• ราคาค่าติดตั้งวงจรปิด CCTV
• ราคาค่าบริการติดตั้งจานดาวเทียม
• งานติดตั้ง
• สอนการติดตั้งดาวเทียม และความรู้ทั่วไป
• รู้เรื่อง TV LCD LED PLASMA
• เครื่องเสียง ที่ควรรู้
• เรื่องของ TABLET
• เรื่องของ GPS จีน
• กล้องวงจรปิด CCTV
• เทคโนโลยีสื่อสาร
• ผลงานติดตั้ง แผงสายอากาศ เสาอากาศ ทีวีดิจิตอล

บทสรุป GPS Chipset 2 คู่อริตลอดกาล SiRF ปะทะ MTK บทสรุป GPS Chipset 2 คู่อริตลอดกาล SiRF ปะทะ MTK บททดสอบ SiRF Atlas IV, SiRF Star III, MTK ตัวไหนแรง? ถามกันเข้ามามากอีกคำถามหนึ่งว่า GPS Chipset ตัวไหนดีกว่ากันระหว่างค่าย SiRF และ MTK วันนี้มีบททดสอบจากเมืองนอกมาให้ดูกันครับ SiRF Star III นั้นได้มีการออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2005 แล้ว ซึ่งขณะนั้นเองด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้วงการ GPS เรียกได้ว่าเริ่มตื่นตัว เพราะการใช้งานและการจับสัญญาณไม่ได้ยากเย็นอีกต่อไป ต่อมาได้มีการพัฒนา SiRF Atlas IV ให้ออกสู่ตลาดในปีถัดๆมาตามลำดับ แ ม้ว่าในปัจจุบันมี SiRF Atlas V โผล่มาให้เห็นแล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมากลับไม่แตกต่างกับ SiRF Atlas IV ซักเท่าไรนัก ในเรื่องของ CPU, การจับสัญญาณ ยังเรียกได้ว่าไม่ได้เด่นหรือดีกว่าเดิมนอกเสียจากว่า Atlas V มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า Atlas IV และยังไม่ Support AV-in ในปัจจุบัน เนื่องจาก Hardware ค่อนข้างใหม่เกินไปและยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าที่ควร นอกจากค่าย MTK และ SiRF ที่ใช้ GPS ในการจับสัญญาณแล้ว ปัจจุบันมีการใช้ AGPS ค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้การจับสัญญาณไว โดยอิงจากเสาเครือข่ายสัญญาณและอินเตอร์เนทของผู้ใช้เพื่อประเมินค่าหาพิกัดนั่นเอง โดย AGPS ต้องมีค่าบริการในการใช้งานและมีค่าความแม่นยำไม่เท่า GPS การทดสอบหลังลองวิ่งผ่านตึกสูง จากรูปให้สังเกตเส้นสีเหลืองที่เป็นเส้นแสดงการวิ่งจริง และเปรียบเทียบกับเส้นสีแดง (MTKv1) สีส้ม (MTKv2) สีฟ้า (SiRF IV) และ สีเขียว (SiRF III) จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะชิพเซ็ท GPS ตัวไหนก็ตามมีการแกว่งของสัญญาณค่อนข้างมาก แต่จะมากหรือน้อยลองดูเอาจากภาพได้เลย ลองทดสอบวิ่งรอบวงเวียนดูบ้าง ในที่นี้มีการวิ่งรอบวงเวียน 2 รอบ เมื่อซูมเข้าไปใกล้ๆจะเห็นได้ว่า SiRF IV จริงๆก็เริ่มออกอาการเพี้ยนเล็กน้อยเช่นกัน ไหนเรามาลองวิ่งบนพื้นที่โล่งๆกันดูบ้าง จะเห็นได้ว่าแม้ว่าทุก GPS Chipset จะมีค่าที่เพี้ยนแตกต่างกัน แต่จะเห็นได้ว่า SiRF Atlas