งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี
รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com
W e l c o m e

ปลาดิบนิวยอร์ก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ผู้แต่งได้แรงบันดาลใจจากพรมลิขิต เดจาวู หรืออะำไรก็ตาม ที่ทุกคนไม่ว่าใครก็ตามที่มีลมหายใจและเลือดในกายอุ่น อะไรในโลกที่แปลกๆก็เกิดขึ้นได้ แรงดึงดูดของความรักมีจริงๆ ผู้เขียนยืนยัน...รักนะ...

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com

Free Clock
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาดิบนิวยอร์ก's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 
มิติที่1ส่วน2ของแรงดึงดูด ตอนที่8

“คงไม่ได้” เขาปฏิเสธทันควัน “ไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยย้ำ

“อะไรนะ” เสียงเธอแหลมสูง จ้องตาเขาไม่กระพริบ ออกอาการไม่พอใจ
อย่างรุนแรงเมื่อได้ยินคำปฎิเสธ

“เล่าความจริงให้ฟังก็ได้” เธอหงุดหงิด มองเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่ประสีประสา

“ฟังนะที่ทำเนี่ย เพราะมันมีคนที่ไม่หวังดี ใครๆก็จ้องหาผลประโยชน์ไม่มีใครจริงใจเลยสักคน ที่มหา’ลัยก็ไม่ได้สนิทกับใคร ยิ่งในวงธุรกิจน้ำส้มเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อ ส่วนไอ้พวกผู้ชายรอบๆกายคุณพ่อนะเหรอ มันก็มองน้ำส้มเป็นขนมหวานหน่ะสิ นี่ยังไม่รวมคำพูดที่พวกมันนินทาลับหลังอีกนะ”

หญิงสาวส่ายหน้า ดวงตาแข็งกร้าวดูราวกับคนละคน หล่อนแอบชำเลืองตามองชายหนุ่มเหมือนหยั่งเชิง ก่อนเริ่มพูดต่อ

“ใช่...คุณพ่อไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้หรอก ชอบคิดแต่เรื่องงานๆๆ มีไหมที่เคยสนใจ
ความรู้สึกลูกตัวเอง”
หญิงสาวระบายอารมณ์ด้วยวาจาเหน็บแนม

ริวเหยียดริมฝีปาก ขยับคอเสื้อคลายความอึดอัดที่ร้อนรุ่มอยู่ในอก พยายามคิดหาคำพูดเจรจาให้เธออารมณ์เย็นลง

“ใจเย็นนะ ที่มาตามนัดก็เพราะ พี่อยากรู้ว่าน้ำส้มต้องการเจอพี่เพื่ออะไร และถ้าหากเดือดร้อนพี่ก็พร้อมจะช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้ เราสองคนเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะกันเท่านั้น...” เขาหนักใจที่ต้องพูด แต่ก็ยอมไม่ได้ ที่ถูกดึงให้เข้ามาพัวพันกับเรื่องปัญหาภายในครอบครัว

และเมื่อน้ำส้มได้ยินในสิ่งที่เขาพูด จู่ๆ ความเงียบก็แผ่เข้าปกคลุมคนทั้งสอง
ริวข่มใจ รอฟังคำตอบที่จะระเบิดออกมาจากปากของเธอ แต่ผิดคาด หญิงสาวไม่มีท่าทีแสดงปฎิกิริยารุนแรงใดๆ
อาการที่ตอบสนองกลับกลายเป็นความผิดหวัง ที่ฉาบทั่วใบหน้าสวยงามของหล่อน

หญิงสาวกัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ที่ไม่เป็นไปอย่างใจ
สองมือเล็กๆกำพวงมาลัยรถยนต์แน่น

ริวรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถ พยายามไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่าย

เมื่อหญิงสาวเห็นแน่ๆแล้วว่าเขาไม่แคร์ เธอจึงเหยียบคันเร่ง

เสียงล้อรถยนต์บดขยี้พื้นถนนดังลั่น
ริวมองรถยนต์มินิคูเปอร์คันงาม อย่างไม่เชื่อสายตา ว่าเจ้าของจะมีอารมณ์แปรปรวนมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้เริ่มต้นรู้จักเธอสักเท่าไหร่เลย
แล้วตอนนี้มันจะสายเกินไปไหม หากเขาจะย้อนกลับไปพบมิเชลที่โรงพยาบาล
------------------------------------------------------------------
หลังจากตรวจเช็คสายน้ำเกลือ วัดความดันและชีพจรเรียบร้อย นางพยาบาลทิ้ง

