★ ★This is just the beginning of my journey ^^ ★ ★
Group Blog
 
All Blogs
 

I Love Stockholm!!! Sweden!

Hello Sweden!

Photobucket

สวัสดีประเทศไทย!!!!


ตอนนี้พิงอยู่เมืองไทยค่ะ กลับมาได้วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว เกิดอาการ Jet Lag สุดๆ คือมันเป็นอะไรที่โหดมาก ทุกทีเวลาบินไปทำงานก็ไม่เคยเป็นขนาดนี้ นี่เพราะว่าก่อนกลับไทย เรา operate flight กลับมาจาก Stockholm เหนื่อยมาก กลับบ้านเปลี่ยนชุดไปสนามบินโดฮา แล้วก็จับบไฟลท์กลับไทย ไม่พอ มาถึงสุวรรณภูมิดันตกไฟลท์อีก รออีกประมาณ 3 ชั่วโมงถึงจับไฟลท์กลับเชียงใหม่ได้ ชีวิตมันรันทด กลับมาถึง แบตหมดเลยทีเดียว เดินไม่เป็นเลยอ่ะ ถึงกับล้มคาอยู่ตรงฟุตบาทตอนกะลังจะขึ้นรถ ขาเขอนี่อ่อนระทวยไปหมด กลับบ้านมาก็หลับอย่างเดียว วันแรกเลยเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์มาก T_T"

มาถึงเรื่องไฟลท์ Stockholm กันดีกว่า เวลาบินเราใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงด้วยกัน ขาไปไฟลท์ไม่เต็มมาก ทำงานกันอย่างสบายๆ แต่สำหรับผู้ที่แวะมาอ่านเรื่อย ให้ทาย ติ๊กต่อกๆๆๆๆๆๆ

กุเป็นครัวววววววว!!!!!!!!!!!!!!

ทำไม มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา ไม่เข้าจายยยยย หน้าตาเรามันเหมาะมากใช่มั้ยทำครัวเนี่ย แต่อันที่จริงคือเวลาบินไฟลท์สั้น หรือกลางๆ ที่เค้าเรียกกันว่า Short Hual หรือ Medium Hual นั้น เรามักจะไม่ได้เป็นครัว จะเป็นตำแหน่งอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งดูแลเด็ก หรือไม่ก็ In Charge in Economy ไปเลย (เริ่มแก่แล้ว ทั้งๆที่เพิ่งมา) แต่ไฟลท์ที่ยาวหน่อยไม่รู้เป็นไรนักหนา กดสูตรให้เราเป็นครัวตลอด โอเค ไม่ว่ากัน เพราะชอบ ไม่อยากอกไปรบกะผู้โดย เรื่องเยอะมากมายใน Cabin

แลนด์ตอนเช้าประมาณ 8 โมง ทุกคนสลบกันบนรถบัส เพราะมันเป็นไฟลท์กลางคืน จะอิดโรยกันเป็นพิเศษ เราก็เช่นกัน

โรงแรมก็ไกลจากสนามบินอีก เฮ้อ แบบ เมื่อไหร่จะถึง ต้องการเตียง เราล้ามาก ยกของนู่นนี่ ล้าไปทั้งตัว

ถึงแล้วค่ะ เราพักกันที่ Sheraton ใจกลางเมือง เห็นห้องแล้วก็น่านอนสุดๆ
Photobucket

โรงแรมเป็นอะไรที่อยู่ใจกลางเมืองสุดๆ นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ขอมาทำไฟลท์นี้ เพราะชอบอะไรที่ง่ายๆ เที่ยวง่ายๆ ตอนกลับไม่หลง

ออกไปแวะร้านข้างๆ โรงแรมนิดนึง ก็ไปเจอกับม้า เค้าว่ากันว่าเป้นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเลย น่ารักมากๆ อยากซื้อกลับมามาก แต่ทุกวันนี้ก็รกมากแล้ว

Photobucket

เดินเลี้ยวไปอีกทางตามคำแนะนำของใครหลายๆ คนว่าถ้ามาที่นี่ครั้งแรก ควรจะเดินไปเที่ยวใน Old Town ที่นี่ดีอย่างนึงคือทุกๆที่ สามารถเดินถึงกันหมด ถ้าไม่ไกลมาก ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลย เดินเลียบแม่น้ำไป สวยมาก บรรยากาศดีมาก น้ำระยิบระยับ ที่สำคัญแดดแรงสุดๆ ดันลืมเอาแว่นกันแดดมาด้วยสิ
Photobucket

เริ่มเห็นเค้าลางแล้ว Old Town ไปทางนี้จ้า
Photobucket

มาถึงกันแล้ว Old Town ก็จะเป็นตรอกเล็กๆ สีสันสดใสไปตลอดทาง คนเยอะเชียว
Photobucket


ร้านขายของที่ระลึกแนวๆ มากมาย ชอบมากๆ รู้สึกว่าเมืองนี้เป็นเมืองเด็กแนวมาก แล้วของสไตล์ Retro หรือ Vintage จะเยอะมาก

เอารูปไปชมกันค่ะ
Photobucket

ธงสีสวยมาก
Photobucket

ถ้าเดินทะลุไปจะไปโผล่ออกที่แม่น้ำได้หมดเลย สวยจริงๆ
Photobucket





ชอบอ่ะ
Photobucket

จะแนวไปไหน
Photobucket

ม้าสีแดงน่ารักมากๆ
Photobucket

ที่นี่อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการครัวเยอะมาก เช่น ผ้ากันเปื้อน ที่จับของร้อน ไม้พาย ที่รองหม้อ ไรพวกนี้จะเยอะมาก และน่ารักมากๆ เกรงใจเค้า ไม่กล้าถ่ายรูปในร้าน
Photobucket

อะแฮ่มๆ เลียนแบบหน่อย ตอนถ่ายรูปคนฮากันใหญ่
Photobucket

ไม่ต้องสงสัยว่าแว่นมาจากไหน ถอยมาสดๆ ตอนเดินๆ อยู่นี่แหละ

เดินไปกันเรื่อยๆ บรรยากาศน่ารักร่มรื่น ชอบสุดๆ
Photobucket

ตู้โทรศัพท์ยังแนว คิดดู
Photobucket

Art Gallery น่ารักๆ
Photobucket

โผล่ออกมาตรงนี้บรรยากาศเหมือน Frankfurt เลยแฮะ
Photobucket

สวยจัง
Photobucket

ร้านอาหารเพียบ ว่าจะย้อนกลับมากินตอนเย็น แต่เหนื่อยมาก กลับโรงแรมหลับสุดฤทธิ์
Photobucket

ร้านไอติมน่ารักๆ
Photobucket

เจอถนนเส้นนี้ น่ารักมากตามเคย
Photobucket

ตามร้านขายของ ร้านอาหารก็จะห้อยนาฬิกาแบบนี้ไว้ โคตรชอบ
Photobucket

เดินต่อมา เข้าไปซื้อของในร้านนี้ เลยแวะถ่ายรูปหน้าร้านซักหน่อย
Photobucket

เอาอีกๆ ชอบสีมากๆ
Photobucket


ตรงนี้เหมือนจะเป็นทางเดินออกไปยัง New Town ซึ่งของจริงจะสวยและใหญ่มาก
Photobucket

Photobucket

Photobucket

แวะถ่ายรูปดอกไม้น่ารักๆ หน่อย
Photobucket


มาถึงแล้วว (น่าจะใช่) เพราะบรรยากาศดูเปลี่ยนไป New Town
Photobucket

มีอีเด็กวัยรุ่นออกมาแห่ไรกันไม่รู้บนรถ ร้องตะโกนโหวกเหวกเปิดเพลง และลงไปเล่นน้ำกันในน้ำพุ
Photobucket

สงสัยจะร้อน

เดินไปเจอตลาดนัก มีดอกไม้สวยๆ
Photobucket

สีสันบาดตา บาดใจ
Photobucket

น่ารักจัง
Photobucket

ถนนหนทางเค้าก็สะอาดมาก ตอนนี้จะเดินหาทางกลับโรงแรม
Photobucket

ปิดท้ายด้วยเชอร์รี่ที่ซื้อมาจากตลาด ไม่มีจาน รันทดต้องเอาใส่แก้ว ฮ่าๆๆๆๆ
Photobucket

ขากลับ อินเดียทั้งลำอีกแล้ว เบื่อมากมาย แต่ไม่เป็นไร อารมณ์ดี เพราะจะจับเครื่องกลับไทยต่อเลย เลยแบบว่าทนได้ อิอิ

บ๊ายบายค่ะ ขอไปหาหมูกินที่เมืองไทยก่อนนะคะ




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2554    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 2:29:40 น.
Counter : 6834 Pageviews.  