IV กลับทำหน้าที่ของมันได้ดีกว่าชิพเซ็ทของค่ายอื่นๆ แม้ว่าจะมีหลุดโค้งไปบ้างในโค้งสุดท้าย แต่ผลที่เห็นก็ยังพอรับได้ คราวนี้ซนวิ่งลอดใต้ตึก ใต้อุโมงค์กันบ้างไหม? ดูดีๆทุกค่ายเริ่มออกแนวเหมือน GPS เมาสัญญาณดาวเทียม... พอหาสัญญาณไม่เจอก็เริ่มออกอาการเอ๋อให้เห็นทุกค่ายกันแล้วครับ แต่ยังมีเพียงหนึ่งที่หนักแน่นไม่แกว่งง่ายๆ ลองวิ่งตามตรอกซอกซอยแคบๆ สองฝั่งเป็นตึกสูงๆดูบ้างซิ!? ในที่นี้จะเห็นได้ว่า MTKv2 ชนะขนาด ในที่อับสัญญาณ ทั้งๆที่มีตึกสูงสองข้างทาง และสัญญาณดาวเทียมไม่น่าจะดี บทสรุป จะเห็นได้ว่าเราไม่อาจฟันธงได้ซะทีเดียวว่าค่าย SiRF หรือ MTK ตัวไหนดีกว่ากัน เพราะแต่ละตัวก็ต่างมีข้อดีข้อเสียของมัน ซึ่งกินกันไม่ลง เอาเป็นว่าภาพที่เห็นก็ดูแล้วใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อว่าอย่างเราๆจะใช้ตัวไหนดี แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ ไม่ว่าชิพตัวไหนก็ไม่สามารถบอกตำแหน่งของคุณได้เป้ะ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าละติจูด หรือลองติจูด หรือ ความสูงที่คุณ ได้จากเครื่อง GPS หรือ PND นั้นก็ยังไม่สามารถนำมาอ้างอิงในเชิงวิชาการได้ เพราะความคลาดเคลื่อนของมันสามารถคลาดเคลื่อนได้ไกลถึงถนน 8 เลน ได้อย่างสบายๆ เพียงแต่บางครั้งที่คุณเห็นว่ารถเรายังวิ่งอยู่บนถนน เพราะ Software บังคับให้ตัวรถที่แสดงบนแผนที่ แมทซ์กับเส้นถนนที่ใกล้ที่สุด เราจึงเห็นว่ารถเราไม่คลาดเคลื่อนไปไหนนั่นเอง   Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 7:12:58 น. Counter : 1095 Pageviews.   0 comment Share Tweet

วิธีเลือกซื้อ GPS แบบง่ายๆ วิธีเลือกซื้อ GPS แบบง่ายๆ วิธีง่ายๆในการเลือกซื้อGPS แนะนำมือใหม่ในการเลือกซื้อ GPS ที่เหมาะกับตนเองซักเครื่องแบบง่ายๆ หลักๆในที่นี้ขอกล่าวถึง Specification หรือคุณสมบัติของเจ้าเครื่อง GPS ที่มีอยู่แตกต่างกันในหลายรุ่น ในที่นี้ขออธิบายเป็นแบบฉบับย่อๆให้เข้าใจดังนี้ CPU: เป็นอันดับแรกๆที่ผู้ใช้ควรดูซึ่งหลักง่ายๆคือ ยิ่ง CPU เยอะก็ยิ่งดี เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ CPU สูงกว่าก็สามารถประมวลผลและได้เร็วกว่า Chipset: สำหรับปัจจุบัน GPS มีการใช้ Chipset รับสัญญาณจากค่าย SiRF และ MTK เป็นหลัก สำหรับ Chipset จากค่าย SiRF ยังมีอีกหลายรุ่นดังนี้ - AtlasIII มีความเร็ว 396MHz รองรับการจับสัญญาณดาวเทียมได้ 30 ช่อง ถือเป็นชิพมาตรฐานที่ควรมีไว้ใช้งานในปัจจุบัน - AtlasIV เวอร์ชั่นพัฒนาของ AtlasIII รองรับความเร็วได้ถึง 500MHz และการจับสัญญาณรวมกันมากถึง 64 ช่องสัญญาณ - SiRFtitan