~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~....ผู้หญิงธรรมดา....บางเวลาอาจไร้ค่า ไร้ความหมาย
Group Blog
 
All blogs
 

ปริศนาลึกลับของคดีฆาตกรรม ลินคอล์น-เคนเนดี้

นับแต่ปี ค.ศ. 1963
อันเป็นปีที่ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ถูกสังหาร มาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ นาน 45 ปีแล้ว แต่เรื่องราวการสังหารโหด ยังไม่เสื่อมคลายไปจากความทรงจำ อย่างสิ้นเชิงทีเดียวนัก เฉกเช่นเดียวกับ การสังหารประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ในปี 1865 ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังมีคนพูด และเขียนถึงอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวความบังเอิญอย่างน่าประหลาดใจ ในกรณีฆาตกรรมทั้งสองราย ซึ่งห่างกันตั้งร้อยกว่าปี แต่มีความละม้ายเหมือนกันหลายอย่าง-นั่นน่ะ ถูกกล่าวถึงและจัดไว้ในทำเนียบเรื่องพิศวงอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทีเดียวค่ะ เพราะผู้ที่ติดตามเรื่องฆาตกรรมทั้งสองราย ได้สรุปเอาความละม้ายเหมือนกัน มาเสนอรวมเบ็ดเสร็จถึง 16 ข้อ ซึ่งผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ดังต่อไปนี้


1. อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯในปี 1860 ส่วนจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 1960 นับเป็นเวลาห่างกันหนึ่งร้อยปีเต็มพอดิบพอดี

2. ประธานาธิบดีทั้งสอง ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเรื่องสิทธิ ของคนผิวดำด้วยกันทั้งคู่

3. ประธานาธิบดีทั้งสอง ถูกลอบสังหารในวันศุกร์ ต่อหน้าภริยาของตนเช่นเดียวกันทั้งคู่

4. ภริยาของประธานาธิบดีทั้งสอง ต่างก็สูญเสียบุตรชายไปในระหว่าง ที่พำนักอยู่ในทำเนียบขาวเหมือนกัน

5. ประธานาธิบดีทั้งสอง ถูกลอบสังหาร ด้วยกระสุนปืน ที่ยิงจากข้างหลัง ทะลุศีรษะ เหมือนกันทั้งคู่


6. ประธานาธิบดีลินคอล์น ถูกยิงในโรงละครฟอร์ด ของ เฮนรี่ ฟอร์ด ส่วนประธานาธิบดีเคนเนดี้ เผชิญมรณะ ในรถฟอร์ดลินคอล์น ซึ่งผลิตโดยบริษัทรถยนต์ ของเฮนรี่ ฟอร์ด เช่นกัน


7. ความบังเอิญที่ตรงกัน อย่างน่าประหลาด อีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากการลอบสังหารแล้ว ผู้ขึ้นสืบแทนตำแหน่ง ประธานาธิบดีทั้งสองครั้ง ได้แก่รองประธานาธิบดีที่มีชื่อว่า "จอห์นสัน" เหมือนกัน คือสมัยลินคอล์นนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งแทนเขา ได้แก่รองประธานาธิบดี แอนดรู จอห์นสัน (Andrew Johnson) ส่วนรองประธานาธิบดีสมัยเคนเนดี้ชื่อ ลินดอน จอห์นสัน (Lyndon Johnson) ที่เหมือนกันอีกอย่างคือ รองประธานาธิบดีทั้งสองคนมาจากภาคใต้ และผ่านการเป็นวุฒิสมาชิก (Senator) มาแล้วทั้งคู่


8. แอนดรู จอห์นสัน เกิดในปี 1808 ส่วนลินดอน จอห์นสัน เกิดในปี 1908 ห่างกันหนึ่งร้อยปีเต็มพอดี


9. คนที่อยู่ใกล้ ตัวประธานาธิบดีทั้งสอง ก็เหมือนกัน โดยบังเอิญด้วยอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เลขานุการ ของประธานาธิบดีลินคอล์น มีชื่อแรกว่า "จอห์น" ส่วนเลขานุการส่วนตัว ของประธานาธิบดีเคนเนดี้ มีชื่อสกุลว่า "ลินคอล์น"


10. คนร้ายที่สังหาร ประธานาธิบดีลินคอล์น ซึ่งชื่อ จอห์น วิลกีส์ บูธ (John Wilkes Booth) เกิดในปี 1839 ส่วนคนร้ายสังหารเคนเนดี้ ชื่อ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) เกิดในปี 1939 ห่างกันหนึ่งร้อยปี เต็มพอดี


11. มือสังหารทั้งสองต่าง ก็เป็นชาวภาคใต้ ที่มีความคิดรุนแรงจัดทั้งคู่


12. มือสังหารทั้งสองต่าง ก็ถูกสังหารดับชีพเสียก่อน ที่จะถูกนำไปพิจารณาโทษในศาล


13. บูธยิงลินคอล์นในโรงละคร แล้วหนีไปซ่อนในโรงนา ส่วนออสวอลด์ยิงเคนเนดี้จากที่ซ่อน ในโรงเก็บสินค้า แล้วหนีเข้าไปในโรงหนัง


14. ชื่อ "ลินคอล์น" และ "เคนเนดี้" สะกดด้วยอักษร 7 ตัวเท่ากัน


15. ชื่อรองประธานาธิบดี "แอนดรู จอห์นสัน" และ "ลินดอน จอห์นสัน" ประกอบด้วยตัวอักษร 13 ตัวเท่ากัน


16. ความเหมือนกันโดยบังเอิญ ข้อสุดท้ายคือ ชื่อของมือสังหาร "จอห์น วิลกีส์ บูธ" และ "ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์" ล้วนประกอบด้วยอักษร 15 ตัวเท่ากันด้วย


เครดิต..หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ...
ที่ไปเอามา....artsmen.net

มันก็เป็นข่าวเก่าแล้วล่ะค่ะ..แต่เราว่ามันยังน่าสนใจอยู่...คนที่เขาเปรียบเทียบ
ก็ช่างเปรียบเทียบเก่งจริงๆเล้ย...นับถือๆ


















 

Create Date : 26 มกราคม 2551    
Last Update : 26 มกราคม 2551 6:29:00 น.
Counter : 370 Pageviews.  

"Zero Factor" อาถรรพณ์หมายเลขมรณะกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา







เลข 0 สำหรับเราแล้วเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจะให้ความหมายในเชิงลบ

ไม่ใช่แค่ความว่างเปล่าเท่านั้น บางยังมองมันในแง่ของความศูนย์เสียอีกด้วย

เชื่อกันไหมคะว่า ในประวัติศาสตร์ของชาติอเมริกานั้น มีประธานาธิบดีถึง 7 คน

ที่ต้องเสียชีวิตในขณะดำรงตำแหน่งเพราะเลข 0

"ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย"

ถือเป็นอมตะวาจาที่มีคนนิยมพูดกันมากที่สุดประโยคหนึ่ง

และการซ้ำรอยดังกล่าวก็มักจะหมายถึงซ้ำรอยในแง่ร้ายมากกว่าในแง่ดีค่ะ

(กรณีหลังนี่ เรียกโชคสองชั้นจะดูเชยไปมะ?)

ดังนั้น คำว่าเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงเป็นคำพูดยอดนิยมอีกประโยคหนึ่ง

ซึ่งเรามักพูดกันในตอนที่เตรียมตัวป้องกันเรื่องร้าย ๆ อะไรสักอย่าง

ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตและมีแนวโน้มว่า เรื่องในทำนองเดียวกันนี้อาจเกิดขึ้นได้

หากเราไม่เตรียมการล่วงหน้า

เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เองก็มีเรื่องที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

เป็นต้นว่าการเปลี่ยนรัชกาลในประเทศจีนโบราณ

หรือกรณีของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง

หรือแม้กระทั่งการเมืองของไทยเองที่สมัยก่อนเรียกกันว่าวงจรอุบาทว์

สิ่งเหล่านี้ถูกเรียกกันว่ากงล้อแห่งประวัติศาสตร์ค่ะ

เพราะมันวนเวียนเกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนบางทีเราสามารถประเมินเหตุการณ์ในอนาคตจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้