ฟังเพลง cover กันดีกว่า

ช่วงนี้บินแบบแทบไม่ได้หยุดได้หย่อน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว เหนื่อยมาก Stand By รวมๆ ทั้งหมด 7 วัน โดนเรียกซะ 6 วัน ในขณะที่เพื่อนบางคนก็บ่นว่าไม่โดนเรียกเลย ทำไมหวยมาออกที่เราทุกทีสิน่า...เหนื่อย

พรุ่งนี้สตอล์คโฮมไฟลท์ดึก ถ้ายังมีแรงไหวก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ กันแน่นอนค่ะ

ฟังเพลงกันดีกว่าจ้ะ เพลงทั่วไปก็คงฟังกันเบื่อแล้ว มาฟังเพลง cover กันบ้างดีกว่า

Cover เป็นการเอาเพลงของศิลปินอื่นมาเล่นใหม่ จะมีการทำเพลง cover หรือการเต้นcover ก็แล้วแต่ ลองมาดูกัน

เพลงแรก เป็นเพลงที่เราชอบมาก One in a Million ของ Ne Yo ศิลปินผิวสีคนโปรด ซึ่งเราก็หาฟังไปฟังมา ไปเจอของชายผู้นี้เข้า (คนนี้ไม่ดังเท่าไหร่ ขำๆ)

โอ้โหวววว....เมิงปริปากร้องมาคำแรกอยากจะกรี๊ด ภาษาอังกฤษหรือที่เปล่งออกมา!!! ตอนเริ่มเพลงจะเป็นท่อน Rap ร้องได้แบบ นั่นภาษาต่างดาวเร๊อะ! อ่านจากคอมเม้นท์เห็นว่าฮีเป็นคนเวียดนามที่โตในฝรั่งเศส แต่เพื่อนๆ ลองฟังให้ผ่านท่อน Rap ไปก่อน จากที่ด่าๆ อยู่ก็เงียบไปเฉยๆ

เห็นเค้าว่ากันว่า ฮีแค่ร้องท่อนแร๊พล้อเลียน accent ตัวเองเพื่อความฮาเฉยๆ ฮ่าๆๆ

เพลงต่อมาจ้ะ และมาดูทางเดินของหนุ่มคนนี้กัน

ยกมาเพลงเดียวแล้วกันที่เราชอบมาก เพลง Rude boy ของสาว Rihanna ซึ่งในวงการบอร์ดจะเรียกกันว่า "ห่าน" มาจากริ"ฮาน"น่า นั่นเองจ้า ซึ่ง version นี้เป็นหนุ่ม Asian ภาวนาสาธุ อย่าให้แกเป็นผินเลย และแล้ว แกก็เป็นคนชาติที่เราชอบมากกก ฮ่วยยย ฮีเล่นเวอร์ชั่นนี้ได้เจ๋งมาก ชอบมาก ป้าๆ สาวแก่แม่ม่ายก็มาเม้นท์กันใหญ่เนื่องจากหลงสเหน่ห์ (การฟังเพลง cover ควรหาของจริงมาฟังกันก่อน เพื่อจะได้เปรียบเทียบได้) เพลงนี้เป็นเพลงเต้นช้าๆ มักจะเปิดตอนไล่คนออกจากผับ ก๊ากกก....

เท่ห์เนอะ
ยิ่งฟังเพลงอื่นๆ ที่ฮีเอาทำนะ โอ่ยยยยย....
ตามไปดูกันที่ Youtube นะคะ ที่สำคัญ ฉากหลัง ฮีชอบไม่เก็บที่นอน

และแล้ว ฮีก็ดัง...ว่าแล้ว....จนไปออกรายการ TV ที่ดังไปทั่วโลกอย่าง Ellen DeGeneres Show


เย๊ย...แล้วฮีก็ดังจริงๆ ด้วย จากการเล่นกีต้าร์ในห้องนอน!!


โอ๊ยหล่อ...

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีฝันนะจ๊ะ

ขออีกนิด เพลงต่อมาคือเพลง Just a Dream ของ Nelly ซึ่งก็เป็นเพลงที่เราชอบมากอีกแล้ว และในที่สุด 2 คนนี้ก็ได้มา Featuring กัน ผู้ชายเสื้อน้ำเงิน Jason Cheng คนนี้ก็ดังใน internet มากๆ ไม่รู้ใครดังก่อนใคร


อ่ะ พอละๆ จบจากผู้ชายคนนี้ ปาดน้ำลายและจากไปอย่างเงียบๆ

มาปิดท้ายวันนี้กันก่อนอย่างเบาๆ ด้วยวง cover ที่ขอยกให้เป็นวงที่ดีที่สุดในเมืองไทย!!!

ROOM 39!!!

เริ่ดเนอะ เล่นกันเอง ร้องกันเอง ถ่ายกันเองในครัว
เพลงนี้เอง ที่ไปเข้าหูพี่บอย แห่ง LOVE IS เข้าจนพี่แกทนไม่ไหว ต้องดึงตัววงนี้กลับมาจาก LA. เพื่อมาร่วมงาน
ตอนนี้ก็ดังแล้ว หลังจากดังในยูทูปมานาน


ปิดท้ายของจริงด้วย Nothing on You เพลงที่ส่วนตัวแล้วก็ชอบมากกกกก และไลน์กีต้าร์ในการ cover ก็เพราะสุดๆ


บ๊ายบาย





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2554    
Last Update : 6 มิถุนายน 2554 7:02:56 น.
Counter : 1146 Pageviews.  

Again in ROMA, Italy ในวันฟ้าใส...

Photobucket

สวัสดีอีกครั้งค่ะ เพิ่งกลับมาเลย จาก Rome Italy ตอนแรกที่บ่นเรื่องโดนถอดไฟลท์ London ยังถือว่าคนจัดตารางยังใจดีอยู่บ้าง ใส่โรมมาแทน ยะฮู้!

เช็คตารางไปก็ยิ้มกริ่มออกนอกหน้า แบบ ตารางสวยไรงี้ แต่!!! ที่ไหนได้!!

เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรรอเราอยู่ข้างหน้าบ้าง เริ่มจาก

1. ขาไป โดนหัวหน้าใหญ่จับเป็นแม่ครัว Galley Operator (เรียกชื่อภาษาไทยซะ!) ด้วยโหลดผู้โดยสารที่เต็มเอี้ยด นั่งหน้าแป้นแล้นเต็มลำ Special Meal 50 ที่ !! แล้วกรูจะจัดยังง๊าย
เรามีการบอกหัวหน้าใหญ่สาวอินเดีย (ที่ผิวขาวมาก) ว่า

"นี่ๆๆ ยูๆๆ ไออ่ะ เพิ่งเอาบันทึกการทำงานของไอมายู ตอนนั้น ไอบินบาร์เซโลน่ากะยู..." กำลังจะอ้าปากพูดต่อ ชีสวนขึ้นมาเลยว่า

"ใช่ ตอนนั้นยูก็เป็นครัว ไอประทับใจกะการทำงานของยูมาก บลาๆๆๆ ไฟลท์นี้เห็นยูมา ให้ยูเป็นดีกว่า" เอ้าา...ทำดีก็ลำบากอีก ไรแว๊!