อีกขั้นของการพัฒนาความเร็วที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 600MHz โดยรวมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก AtlasIV มากและเป็นชิพที่ยังไม่แพร่หลาย (ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม และเลิกผลิตไปแล้ว) - SiRFprima ชิพตัวที่ใหม่สุดของ SiRF อนาคตอาจเป็นตัวที่ได้ใช้กันทั่วไปเหมือน AtlasIV ในปัจจุบัน ในปัจจุบันยังไม่ค่อยมีผู้ผลิตนำมาใช้ เนื่องจากอาจเป็นเพราะความไม่เสถียรของการผลิตจำนวนมาก (ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมและราคาแพง เลิกผลิตไปแล้ว) - AtlasV เวอร์ชั่นสุดท้ายของวงการ Chipset GPS ในปัจจุบัน ที่โดยมากแบรนด์ดังๆเริ่มใช้เพื่อการผลิต มีบทความแบบละเอียดแล้ว อ่านต่อได้ ที่นี่ ครับ มาดูค่าย MTK กันบ้าง - MTK จับสัญญาณได้ 32 ช่องสัญญาณ มีคุณสมบัติการทำงานใกล้เคียงกับ AtlasIII แต่ดีตรงที่ว่าชิพเซทตัวนี้กินไฟน้อยกว่า ความไวในการรับสัญญาณเรียกได้ว่าใกล้เคียงกัน แต่การใช้งานจริงการ Fix สัญญาณจะสามารถทำได้ดีกว่า AtlasIII ในจุดอับสัญญาณ สรุปแล้ว Chipset ค่ายไหนดีกว่ากัน? - เป็นคำถามที่ตอบได้ยากเหมือนบอกว่าเชลซีกับแมนยูใครเก่งกว่า Intel กับ AMD ใครดีกว่า มันมีข้อดีมีข้อเสียคนละอย่างครับ Flash: หรือเรียกกันว่า Memory ในตัว สามารถใส่ไฟล์ต่างๆในตัวได้เลยไม่ว่าจะเป็น ซอฟแวร์แผนที่ ภาพ วิดีโอ หรือ เพลง มีให้เลือกกันตั้งแต่ 128Mb จนถึง 4Gb กันเลยทีเดียว อนาคตอาจมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนเครื่องเล่น MP3 MP4 ในปัจจุบัน Ram: ยิ่งตัวเลขมากก็ยิ่งดี สมัยนี้มีการใส่ Ram ในตัว GPS ตั้งแต่ 64 - 128 แรมที่เยอะกว่าก็จะมีข้อได้เปรียบเช่นในการคำนวณเส้นทางที่ไกล Ram ยังมีอยู่ 2 ลักษณะเหมือนคอมพิวเตอร์คือ SD และ DDR ซึ่ง Ram ทึ่ควรเลือกใช้ควรเป็นแบบ DDR สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า SD ผู้ซื้อต้องระวังผู้ขายบางเจ้าที่ไม่รู้จริงหรืออ้างว่าใช้ Ram ที่มากแต่ความจริงเป็น SD Ram ซึ่ง Speed เรียกได้ว่าเป็นเพียงครึ่งเดียวของ DDR เช่น Ram128SD จะช้ากว่า Ram64DDR AV-in: ความสามารถในการรองรับภาพเข้ามาในตัวเครื่อง GPS หากมีฟังก์ชั่นนี้สามารถใช้ตัว GPS เป็นมอนิเตอร์เพื่อแสดงภาพหรือวิดีโอได้เลย ที่นิยมใช้กันคือต่อกล้องมองหลังรถยนต์ Bluetooth: เอาไป sync กับมือถือเพื่อใช้ GPS เป็นทั้งไมค์และลำโพงในตัว เพิ่มความสะดวกในการรับสายเข้าและโทรออกโดยสามารถกดปุ่มสัมผัสได้จากหน้าจอ GPS เลย TMC: ฟังก์ชั่นที่ดูจะเป็นความฝันสำหรับคนไทยในปัจจุบัน หลักการทำงานคล้ายกับป้ายจราจรอัจริยะ ตามท้องถนนที่สามารถโชว์บนแผนที่ซอฟแวร์เราได้เลยว่าขณะนี้ถนนเส้นไหนหนาแน่น หรือติดขัด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเลี่ยงเส้นทางได้อย่างถูกต้อง ตอนนี้เมืองไทยยังไม่สามารถใช้งานได้ Spec ที่สมควรใช้ในปัจจุบัน ต้องเรียนให้ทราบว่า "เฉพาะ" ของที่ร้านเรามีใช้รุ่นใดก็นำทางได้แทบทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีจุด "พอใจ" ที่ลงตัวในรุ่นไหนเท่านั้นเอง ส่วนหากต้องการนำความรู้ไปซื้อพิจารณาที่อื่นๆ ต้องขอบอกว่าต้องดูผู้ขายที่ให้ความรู้ที่ถูกต้องจะได้ไม่โดนหลอก หรือหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เตือนภัย! ซื้อ GPS จีน / PNA จีน อย่างไรไม่ให้โดนหลอก เพิ่มเติมได้เลย และขอย้ำเตือนเหมือนทุกครั้งว่าการเลือกซื้อ ไม่ควรดูเฉพาะราคา ควรดูความน่าเชื่อถือของผู้ขายด้วยว่าให้ข้อมูลถูกต้อง และมีบริการหลังการขายที่ดีหรือไม่ บางรายชอบใจราคาถูกไปซื้อที่บ้านหม้อ คลองถม บางร้านซื้อขายกันเสร็จเกิดปัญหาขึ้นก็จบกัน เพราะฉะนั้นเลือกซื้อให้ดี ขอให้โชคดีทุกคนครับ อนึ่งโลกในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาตลอดเวลา ข้อมูลที่นำมากล่าวอ้างถึง เป็นข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2554                                                              บทความโดย Groovygang.NET   Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 12:28:26 น. Counter : 1454 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เตือนภัย! ซื้อ GPS จีน / PNA จีน อย่างไรไม่ให้โดนหลอก เตือนภัย! ซื้อ GPS จีน / PNA จีน อย่างไรไม่ให้โดนหลอก เตือนภัย! ซื้อ GPS จีน อย่างไรไม่ให้โดนหลอก GPS จีน หรือที่เราเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า PNA จีน กำลังเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยอย่างมาก เนื่องจากสิ่งยั่วใจคนไทยอันดับแรกคือ "ราคา" ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเทียบกับเครื่องแบรนด์เนมมียี่ห้อในตลาดเมืองไทย บทความนี้แนะนำให้มือใหม่อ่านก่อนทุกราย  เมื่อ "ราคา" ยังเป็นสิ่งที่ยั่วใจสำหรับชาวไทย บรรดาพ่อค้าหัวใสจึงต่างพากันรีบหอบหิ้วนำ GPS จีน เข้ามาจำหน่าย ถูกบ้าง แพงบ้างปะปนกันไป บางเจ้าบอก Spec ของตนเองดีกว่าอีกเจ้า อีกเจ้าบอกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับมือใหม่หัดจับ GPS จีน เนื่องจากข้อมูลบางอย่างมีทั้งถูกต้องและผิดขั้นรุนแรงก็มี เพราะเครื่อง GPS ก็คล้ายคอมพิวเตอร์ที่คนไม่มีความรู้ก็ไม่มีทางรู้ว่า Spec เครื่องที่แท้จริงเป็นอย่างไร? แถมจะแงะมาดูไส้ในก็ไม่ได้ ถ้าโชคดีซื้อมาแล้ว Spec เครื่องตรงกับที่โฆษณาก็รอดตัวไป บางแหล่งซื้อขายจบ ถ้าปัญหาเกิดก็ตัวใครตัวมัน อันดับแรกก่อนเลือกซื้อ GPS ผู้ซื้อคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า GPS ที่นำเข้าจากจีนและยี่ห้อดังๆส่วนใหญ่มักจะใช้ Chip รับสัญญาณที่เราเรียกกันว่า Sirf Atlas ซึ่งหลักๆแล้วตอนนี้จะใช้อยู่ 2 แบบ คือ Sirf Atlas III และ Sirf Atlas IV ( 3 และ 4 ) ซึ่ง Chip สองตัวนี้มาจากโรงงานเดียวกันคือเจ้าพ่อ Sirf ผู้ผลิตชิพสัญญาณ GPS รายใหญ่สำหรับใช้ใน GPS Navigator หลายยี่ห้อ ซึ่ง Sirf Atlas 3 จะถูกผลิตออกแบบมาใช้งานก่อน Sirf Atlas 4 และ Sirf Atlas 5 ถูกผลิตเพื่อใช้ขึ้นทีหลัง Atlas 4 หลังจากที่สินค้า Atlas 4 ขาดตลาด สมรรถภาพคล้ายคลึงกับตัวเดิม แต่ต้นทุนถูกกว่า ข้อเสียคือ ยังไม่ Support Hardware ต่างๆ เช่น AV-in (นำภาพออกจอ) และยังไม่ค่อยเสถียร Spec มาตรฐานคร่าวๆของชิพแต่ละตัวจะรองรับระบบที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้ผมขอเทียบสเปคเครื่อง GPS จีน ที่ส่วนใหญ่กำลังใช้กัน ทางโรงงานมักให้สเปคที่เป็นมาตรฐานมาดังนี้ Sirf Atlas III Sirf Atlas IV Sirf Atlas V MTK รองรับ CPU สูงสุด 396 mHz 500 mHz 500 mHz 468 mHz ROM / RAM 64MB~2GB/64 64MB~4GB/64~128 64MB~4GB/64~128 64MB~4GB/64~128 ระบบปฏิบัติการ WindowCE 5 WindowCE 6 WindowCE 6 WindowCE 5 ส่วนเรื่องแบตเตอรี่หากเป็นเครื่อง GPS แบบหนาๆเช่น ดำขอบส้ม ขอบขาว ขอบเงิน ขอบแดง ขนาด 4.3 นิ้ว โดยทั่วไป รองรับได้เพียง 900~950mA ไม่ได้ไปมากกว่านี้ ส่วน GPS จีน ขนาด 5 นิ้วส่วนใหญ่จะใส่มาแค่ 900 mA เช่นกัน แต่สามารถเปลี่ยนให้มากขึ้นได้เนื่องจากพื้นที่ด้านในยังเหลืออีกมาก ซึ่งหากผู้ซื้ออย่างเราๆ เจอโฆษณาแบบนี้ หรือแบบนี้ ทางเราสอนว่าอะไรครับ??? (หากไม่รู้ย้อนไปอ่านตารางด้านบน) เป็นไปได้ว่าผู้ขายอาจมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้ซื้อมือใหม่ หากไม่มีความรู้ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ โดยความเข้าใจผิดของมือใหม่ GPS คือมักจะคิดว่า GPS จีน ดำขอบส้ม, ดำขอบขาว, ขอบเงิน, ขอบสีรุ้งหรือสีอะไรก็ตามแต่ จะมี Spec เดียวกัน ทุกอย่างข้างในเหมือนกัน แต่หารู้ไม่ว่าพวกเครื่องเหล่านั้น แม้ภายนอกจะเหมือนกันแต่หารู้ไม่ว่าไส้ในต่างกัน เพราะ สิ่งที่เห็นภายนอกนั้นเป็นเพียงแค่กรอบเหมือน Case คอมพิวเตอร์ PC ที่ด้านในประกอบไปด้วย ชิพ,เมนบอร์ด,แบตเตอรี่,จอ,สายแพร และน๊อตสกรู ซึ่งผู้ซื้อไม่มีทางเห็น และอุปกรณ์แต่ละชิ้นก็มีหลายเกรดให้เลือกใช้ได้หลากหลายสำหรับคนจีน