It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ ดำเนินทราย : บทที่ ๕ กระจ่าง

บทที่ ๕ กระจ่าง

เป็นโชคดีของเรกะติอีกครั้งเธอได้รับการช่วยเหลือจากก้านแก้วที่กำลังเดินทางมาพร้อมกับหน่วยทหารที่จะมาพัฒนาหมู่บ้านบนดอย

ก้านแก้วพาร่างไร้สติของเรกะติไปยังโรงพยาบาลใกล้ๆ เพราะร่างของเรกะติชุ่มโชกไปด้วยเลือด เธอส่งข่าวที่เรกะติรถคว่ำให้กับใบเงินได้รับรู้ ใบเงินขอติดรถบรรทุกผักลงไปในตัวอำเภอโดยที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น เธอเป็นห่วงเรกะติมากเหลือเกิน

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหมอเจ้าของไข้ก็บอกกับใบเงินว่า

“ยังเยี่ยมไม่ได้นะคะคนไข้อาการสาหัสแต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วคงต้องให้คนไข้พักอีกสักระยะถึงจะเข้าเยี่ยมได้”

“ค่ะหมอ”

ใบเงินเดินมานั่งรออยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องผู้ป่วย เธอและก้านแก้วตัดสินใจว่าคืนนี้จะพักในตัวอำเภอดีกว่าที่จะต้องตะกายขึ้นดอย แม้ว่าตัวอำเภอกับดอยจะห่างกันไม่กี่สิบกิโลเมตรแต่ถ้าเดินทางในตอนกลางคืนและฝนตกๆ แบบนี้มันก็อันตรายอยู่เหมือนกัน

“พักในเมืองก่อนนะพี่ใบ”

“อืม” ใบเงินเหมือนไม่มีสติอะไรอีกแล้วจิตใจและความคิดของเธอถูกแทรกด้วยใบหน้าของคนที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล

“นอนพักเถอะพี่ใบ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ก้านแก้วห่มผ้าให้ใบเงินและเธอเองก็ล้มตัวลงนอน

“ก้านถ้าพี่จะบอกว่าพี่รักคุณตากล้องก้านจะว่าอะไรพี่ไหม”

“ไม่ได้นะพี่มันไม่ถูกต้อง”

“แต่พี่รักไปแล้วนะก้าน”

“พี่ใบคิดูดีๆ นะเรื่องแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะพี่” แม้ว่าก้านแก้วจะเป็นสาวห้าวแต่เธอเองก็ไม่เคยมีความคิดที่จะรักผู้หญิงด้วยกัน

“กับคนอื่นพี่ก็ไม่เคยคิดหรอกนะก้านแต่กับคุณเรพี่บอกตรงๆ ว่ามันเกิดขึ้นเอง มันห้ามไม่ได้หรอกก้าน”

“งั้นก็ตามใจพี่ใบแล้วกันก้านคงไปห้ามอะไรพี่ไม่ได้หรอกมันตัวของพี่ใจของพี่ แต่ขอให้พี่รู้ไว้ก็แล้วกันว่าก้านไม่ได้เห็นด้วยกับพี่ในเรื่องแบบนี้” ก้านแก้วพูดจบก็นอนหันหลังให้กับใบเงิน ปล่อยให้ใบเงินนอนร้องไห้อยู่เงียบๆ คนเดียว

....................

เรกะติฝันเห็นอะไรแปลกๆ ในความฝันของเธอเธอเห็นเด็กผู้หญิงตัวแดงๆ ถูกห่อด้วยผ้าถุงสีซีด ผู้หญิงสองคนยืนอยู่บนหน้าผาเดียวดาย หญิงทั้งคู่นั้นเรกะติคุ้นหน้าทั้งสองคนแต่เธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเธอเคยเห็นหน้าที่ไหน

“ฝากลูกแห่งเราไว้ด้วยนะนาง เราคงต้องจากไปก่อน เลี้ยงดูให้เติบโตเป็นที่รักแห่งนางให้ดี”

“ฉันสัญญาจะเลี้ยงลูกของเธออย่างดีไม่ต้องเป็นห่วงแสงดาว”

“ขอบใจเจ้ายิ่งนักเพื่อนแห่งข้า” เมื่อหญิงสาวคนนั้นส่งเด็กทารกให้กับหญิงสาวอีกคน เรียบร้อยก็กระโดดหน้าผาลงไปโดยที่หญิงสาวอีกคนไม่ทันที่จะได้รั้งเอาไว้