2. มีการทะเลาะเบาะแว้ง แต่ไม่มาก เอาแค่ขำๆ ให้สุขภาพจิตเสียเล่นๆ กับหัวหน้าเล็ก ผู้ชายชาวบัลแกเรียเป็นพักๆ เนื่องจากฮีเป็นคนพูดมาก ชอบดึงความสนใจ ชอบทำเป็นเนี๊ยบในเรื่องที่แบบปล่อยบ้างก็ได้ ทำงานเหนื่อยๆ ก็ชอบเข้ามาพูดไรไม่รู้ ชอบมาคิดทางออกให้ เช่น วิธีการจัด Cart (ที่เอาออกไปเสิร์ฟ) ฮีพยายามจะคิดทางลัดให้ ซึ่ง ทำให้เราลำบากกว่าเดิมมากมาย เหมือนทำ Double Work เราก็เลยประท้วง ด้วยการไม่พูดไม่มองหน้า ชักสีหน้าใส่ตลอดเวลา ขนาดตอนเครื่องจะแลนด์ นั่งข้างกัน 2 คน ยังไม่ปริปากคุยกันซักคำ รำคาญญ!!

3. ขากลับ ผู้โดยสารอินเดียทั้งลำ มีฟิลิปปินส์ประปรายมาบ้าง แหม...ชาติที่เราชอบๆ ทั้งนั้นอ่ะ แล้วใช้ลูกเรือเท่าเดิม แต่เครื่องใหญ่ขึ้น จุผู้โดยสารมากขึ้น ขากลับเรียกได้ว่า เราเดินจากโรมกลับมาเลยทีเดียว ไม่มีได้นั่ง ที่สำคัญ 90 Special Meal ว๊ากกก ให้แจกยังไง แต่รุ่นพี่ที่บินมาก่อน เค้าบอกว่า ไฟลท์อเมริกาอ่ะ อย่างต่ำก็ร้อย โอววว.... เลยไม่อยากปริปากไรมาก ได้เป็นผู้ช่วยครัวอีก เลยเหมือนทำงานเป็นครัวสองขา โคตรเหนื่อยเลยอ๊อด (อ๊อดไหน?)

ช่างมัน เรื่องไฟลท์ไม่อยากพูดแล้ว พูดแล้วก็เซ็งและเหนื่อยมากกกกกก

ม่ะ

คราวนี้บริษัททำการเปลี่ยนโรงแรม (อีกแล้ว) ช่วงนี้เป็นช่วงอะไร เปลี่ยนโรงแรมมันทั้งโลกแล้วมั้ง แล้วโรงแรมคราวนี้อยู่ไกลมาก ไกลเมือง ไกลสนามบิน โอเคไม่ว่า แต่ที่เดือดร้อนนี่คือไม่มีบัสจากโรงแรมไปส่งในเมือง ทีนี้เอายังไงล่ะ รถเมล์!!! ฮ่าๆๆๆๆ

ในไฟลท์สนิทกะน้องเกาคนนึง (เรียกเค้าน้องอีกละ เค้าอายุ 32 ละ) แต่ว่า เค้ามีแผนจะชิ่งไปเที่ยวกะน้องเกาอีกคน (คนนี้ก็แต่งงานละ) ที่ทำบิสสิเนสคลาส เราก็เลยนัดกะน้องจีน (คนนี้ก็แก่กว่าปีนึง) ว่าจะออกไปเที่ยวกัน แก๊งค์อินเดียก็จะออก ที่สำคัญอีหัวหน้าเล็กก็จะออก เราเลยวางแผนว่าโอเค เราไปกันสองคนนะ น้องจีนนี่ก็เหวี่ยงๆ คาแรกเตอร์คล้ายๆ เรา บอกโอเค เดี๋ยวแลนด์ปั๊บ เข้าห้อง ครึ่งชั่วโมงลงมาเจอกัน

แล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นคือ ลงมาเจอแก๊งค์อินเดียกะหังหน้าเล็กข้างล่าง ฮีก็แบบ ป๊ะๆๆ ออกเดินทาง

เดี๋ยว !!! ใครจะไปก๊ะเมิงฟระ!!

โอเค เสียมิได้ เดินออกไป คือเราถามเพื่อน ถามโรงแรม เตรียมทุกอย่างหมดแล้ว การเดินทางว่าไปยังไง ขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน กี่ตังค์ อิหัวหน้า ไม่เคยเชื่อ เรารู้อีกป้ายรถเมล์ที่ใกล้กว่าอยู่แค่หลังโรงแรม มันไม่เชื่อ เดินไปโคตรไกลอีกป้ายนึง เจอคนบ้าอีก ดีดกีต้าร์ร้องเพลง แล้วชอบพูดอิตาลีด่าพวกเราอีก เราก็เอาละ ชักสีหน้าละ รอนานนิดนึง โอเครถเมล์มา ค่ะ ไม่มีตั๋ว คนขับบอกเดี๋ยวรอ ให้วิ่งไปซื้อที่บาร์ใกล้ๆ นี่คือหน้าตาของตั๋วที่ได้มา (แต่รูปนี้เป็นตั๋วขากลับ หน้าตาเหมือนกัน) ราคา 1 ยูโร Validity ฮามาก คือ ใช้ได้ 75 นาที คือ ใน 75 นาทีนี้ คุณจะขึ้นรถเมล์ รถไฟ ลงเรือ ขึ้นเครื่องบินอะไรก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในเวลา 75 นาที แลดูเหมือนเกมโชว์

Photobucket

ลงรถเมล์เสร็จ ยังมีเวลาเหลือค่ะ ไปนั่งรถไฟกันต่อ ไปลงที่สถานี Colosseo ซึ่งจะไปโผล่ตรง Colosseum พอดี

ลืมบอกว่าโคตรจะร้อนค่ะ คุณพิงซัดบู๊ทครึ่งขาไปเต็มที่ อันนี้เป็นความผิดพลาดทางแฟชั่นอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนกลางคืนเริ่มหนาวๆ เย็นๆ เลยคิดว่า ดีนะที่เตรียมการมา (ฮ่าๆๆๆ ทำให้ตัวเองแลดูฉลาด)

Photobucket

ดูท้องฟ้าสิ สดใสมากกกก สดใสๆๆๆๆๆๆๆ รูปไม่ต้องผ่านการปรับแต่งใดๆ เทียบกะรูปที่ผ่านมา คราวนั้นอึมครึมมาก กล้องก็ป๊อกแป๊ก รูปเลยออกมาผิดกัน แต่ยังใส่ชุดสายเสือไปเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนสายพันธุ์ ฮ่าๆๆ

Photobucket

อ่ะดูคราวแล้ว ความอึมครึมมมม
Photobucket

ก็ดีใจที่ได้โรมอีก เพราะว่าคราวที่แล้วถ่ายรูปไม่ค่อยจะสมเป็นโรม

และแล้ว จุดเริ่มต้นของการจากลาก็เริ่มขึ้น เมื่อหัวหน้าถามว่า ใครจะเข้าไปในโคลอสเซียมบ้าง ไอไม่เข้านะ อินเดียก็ไม่เข้า (เปลือง) ฮ่าๆๆๆ เรากะน้องจีนเลยประสานเสียงว่า งั้นพวกไอจะเข้านะ พวกยูไปกันเถอะ บายยยยย และแล้ว แผนการชิ่งก็สำเร็จ ถ้าเราต้องทนเห็นหน้ามันไปเรื่อยๆ นะ อาจมีเรื่องชกต่อยกันอย่างจริงจัง



