เรื่อง เพื่อนร่วมรุ่นไม่มาส่ง
เฮ้อ สิ้นปีมันยุ่งหัวใจ ออกจากบ้านแต่เช้าพอฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง กว่าจะกับบ้านก็ฟ้ามืดมิด ไปทำงานเหมือนไปออกรบ กว่าจะผ่านแต่ละสมรภูมิแทบกระอักเลือด งานอาชีพว่าหนัก งานสังคมก็หนักอีกเช่นกัน นี่ก็เพิ่งกลับจากไปงานศพบุคคลสำคัญมา เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไปค่ะ ทำไงได้ยิ้มสู้สิคะ ตอนแรกสั่งให้ลูกน้องไปแทน เขาบอกว่าไงคะ เขาบอกว่า "เรียนเจ้านายที่เคารพ ลูกน้องจะเป็นศพอยู่แล้วครับ" เจอคำนี้เราเลยต้องไปเองด้วยความสงสารลูกน้อง แต่ไม่สงสารตัวเอง เฮ้อ! งานศพที่ไปอยู่ต่างจังหวัด คนมางานมากมาย แต่เจ้าของงานบ่นว่าคนมาน้อย เขาช่วยงานไว้เยอะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ตายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตคนทั้งจังหวัดนับถือ จบจากโรงเรียนที่ฝึกฝนข้าราชการตำรวจทหารมาหลายรุ่น เจ้าภาพงานบ่นว่า "คุณปู่ช่วยงานไว้เยอะ ตอนมีชีวิตเพื่อนฝูงมากินมานอนที่บ้านไม่ขาดสาย แต่พอแก่ชราก็ไม่มีใครแวะเวียนมา อันนี้ผมพอเข้าใจ แต่วันที่ท่านจากไปก็ควรจะมาส่งท่านบ้าง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมรุ่นของท่านก็ยังไม่มีใครมาสักคน" เรารึฟังแล้วก็แปลกใจรู้สึกในความน้อยใจของเขา แต่พอขึ้นไปไหว้ศพบนศาลา ดูรูปผู้ตายและเห็นชะตะมรณะรวมสิริอายุ 106 ปี ก็ต้องยิ้มออกมาว่านี่คือสาเหตุที่ไม่มีเพือนร่วมรุ่นมางานสักคน แต่ยืนยันว่าจะมีเพื่อนร่วมรุ่นมารับผู้ตายมากมายอย่างแน่นอนค่ะ🍊🍊🍊เขียนโดย PippaSmile พิปป้าสมายล์เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2565
เรื่อง สามีถูกผีรุม
สารินกับสามี ซื้อบ้านเก่าแก่หลังหนึ่งไว้ที่เชียงใหม่ สารินอยากได้บ้านใหม่เพราะเธอกลัวผีไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีคนตายมาแล้วกี่คน แต่เนื่องจากเงินมีไม่พอและสามีเธอไม่กลัวผีจึงซื้อบ้านหลังนี้ไว้ในราคาที่ถูกมากจนน่าสงสัย แต่คนขายก็บอกว่ารักบ้านอยากขายให้คนที่ดูว่าจะรักบ้านเหมือนพวกเขา เมื่อซื้อแล้วก็รีโนเวทใหม่หมดทั้งหลังจนสวยงามน่าอยู่ เดือนแรกสารินตกลงกับสามีว่าจะยังนอนอยู่บ้านเดิม ส่วนสามีมานอนเฝ้าบ้านใหม่ตลอด วันนี้เป็นวันหยุดนักขัติฤกษ์ติดกับเสาร์อาทิตย์เธอจึงคิดมาอยู่กับสามี โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พอไปถึงสามีทำหน้าแปลกใจและดูตื่นเต้นที่เธอมาอยู่ด้วย "คุณมาไม่บอกกล่าว ผมทำบ้านรกไปหมด อย่าบ่นกันนะ" "จะบ่นอะไร รกก็ช่วยกันเก็บ" เธอเดินเข้าไปในบ้านรกจริง ๆ กระดาษทิชชูเกลื่อนห้องรับแขก เช็ดอะไรกันนักหนา ในครัวมีกล่องอาหารสำเร็จรูปส่งกลิ่นเหม็นอยู่หลายกล่องล้นถังขยะใบใหญ่ สามีเธอคนเดียวกินอะไรมากมายขนาดนี้ สามีเห็นเธอมองก็รีบกระวีกระวาดเอาถังขยะออกไปทิ้งทันที