และเรกะติยังคงเห็นภาพของเด็กหญิงสองคนถกเถียงกันด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง

“กิ่งไม่ฟัง พี่ก้านไม่รักกิ่งแล้ว” เสียงเด็กหญิงตัวเล็กกว่าตะโกนก้องไปทั่ว และวิ่งไม่คิดชีวิตไปยังหน้าผาที่ผู้หญิงคนแรกกระโดดลงไป ก่อนที่จะตกถึงพื้นดินก็พลันปรากฏเถาวัลย์มากมายพันกันเป็นตาข่ายมารับร่างของเด็กหญิงคนนั้นไว้

ภาพทับซ้อนขึ้นมาเป็นภาพของเธอกับใบเงินในวันที่เธอต้องเดินทางเข้าป่าต้องห้าม

“งั้นฉันคงรั้งคุณไว้ไม่ได้แน่ๆ แล้ว เดินทางปลอดภัยคะคุณเร”

“ฉันรับรองคะว่าฉันจะกลับมาอย่างปลอดภัยและส่งคืนพระให้กับคุณได้อย่างแน่นอน”

อีกภาพที่ทับซ้อนขึ้นมาทันทีเช่นกันก็คือ

“หลับให้สบายเถิดลูกรัก หลับในอ้อมกอดแห่งแม่ วันรุ่งเจ้าจักพบกับแสงสว่าง ลืมเสียเถิดลูกรักเรื่องที่ค้างคาใจแห่งเจ้า นอนเถิดคนดี แม่จะกล่อมเจ้าเอง” เสียงอันอบอุ่นที่คอยปลอบให้เรกะติหลับ เสียงนี้คุ้นหู้เหลือเกิน

เรกะติรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เธอยกมือขึ้นกุมหัวที่มีผ้ากรอสโผกปิดทับไว้หลายชั้นด้วยความเจ็บปวด

ใบเงินเห็นอากัปกริยาของเรกะติก็รู้ว่าคนป่วยเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เธอจับไปที่หลังมือของเรกะติและพยายามพูดปลอบให้คนป่วยคลายความเจ็บปวด

“นอนเถอะคะคนดีของใบ ไม่เจ็บไม่ปวดนะคะ พระคุ้มครองคุณ คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะคนดี” ดูเหมือนว่าเรกะติจะได้รับฟังคำบอกของใบเงิน เธอมีอาการสงบขึ้น และนิ่งเงียบไปอยู่นาน

ใบเงินเดินออกมาหาก้านแก้วที่นั่งรออยู่ที่ระเบียงห้องผู้ป่วย

“ก้านติดต่อไปหาคุณน้อมใจด้วยเธอเป็นแม่ของคุณเรบอกเธอว่าคุณเรรถคว่ำ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ แล้วพี่ก็ฝากบอกครูใหญ่ด้วยว่าพี่ขอลาหลายวันหน่อยจนกว่าคุณน้อมใจเธอจะมาดูแลลูกสาวของเธอได้”

“ได้เลยพี่ใบก้านจะทำตามที่พี่ใบส่งทุกประการครับท่าน” ก้านแก้วทำวันทยาหัตถ์ให้กับใบเงินเป็นการล้อเลียนพี่สาวของตัวเอง

“ฝากด้วยนะก้าน”

“ไม่เป็นไรพี่ใบธุระของพี่ใบก็ธุระของก้านเหมือนกัน ดูแลคนรักของพี่เถอะไม่ต้องห่วง ตอนนี้ก้านก็จะขึ้นดอยอยู่แล้ว ไว้ก้านไปสอนหนังสือเด็กๆ แทนพี่ใบก็ได้”

“อย่าเลยก้านพี่กลัวเด็กของพี่จะกลายเป็นลิงเหมือนก้านไปเปล่าๆ พี่อุตส่าห์ขัดเกลานิสัยมาแล้วอย่างดี”

“เอาน่า เฉยๆ ไปเถอะพี่ เด็กมันก็ต้องซนกันเป็นธรรมดาก้านไปนะพี่ใบไว้เจอกันวันหยุดหน้า”

“โชคดีนะก้านขับรถดีดีล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงมือชั้นนี้แล้ว สอบอมอยอหอ”

“ทำคุยไปเถอะระวังตัวด้วยแล้วกัน”

“บายๆๆ พี่ใบ”