แต่การย้อนรอยประวัติศาสตร์เท่าที่มีการบันทึกไว้ คงจะไม่มีตัวอย่างใดน่าทึ่งและน่าพิศวงเท่ากับตัวอย่างของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่สองท่าน คือ

จอห์น เอฟ เคนเนดี้ กับ อับราฮัม ลินคอล์น

บางท่านที่สนใจอเมริกันศึกษาหน่อยอาจจะชัก งง

เอ๊ะ สองท่านนี้เหมือนกันที่ตรงไหนฟะ

เพราะลินคอล์นเป็นคนค่อนข้างขี้เหร่ เงียบขรึม เยือกเย็น และไม่เจ้าชู้

ในทางกลับกันกับท่าน จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดี้ ที่หล่อเหลาเอาการ

เลือดร้อนจนขึ้นชื่อ (ประมาณว่าขนาดครุสชอฟของรัสเซียที่บ้าบิ่นขนาดถอดรองเท้าตบโต๊ะในที่ประชุมสหประชาชาติ ต้องยอมสยบให้ในกรณีปัญหาขีปนาวุธของรัสเซียในคิวบา ซึ่งตอนนั้นทั่วโลกถึงกับหนาวขี้ คิดว่าสงครามระหว่างสองมหาอำนาจต้องเกิดแล้วแน่ ๆ)

ข้อสำคัญนะคะ ท่านเคนเนดี้ของเราเจ้าชู้ขนาดคาซโนวายังอายเลย

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดี 2 ท่านนี้สิคะ

ช่างคล้ายคลึงกันจนแทบจะแนบเป็นรอยสนิท นี่คือกงล้ออันมหัศจรรย์ของประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนถึงกันมานักต่อนัก

เราลองมาดูกันไหมคะว่า เจ้ากงล้อประวัติศาสตร์ดังกล่าวเนี่ย มันเป็นมาและเป็นไปอย่างไร

ประธานาธิบดีทั้ง 2 ท่าน ถูกลอบสังหารเหมือนๆกัน และการลอบสังหารทั้งสองครั้งนี้ คนร้ายใช้ปืน แถมซัดเข้ากลางหัว เหมือนกันทั้งสองครั้งด้วย ลินคอล์นและเคนเนดี้ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ ในขณะที่ประเทศเต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างรุนแรง โดยประเด็นหลัก อยู่ที่เรื่องของสีผิว

นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของความคล้ายกัน ลองอ่านต่อไปอีกนิดสิคะ แล้วท่านจะเห็นว่าบางทีประวัติศาสตร์ก็เล่นตลกร้ายได้จนขำไม่ออกเหมือนกันแหละ

อับราฮัม ลินคอล์น เดินทางเข้าสู่สภาคองเกรสหรือสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1847

โดยได้รับเลือกจากประชาชนรัฐอิลลินอยส์ เช่นเดียวกัน... จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ก็ได้รับเลือกจากรัฐแมสซาจูเสท เดินทางเข้าสู่สภาคองเกรสในปี ค.ศ. 1947

หรืออีกหนึ่งร้อยปีต่อมาพอดี๊พอดี

อีก 13 ปีให้หลัง ลินคอล์น ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1860 และมันก็ช่างเหมือนกันเหลือเกิน เคนเนดี้ ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรับอเมริกาในอีก 13 ปีต่อมา หลังจากที่เข้าสภาคองเกรส แต่เป็นปี 1960 ซึ่งห่างกันร้อยปีพอดีเหมือนกัน

ในปี 1856 ที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย บุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้เข้าคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น

ถึงทั้งคู่จะไม่ประสบความสำเร็จ ในตำแหน่งประธานาธิบดีและรอง แต่อีก 4 ปีต่อมา ลินคอล์นกลับได้รับเลือกให้เป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง

นับจากปี 1856 อีกหนึ่งร้อยปีต่อมา เคนเนดี้ของเรา ได้รับการเสนอชื่ออย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ให้เข้าร่วมชิงชัยตำแหน่งรองประธานาธิบดี

จากที่ประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองชิคาโก และก็เป็นไปดังที่ท่านคาดแหล่ะค่ะ

เคนเนดี้และผู้ร่วมชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ตกกระป๋องไปเรียบร้อย แต่ประวัติศาสตร์ที่ลอกเลียนตัวเองก็เกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 4 ปีต่อมา เมื่อเคนเนดี้ได้รับเลือกเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เช่นเดียวกับลินคอล์น เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน

บังเอิญหรือคะ? ก็อาจจะใช่ แต่เราลองมาดูรายละเอียดพวกนี้กันก่อนดีไหมเอ่ย?

ในช่วงต้นของการนับคะแนนเสียง เมื่อปี ค.ศ. 1860 ลินคอล์นมีคะแนนเสียงนำคู่ต่อสู้คือ สตีเฟน เอ. ดักลาส

แต่เมื่อผลของคะแนนจากรัฐทางใต้ถูกส่งเข้ามา ลินคอล์นก็เริ่มแพ้ และในที่สุดเขาก็มีคะแนนเสียงเป็นรองดักลาสอยู่เล็กน้อย

ตามระบอบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ จะมีการลงคะแนนเสียงอีกครั้งหนึ่ง โดยการใช้คะแนนเสียงของคณะผู้แทนเลือกประธานาธิบดี ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้ง จากประชนในมลรัฐต่างๆเรียกว่า Electoral College

ผลปรากฏว่า อับราฮัม ลินคอล์น ชนะผลการโหวตจากอีเล็คโทรัลคอลเลจ เขาจึงได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ ซึ่งเรา(หรือเขา?)เรียกประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกในลักษณะนี้ว่า "Minority President"

หันมาดูพ่อเคนเนดี้ของเราบ้าง ในปี 1960 คะแนนเสียงของเคนเนดี้ในช่วงต้นๆ นำมาตลอด แต่เมื่อการนับคะแนนจากรับทางใต้ขึ้นกระดาน เคนเนดี้ก็มีแววจะล่องจุ๊น เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง ปรากฏว่าเคนเนดี้แพ้ popular Vote แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ เขากลับไปชนะจากคะแนนเสียงของอีเล็คโตรัลคอลเลจ
กลายเป็น "Minority President" เหมือนกับลินคอล์นเปี๊ยบเลย ซึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐมีอยู่ไม่กี่คน

ข้อสังเกตที่น่าทึ่งต่อไปก็คือ ทั้งเคนเนดี้และลินคอล์น ในตอนที่เข้าชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งสองมีผู้ร่วมทีมในการแข่งขันเพื่อเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดีชื่อท้ายเหมือนกันอีกคือ "จอห์นสัน"

ของลินคอล์นนั้นมีชื่อเต็มว่า แอนดรู จอห์นสัน

ส่วนรายของเคนเนดี้นั้นคือ ลินดอน บี. จอห์นสัน

ถึงแม้ชื่อจะต่างกันอยู่บ้าง (ถ้าเหมือนกันหมดนี่ ประวัติศาสตร์ก็ชักจะเล่นตลกเกินไปหน่อยแล้ว จริงไหมคะ?)

แต่วิถีทางการเมืองของทั้งคู่ก็คล้าย ๆ กันค่ะ

แอนดรู และลินดอนต่างก็เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ผู้มีชื่อเสียงจากรัฐทางตอนใต้ ทั้งเคนเนดี้และลินคอล์นเลือกจอห์นสัน(โอย...งง) ก็เพราะหวังที่จะดึงคะแนนจากรัฐทางตอนใต้

แอนดรู จอห์นสันเกิดปี ค.ศ. 1808 ส่วนลินดอนจอห์นสันเกิดปี 1908 ต่างกันร้อยปีพอดีเป๊ะ (อีกแล้ว^^)