ตั๋ว 12 ยูโรจ้า เข้ามาข้างในแระ

Photobucket

อ่อ จริงๆ ก็เคยเรียนมานะโคลอสเซียมเนี่ย แต่เมื่อกี๊ไปลองหาข้อมูลดูซักหน่อย รู้แล้วก็ขนพองสยองเกลากันเลยดีเดียว

อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วเพราะภาษาไทยก็เรียกทับศัพท์ว่า สนามกีฬาโคลอสเซียม เราก็นึกว่าอืม...สนามกีฬา เหรอ ละยังไง ใหญ่นะแต่ไม่มาก อ่อ เหรอ นู่นนี่นั่น แต่พอไปอ่าน กีฬาที่เค้าเล่นกันอ่ะ คือการต่อสู้ แบบเล่นกันถึงตาย ทั้งคนกับคนและคนกับสัตว์ และอัฒจรรย์อ่ะ จุคนได้ประมาณ 55,000 (หรืออาจจะมากกว่า) มีประตูทางเข้าเยอะมาก เป็นอัฒจรรย์ครึ่งวงกลม ซึ่งคนเข้ามาดู ก็จะโห่ร้องชอบใจ สะใจ ไปกับการต่อสู้ เค้าบอกว่า ปีนึงคนตายไปไม่รู้เท่าไหร่ๆ

แต่ชั้นล่างใต้ดิน (เราตอนเดินเห็นแล้วล่ะแต่ไม่ได้สนใจ) เป็นที่ขังนักโทษที่รอประหารชีวิต คือจะขังไว้กับสิงโตที่อดอาหารหิวโซ ถ้านักโทษคนไหนฆ่าสิงโตให้ตายได้ด้วยมือเปล่า ก็จะถูกปล่อยตัวไป

อ่ะมาดูบรรยากาศโดยรอบ
Photobucket

โหย...ไม่อยากจะนึกหน้าตัวเองตอนก้มลงไปดูในลูกกรงเลย

แล้วที่ๆ ชั้นเหยียบอยู่นี่คนตายไปเท่าไหร่แล้วเนี่ยยย

Photobucket

แล้วที่อย่างนี้ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ (เน้นว่ายุคใหม่นะจ๊ะ) ได้ยังไง

บางทีก็เอาสัตว์มาสู้กันเองจนเค้าบอกว่า ช่วงนั้นสัตว์บางชนิดเกือบจะสูญพันธุ์ไปเลย เช่น สิงโตเอย ฮิปโปเอย

ส่วนนี่เป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ที่หากันอยู่นานมาก
Photobucket

วิวที่ได้ก็คล้ายๆ เดิม แค่ขึ้นไปอยู่บนชั้น 2

นั่งซักหน่อย
Photobucket

เห็นความเคยรุ่งเรือง (แบบโหดร้าย) ของอาณาจักรโรมันแล้วก็แบบ...สลดจิต

เดินออกมาข้างนอก ก็แวะถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อย

Photobucket

Photobucket

ร้านขายผลไม้สีสันน่ารัก
Photobucket

เดินไปเรื่อยๆ รูปเหมือนโรมครั้งที่แล้วอย่างกับแกะ
Photobucket>

Photobucket


มาครั้งนี้ไม่ค่อยเจอคนแย่ๆ เหมือนครั้งที่แล้ว ที่โดนหลอกให้ถ่ายรูปกับอัศวินเอย อะไรเอย แย่ไปหมด

ผ่านที่ที่คุ้นตา
Photobucket

Photobucket

ส่วนรูปนี้ชอบมากกกกกกกกกกก
Photobucket

ที่หมายต่อไปก็ที่เดิมๆ (ก็หนูรู้ทางอยู่แค่นี้ ประกอบกับน้องจีนนี่ก็เพิ่งมาครั้งแรก)

ก็เลยไปที่นี่เลย อ่ะดูป้ายก่อน
Photobucket

ผ่านซอกซอย ถือชเวปส์ซะเสียเลย ขวดนี้ 4 ยูโรนะคร้า

Photobucket

ถึงแว้วววว....น้ำพุเทรวี่

Photobucket

ที่ครั้งที่แล้วเราโยนเหรียญลงไป แล้วได้กลับมาอีกจริงๆ แฮะ
Photobucket

คราวนี้ไม่โยนแล้วกลัวได้มาอีก เพราะว่าไม่อยากมาแล้ว เหนื่อย ฮ่าๆๆ
Photobucket


ดูแบบมีคนบ้าง
Photobucket

ตัดเอาหัวคนอื่นใส่คงดีกว่านี้ ชอบองค์ประกอบรูป แต่หน้าตาไม่ไหวนะ ฮ่าๆ ปกติถ่ายรูปจะไม่หันข้างนี้ ต้องหันอีกข้าง ฮ่าๆๆ โดนบังคับ

น้องจีนก็โยนใหญ่ ถ่ายรูปถ่ายวีดีโออวดแฟนที่กวางโจวใหญ่ (แน๊...ข้อมูลแน่น)

ไม่รู้คิดไปเองป่าวนะ รู้สึกว่าเหรียญมันน้อยลง น้องจีนบอก คนลงไปเก็บชัวร์
Photobucket

มาคราวนี้ถ่ายรูปสนุก หนักกล้องก็ไม่เป็นไร แต่ผิดคาด กลับมาเช็คแค่ 100 กว่ารูปเอง ไม่สะใจ ตอนไปเวียนนาตั้ง 300++ ฮ่าๆๆ

สองสามทุ่มก็ยังไม่มืดเลย ก็เลยแวะช๊อปปิ้งกันนิดหน่อย (เราช๊อปคนเดียวไหม)

ออกมานั่งสูดอากาศสดชื่นพร้อมกับสปาเกตตี้ทะเลจานนี้ ที่คิดว่าเราทำเองอร่อยกว่า
Photobucket


และพิซซ่า หน้าตาเหมือนครั้งที่แล้วที่กินเลย หน้าเบคอน หอมอร่อย
Photobucket

นี่วิวจากร้านอาหาร เรานั่งชิวกันข้างนอก ข้างถนน
Photobucket

ปิดท้ายด้วยไอศครีมร้านข้างๆ ที่ครั้งที่แล้วเข้าไปแอบถ่ายรูปแต่ไม่ได้กิน เป็นรถมิ้นท์กับพานาคอตต้า อร่อยมากๆๆๆ แต่ละลายเร็วเว่อร์ๆ
Photobucket

เดินกลับมาก็เริ่มค่ำแล้วสินะ Colosseum หรือสังเวียนแห่งความตาย(อึ๋ยย..ดูเรียก) ก็สวยไปอีกแบบ

Photobucket


เอ่า..ซื้อตั๋วกลับรถไฟกันดีกว่า นี่ที่สถานีต้นเหตุ
Photobucket


ไปรอรถเมล์กันที่สถานีเดิม
Photobucket


โรงแรมข้างๆ กะลังมีงาน Thai Festival ด้วย ยิ่งใหญ่เชียว อยากลงไปจอยสุดฤทธิ์

ระหว่างที่นั่งฟุตบาท รอรถเมล์กันมืดๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ความสิ้นหวัง ว่าแล้วรถสาย 705 จะมารับพวกกรูไหม ก็เลยนั่งนินทาหัวหน้าเล็กกันมันส์ๆๆๆ ด่ากันมิหยุดปาก นึกว่าเราคิดคนเดียวซะอีก เม้าท์กันดังมากกกกก ทันใดนั้น ก็มีผู้ชายคนนึงโผล่มา พร้อมตะโกนว่า "Heyyyy!!!!!!!!" พร้อมกับวิ่งถลาเข้ามากอดอย่างดีใจ มันคือ

"อีหัวหน้าาาา!!!!!!"