สารินเดินต่อไปยังห้องนอน ผ้าปูที่นอนยุ่งเหยิง หมอนในหนึ่งอยู่บนหัวเตียงอีกใบอยู่ปลายเตียง ผ้าห่มกองอยู่กับพื้น แล้วเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างใต้เตียงตรงขอบเตียง เส้นผมผู้หญิงคล้ายผมคนแก่สีเทาบ้างขาวบ้างร่วงอยู่สองสามเส้น กวาดมองต่อไปก็เจอเส้นผมสีทองอีก และนั่นเส้นผมสีน้ำตาล บนที่นอนก็มี เธอเดินต่อไปในห้องน้ำตรงท่อระบายนำก็มีเส้นผมทั้งสามสีกองรวมกันอยู่เต็มที่กรองเส้นผม สารินขนลุกซู่ รีบวิ่งออกมาจากห้องนอน "คุณเป็นอะไร ตกใจอะไร" "ฉันลืมทำงานชิ้นหนึ่งค่ะ ต้องรีบกลับไปทำเดี๋ยวนี้เลย ขอโทษนะที่ไม่ได้ค้างเป็นเพื่อนอย่างที่ตั้งใจ" สารินกลับไปถึงบ้านเก่าก็โทรศัพท์หาแม่ทันที พร้อมกับเล่าให้แม่ฟังว่า "แม่คะ หนูคิดว่าที่บ้านใหม่มีผีแน่นอนค่ะ เมื่อกี้หนูไปหาคุณอุทิศมา หนูเจอเส้นผมคนแก่ เส้นผมคล้ายของชาวต่างชาติสีทอง สีน้ำตาล ทั้งในห้องนอนและห้องน้ำ คืนนี้หนูเลยไม่กล้าค้างต้องกลับมาเอาพระที่บ้านแล้วพรุ่งนี้จะไปใหม่เอาพระไปด้วยค่ะ" "แม่ว่าหนูไม่ต้องเอาพระไปก็ได้ แค่อย่าไปกลัวมันตั้งสติให้ดีแล้วมองสิ่งที่เห็นตรงหน้าให้ชัดเจนว่ามันคืออะไร แล้วผีมันจะกลัวหนูเอง เชื่อแม่ อ้อให้หนูเข้าบ้านตอนค่ำนะอย่าให้ใครรู้แม้แต่อุทิศ แล้วแม่จะตามไปสมทบด้วยไม่ต้องกลัวลูก" สารินกลับไปบ้านใหม่อีกครั้งโดยสามีไม่รู้ เธอไขกุญแจเข้าบ้าน และก้าวเดินอย่างเบาที่สุดขึ้นไปห้องนอนชั้นบน ค่อยเปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือ แล้วภาพที่เห็นในห้องนอนท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามา ก็ทำให้เธอหัวใจแทบหยุดเต้น เธอเห็นผีสามตัวต้องเป็นผีผู้หญิงเพราะผมเผ้ายาวรุงรังปิดหน้าตา พวกมันกำลังรุมทำร้ายสามีของเธอ เป็นตายอย่างไรเธอก็จะต้องช่วยสามี เธอก้าวผ่านประตูเข้าไปแล้วกดสวิทช์เปิดไฟทันที แล้วสารินก็ทำตามที่แม่บอกเพ่งมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติแล้วจากความกลัวก็เป็นความโกรธ จากความโกรธก็เป็นความกล้า เธอเล่นงานผีสามตัวกระเจิดกระเจิงไปคนละทางโดยไม่ต้องใช้พระอย่างที่แม่บอก ส่วนสามีเธอนอนระทดระทวยอยู่บนเตียง สารินเลยเอาพระผาง (ขา) สองข้างที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดซัดไปแบบไม่ยั้ง "หยุดได้แล้วลูกไล่ผีบ้ากามออกไปจากร่างเขาแล้ว ก็ค่อยคุยกันว่าชึวิตจะไปต่ออย่างไร แม่เป็นพยานให้และจะตัดสินความให้ถ้าต้องการ" ตั้งแต่นั้นมาสารินก็ไม่เคยกลัวผีอีกเลย แต่อุทิศกลายเป็นคนกลัวเมียตั้งแต่นั้นมา👻👻👻เขียนโดย PippaSmile พิปป้าสมายล์เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2565
เรื่อง บทเรียนคนไม่ซื่อสัตย์