วันศุก์ที่ 14 เมษายน ปี 1865 อันเป็นวันมรณะของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ผู้ประกาศการเลิกทาสของสหรัฐอเมริกานั้น ท่านประธานาธิบดีจำใจต้องไปนั่งดูละครเรื่อง Our America Cousin ที่โรงละครฟอร์ด ในวอชิงตัน เนื่องจากทนการรบเร้าของศรีภริยาไม่ได้

และที่โรงละครแห่งนี้เองค่ะ หนุ่มน้อยชาวใต้คนหนึ่งนาม John Wilkes Booth
ก็มาถึง บูทเป็นหนุ่มน้อยหัวรุนแรง ที่มีเพลิงแค้นสุมอก จากการพ่ายแพ้ของฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง เนื่องจากบูทเป็นคนมีชื่อเสียง และสามารถเข้าออกโรงละครได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อทราบข่าวว่าลินคอล์นจะมา แผนฆาตกรรมปริศนาที่ไม่ต้องอาศัยคินดะอิจิหรือโคนัน มาคลี่คลายจึงได้เริ่มต้นขึ้น

ในขณะที่ละครกำลังดำเนินไปนั้น ฆาตกรผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ผู้นี้ได้ย่องเข้าไปด้านหลัง ของประธานาธิบดีลินคอล์น ในระยะประชิด

ปืนพกที่ถูกซ่อนมาถูกเล็งไปที่ศีรษะของท่านอย่างบรรจง ไกปืนเหนี่ยวโป้งส่งกระสุนเข้าเป้าอย่างไม่มีพลาด

ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกฝ่ายที่อยู่ในเหตุการณ์ จากนั้นบูทอาศัยความชุลมุนวิ่งหนีออกจากโรงละคร

โดยมีตำรวจไล่ตามอย่างกระชั้นชิด การไล่ตามจะสร้างความโกลาหลบนท้องถนนเหมือน The Matrix: Reloaded หรือไม่ประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวไว้

สิ่งที่เราทราบก็คือฆาตกรผู้นี้หนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บของ(ซึ่งใช้เก็บบุหรี่) และถูกตำรวจจับตัวได้ในที่สุด

ข้างฝ่ายท่านประธานาธิบดีนั้นเล่า ท่านได้ถูกส่งตัวสู่การผ่าตัดฉุกเฉิน โดยนายแพทย์มือหนึ่งของประเทศ แต่ก็ไม่อาจรั้งชีวิตท่าน กลับจากอ้อมกอดของมัจจุราชได้ ข่าวการอสัญกรรมของประธานาธิบดีลินคอล์น จึงกระจายไปทั่วประเทศ และถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ในลักษณะนี้

ส่วนตัวของบูทเอง เขาถูกฆาตกรปริศนา ลอบยิงถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ซึ่งจนปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่า การฆ่าบูทนั้นเกิดจากความแค้นของคนที่รักประธานาธิบดีลินคอล์น หรือเป็นเพียงการฆ่าตัดตอน เพื่อไม่ให้มีการสืบสาวราวเรื่องไปจนถึงตัวผู้บงการได้

กาลเวลาผ่านมาถึงวันที่ 22 พ.ย. 1963 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้
ผู้มีแผนจะหาเสียงจากรัฐทางตอนใต้ซึ่งฐานเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก และเพื่อหวังผลการเลือกตั้งอันจะมีขึ้นในปีถัดไป คือ ค.ศ. 1964

ท่านประธานาธิบดีจึงขึ้นเครื่อง เดินทางไปยังรัฐเท็กซัส เครื่องบินของกองทัพอากาศ ร่อนสู่สนามบินดัลลัส ในเช้าวันนั้น ท่ามกลางประชาชนที่มาต้อนรับกันอย่างคับคั่ง ขบวนรถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง โดยมีท่านประธานาธิบดีนั่งรถเปิดประทุนเคียงคู่กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง มาดามเคนเนดี้ โดยหารู้ไม่ว่า กงล้อประวัติศาสตร์ กำลังหมุนมาบรรจบครบวาระอีกรอบ ณ วันนั้น

ลี ฮาร์วีย์ ออสวัลด์ (Lee Harvey Oswald) คือผู้ร้ายรายนั้น!!!