ไม่ต้องมาดีใจ อุตส่าห์หนีมาแล้ว มันก็แบบ ไปไหนกันมา เทอเป็นยังไงบ้าง นู่นนี่นนั่น เทอกินไรมานู่นนี่นั่น เราก็คุยกันว่า สงสัยมันไปเมามารึเปล่าเนี่ย ไม่ต้องกินเหล้ามันก็เมาๆ มึนๆ มาทั้งไฟลท์ละ แล้วขาทำไฟลท์ขากลับ มันก็กลับมาเก็กอย่างเดิม อีบ้า!!

จบแล้วโรมครั้งนี้ ไม่ได้ไปที่อื่นใหม่ๆ เลย เดินหาไม่เจอ ฮ่าๆๆ เริ่มขี้เกียจแล้วด้วย กลับมานอนห้องที่โรงแรมด้วยสภาพเหนื่อยมาก ไม่ได้เหนื่อยในการเที่ยวแบบนี้มานานแล้ว

แต่สนุกดีนะ ครั้งนี้ ได้เพื่อนคู่ใจที่ไปกันได้ โรมก็สวย เรื่องไฟลท์แย่ ไม่นับละกันนะ อิอิ
ครั้งหน้าไม่พลาดที่จะไปที่อื่นแน่นนอน มีที่ให้ดูเยอะมาก แพลนกันมาเยอะเชียว แต่เหนื่อย และไม่มีเวลาด้วย ก็อ่ะนะ กรุงโรมไม่ได้สร้างใน 1 วัน อิอิ

นี่ก็บินมาจะครบ 7 วันแล้ว แล้วจะได้หยุดนิดหน่อย เดือนหน้าอย่างมากก่อนกลับไทยก็ลุยอีกซัก 2-3 ไฟลท์ ตอนนี้ที่แน่ๆ ได้ Sweden แล้ว ไปกะหัวหน้าผญ.โรคจิต นอกนนั้นยังติดสแตนบาย


ปิดท้ายบล๊อคนี้ด้วย Colosseum ยามค่ำคืน
Photobucketสวัสดีค่ะ




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 4:29:47 น.
Counter : 2711 Pageviews.  

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว...เมื่อฉัน Walk in สมัครแอร์

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวบล๊อคทุกคน

เห็นตอนนี้เพื่อนที่มาพร้อมๆ กันเค้าพูดกันว่า ช่วงเวลานี้แหละ (ไม่เชิงวันนี้) เมื่อปีที่แล้ว คือช่วงที่พวกเรา Walk in สมัครแอร์กัน ยะฮู้!!

เป็นไงล่ะ ในเมื่อได้เป็นแอร์สมใจ ก็เลยคิดในใจว่า นี่กรูโชคดีหรือซวยกันแน่เนี่ย!!? 555

มีรุ่นน้องมาชวน ซึ่งทำให้เรารู้ตัวก่อนวันสมัครแค่ประมาณ 1-2 วัน เท่านั้น แล้วจะทำไงเนี่ย ไม่ได้เตรียมตัวไรเลย อะไรก็ไม่มีซักอย่าง อ่อ มีรูปเก่า (ไม่ได้ลงทุนไปถ่ายใหม่ด้วยนะ) ซึ่งในรูปเก่านั้นอ้วนด้วย หัวนิทองเชียว เค้าจะชอบมั้ยหว่า...

วันแรก ไปที่โรงแรม Shangrila เหมือนจะไปก่อนเวลานะ ประมาณชั่วโมงนึง พอไปถึง โห......นี่มันทะเลคน กี่พันคนเนี่ย เฮ้ย ไม่ไหวละ อยากกลับ เสียเวลา เพราะรู้ว่าสมัครไปก็ไม่ได้หรอก คนเป็นพันๆ จริงๆ ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ ถามพนักงานโรงแรมเค้าบอกประมาณ 2000 เพราะเค้านับจากจำนวนเก้าอี้ห้องจัดเลี้ยงที่เกลี้ยงเลยทีเดียว

เราว่าเราไปเช้าแล้วนะ คือมีคนเช้ากว่าเรามากมายอ่ะ เกือบได้ยืนแน่ะ บางคนก็ไม่ได้เข้าห้องต้องยืนต่อแถวข้างนอก เพราะว่าคนล้นแกรนด์บอลรูมออกมา

รอบแรก รอบสามวินาที
เป็นด่านที่คิดว่ายากที่สุด เพราะว่าเค้าแค่จะตัดสินเราจาก ประวัติ CV แล้วก็ระยะเวลา 3 วิ ที่เค้ามองหน้าเราแค่นั้นเอง

บางคนเข้าไป ก็ชวนกรรมการคุยในสามวินี้ ก็เป็นไอเดียที่ดี โอววว เราไม่รู้เลยว่าต้องเตรียมมา แค่เข้าไปยื่น CV ที่เขียนจะแสนธรรมดา เขียนไปแค่ 3 อย่างที่สำคัญ ป.ตรี First-Class Honour in English Literature แล้วก็ผ่านประสบการณ์งานมา 2 ที่ คือสอนเปียโนที่ยามาฮ่ามา 3 ปี แล้วก็เป็นเลขาในมหาวิทยาลัยมาปีนึง ทำงานร่วมกะฝรั่งด้วย อ้อ ละก็เป็น intern ที่กงสุลอเมริกา แค่นั้นจบ ประวัติ

แล้วเราก็ไม่ได้ชวนคุยไร เค้าแค่ถามมาคำนึงว่า "เบอร์โทรที่ชั้นจะติดต่อคุณได้ เบอร์ไหน" เราก็ชี้ไป เค้าก็แค่บอกว่า Thank you แล้วก็จบ

เย๊ยยยยย...จบจริงๆ เราไม่หวังเลยชิวมาก เย็นนั้นไปเที่ยวไหนซักที่ ไม่ได้รอโทรศัพท์อะไรใดๆ ซักเย็นๆ ก็มีคนโทรเข้ามา บอกว่าคุณได้ไปต่อ!! พร้อมกะบอกหมายเลขผู้เข้าประกวดนางงาม และเวลาที่จะต้องไป เค้าแบบคัดออกครึ่งต่อครึ่ง อาจจะน้อยกว่านั้น

รอบสอง ข้อเขียน

จำไม่ค่อยได้เพราะมีหลายรอบ น่าจะเป็นทำสอบข้อเขียนก่อน แล้วมีให้เขียน essay ด้วย เด็กอิ้งวรรณคดีอย่างงเราก็ร่ายเลย เต็มที่ หลังจากนั้นก็ประกาศผล คนได้ไปต่อ คัดออกครึ่งต่อครึ่งเช่นกัน คิดว่าไม่มีชื่อตูแน่ๆ

รอบต่อไป Group Discussion
ให้แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แล้วให้หัวข้อมา ให้เราถกเถียงกัน ตรงนี้สำคัญ เค้าจะดูว่าเราเข้ากับคนอื่นได้มั้ย มีผู้ชาย (ไม่แท้) คนนึง หักหน้าเราตอนทำกรุ๊ป เราก็แบบหน้าเสียมาก สุดท้าย เราได้ไปต่อ เค้าไม่ได้ไปต่อ

พอเราได้ไปต่อ เหลือคนน้อยมาก จากคนเป็นพันๆ เหลือประมาณ 40 คนน่าจะได้ (จากการประมาณ) เค้าก็จะนัดให้มา Final Interview รอบสุดท้าย

เย็นนั้นต้องรีบไปถ่ายรูปใหม่ เพราะเค้าจะเอารูปเต็มตัวตรงๆ ห้ามยืนบิด ห้ามรีทัช ห้ามบิ๊กอายส์ เราก็ไปถ่ายมา ปากแดง ชุดแดง เล็บแดง