เมื่อก้านแก้วจากไปใบเงินก็กลับเข้าไปในห้องคนป่วยอีกครั้ง เรกะติยังคงนอนสงบนิ่งไม่ไหวติงไปไหนดูเหมือนว่าคนป่วยจะไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที ใบหน้าที่บางครั้งอมยิ้มบางครั้งบึ้งตึงของคนป่วยไม่ได้สติทำให้ใบเงินอยากรู้เหลือเกินว่าเรกะติเป็นอะไร

“คุณฝันอะไรนะฉันอยากรู้จริงๆ คุณเร” ใบเงินใช้นิ้วโป้งของตัวเองช่วยคลายปมที่ขมวดอยู่ตรงหว่างคิ้วของเรกะติ เธอค่อยๆ นวดคลึงไปมาจนคนป่วยคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

“โอ้ว่าอนิจจารักเอย บ่มิเคยพบพานแต่กาลก่อน เมื่อมาพบแล้วต้องพรากจำจากจร ให้อาทรร้อนรนไม่รู้คลาย” ใบเงินรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักที่ร้อนรน จะตะกายออกมาอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะขึ้นมาได้ วังวนแห่งรักนั้นมันรุนแรงเร่งเร้ามากมาย

จากคนที่เคยสงบเยือกเย็นกลับกลายมาเป็นคนใจร้อน เธอไม่อยากให้เรกะติเป็นอะไรไปในตอนนี้เพราะยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอยังไม่ได้บอกกับเรกะติหญิงที่ยังคงหลับและฝันไปเรื่อยเปื่อยตรงหน้าของเธอ

...........

ใบเงินอยู่ดูแลเรกะติไม่ห่างกายหลายสัปดาห์ผ่านไปใบเงินยังคงเฝ้าดูแลเรกะติอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนว่าคนที่หลับจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย มีแต่ใบเงินเท่านั้นที่เฝ้าปลุกคนที่หลับให้ตื่นขึ้นมา

“วันนี้คุณจะตื่นหรือยังคะคุณเร ตื่นเถอะค่ะเช้าแล้ว”

แต่เรกะติก็ไม่ลืมตาขึ้นมามองใบเงินเลยสักครั้งยังคงหลับต่อไปเรื่อยๆ ก้านแก้วมาพร้อมกับนายทหารหนุ่มเจ้านายของเธอ มาเยี่ยมเรกะติที่ยังไม่ยอมตื่นจากการหลับยาว

“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอพี่ใบ”

“ยังเลยก้าน”

“แล้วพี่ใบจะทิ้งการทิ้งงานมาเฝ้าคนไม่ได้สติแบบนี้เหรอ พ่อแม่เค้ายังไม่สนใจจะมาดูแลเลย พี่ใบเป็นใครต้องมาเฝ้าเช้ากลางวันเย็นแบบนี้”

“คุณน้อมคงยังไม่ได้รับข้อความที่ก้านฝากเอาไว้มั๊ง ถ้าได้เธอคงมานานแล้วล่ะก้าน”

“ก้านโทรไปตั้งหลายหน ฝากข้อความไว้ตั้งหลายครั้งถ้าเธอได้รับคงได้รับไปนานแล้วพี่ใบ พี่ใบเชื่อก้านเถอะกลับไปทำงานซะ ก่อนที่จะโดนไล่ออก กว่าพี่ใบจะสอบเป็นครูได้มันไม่ใช่ง่ายๆ นะพี่”

“จะให้พี่ไปตอนนี้ไม่ได้หรอกก้าน พี่รู้ว่าพี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเรต้องรถคว่ำถ้าเธอไม่รีบขับรถกลับมาหาพี่เรื่องมันก็ไม่เกิด เพียงเพราะสัญญาที่เค้าบอกว่าจะกลับมาหาพี่ถ้าทำงานเสร็จ มันทำให้เค้าต้องรถคว่ำพี่ผิดเองก้าน มันเป็นความผิดของพี่คนเดียว”

“มันไม่ใช่ความผิดของพี่ใบหรอกนะพี่ใบอย่าคิดมากสิ เอางี้พี่ใบพี่ไปทำงานทางนี้ก้านจะอยู่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง จริงไหมผู้กอง”

“ครับคุณใบไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางนี้ผมจะให้พลทหารมาเฝ้าไข้ให้ มาอยู่ดูแลให้ก็ยังได้”