นายมงคล ชื่องามนามเพราะ แต่มีนิสัยไม่ซื่อสัตย์ ขี้เหนียว คดโกง มาตลอดจนไม่มีใครคบด้วย วันหนึ่งเขาเดินทางไปทำงานที่จังหวัดจันทบุรี มีเพื่อนใหม่ฝากซื้อทุเรียนสองลูก ที่กรุงเทพราคากิโลละหนึ่งร้อยแปดสิบบาทสองลูกก็ประมาณห้ากิโลกรัมเป็นเงินราวเก้าร้อยบาท โดยเพื่อนให้เงินเขามาหนึ่งพันบาท นายมงคลขากลับก็มองตลอดข้างทางในที่สุดก็เจอร้านที่ทุเรียนราคาถูกที่สุดคือกิโลกรัมละแปดสิบบาทถูกกว่าที่กรุงเทพถึงหนึ่งร้อยบาท เขารีบจอดรถแวะซื้อทันที แถมเขายังขอชิมก่อนและต่อรองราคาลดลงเหลือแค่เจ็ดสิบบาท หนูน้อยลูกสาวเจ้าของสวนทุเรียนส่งให้เขาชิมหนึ่งพูเต็มๆ นายมงคลชิมแล้วรู้เลยว่าอร่อยมาก นายมงคลสั่งซื้อทุเรียนสองลูกน้ำหนักไม่เกินห้ากิโลกรัม รวมเป็นเงินสามร้อยห้าสิบบาท เขาคิดว่าจะเขาไปเพิ่มราคาเป็นกิโลกรัมละสองร้อยบาท บอกว่าเป็นพันธ์พิเศษได้กำไรเพิ่มอีก คิดไปคิดมาเขาก็คิดว่าเอาติดไปอีกสองลูกเผื่อใครจะเอาเขาจะได้กำไรมากขึ้น แล้วจึงสั่งเพิ่มอีกสองลูก นายมงคลให้แบ็งค์พันไป เจ้าของสวนคงสับสนเลยให้เงินทอนมาหกร้อยห้าสิบบาท นายมงคลนับดูเกินมาสามร้อยห้าสิบบาทเจ้าของสวนคงไม่ได้คิดสองลูกหลังที่เขาสั่งเพิ่ม เขารีบเอาเงินใส่กระเป๋าและขึ้นรถขับกลับบ้านทันที พอไปถึงบ้านที่กรุงเทพเขาจึงรู้ว่าลืมหยิบทุเรียนสี่ลูกนั้นมา นี่เขาเสียเงินไปฟรีๆ ถึงสามร้อยห้าสิบบาท นี่คือบทเรียนคนไม่ซื่อสัตย์🔶🔶🔶เขียนโดย PippaSmile พิปป้าสมายล์เขียนวันที่ 1 ตุลาคม 2565
เรื่อง ลักพาไปให้รีบเอามาคืน
นายสงบ รักความสุข เป็นคนรักภรรยามาก เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านทุกคนต่างรับรู้ดี ไม่มีใครที่ไม่รู้ และเพราะเรื่องรักเมียมากนี่จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวภรรยาของเขาเพื่อเรียกค่าไถ่ มันเป็นบ่ายวันหยุดที่นายสงบรู้สึกว่าบ้านดูเงียบสงบแปลกมาก เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่ขาดไปคือภรรยาของเขา เธอออกไปนอกบ้านตั้งแต่เช้า นี่ยังไม่กลับมาอีก ดูผิดปกติมาก คงต้องออกไปตามหาเสียแล้ว แต่เขายังไม่ทันออกจากบ้าน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น "สงบใช่ไหม ข้าลักพาเมียเอ็งมา" เสียงใครไม่รู้จัก "คุณเป็นใคร ถ้าลักพาเมียผมไปให้รีบเอามาคืน" สงบรีบพูด "ถ้าเอ็งอยากได้เมียคืน ให้เอาเงินสดหนึ่งล้านบาทมาไถ่ และห้ามแจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจรู้เมียเอ็งเป็นศพ" เสียงปลายสายพูดอย่างดุดัน นายสงบพยายามฟังแต่ไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เขารีบตอบกลับปลายสายไปว่า "อย่าทำอะไรเมียผมนะ ผมไม่แจ้งตำรวจ แต่เงินสดหนึ่งล้านผมขอเวลาสักสามวันเพื่อจัดเตรียม แต่ผมขอคุยกับเมียผมก่อน" แล้วเขาก็ได้ยินเสียงภรรยา "พี่สงบ น้องไม่เป็นอะไร ไอ้เวรนี่เป็นใครก็ไม่รู้ มันจะปิดปากน้อง พี่บอกมันไปนะว่าถ้ามันปิดปากน้อง น้องต้องตายก่อนมันได้รับเงินแน่นอน ถ้าน้องตายพี่ไม่ต้องให้เงินมันนะ น้องลาพี่ล่วงหน้าเลย..." เสียงภรรยาหายไปตามด้วยเสียงดุดันเสียงเดิม "ไม่ต้องห่วง ข้าไม่แตะต้อง ไม่ทำร้ายเมียเอ็ง และไม่มีการปิดปาก หรือปิดตาใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะเลยสามวัน เย็นวันที่สามข้าต้องได้เงินครบหนึ่งล้านบาท ไม่งั้นเมียเอ็งตาย" แล้วเวลาก็ผ่านไปหนึ่งวันโดยที่นายสงบนอนฟังเพลงอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปหาเงินแต่อย่างใด เขานอนฟังเพลงอย่างมีความสุข พร้อมกับนึกมโนภาพว่าวันนี้เมียเขาจะสร้างวีรกรรมยังไงบ้าง แล้วเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโจรเรียกค่าไถ่ "สงบเอ็งได้เงินมาเท่าไหร่แล้ว" เสียงโจรฟังดูร้อนรน "วันนี้เพิ่งติดต่อขอยืมเงิน พรุ่งนี้หรือมะรืนถึงจะรวมได้ครบ ทำไมเร่งจังเพิ่งผ่านมาแค่วันเดียวเอง" นายสงบตอบและถามกลับ "ข้ากลัวว่าเมียเอ็งจะลำบาก กลัวว่าจะดูแลไม่ดีพอ เอาเป็นว่ารีบเร่งหน่อยก็แล้วกัน" ผ่านมาหนึ่งคืนย่างเข้าวันที่สองนายสงบก็ยังอยู่แต่ในบ้านเหมือนเดิม เขามโนภาพภรรยาของเขาต่อ ว่าเมื่อคืนและถึงตอนนี้ภรรรยาของเขาสร้างวีรกรรมอะไรบ้าง ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดเดา พรุ่งนี้เช้าก็ค่อยไปถอนเงินในบัญชีเพื่อไถ่ตัวภรรยาออกมาก็ยังทัน หวังว่าช่วงสามวันนี้เขาขอเก็บเกี่ยวความสงบสุขให้เต็มที่ แต่ความสงบสุขของนายสงบก็ต้องสะดุด เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น "สงบเอ็งได้เงินมาเท่าไหร่แล้วตอนนี้" "ยังไม่ได้มาเลย พรุ่งนี้เงินที่จัดหาจะได้ตอนบ่ายสาม ห้าโมงเย็นผมพร้อมเงินหนึ่งล้านไปถึงแน่นอน" "แล้วเงินในบัญชีเอ็งตอนนี้กดได้เท่าไหร่" "เงินในบัญชีกดไม่ได้ เพราะก่อนหน้าที่เมียจะไปจ่ายตลาดผมกดเงินช้าไม่ทันใจ โดนเธอด่าเสียจิตตก กดรหัสผิดไปสองครั้งโดนยึดบัตร ว่าวันจันทร์จะไปทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ วันนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีเงินสดอยู่แค่พันเดียว ใจเย็นก่อนนะ" "ข้าไม่เย็นกับเอ็งแล้ว พันเดียวก็ยอม เอ็งรีบมาเอาเมียเอ็งคืนเดี่๋ยวนี้เลย เจอกันที่บ้านร้างกลางทุ่งที่เอ็งเคยไปพรอดรักกันนั่นแหละ ที่แกเคยชมเมียแกว่าช่างเจรจาดังนกแก้วนกขุนทอง คงไม่ลืมนะ" "อ้าวทำไมรีบเร่งส่งคืนล่ะ" "ข้าผิดเอง ข้าควรเชื่อแกตั้งแต่ตอนแรกแล้วที่ว่า ลักพาไปให้รีบเอามาคืน เพราะตลอดหนึ่งคืนกับสองวัน เมียแกด่าข้าไม่หยุด ลุกเป็นด่ายับ ขยับเป็นด่าแหลก แดกข้าวก็ยังด่า จนกูขวัญผวาว่ามันจะตามไปด่ากูในฝันอีก" เสียงโจรเรียกค่าไถ่ดูปนสะอื้น ส่วนนายสงบก็รำพึงกับตนเองว่า "ว่าแล้วไงเรา นึกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสักสามวัน แต่พันเดียวสองวันก็ถือว่าคุ้ม ขอบใจนะพี่โจร" 😆😂🤣 เขียนโดย PippaSmile พิปป้าสมายล์ เขียนวันที่ 26 มิถุนายน 2565
เรื่อง จะเลิกกับเธอทันที