สุดท้ายแล้ว คิดว่าถึงเค้าจะชอบสีแดง แต่เหมือนมันไม่ค่อยเข้ากะเราเลย พี่คนนึงบอกว่า ดูเราไม่ใช่คนแรงๆ ทาสีแดงไม่ค่อยเหมาะ วันต่อมาเราเลยเปลี่ยนทุกอย่างเป็นสีชมพู เสื้อตัวในจับจีบพลีท (ที่ใส่ทำงานเป็นประจำ) ส่วนสูทก็เหมือนเดิม สูทแขนสั้น กระโปรงดำ ไม่ได้แต่งหวือหวาเลย เพราะคิดว่าวันนี้เป็นรอบตัวต่อตัว จะต้องนั่งประชิดกับกรรมการ เลยเอาซอฟท์ๆ ดีกว่า ทาสีแดงเดี๋ยวจะเยอะไป คงไว้แต่เล็บสีแดง ช่วงนั้นทำเล็บเองสวยมาก ฮ่าๆ เพราะว่าเล็บยังแข็งแรงอยู่

Final Interview

มีกรรมการ 2 คนเป็นคนแคนาดา (รูทเป็นเอเชีย) กับคนเยอรมัน เพื่อนบอกว่าเราเข้าไปประมาณ 45 นาที แต่เรารู้สึกเหมือนแป๊บเดียวมาก คือเหมือนเป็นการพูดคุยกันแบบชิวมาก เราจากเกร็งเลยไม่เกร็งเลย ตอนแรกตื่นเต้นจะเป็นลม แต่กรรมการน่ารักมาก บอกว่าไม่ต้องเครียดนะ คือรอบนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจ เพราะรอบสามวิตอนแรก เป็นอะไรที่เค้าไม่ได้เปิดโอกาสให้เราพูดหรือแสดงความสามารถและความเป็นตัวเองเลย แต่รอบนี้ เราสามารถเปิดเผยตัวตน ความเป็นตัวเอง และทรรศนคติของเราออกมา ส่วนใหญ่ก็ให้เราเล่าเรื่องประสบการณ์ ปัญหาที่เคยประสบ ปัญหากับเจ้านาย ลูกค้า แก้ปัญหายังไง เคยทำงานนอกหน้าที่มั้ย ฮ่าๆ ก็ยกตัวอย่างตอนสอนเปียโนอยู่ยามาฮ่าไปว่าหลายๆ ครั้งที่เรานัดเด็กไปนอกเวลา เวลาเด็กจะแข่ง หรือจะสอบ ก็ติวกันแบบนอกเวลา อยู่เกินเวลาตลอด เพราะวิญญาณครูเข้าสิงตอนนั้น อยากเห็นเด็กประสบความสำเร็จ ตอนนั้นก็รักงานสอนนะ วันนึงอาจจะกลับไปเป็นอาจารย์สอนไรซักอย่างก็ได้ แต่งานสอนเหนื่อยมาก คือตัวเราก็ต้องพร้อมด้วย ตอนนั้นเรียนไปด้วย ทำงานสอนดนตรีไปด้วย มันเหนื่อย ทำมา 3 ปี ก็ลาออกซะ

เล่าเรื่องตอนนั้น Professor คนเยอรมันงอนจนจะถอนตัวจากโปรเจค EU เนื่องจากเรื่องเงินๆ ทองๆ และถ้อยคำที่เราใช้เขียนไปในอีเมลล์ ก็เล่าไปว่าเราแก้ปัญหายังไง เค้าก็ชอบนะ เพราะว่ากรรมการเป็นคนเยอรมันด้วย เค้าก็ถามว่าทำงานกับคนเยอรมันเป็นยังไงบอกชั้นมาเลยตามตรง มีปัญหาอะไรยังไง เราก็เลย โอเคชั้นจะเล่าแล้วนะ แต่ตอนนั้นต้องคิดก่อน คือต้องไม่เป็นอะไรที่ทางลบเกินไป เลยเล่าเรื่องนี้ไปว่า คนที่ทำงานด้วยให้ความสำคัญเรื่องการใช้คำพูด การติดต่อการใช้ภาษามาก นู่นนี่นั่น กรรมการคนเยอรมันก็เสริมเราใหญ่เลยว่าจริงๆๆ นู่นนี่นั่น ช่วยดันตลอด คนแคนาดาดูออกว่าเค้าชอบเรามาก เวลาเราไปต่อไม่เป็นเค้าจะช่วยทุกครั้ง เค้าน่ารักมาก

ก่อนออกจากห้องเค้าก็ชมใหญ่เลยว่า ยูยิ้มตลอดเลย น่ารักมาก นู่นนี่นั่น เรากลับบ้านมาบอกแม่ เค้าแกล้งชมป่าว สุดท้ายหนูอาจตกรอบ ฮ่าๆๆ

ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ น่าจะ 2 อาทิตย์มั้ง ก็ได้เมลล์ ดีใจด้วย คุณคือเดอะสตาร์ ฮ่าๆๆๆๆ

หลังจากนั้นก็วิ่งวุ่นตรวจร่างกายกันแบบเหนื่อยมาก เจาะเลือดไปสามรอบ ลำยากมากกว่าจะได้มา...

พอรู้ว่าจะได้มา คือรู้แค่ 6 วันก่อนจะมา พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง งงกันเป็นแถว


นึกถึงแล้วเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 2:43:10 น.
Counter : 3958 Pageviews.  

สบายๆ ที่ปักกิ่ง...ปักใบ...ปักดอก...

สวัสดีปักกิ่ง

Photobucket

เงยหน้ามองฟ้า

ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคยย ฤดูร้อนม่ายมีเท๊อ เหมือนก่อน...เหมือนเก่า ขาดเทอ..เอ๊ออเฮอออ...

ร้องเพลง Paradox ใหญ่ สงสัยเมาแดด -_-"


โดนใส่ไฟลท์ปักกิ่งมาอีกแล้วค่าเดือนนี้ ก็โอเคนะ ไฟลท์จีนเป็นไฟลท์ที่ยังพอทน เพราะเวลาบินไม่นานมาก 8 ชั่วโมงโดยประมาณ service ไม่ได้มาเป็นเต็มสูบเหมือนไฟลท์ยุโรป ตอนนี้ไปบินเมลเบิร์นมา 14 ชั่วโมง เลยรู้สึกว่าไฟลท์ 7 8 ชั่วโมงนี่สบายมาก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน

ไปคราวที่แล้วถ้าย้อนอ่านคงจำกันได้ว่าไปกำแพงเมืองจีนมา แบบกลัวมาก จะไม่ไปอีกแล้ว มันทั้งสูง ทั้งหนาว ทั้งชัน ทั้งโอ๊ยยย ไม่รู้แล้ว สรุปว่ากลัวไปเลย คราวนี้เลยไปที่อื่นมั่ง ซึ่งนั่นก็ได้แก่ พระราชวังต้องห้าม และจตุรัสเทียบอันเหมินค่ะ (ในบล๊อคเมลเบิร์นจะเห็นว่าเราไป Federal Square แล้วเอาไปเปรียบเทียบกะจตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งตอนนั้นยังไม่เคยไป จริงๆ แล้ว เทียบกันไม่ได้เลย ฮ่าๆ)

มาถึงโรงแรมกันก่อน คราวนี้เปลี่ยนโรงแรมฮะ คือตอนแรกเราเฟวมากกกก จะปลี่ยนทำไม เพราะเราชอบโรงแรมเก่ามาก คืออยู่ใกล้ห้าง ที่สำคัญโรงแรมเดิมหรูมาก เรานั่งบ่นกะลูกเรือกันไปว่า จะย้ายทำไม เห็นบอกว่าไกลขึ้น ใช่สิยริษัทคงลดค่าใช้จ่าย ทำไมนะ นู่นนี่นั่น นู่นนี่นั่น