“ไม่ดีกว่าค่ะใบเกรงใจ ถ้าเกิดว่าอีกสองสามวันคุณเรยังไม่ตื่นใบก็คิดว่าจะกลับไปสอนหนังสือแล้วคะ เด็กๆ คงใกล้จะสอบแล้ว”

“งั้นก็ได้พี่ใบ วันอาทิตย์ตอนเย็นๆ ก้านจะมารับพี่ก็แล้วกันงั้นวันนี้ก้านไปก่อนนะ เออพี่ใบหลวงพ่อไปธุดงค์อยู่บนดอยที่บ้านพี่นะ”

“เหรอดีจังเลยก้านพี่อยากพบหลวงพ่อมานานแล้ว”

“ไม่แน่วันอาทิตย์ก้านจะมาพร้อมกับหลวงพ่อเลยก็แล้วกัน”

ก้านแก้วจากไปแล้วพร้อมกับนายทหารหนุ่มที่เป็นเจ้านายของก้านแก้ว วันนี้วันศุกร์ อีกสองวันก็วันอาทิตย์

“ตื่นเถอะค่ะคุณเร ก่อนที่ฉันจะกลับไปบนดอย ฉันคงต้องทิ้งคุณไว้ที่นี่เพราะฉันต้องกลับไปทำงานแล้วช่วยตื่นขึ้นมาให้ฉันได้เห็นดวงตาที่สดใสของคุณสักนิดเถอะนะคะคนดี”

....................

เช้าวันอาทิตย์ก้านแก้วมาพร้อมกับนายทหารหนุ่มและหลวงพ่อของใบเงิน

“นิมนต์ครับหลวงพ่อ” ผู้กองหนุ่มเดินนำหน้าหลวงพ่อให้เข้ามาในห้องคนป่วย

“ยังไม่ตื่นอีกหรือโยม ตื่นได้แล้วอาตมามาเยี่ยม” ขาดคำของหลวงพ่อเรกะติลืมตาขึ้นมาอย่างง่ายดาย ทำเอาทั้งใบเงินและก้านแก้วรวมทั้งผู้กองหนุ่มงงเป็นไก่ตาแตก

“เอาน้ำให้โยมดื่มหน่อยสิโยมใบ”

ใบเงินรินน้ำใส่แก้วและเสียบหลอดลงไปด้วยเพื่อให้คนป่วยที่ลืมตาขึ้นมาดื่มได้ถนัดๆ

“หลับสบายไหมโยม”

“สบายค่ะหลวงพ่อ”

“ดีแล้วหลังฝนตกฟ้าก็จะสว่าง อีกไม่นานทุกอย่างก็จะกระจ่างแจ้งแล้วโยม”

“ค่ะหลวงพ่อ”

“อาตมาพาพระเย็นมาเยี่ยมโยมด้วยแนะ”

“นมัสการค่ะหลวงพี่” เรกะติยกมือไหว้พระเย็นที่เดินแบกกรดเข้ามาในห้องตามหลวงพ่อสังคมมาติดๆ

“หลวงพี่บวชเมื่อไหร่กันค่ะฉันไม่ยักรู้”

“บวชตอนโยมรถคว่ำพอดีนั่นแหละ”

“หลวงพี่รู้”

“รู้สิโยม อาตมารู้เท่าที่เค้าอยากให้รู้”

“คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะบอกให้ใครรู้”

“ถูกแล้วโยมไม่มีเรื่องอะไรง่ายและไม่มีเรื่องอะไรยากตราบเท่าที่เรายังศรัทธาและมีสติ”

“ค่ะหลวงพี่”

“ฟื้นแล้วก็ดีแล้วโยมกลับไปทำในสิ่งที่ดวงชะตาได้ลิขิตเอาไว้ ไม่มีใครฝืนลิขิตของตัวเองได้หรอกโยม” หลวงพ่อสังคมพูดเหมือนเปรยๆ และมีรอยยิ้มส่งมาให้ทั้งเรกะติและใบเงิน

“ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วโยม จงเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในศรัทธาแห่งตน”

“ค่ะหลวงพี่”

“อาตมาคงต้องกลับก่อนแล้วนะโยม”

“จะให้ก้านไปส่งที่ไหนค่ะหลวงพ่อ”

“ไม่ต้องหรอกโยมอาตมามีที่มาและอาตมาก็มีที่ไป ไม่ต้องห่วงเราจะได้พบกันอีกในไม่ช้านี้เจริญพรโยม”

พระสังคมและพระเย็นเดินออกไปจากประตูห้อง ก้านแก้วช่วยใบเงินไขเตียงคนไข้เสร็จแล้วก็รีบวิ่งออกตามหลังพระทั้งสองรูปไป แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอวิ่งออกไปจนถึงริมถนนก็ยังไม่เห็นพระสองรูปที่เธอกะว่าจะวิ่งตามมาได้ทัน

“เดินเร็วจังเลยหลวงพ่อว่าจะถวายปัจจัยสักหน่อยไม่ทันซะแล้ว”

..................

เรกะติกลับมาพักฟื้นที่ดอยเดียวดายโดยเธอได้รับการดูแลอย่างดีจากใบเงิน วันนี้เรกะติเดินได้คล่องขึ้น การนอนบนเตียงเป็นเวลานานๆ ทำให้กล้ามเนื้อของเรกะติอ่อนแอลง วันนี้ใบเงินพาเรกะติมายืนที่ผาเดียวดายอีกครั้ง

“ลมแรงจังคุณเรเรากลับกันเถอะ”

“ยังก่อนคุณใบขอฉันยืนที่นี่อีกสักพักเถอะนะคะคนดี” เรกะติขอร้องแกมออดอ้อนใบเงิน

“ตามใจคุณก็แล้วกันถ้าไม่สบายฉันไม่ดูแลอีกแล้วนะ”

“เอาน่าคุณใบไงฉันก็ไม่ทำให้คุณต้องเสียงานเสียการไปเฝ้าฉันอีกหรอกนะ”

“อีกสองคืนพระจันทร์ก็วันเพ็ญอีกแล้วนะคุณ”

“อืมนั่นสิอีกสองคืนก็พระจันทร์เต็มดวงอีกครั้งแล้ว”

“คุณฝันอะไรคะตอนที่คุณหลับไปฉันเห็นคุณทั้งยิ้ม ทั้งขมวดคิ้ว”

“ฝันดีสิค่ะถึงได้ยิ้ม แล้วก็ฝันร้ายสิค่ะถึงได้ขมวดคิ้ว”

“ถ้าจะตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้ไม่ตอบเลยจะดีกว่าไหมคะ” ใบเงินค้อนเรกะติและหันหลังกลับแต่เรกะติไวกว่าใบเงินมากนักเธอคว้าเอวของใบเงินให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดผอมๆ ของตัวเองอย่างง่ายดาย

“คนขี้โกง ที่นี่เค้ามีผีป่าเฝ้านะมาทำอะไรแบบนี้ปล่อยใบนะคุณเร” ใบเงินรีบผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของเรกะติแต่ดูเหมือนคนตัวผอมจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

“ปล่อยไปง่ายๆ เรก็กลัวคุณสิคะ”

“มันไม่ใช่ว่าคุณกลัวหรือไม่กลัวใบ แต่ใบกลัวเจ้าป่าเจ้าเขาต่างหาก”

“เรจะบอกให้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านรับรู้สิคะว่าเรรักคุณ” เรกะติยังคงดื้อดึงเหมือนเช่นเดิมมายอมปล่อยใบเงินแถมยังแกล้งกอดให้แน่นกว่าเดิม

“อุ่นจังเลยคุณใบแม่เนื้ออุ่นของเร”

“ลิเกจังเลยคุณ ไม่คิดเลยว่าคนอยู่เมืองนอกเมืองนามาจะลิเกได้ขนาดนี้”

“ถึงจะลิเกแต่ก็มาจากใจนะค่ะ

“ดูเหมือนคุณจะมั่นใจจังเลยนะคะว่าฉันรักคุณ ฉันยังไม่เคยบอกสักคำว่ารักคุณสักหน่อย”

“ถึงไม่บอกเรก็ฉลาดพอนะคะว่าการกระทำของคุณมันบ่งบอกว่าคุณรักเร”

“ขี้ตู่” ใบเงินเริ่มนึกสนุกเล่นกับเรกะติ

“หรือไม่จริงคะ”

“รอดูกันต่อไปอีกสักนิดดีกว่าค่ะว่าจริงหรือไม่จริง”

“นั่นๆ พระจันทร์ยิ้มแล้วคุณ หัวเราะเราใหญ่เลย” เรกะติแกล้งเย้าคนในอ้อมกอดให้หันไปดูพระจันทร์

“ไหนค่ะ”

“นั่นไง” คนตัวผอมขโมยหอมแก้มคนหน้าสวยไปอีกฟอดใหญ่ ทำเอาคนในอ้อมกอดหน้าร้อนผ่าวและแดงขึ้นเรื่อยๆ

พระจันทร์สว่างพอที่จะให้มองเห็นไปได้รอบๆ บริเวณ หากใครได้เห็นหญิงสาวสองคนกอดกันอยู่ที่ผาเดียวดาย คงจินตนาการได้ถึงความรักของหญิงสาวทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

.............