ออสวัลด์ต่อต้าน นโยบายเกี่ยวกับคิวบา ของประธานาธิบดีเคนเนดี้อย่างรุนแรง และเมื่อสบโอกาส ชายหนุ่มจึงเตรียมสมนาคุณพิเศษให้กับมหาบุรุษที่เขาแอนตี้

บนยอดตึกโรงแรม ของโรงเรียนมัธยมเท็กซัส ออสวัลด์ยึดจุดนี้เป็นทำเลลอบสังหาร และเมื่อรถของประธานาธิบดี เคลื่อนเข้ามาในระยะหวังผล ออสวัลด์ก็กระชับไรเฟิลเล็งเป้า ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่เป็นช่องโหว่ของตำรวจคุ้มกัน กระสุนจึงพุ่งเข้าเป้าอันเป็นศีรษะของท่านประธานาธิบดีอย่างตรงเผง

ขณะนั้นเป็นเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เคนเนดี้ถูกนำเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน ศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศ ถูกระดมตัวมาให้ความช่วยเหลือ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจช่วยชีวิตของประธานาธิบดีเคนเนดี้ได้ ทั่วโลกถึงกับตกตะลึงในข่าวการอสัญกรรมของมหาบุรุษผู้นี้

ส่วนอาโลฮ่า เอ๊ย... ออสวัลด์ถูกตำรวจไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด เขาหนีตำรวจเข้าไปหลบอยู่ในโรงละคร แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของตำรวจที่แห่กันมาตามล่าได้ ออสวัลด์ถุกคุมขังไว้ได้ไม่นานนัก มือมืดอีกรายก็โผล่มาร่วมสังฆกรรมจนได้

ฆาตกรมือที่สามมีนามว่า แจ็ค รูบี้ ค่ะ เขาซัดออสวัลด์ลงนรก ขณะที่มีการย้ายตัวผู้ต้องหา เพื่อทำการเปลี่ยนที่คุมขัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นี่คือการล้างแค้นให้ท่านประธานาธิบดี หรือการฆ่าตัดตอนเพื่อป้องกันการสาวไปถึงตัวผู้บงการ

ที่กล่าวมาทั้งหมดคือเหตุการก่อนอสัญกรรมของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่สองคน ที่มีที่มาที่ไปและเรื่องราวคล้ายคลึงกันมาก แล้วเชื่อไหมคะ

ตอนที่ลินคอล์นจะออกไปดูละครที่โรงละคร ฟอร์ดนั้น เลขานุการส่วนตัวของท่านได้ทักท้วงมิให้ลินคอล์นออกไป เลขานุการคนนั้นชื่อ เคนเนดี้!!!

และก่อนที่ประธานาธิบดีเคนเนดี้จะเดินทางไปพบจุดจบที่ ดัลลัส เลขานุการส่วนตัวก็ได้ทักท้วง อ้อนวอนมิให้เคนเนดี้ เดินทางไปเช่นกัน เลขานุการผู้นั้นชื่อลินคอล์น!!!???

นอกจากนั้น ดูเหมือนว่ากงล้อประวัติศาสตร์เล่นตลกกับชะตาของผู้เกี่ยวข้องอย่างเหลือเชื่อ ลินคอล์นถูกมือสังหารลอบยิงที่โรงละคร แล้วหนีไปจนมุมที่โรงเก็บของ

ในขณะที่เคนเนดี้ถูกลอบยิง จากหลังคาโรงเก็บของ แล้วหนีไปจนมุมที่โรงละคร อย่างกับฟิล์มฉายกลับ ประธานาธิบดีทั้งสองท่านถูกยิงฟุบในอ้อมอกศรีภรรยา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐทั้งคู่...