บ่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ปนด่า) เพราะเรารู้ว่ามันจะเป็น Crowne Plaza เราก็คิดว่าก็คงเหมือนคราวน์พลาซ่าทั่วๆ ไป แต่พอเห็นห้องแล้ว โอ้วววว หุบปากไปเรย ฮ่าๆๆ

Photobucket

สวยและใหญ่กว่าเดิมประมาณครึ่งเท่า แถมมีห้องน้ำกระจกใสๆ แบบที่ชอบอีก

ทีวีก็ใหญ่กว่าเดิมครึ่งเท่า

Photobucket

ชอบเลยแหละ หมอนก็นอนสบาย
Photobucket

ไปถึงเราก็เหนื่อยมาก โดนจัดเป็นครัวชุดเต็ม โห...ร่างแทบแหลกสลาย ลูกเรือมาตื้อไปเที่ยวผับกัน เห็นว่าจะไปกันเยอะ เลยบอกอิหัวหน้าใหญ่เป็นผู้ชายอินเดียไปว่า แล้วยูจะให้ไอเป็นครัวทำไม ไอไม่มีแรงเหลือจะไปทำไรแล้ว มันก็ตื้ออยู่นั่นแหละ เราเลยชิ่งแว่บไปเลย นาทีนี้หนูขอเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ เป็นพอ...

วันต่อมา นัดกับพี่คนไทย จะไป Forbidden City หรือพระราชวังต้องห้ามกัน เพราะคราวที่แล้วเราไม่ได้ไป แล้วเหมือนจะไปง่าย นั่งแท๊กซี่ไปก็ได้ ไม่ได้ไปยากเย็นเหมือนกำแพงเมืองจีน

มาถึงแล้วค่ะ นี่คือข้างหน้า

Photobucket

พยายามถ่ายเสยๆ ตลอด เพราะคนเยอะมาก ไม่อยากถ่ายติดคน
ซื้อตั๋วกันคนละ 60 หยวน ถือว่าแพงใช้ได้เลยทีเดียว ตกประมาณ 300 บาท

เข้ามาข้างในกันเลย ก็พบเจอกับสถาปัตยกรรมสวยงาม

Photobucket

ต้นไม้แบบนี้ เค้าเรียกว่าเป็น Ordinamental tree กันเลยทีเดียว สวยมาก มีอยู่ทั่วไป

Photobucket

ยังไม่สนความยิ่งใหญ่สวยงามของสถานที่ ถ่ายรูปเล่นกันก่อน
Photobucket

Photobucket

จริงรูปกะดอกไม้เป็นรูปตามแนวยาว แต่พอดีก้มเยอะไปหน่อย เลยดูน่ากลัวมากกว่าเซ๊กซี่ เลยตัดรูปออกมาเป็นแนวขวางแทน
Photobucket

เดินไปเรื่อยๆ
Photobucket

ขอบอกว่าพระราชวังต้องห้ามอาณาเขตกว้างมาก แบบกว้างใหญ่ไพศาล คือเป็นอาณาจักรเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง เท่าที่ดูข้อมูลมา ที่นี่เป็นที่ประทับของพระราชา คือที่ได้ชื่อว่าพระราชวังต้องห้าม เพราะว่าห้ามใครเข้า ห้ามใครออก เช่น ข้าทาส สนมกำนัลขันทีเป็นพันเป็นหมื่น ก็ต้องอาศัยอยู่ในพระราชวังต้องห้ามนี้ตลอดชีวิต ห้ามออกไปไหน ตามข้อมูลคือมีสนมกำนัล 9,000 นาง ซึ่งมีขันที 70,000 คน คอยดูแลให้ และพระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง 148 ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย (จากวิกิพีเดียจ้า)

เดินไปก็จะเป็นตำหนักต่างๆ ซึ่งหน้าตาจะคล้ายๆกันหมด แต่ขอบอกว่ากว้างจริงๆ ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้คงเดินได้ทั่วกว่านี้ อยากบอกว่า อเมซซิ่งจริงๆ อึ้งเลย ไม่ได้คาดหวัง นึกว่าจะเหมือนเคียงบ๊อกกุงของเกาหลี ฮ่าๆๆ (พาดพิงๆ)

อ่ะ นอกเรื่องกันต่อ ถ่ายรูป เน้นคนไม่เน้นวิว ฮ่าๆๆ

หุ่นเท่าโอ่งเลยทีเดียว
Photobucket

Photobucket

ประตูเขียวๆ นี้เค้าอุตส่าห์กั้นเชือกไว้แล้วว่าซ่อมอยู่ เห็นสวยดียังมุดเข้าไปถ่าย

Photobucket

อันนี้ไม่มีอะไร ให้ดูเฉยๆ ว่าท่าลุงถ่ายรูปฮามาก

Photobucket

ลุงบอก "อั๊วะผิกอารายยย"

เดินกันไปเรื่อยๆ ก็เจอนี่เลย เป็นตำหนักที่สวยงามมากกกกก ยิ่งใหญ่อลังการ คนเป็นร้อยพันหมื่นแสน

Photobucket

คนเยอะมากกกกก เดินไปก็จะเจอตึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะเรียกไรขอเรียกตึกแล้วกันนะคะ เอาใหม่ สิ่งปลูกสร้างแล้วกัน โอ๊ย ตำหนักละกัน ฮ่าๆๆ คือเดินไปเท่าไหร่ ก็ไม่จบ ไม่หมดซักที ยิ่งใหญ่มาก

Photobucket

ที่นี่ดีอย่าง รณรงค์จีนเที่ยวจีน ฮ่าๆๆ เหมือนตอนไปกำแพงเมืองจีน คนมาเที่ยวส่วนใหญ่ก็คือชาวจีนนั่นเอง


ช้านมาแร้วนะ ถ่ายฟากนี้เพราะไม่มีคน ฟากที่เล็กกว่า

Photobucket

ตรงนี้คือทางที่จะไปทางออก จริงๆ คือทางเข้า แต่เราเข้ามาจากข้างงหลัง ตรงนี้เลยกลายเป็นทางออกของเราไป

Photobucket

เรากะพี่คนไทยก็ตามหากัน พี่เค้าบอกว่าจะมีรูปเหมา เจ๋อ ตุงอยู่ เป็นรูปใหญ่ๆ ต้องหาให้เจอ ไม่งั้นเดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึง มีทหาร เหมือนทหารยามเดินผ่านมา เราก็เข้าไปถาม โอ้วววว โดนเชิดใส่แบบไม่ใยดี คือเค้าคงพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้

เราเดินไปเดินมาซักพัก ก็แบบถอดใจ เรามีการเผลอถามพี่เค้าว่า "แล้วตกลงรูป เต้า หมิง ซื่อ นี่อยู่ตรงไหนอ่ะคะ" ฮ่าๆๆๆๆ F4 มาเฉย O_O?
ไม่ได้ตั้งใจนะ เผลอพูดออกไปจริงๆ โอวว ท่านเหมา หนูไม่ได้มีเจตนาลบลู่นะคะ
แหะๆ


อ่อลืมรูป พอเดินออกมาข้างหน้าก็จะเจอรูปท่านเหมาจ้ะ
Photobucket

จตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นที่ๆ ใช้ประกอบพิธี เน้นว่าทางการเมืองซะส่วนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ท่านเหมาใช้ประกาศความเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วยค่ะ


คนเยอะมากกกก และหนาวมาก เลยทำได้แค่ถ่ายรูปไกลๆ ไม่อยากข้ามไป เพราะถนนก็กว้างมาก หิวจนตาลายแล่ววววว


