~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~....ผู้หญิงธรรมดา....บางเวลาอาจไร้ค่า ไร้ความหมาย
Group Blog
 
All blogs
 
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ : Statue of Liberty




ชื่อสถานที่

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ : Statue of Liberty
สถานที่ตั้ง นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้



อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ รูปสแตทิวออฟลิเบอร์ตี้ เป็นอนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ "เสรีภาพ" ของคนอเมริกัน เป็นรูปสตรียืนสูงเด่นอยู่บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมสูงที่ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 3 ชั้นรองรับกลมกลืนอย่างดี ลดหลั่นกันลงไปอยู่เบื้องล่าง ตัวเทพีสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ยืนอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 150 ฟุต ส่วนที่เป็นลำตัวทำด้วยทองแดงสีเขียวเทอร์คอยส์ ห่มผ้าครุยกรอมเท้า ที่ศรีษะสวมมงกุฏเป็นรัศมีเจ็ดแฉก มือขวาถือโคมไฟชูสูงขึ้นสุดแขน มือซ้ายประคองหนังสือที่ปกเขียนว่า "4 กรกฏาคม 1776" อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของอเมริกา ไม่ขึ้นต่ออังกฤษอีกต่อไปและถือเป็นวันชาติอเมริกันมาจนทุกวันนี้

ด้านในตัวเทพีโปร่งเป็นโครงเหล็กที่ออกแบบและคำนวณโดยนายกุสตาฟไอเฟล วิศวกรชื่อดัง (ผู้สร้างหอไอเฟล) โดยแยกเป็นชิ้นส่วนบรรจุในลังทั้งหมดถึง 214 ลัง เมื่อนำมาต่อเป็นรูปร่างแล้วสูงถึง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า) ใช้แผ่นโลหะทองแดงในการหล่อ 32 ตัน รมสีเขียวทั้งตัวเทพี ด้านบนส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าสีเขียว 13,250 วัตต์ มีบันไดเวียนให้ผู้เข้าชมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนส่วนที่เป็นมงกุฎของเทพี สิ้นค่าใช้จ่าย 700,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000,000 บาท

ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ขนาดเนื้อที่แค่ 12 เอเคอร์ (ราว ๆ 30 ไร่) ทำทางเดินขนาดใหญ่เข้าสู่ทางด้านหลังของอนุสาวรีย์ แล้วมีทางเดินรอบเลาะริมน้ำให้ชมได้ทุกมุมนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ถึงมงกุฏ หรือ ขึ้นถึงแค่ฐานสี่เหลี่ยมต่ำกว่าเท้าขององค์อนุสาวรีย์


ความเป็นมาของเทพีเสรีภาพ
สัญลักษณ์แห่งความอิสระแก่ชนอเมริกันและชาวโลก ของขวัญอันยิ่งใหญ่จากชาวฝรั่งเศส

เมื่อ ค.ศ. 1865 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีนักวิชาการหัวก้าวหน้า และกลุ่มหนุ่มไฟแรงไปพบปะสนทนาด้วยเรื่องการบ้านการเมืองที่บ้านนายเอดู อาร์ต เดอลา บูลาเยอ ถึงการปกครองที่ไม่ได้รับความเป็นเสรีภาพเสมอภาค จากองค์จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และพวกเขากลับไปชื่นชมชาวอเมริกันที่มีความหาญกล้า ลุกฮือกันต่อสู้กับอังกฤษจนสามารถปลดแอกออกจากอังกฤษได้สำเร็จ จากสถานการณ์และความรู้สึกนี้เองทำให้พวกเขาเกิดจุดประกายความคิดที่จะสร้างงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง ให้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกันซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกาครบ 100 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1876 ที่จะมาถึง โดยร่วมกันรณรงค์หาเงินทุน ในการสร้างจากประชาชนฝรั่งเศสทั่วประเทศ

ในที่สุดเขาเหล่านั้นก็มอบให้ เฟรเดริก ออกุสต์บาร์โธลดีศิลปินมีชื่อในการปั้นเป็นผู้ออกแบบ โดยลงมติว่าของขวัญจะเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ คือรูปผู้หญิงแต่งกายชุดเสื้อคลุม เหมือนชาวโรมันสวมมงกุฎมีลักษณะเป็นรูปเดือยแหลมพุ่งออกมา 7 แฉก สื่อความหมายถึง 7 ทวีป และ 7 คาบมหาสมุทรในท่ายืนชูคบไฟ ด้วยมือขวาคือเป็นผู้ให้แสงสว่างแก่เสรีภาพมือซ้ายถือแผ่นจารึกประกาศอิสรภาพ จารึกอักษร 4 JULY 1876 เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนที่ขาดสะบั้นแทนความหลุดพ้นจากการเป็นทาส ตัวเทพีหล่อด้วยโลหะทองแดง การดำเนินสร้างส่วนฐานติดตั้งตัวเทพี เป็นภารกิจของชนชาวมะกันที่ร่วมกันระดมทุนสร้างเป็นตึกสูง 87 ฟุต ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวมะกัน ริชาร์ด มอร์ริส ฮันท์ ภายในตัวตึกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติการสร้างอนุสาวรีย์ และการสร้างชาติสหรัฐอเมริกา พิธีเปิดเป็นทางการโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โกรฟเวอร์ คลีฟ-แลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ท่ามกลางความปีติ ของชาวอเมริกันและชาวฝรั่งเศสในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง

มีเรื่องเป็นทางการว่า “อนุสาวรีย์แด่อิสรภาพของอเมริกัน : เสรีภาพส่องแสงสว่างแก่ชาวโลก” (MONUMENT TO AMERICAN INDEPENDENT : LIBERTY ENLIGHTENING THE WORLD) ในวันที่ 4 กรกฎาคมของทุก ๆ ปี ชาวอเมริกันจะจัดเฉลิมฉลองวันชาติของตน ณ บริเวณอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพแห่งนี้ด้วยความภูมิใจในความเป็นชาติมหาอำนาจ และประเทศผู้นำระบอบการปกครองประชาธิปไตยของโลกอย่างเต็มความภาคภูมิ












Create Date : 26 มกราคม 2551
Last Update : 26 มกราคม 2551 6:49:56 น. 0 comments
Counter : 710 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่ ... ผู้หญิงธรรมดา O_o^

~~ที่ไม่มีเวทมนตร์~~

และไม่มีคน...สนจัย.......Y_Y

✿ ✿ ✿ ✿ ✿

WhEn U NeeD Me ""
"" I'Will bE HeAR fOr U

: Users Online
Friends' blogs
[Add ~เจ้าหญิงมักเกิ้ล~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.