เป็นคนทำขนมอร่อยมาก โดยเฉพาะขนมไข่ เวลาคุณเธออบขนมเนี่ย กลิ่นมันช่างชวนเสียตังเสียจริงๆ วันก่อนแฟนผมแกหิวเลยเดินไปซื้อขนมไข่มากิน ไอ้เพื่อนผมมันขายให้ถุงละยี่สิบ ผมทราบเรื่องนี้จึงไปถามมันว่า ทำไมขึ้นราคาขนมไข่ มันบอกที่ ตลาดสิงคโปร์ราคาแป้งขนมปังตอนนี้ บาเรล ละ 56.43 เหรียญ ชาวสิงคโปร์เดือดร้อนกันมากเพราะไม่รู้จะไปแด๊กอะไร รัฐบาลก็พยายามช่วยเหลือทุกทางโดยการแฮ๊กข้อมูลทางการทหารของประเทศ ประเทศหนึ่งที่วันๆ เอาแต่กัดกันไม่ยอมทำมาหากิน เพื่อดูดข้อมูลการทำขนมไข่ หวังว่าจะได้ทำเองบ้างประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน โดย สส. ในสภาเปิดเผยข้อมูลลับว่า นายกรัฐมนตรีอาจเปิดรายการสอนทำอาหารชื่อว่า ชิมไป แก้รัฐธรรมนูญไป ส่วนทางตะวันออกกลางเองก็กำลังเดือดร้อนกับราคาน้ำตาลที่แพงขึ้นเนื่องจากมีประเทศส่งออกน้ำตาล ประกาศขึ้นราคาอ้อย แต่ดันไม่ดูตาม้าตาเรือ อ้อยเขาเก็บไปชาตินึงแล้ว เจือกจะมาขึ้นราคาเอาตอนนี้ แทนที่เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกลายเป็นเจ้าของโรงงานรวยขึ้นแทน เจริญ....เมื่อราคาน้ำตาลแพงขึ้นจึงส่งผลกระทบต่ออาหารแทบทุกชนิด ลองนึกดู ถ้าเอ็งกินโรตีแต่ไม่ใส่น้ำตาล รสชาติมันจะแซ่บหรอ พวกประเทศทางนั้นเลยจัดการรวมหัวกันขึ้นค่าน้ำมันเพื่อกดดันให้ลดราคาน้ำตาลแต่กดดันยังไงไอ้ประเทศที่ส่งออกน้ำตาลมันก็ไม่สน เพราะคณะกรรมการที่ควบคุมเรื่องราคาพลังงาน ดันไปมีหุ้นส่วนอยู่กับบริษัทฯปิโตเรียมยักษ์ใหญ่ในประเทศ น้ำมันแพงซิดี... มันก็ยิ่งรวย ส่วนตอนนี้ประชาชนในประเทศกำลังหัดกินยอดหญ้าอยู่...อีตานี้พอน้ำมันแพงต้นทุนค่ารถในการไปซื้อของทำขนมก็เพิ่มขึ้น ข้าก็เลยต้องขึ้นราคาขนมไข่ยังไงล่ะวะ...ผมยืนมึนๆไปซักพัก ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยบอกมันว่า งั้นเอาขนมไข่มาสองถุง นึกซะว่าค่าน้ำลายมันเพื่อนผมคนนี้มันชอบให้อาหารสดกับปลาที่มันเลี้ยง โดยเจ้าตัวใหญ่ตู้บน มันจะให้เนื้อกุ้งซึ่งก็มักจะฝากผมซื้อจากห้างแถวคอนโดส่วนตัวเล็กๆ ที่มันปั้นไว้ที่ตู้ล่างก็มักจะให้หนอนแดงแช่แข็ง ซึ่งมันก็ฝากผมซื้ออีกเช่นกันณ วันที่มันฝากซื้ออาหารปลา : เฮ้ยทำไมราคามันแพงจังวะ กุ้งครึ่งโล กะหนอนแดง 6 แพ็คผมเลยบอกถึงเหตุผลที่ราคาแพงขึ้นแบบที่มันเล่าให้ฟังเรื่องราคาขนมไข่ มันอึ้งไปพักนึง เดินหันหลังกลับเข้าห้อง ก่อนปิดประตูได้ยินมันบ่นว่าจะเอาปืนมายิงใครเนี่ยแหละ ฟังไม่ถนัดเล่นกับใครรู้ซะบ้าง ไอ้เพื่อนเอ๋ย.....สวัสดี...