ใครจะรู้ว่าด้านในที่แท้จริงแล้วมันประกอบด้วยอุปกรณ์อะไร เกรดไหนบ้าง เราไม่สามารถรู้ได้ แต่วิธีง่ายๆที่ ผู้ซื้ออย่างเราสามารถป้องกันตัวเองได้ก็คือเราผู้ซื้อต้องมีความรู้ติดตัว ในเบื้องต้นบ้างหากผู้ขายให้ข้อมูลที่ผิดๆ ก็เป็นไปได้ว่าผู้ขายไม่มีความรู้พอที่จะจัดจำหน่าย หรือมีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้บริโภคมือใหม่อย่างเราๆ แล้วเราจะกลายเป็นหมูไปให้เขาเชือดกันทำไมล่ะครับ!? อนึ่งโลกในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาตลอดเวลา ข้อมูลที่นำมากล่าวอ้างถึง เป็นข้อมูล ณ เดือน กรกฏาคม 2553   Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 12:27:01 น. Counter : 1518 Pageviews.   0 comment Share Tweet

6 ขั้นตอนง่ายๆ กับการเปลี่ยนโปรแกรมนำทาง GPS 6 ขั้นตอนง่ายๆ กับการเปลี่ยนโปรแกรมนำทาง GPS 6 ขั้นตอนง่ายๆ กับการเปลี่ยนโปรแกรมนำทาง GPS มีลูกค้าหลายท่านพบปัญหาคล้ายๆกันคือ อย่างแรกกดเรียกหน้าจอเมนู GPS แล้วไม่โหลดโปรแกรม (เพราะไม่ได้ไปตั้งค่าว่าให้เรียกอ่านโปรแกรมจากที่ไหน) หรือลองโหลดโปรแกรมนู้นนี้มาใส่ SD Card แต่ไม่รู้จะให้ตัวเครื่อง Run Program ใหม่ที่ว่าอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะใช้โปรแกรมใหม่ในตัวเครื่อง GPS ได้ล่ะเนี่ย!? โดยส่วนมากแล้วตัวเครื่อง GPS จีน มักจะมีชุดคำสั่งสำเ็ร็จที่เขียนไว้เรียบร้อยภายใต้เมนู "เส้นทาง Navigator" ทำให้เราสามารถเลือกที่จะรันโปรแกรมไหนตามใจเราได้อย่างง่ายดาย ทำอย่างไรนั้นมาดูกันเลยดีกว่าครับ 1. เริ่มขั้นตอนเข้าที่เมนู "ตั้งค่า" เป็นอย่างแรก 2. ต่อไปให้กดปุ่มลูกศรขวาล่าง เพื่อแสดงเมนูในหน้าถัดไป 3. กดเข้าไปที่ "เส้นทาง Navigator" นี่แหละเราพบจุดหมายปลายทางแล้วครับ 4. อันนี้มันจะให้เราระบุตัว program แผนที่ต่างๆที่เป็น .exe ในการเรียกใช้งาน ทุกครั้งที่มีการกดเมนู GPS นั่นเอง ให้เรากดปุ่มรูปลูกศรที่วงไว้ ซึ่งปุ่มนี้ก็จะทำงานคล้ายๆปุ่ม Browse ใน Window ครับ 5. ในที่นี้ผมขอสมมุติว่าจะอ่านโปรแกรม iGo จาก SD Card นะครับ เราเลือกไปที่โฟลเดอร์โปรแกรมที่เราต้องการจะให้มัน RUN ในที่นี้ผมเลือกโฟลเดอร์ iGo8 ซึ่งหลังจากเข้าไปแล้วให้เรามองหาตัวชื่อโปรแกรม .exe กดดับเบิ้ลคลิ๊ก (คือจิ้มสองทีติดนั่นเอง) 6. เราจะเห็น path การเรียกใช้โปรแกรมนำทางที่เราต้องการเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ต่อจากนี้คือกดปุ่ม Save ซึ่งเป็นรูปคล้ายดิสเก็ตสมัยก่อน เท่านี้ก็กลับไปหน้าจอ GPS รันโปรแกรมที่เลือกได้แล้วครับ ลองทำดูแล้วจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ยากเลยครับ                                                                         บทความโดย Groovygang.NET   Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 12:22:20 น. Counter : 2355 Pageviews.   0 comment Share Tweet