เธอไว้คนเดียวในห้องพักกับความเงียบอีกครั้ง มิเชลรู้สึกหดหู่จนไม่อยากจะขยับร่างกาย ไม่อยากลืมตามองเห็นอะไรเดิมๆรอบตัว อารมณ์ซึมเศร้าแทรกซ้อนเข้ามาพร้อมกับอาการป่วย แพทย์ยังไม่แจ้งเรื่องการรักษา เพราะต้องการติดต่อรายงานผลกับพ่อและแม่ของเธอโดยตรง ส่วนเชอรี่มีนัดประชุมกับลูกค้าช่วงเช้า มีเรียนปริญญาโทต่อช่วงเย็น จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอได้อีกครั้งก็หลังสี่ทุ่มของคืนนี้

เมื่อหญิงสาวต้องอยู่คนเดียวในห้องเป็นเวลานาน หนังสือต่างๆที่เพื่อนทิ้งไว้ให้อ่านก็ยังพอช่วยคลายเหงา นิตยสารวัยรุ่น หนังสือพิมพ์หลายฉบับ มิเชลหยิบอ่านพลิกไปพลิกมาจนครบทุกหน้า เมื่อไม่รู้จะทำอะไรเธอจึงตัดสินใจลุกจากเตียงผู้ป่วย เดินออกมานอกห้อง หวังจะไปติดต่อเจ้าหน้าที่ขอใช้โทรศัพท์ มิเชลต้องการสอบถามพ่อกับแม่เรื่องวันและเวลาที่จะมาถึงเมืองไทย เมื่อนั้นเธอหวังว่าคงจะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที ส่วนเรื่องจะอยู่ต่อ หรือจะกลับนิวซีแลนด์ก็ค่อยปรึกษาว่ากันอีกครั้ง

หญิงสาวค่อยๆลากเสาแขวนน้ำเกลือออกมาภายนอก แต่กลับไม่พบใครคนใดที่เป็นเจ้าหน้าที่ บรรยากาศดูเงียบเหงาวังเวงผิดปกติ เธอยืนรอ ชะเง้อคอมองหาใครสักคน….เธอยืนอยู่ตรงนั้น หันซ้ายหันขวา ลังเลว่าจะกลับเข้าห้องหรือเดินหน้าต่อไป ระหว่างจมอยู่กับการตัดสินใจของตนเอง เสียงฝีเท้าของใครบางคนบ่งบอกว่ากำลังเดินมาทางนี้ มิเชลจ้องมองเพ่งตรงไปยังต้นเสียงนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อบุคคลตรงหน้ากลับเป็นแค่ผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอย่างที่นึกไว้ มิเชลตัดสินใจหันหลังกลับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อผู้ชายที่เดินมาคนนั้นเอ่ยทักเรียกชื่อเธอ

“เฮ้ มิเชล นั่นคุณนี่” เสียงของเขาสดใสคล้ายระฆังกังวาน เปรียบเหมือนดั่งปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้าย
หญิงสาวหรี่ตามอง ความทรงจำเริ่มเข้าที่เข้าทาง ใบหน้าเขาดูแจ่มชัดยิ่งนัก ชัดเจนยิ่งกว่าในความฝัน
เพราะตอนนี้เขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“คุณดูปลอดภัยไร้กังวลนะ” ริวตื่นเต้นดีใจ เพราะเห็นเธอแตกต่างจากวันแรกที่เจอกัน

'ฉันฝันเห็นคุณใช่ไหม’ เกิดคำถามแทรกขึ้นในห้วงคิด

‘คุณไม่ได้ฝัน ผมช่วยคุณไว้ เราคุยกันผ่านการสัมผัส คุณบอกผมว่าคุณคือใคร ตอนนั้นผมเป็นห่วงคุณมากเหลือเกินแต่ไม่รู้จะบรรยายได้ยังไง’
ริวแค่คิด ไม่ได้เปล่งเสียงเป็นคำพูด