Photobucket

พี่ดิวที่ไปด้วยกันหาข้อมูลมาว่ามีร้านเป็ดปักกิ่ง โอ้ววว ดีใจ มาปักกิ่งต้องกินเป็ดปักกิ่งสิ ว่ากันว่าร้านนี้ขึ้นชื่อมาก อร่อยมาก ถามทางมาจากโรงแรมเรียบร้อย ก็เดินกันไป เค้าบอก 15 นาที โดนหลอกตามเคย ... 15 นาทีแม้ว ไกลเชียว

Photobucket

ตาม 2 ข้างทางก็จะเป็นร้านดังๆ เป็นแบรนด์ไฮเอนด์ต่างๆ แต่ว่าก็ยังมีร้านขายของกระจุกกระจิกนู่นนี่นั่น เลยดูไปเรื่อยๆ แต่หิวมวากมาย ณ จุดนี้

ถามทางเค้าไปเรื่อยๆ ก็มาเจอร้านนี่เลยจ้า

Photobucket

Quanjude ชื่อนี้เลย ต้องเดินเลี้ยวเข้าซอยไปอีกนิดนึง
Photobucket

ภายในประกอบไปด้วยหลายชั้นมากจนเรางง เอ๊ะ แล้วเราต้องกินตรงไหน เลยถามเค้า เค้าบอกเหมือนกันชั้นไหนก็ได้ เลยขึ้นไปชั้น 4 ไม่ค่อยมีคน

อาวุธครบมือ เห็นที่วางตะเกียบที่ถือป่าว เป็นรูปเป็ดด้วย
Photobucket

คุณเชฟมาแล่วววว เราสั่งกันแบบครึ่งตัว
Photobucket

คือหนังออกมามันน้อยมากอ่ะ เทียบกะเมืองไทย คือหิวตาลายจนลืมถ่ายรูปหนังเป็ด เห็นมั้ย มีอยู่ลางๆ เหลืออยู่ 1 ชิ้น เลยถ่ายรูปเนื้อเป็ดมาแทน

Photobucket

ซึ่งจริงๆ แล้วบอกให้เค้าเอาไปทำซุป หรือทำอย่างอื่นมา ฟังกันไม่เข้าใจ เลยมากันโต้งๆ แบบนี้เลย จิ้มน้ำจิ้ม กินกันไม่หมดด้วย ตอนแรกดูว่าน้อย เลยสั่งกุ้งชุปแป้งทอดกะข้าวผัดมาอีก สรุป กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่มาก เหลือบานเบอะ

เสร็จจากเป็ดเราก็อิ่มแบบไม่ไหวแล้ว เลี่ยนมากก หาแท๊กซี่ จะไป Silk Maret กัน เค้าว่าคล้ายๆ แพลตตินั่ม

แทกซี่ที่นี่กวนมากกก โบกไม่จอด จอดก็ไม่ไป คือเค้าเข้าใจที่เราพูดนะ เพราะเรามีโพยภาษาจีนไป แต่ไม่ยอมมีใครไปเลย ระหว่างทางเดินไปเรื่อยๆ เราเจอโบสถ์นี้ ชอบมากกกกกก

Photobucket

ไม่รู้จะชอบทำไม ทั้งๆที่เห็นโบสถ์แถวยุโรปมาเยอะแล้ว แต่สวยมาก ชอบมาก บรรยากาศดีจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ารีบอยู่ และกินไอติมไปด้วยอยู่ คงถ่ายรูปมาได้สวยกว่านี้

Photobucket

มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวกะลังถ่ายรูปเวดดิ้งมั้ง อยากจะวิ่งถลาเข้าไปชนเจ้าสาวแล้วไปเสียบแทน ฮร่าๆๆๆๆๆๆๆๆ มองไกลๆ แลดูเจ้าบ่าวหล่ออยู่ เอ๊ะ หรือหล่อเพราะชุด

Photobucket

สวยจริงๆ คราวหน้าถ้าได้มาแถวนี้อีก คงจะเข้าไปดู ถ่ายรูปสวยๆ

นี่ถ่ายมาเบี้ยวๆ หน่อยเพราะทำไงได้ ถือไอติม Cold Stone ไปด้วย
Photobucket

ในที่สุดก็ได้แทกซี่ มาถึงแล้ว Silk Market

Photobucket

ประสบพบกับความเฟวคือ เหมือนแพลตตินั่มแบบหาร 10
ไม่สิ เหมือนกรุงทองพลาซ่าที่อยู่ตรงข้ามแพลตตินัมแบบหาร 3 มากกว่า ฮ่าๆๆๆๆ คือแบบเล็กอ่ะ เล็กมาก มีสี่ห้าชั้นแต่เล็ก ของก็แบบไม่ใช่แนวเราเลย ถึงกระนั้นก็ยังได้เดรสลูกไม้มา 1 ตัว ราคาต่อจาก 480 หยวน ประมาณ 2000 กว่าบาท เหลือ 60 หยวน ไม่ถึง 300 บาท ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดยอดพระเจ้าจ๊อดจริง คนขายก็โฆษณาอยู่นั่นแหละว่านี่โคลเอ้ นะโคลเอ้นะ โคลเอ้ไรฟระ เอาแบบโคลเอ้มาก๊อปสิเทอ ช๊อปที่นี่เหนื่อยมากกกก เหนื่อยต่อของ แต่ก็ได้พวงกุญแจน่ารักๆ มา 2 อัน เพชรๆ เอาไว้ห้อยกุญแจบ้าน ถูกกว่าที่สำเพ็ง สวยด้วย อิอิ ไว้มาโชว์ใหม่

ขากลับ แท๊กซี่อีกละ เป็นปัญหามาก หาแท๊กซี่กันเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ เจอลูกเรือเกาหลีทีหลัง ชีบอกว่า ทำไมไม่ไปซับเวย์ ขาละ 2 หยวนเอง แล้วสะดวกด้วย เอออ...แฮะ...ลืมคิด ก็โรงแรมไม่ได้แนะนำอ้ะ จะรู้ม้ายยยย

คราวหน้าไม่พลาด จะเทคซับเวย์ฮึ่มมมมม!!!

จำได้ว่าหลังจากกลับมาเหนื่อยมากกกก เหนื่อยแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ขึ้นรถบัส เจอเพื่อนเกาหลี ชีตะโกนเรียก พิงงง!! เราก็แบบอ้อ มินฮี ฮายย แล้วเราก็ป๊อก! หลับไปเลย ปกติเป็นคนหลับยาก ไม่เคยหลับได้จริงๆ บนรถ บนเครื่อง หรือไรก็แล้วแต่ แต่คราวนี้หลับแบบไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีถึงบ้านแล้ว ดีนะไม่นั่งรถเลยไปจนมันวนกลับไปที่บริษัทใหม่ เพื่อนเกาหลีเลยมีการเอาไปเม้าท์ว่าเราหลับบนบัส หลับทุเรศมาก อ้าปากพร้อมทำท่าประกอบด้วย แต่เรารู้ตัวเลยว่าเราอ้าปาก เพราะตื่นมาปากยังอ้าอยู่ เหนื่อยแบบ สุดใจขาดดิ้นจริงๆ กลับจากออสยังไม่ขนาดนี้ เหมือนแบตหมด แบบ Battery Death จริงๆ

ปล. ปวดนิ้วมากตอนนี้เพราะพิมพ์แบบนันสต๊อป แถมยังมีเล็บที่ทำมายาวๆ อีก ปวดนิ้ววววววววววว




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 23:09:17 น.
Counter : 1973 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Bloody Distance
Location :
Doha Qatar

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับสู่ blog ของพิงค่ะ พิงคือหญิงไทยที่ได้มีโอกาสมาอยู่ต่างแดนค่ะ มาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ
New Comments
Friends' blogs
[Add Bloody Distance's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.