3 ค่ายยักษ์ใหญ่ GPS จีน 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ GPS จีน GPS เมืองจีนมีมากมายหลายแบบ แต่ถ้ารวมกลุ่มเป็นค่ายใหญ่ๆ จะมีประมาณ 3 ค่าย เรียงลำดับตามความนิยม คือ 1. YF ที่รู้จักกันดี ที่เรียกกันว่า shell YF (สังเกตง่ายๆจะเป็น เมนู Shell สีส้ม หรือ พวงมาลัยสีดำ) อย่างที่ทางเรามีจำหน่ายในส่วนของ Zone GPS 2. PV ที่เรียกกันว่า shell PV เช่นเครื่อง ตระกูล 743 หรือ รุ่นที่มีหน้าตาคล้าย iphone 3. AP ที่เรียกกันว่า shell AP เทียบกับเครื่อง PC ในบ้านเรา ก็เหมือนที่ตามร้านค้าซื้อ mainboard Asus, Gigabyte, Ecs, Msi เพื่อนำมาประกอบ ใน package ของ Mainboard เหล่านี้ทางผู้ผลิต จะให้ Driver ของ Mainboard มาด้วย ซึ่งร้านค้าก็จะสามารถนำมาประกอบและติดตั้ง แล้วจึงนำมาขายให้ลูกค้า เช่น เดียวกับ GPS จีน ทาง 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ นี้ได้ผลิต mainboard ออกมาวางขาย พวกโรงงานที่เล็กลงมาก็จะซื้อมาประกอบเอง ซึ่งบางโรงงานอาจจะมีพนักงานเพียง 5-10 คน ก็สามารถประกอบและนำไปขาย หากใครเคยไป saiger จะพบเห็นอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์มากมายใส่กระบะวางขาย (เหมือนบ้านหม้อ) มีมากมายหลายอย่าง เช่น จอ touchsceen วางขายเป็นมัดๆ keyboard แบบต่างๆ และชิ้นส่วนต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่เราเห็น GPS Case เหมือนกัน แต่ข้างในไม่เหมือนกัน จึงบอกยากว่าตัวไหนผลิตจากที่ไหนเช่น เครื่องที่ hot ที่ web เพื่อนบ้าน บางท่านบอกผลิตจาก YF แต่ผมคิดว่า mainboard เป็นของ YF แน่ ดูเหมือนจะเป็น 17C ผมไม่เคยเห็นตัวจริง แต่การ qc จะใช่ YF หรือเปล่าผมไม่ทราบ ในบางรุ่นหากแกะเครื่องดูก็คงจะเห็นว่า ไม่ตรงตาม spec เท่าไร เช่น battery บางยี่ห้อเขียนไว้ 1200 แต่โดยมาก 900 บางยี่ห้อคุณภาพประกอบก็ดีมากครับ ตรงตาม spec ดี แต่จะมีราคาสูงกว่า เพราะฉะนั้นการซื้อ GPS จีน ก็สนุกดีได้ลุ้น ต้องเผื่อใจไว้ก่อน แต่หากไม่ชอบลุ้น ก็คงต้องเลือกซื้อกับผู้ขายในประเทศที่มีคุณภาพสักหน่อย                                                                                                   ขอบคุณบทความดีๆจากคุณ notsool   Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 12:20:51 น. Counter : 818 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com