น้อมใจเดินทางมาที่ดอยเดียวดายอีกครั้งด้วยความร้อนใจ เธอพึ่งจะได้รับข้อความที่ก้านแก้วฝากไว้ที่โทรศัพท์มือถือของเธอ เพราะเธอพึ่งจะเดินทางกลับจากการไปติดต่องานที่ต่างประเทศ

“ขับเร็วๆ หน่อยได้ไหมนายย้ง”

“นี่ก็เร็วที่สุดแล้วครับแม่นาย”

“เร็วกว่านี้อีก ฉันร้อนใจ”

“เร็วกว่านี้ผมกับแม่นายคงต้องไปอยู่โรงพยาบาลแทนคุณเรแล้วครับนายแม่”

“ไปโรงพยาบาลก่อนเลย” น้อมใจสั่งอีกครั้ง

เมื่อน้อมใจไปถึงโรงพยาบาลก็ได้รู้จากหมอว่าเรกะติเดินทางกลับขึ้นดอยไปกับครูใบเงินแล้ว เธอจึงค่อยเบาใจและเดินทางไปที่ดอยเดียวดายอีกครั้ง

“ไปบ้านพักครูนายย้ง”

“ครับแม่นาย”

น้อมใจลงจากรถอย่างรีบร้อนโดยไม่รอให้นายย้งมาเปิดประตูให้ เธอรีบเดินขึ้นไปบนบ้านพักครูโดยไม่กลัวว่าจะเสียมารยาทที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน เธอเห็นเรกะตินั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ชุดรับแขกหน้าบ้านก็เรียกเรกะติในทันที

“เรลูกแม่ เป็นยังไงบ้างลูก” อ้อมกอดของเธอยังคงเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอสำหรับเรกะติ แม้ไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก แต่เธอก็รักเรกะติดังลูกในไส้ของตนเอง

“ผอมไปมากเลยนะเร ไม่สบายหายดีแล้วเหรอลูก แม่ขอโทษนะที่แม่ไม่ได้มาดูแลลูก พอแม่รู้ข่าวแม่ก็รีบมาหาลูกทันที” น้อมใจทั้งกอดทั้งหอมเรกะติราวกับเรกะติยังเป็นเด็กเล็กๆ ก็ไม่ปาน

“เรสบายดีคะแม่เรดีขึ้นมากแล้ว”

“กลับบ้านเราไหมลูก กลับไปพักที่บ้านเรา”

“ไม่ค่ะแม่เรจะพักที่นี่ เรจะอยู่ที่นี่เรไม่ไปไหน”

“เรจะอยู่ได้ยังไงลูกมันลำบากนะคะกลับบ้านเราเถอะลูก อยู่ที่นี่ก็เกรงใจคนอื่นเค้า”

“เกรงใจทำไมแม่เรกับคุณใบเป็นแฟนกัน”

“เร” น้อมใจครางออกมาเบาๆ ด้วยเธอรู้สึกตกใจที่ได้ยินคำบอกกล่าวของลูกสาวที่เธอรัก

“แม่คะแม่ไม่ต้องตกใจนะคะเรื่องนี้เรอธิบายได้”

“อธิบายมาเลยเรแม่อยากรู้ว่าไปไงมาไงเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้”

“จริงๆ แล้วเรแอบชอบคุณใบตั้งแต่แรกเห็นแม่ไม่ต้องถามนะคะว่าทำไมเรเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เรรู้แต่ว่าเท่าที่เรจำได้เรเฝ้ารอคอยผู้หญิงคนนี้รอคอยเธอมาตลอด เหมือนๆ กับว่าชีวิตของเรเกิดมาเพื่อผู้หญิงคนนี้ และดูเหมือนว่าคุณใบเธอก็เป็นเหมือนกับที่เรเป็น เราสองคนสื่อใจถึงกัน มันดูแปลกๆ ใช่ไหมคะแม่ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อีกอย่างเรก็เคยบอกแม่แล้วว่าเรจะทำตามใจที่ตนเองปรารถนาและจะบอกแม่ว่าเรเลือกใครที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเร”