‘ขอบคุณที่เป็นห่วงและขอบคุณที่ช่วยฉัน’ มิเชลคิดตอบโดยไม่ได้ขยับริมฝีปากเช่นกัน

'ผมได้ยินในสิ่งที่คุณคิด' ริวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

‘แล้วทำไมฉันได้ยินในสิ่งที่คุณคิดเหมือนกันล่ะ’ หญิงสาวตื่นตะลึงแสดงสีหน้าประหลาดใจ พร้อมกันนี้ เธอรวบรวมกำลังเก็บอาการที่เรียกว่าตกหลุมรักเอาไว้ก้นบึ้ง ไม่ให้หลุดรอดออกมานอกแววตาที่เขาจับจ้องอยู่ มันคงเร็วไปหากจะใช้คำนั้นระหว่างเขาและเธอ

แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนดั่งเหตุการณ์หลังอุกาบาตพุ่งเข้าชนแล้วตกลงบนพื้นโลก แรงสั่นสะเทือนแรงเสียดทานของชั้นบรรยากาศและเพลิงไฟที่เผาไหม้ ต่างๆค่อยๆหยุดนิ่ง สรรพสิ่งรอบกายสงบเงียบงัน ทิ้งไว้แค่เพียงร่องรอยของอุกาบาตในหลุมลึก

เงียบสงัดจนแทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของคนทั้งคู่ ริวก้าวขาขยับตัวเข้า
ใกล้จนลมหายใจเกือบจะรดใบหน้าเธอ

‘ผมคิดมาตลอดว่าเราสองคนจูนคลื่นสมองหากันได้' เขาคิดพร้อมกวาดตาไปทั่วทั้งวงหน้าของหญิงสาว

‘ฉันกับคุณเนี่ยนะเหรอ ท่าจะบ้ากันใหญ่แล้ว' มิเชลหัวเราะในลำคอ หน้าร้อนผ่าว

‘แน่นอนที่สุด เราสื่อสารกันได้ทางโทรจิต แต่พิสุจน์ไม่ได้ว่าเพราะอะไรที่เราสองคนได้ยินกันและกัน’
ชายหนุ่มยกมือ ปัดปอยผมข้างแก้มเธออย่างอ่อนละมุนนุ่มนวล ราวสัมผัสผิวทารกน้อย

‘แปลกนะ คุณว่าไหม’ มิเชลคิดยิ้มแก้มปริ สีหน้ายังคงแปลกใจจนพูดอะไรไม่ออก

‘ใช่แปลก หรือว่าคุณเป็นเอเลี่ยน’ ชายหนุ่มคิด ส่งยิ้มหยอกเย้าให้เธอ

เหมือนปาฏิหารย์ ผู้คนเริ่มทยอยโผล่หน้าออกมาให้เห็น เจ้าหน้าที่หญิงสูงวัยผู้หนึ่งแอบเหลือบมองทั้งสอง แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มิเชลยักไหล่ไม่สนใจ ทั้งคู่ยืนขวางทางไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวหลบหลีก ชายหนุ่มหญิงสาวต่างยืนจ้องหน้ากันและกันค้างอยู่อย่างนั้น เนิ่นนาน ไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่กำลังจ้องมองอยู่ ราวทั้งคู่เป็นสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่ลำพังเพียงสองคนบนโลกใบนี้เท่านั้น



Create Date : 17 มิถุนายน 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 15:58:42 น. 2 comments
Counter : 179 Pageviews.

 
โรแมนติคจริงๆค่ะ
รอคุณปลาดิบนิวยอร์คเขียนเพิ่มนะคะ
...เร็วๆด้วย
(ประหนึ่งสำนักพิมพ์ทวงต้นฉบับ..อิอิ)


โดย: โพลาโพล่า IP: 125.25.171.184 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:17:19:22 น.  

 
จะรีบคร้าบบบบบบบบ ยินดีปรีดานะเนี่ย


โดย: ปลาดิบนิวยอร์ก วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:17:23:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.