ส่วนมือปืนทั้งสองรายนั้นเล่าคะ ทั้งบูทและออสวัลด์ ต่างก็ไปรายงานตัวกับยมบาลด้วยน้ำมือของมือที่สาม โดยไม่มีโอกาสไปแก้ต่าง หรือฟังคำพิพากษาจากศาล ในคอกจำเลย เลยแม้แต่น้อย และจนบัดนี้ความมืดมนของคดีฆาตกรรมสะเทือนโลกทั้งสอง ก็ยังคงดำมืดทิ้งเบาะแสอันมิอาจไขให้กระจ่าง ให้คนรุ่นหลังได้ขบคิดกันต่อว่า อะไรกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารมหาบุรุษทั้งสองท่านนี้

ความตายที่คล้าย ๆ กับการฉายซ้ำของประวัติศาสตร์นี้ หลายคนเชื่อกันว่ามันมิได้เกิดขึ้นแต่กับลินคอล์นและเคนเนดี้ เรื่องของทั้งคู่เป็นเพียงห่วงโซ่ 2 วง ในห่วงโซ่มรณะของตัวร่วมหมายเลขศูนย์ (Zero Factor)

ตัวร่วมหมายเลข 0 คืออะไร?

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีทุกคนของสหรัฐ ที่ได้รับการเลือกตั้งในปีที่ ค.ศ. ลงท้ายด้วย "0" นั้น ไม่มีใครมีชีวิตรอด ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ประมุขสูงสุดของสหรัฐอเมริกาแม้สักคนเดียว!!!

- ค.ศ. 1840 วิลเลียม เฮนรี แฮริสัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี แต่ 1 เดือนภายหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง แฮริสันก็ลาโลกไปด้วยโรคปอดบวม

- ค.ศ. 1860 อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก และมีชีวิตยืนยาวมาจนถึงสมัยที่ 2 ซึ่งในที่สุดลินคอล์นก็ถูกลอบสังหารดังเหตุการณ์ที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น

- ค.ศ. 1880 เจมส์ เอ. การ์ฟิลด์ (^^) ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ท่านดำรงตำแหน่งได้เพียงแค่ 6เดือนเท่านั้น ก่อนจะถูกมือปืนลอบยิงดับดิ้นสิ้นชีวาไปอีกหนึ่งท่าน

- ค.ศ. 1900 วิลเลี่ยม แมคคินเลย์ ครองตำแหน่ง president และอาศัยอยู่ในทำเนียบขาวได้ไม่ถึงปี ก็ถูกคู่ปรปักษ์ทางการเมืองบุกเข้าพบ บุกไม่บุกเปล่าพี่แกดันถือปืนเข้ามาด้วย แมคคินเลย์เลยสิ้นชีพไปในลักษณะนี้

- ค.ศ. 1920 วาร์เรน จี. ฮาร์ดิ้ง เดินทางสู่ทำเนียบขาวบ้าง แต่แล้วก็ล้มป่วยลง อาการของท่านมีแต่ทรุดกับทรุด ในที่สุดฮาร์ดิ้งก็ถึงแก่อสัยกรรมไปด้วยโรคร้าย ถึงกระนั้น หลายๆฝ่ายก็ยังอดคลางแคลงใจไม่ได้ว่า อาการป่วยอันผิดธรรมชาติของประธานาธิบดีท่านนี้ น่าจะเกิดจากการฆาตกรรมมากกว่า

- ค.ศ. 1940 แฟลงคลิน เดอลาโน รูสเวลท์ ทำลายประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐด้วยการได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 3 แล้วก็เข้าร่วมห่วงโซ่ Zero Factor เข้าจนได้ รูสเวลท์ป่วยเป็นโรคโปลิโอมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นคนพิการ แต่มาคราวนี้ท่านโดนกาฬโรคเล่นงานจนมิอาจทนทานต่อไปได้ ประธานาธิบดีรูสเวลท์เสียชีวิต ขณะดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 3

- ค.ศ. 1960 มาถึงยุคของเพลย์บอยคนดัง ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ซึ่งกลายเป็นเหยื่อของตัวร่วมหมายเลข 0 อีกเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่า คดีลอบสังหารเคนเนดี้ เป็นคดีลือลั่นสั่นประสาทที่สุด เท่าที่เคยมีการลอบสังหารประธานาธิบดีมา

สหรัฐอเมริการ มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกๆ 4 ปี ดังนั้นทุกๆ 20 ปีจะมีประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0

ซึ่งก็นับว่าประหลาดมากค่ะ เพราะตั้งแต่ปี 1840 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้ง ในปีที่ลงท้ายด้วยเลข 0 ต่างก็สิ้นชีพตักษัย ในระหว่างอาศัยอยู่ในทำเนียบขาวทั้งสิ้น ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่มีการยกเว้นผู้ใด

นักนิยมไสยศาสตร์ก็กล่าวกันว่า ความพิสดารของลูกโซ่ประวัติศาสตร์นี้ เป็นเพราะอาถรรพ์ของตัวร่วมหมายเลขศูนย์ หรือ Zero Factor

ซึ่งเจ้าตัวร่วมนี้เป็นที่เข้าใจกันดี ในทางโหราศาสตร์ของตะวันตก ว่า คือจุดหนึ่งในเส้นทางของดวงดาว ที่วงโคจรของดาวพฤหัสมาตัดกับดาวเสาร์

โดยจะเกิดขึ้นในทุกๆ 20 ปีเช่นเดียวกันกับความตายของประธานาธิบดีสหรัฐ

ทว่า... ห่วงโซ่หมายเลข 0 นั้นขาดลงแล้วหรือไร?

ปี ค.ศ. 1980 อดีตพระเอกหนังคาวบอยของฮอลลี่วู้ดที่ชื่อ โรนัลด์ ดับลิว เรแกน พลิกความคาดหมายชนะจิมมี่ คาร์เตอร์ ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 9 ของสหรัฐอเมริกา
ค่ะ... ห่วงโซ่หมายเลขศูนย์ก็เริ่มการทำงานของมันอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 1981 หนุ่มชาวโคโรลาโดชื่อ จอห์น ดับลิว ฮิคเลย์ ได้แหวกฝูงชนหน้าโรงแรมวอชิงตันฮิลตัน ในวอชิงตัน ดี.ซี. ตรงเข้ากำนัลกระสุนให้ประธานาธิบดีเรแกนที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงแรม

ด้วยจุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการเป็นข่าวดังแข่งกับดาราภาพยนตร์สาวที่ตัวเองหลงรัก -_-'

ประธานาธิบดีเรแกนถูกนำส่งโรงพยาบาลในทันที กระสุนมรณะตัดเข้าอกเฉียดอวัยวะสำคัญของท่าน ไปแบบเฉียดฉิว ด้วยความพยายามของแพทย์ และวิทยาการสมัยใหม่ ประธานาธิบดีเฒ่ากระดูกเหล็กของเรา จึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด กล่าวได้ว่า การรอดชีวิต ของเรแกนในครั้งนี้ เป็นลางอันอาจบอกได้ว่า ลูกโซ่อาถรรพณ์ที่เป็น Zero Factor นี้ได้ขาดลงแล้วอย่างสิ้นเชิง

แต่กระนั้นเราก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่า เมื่อไหร่ กงล้อประวัติศาสตร์นี้ ถึงจะย้อนกลับมาอีก

เช่นเดียวกับกรณีพฤษภาทมิฬ อันถือเป็นจุดสิ้นสุดของวงล้อประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่เราไม่แน่ใจว่า มันได้ขาดลงแล้วอย่างสิ้นเชิง

หรือกำลังหมอบซุ่ม รอเวลาครบรอบหมุนวนกลับมาทำหน้าที่ของมันใหม่


ข้อมูล : Sonic (The Mysterious World)





 

Create Date : 26 มกราคม 2551    
Last Update : 26 มกราคม 2551 6:19:09 น.
Counter : 149 Pageviews.  


~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่ ... ผู้หญิงธรรมดา O_o^

~~ที่ไม่มีเวทมนตร์~~

และไม่มีคน...สนจัย.......Y_Y

✿ ✿ ✿ ✿ ✿

WhEn U NeeD Me ""
"" I'Will bE HeAR fOr U

: Users Online
Friends' blogs
[Add ~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.