“เร”

“ขาแม่ แม่ให้เรกับคุณใบรักกันเถอะนะคะ”

“ถ้าลูกคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเลือกแล้วแม่ก็ไม่ว่าหรอกถึงตอนนี้แม่คงห้ามอะไรลูกไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม”

“ถ้าแม่คิดจะห้ามก็ยังทำได้อยู่ค่ะ เพราะเรกับคุณใบเราแค่รักกันเท่านั้นยังไม่มีอะไรที่เกินเลย”

“แม่รักลูกนะเร สิ่งที่เรตัดสินใจไปแล้วแม่ก็ถือว่าสิ้นสุด”

“ขอบคุณคะแม่” เรกะติกราบลงที่ตักมารดาของตัวเองด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาจนเติบโต

..........

งานเลี้ยงรับขวัญเรกะติจัดขึ้นง่ายๆ ในบ้านพักครู โดยมีใบเงินเป็นแม่ครัวคอยทำกับข้าวอยู่ในครัว แม้จะเหนื่อยแต่ใบเงินก็ยินยอมที่จะเหนื่อย

ก้านแก้วตามมาสมทบในตอนบ่ายพี่น้องสองคนคุยกันอยู่ในครัว

“พี่ใบว่าแม่ของคุณเรดูยังสาวยังสวยอยู่หรือเปล่า”

“อืมทำไมเหรอ คุณน้อมใจเธอยังอายุไม่เยอะเท่าไหร่นี่ก้าน”

“แสดงว่าเธอมีลูกตอนยังเด็กหรือไง”

“ไม่นะเธอมีลูกไม่ได้ เห็นคุณเรบอกว่าเธอรับเลี้ยงคุณเรตั้งแต่คุณเรยังอายุได้สักสิบกว่าขวบ”

“อ๋อที่แท้ก็เป็นแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงนี่เอง” ก้านแก้วพยักหน้าหงักๆ

“แต่แปลกนะในเมื่อสองคนอายุต่างกันไม่มากแล้วมาเป็นแม่ลูกกันได้ไง” ก้านแก้วยังมีข้อสงสัยอยู่นั่นเอง

“พูดมากจริงๆ เลยก้านเอานี่ไปเอากับข้าวไปตั้งโต๊ะได้แล้ว” ใบเงินจับจานกับข้าวใส่มือของก้านแก้วและไล่น้องสาวของตัวเองให้กลับไปที่โต๊ะกินข้าว ที่มีน้อมใจ ผู้กองสุดหล่อและเรกะตินั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว

“หนูใบนี่แม่บ้านแม่เรือนจริงๆ นะคะหนูก้าน”

“ใช่ค่ะ พี่ใบเป็นแม่ครัวตั้งแต่ก้านยังเด็กๆ ใครได้ไปเป็นสะใภ้คงรักพี่ใบตายแน่ๆ เลย”

“งั้นแม่ก็โชคดีสิค่ะที่ได้คุณใบมาเป็นสะใภ้” เรกะติแอบแซวแม่ของตัวเอง

“ก่อนจะพูดอะไรหัดเกรงใจครอบครัวคุณใบเค้าบ้างนะเร”

“ก็จริงที่คะแม่แสดงว่าแม่โชคดีมากๆ ที่ได้คุณใบเป็นสะใภ้”

ระหว่างที่ก้านแก้วก้มลงวางจานอาหารอยู่นั้นสายตาของน้อมใจก็เหลือบไปเห็นจี้ห้อยคอของก้านแก้ว

“หนูก้านห้อยอะไรค่ะ”

ก้านแก้วจับจี้ออกมาจากคอของเธอ “นี่หรือค่ะ จี้ที่แม่ของเราทำไว้ให้คะแม่ให้เราสามคนห้อยไว้ตั้งแต่ที่ก้านจำความได้”

“สามคน”

“ค่ะเรามีกันสามคนแล้วน้องของก้านก็หายตัวไป ไม่ใช่หรอกค่ะน้องของก้านตกลงไปจากหน้าผาบ้าๆ นั่นตั้งแต่เรายังเล็กๆ จากนั้นพวกเราก็ย้ายออกจากหมู่บ้านนี้ เนอะพี่ใบเนอะ ว่าแต่คุณน้อมใจถามทำไมหรือค่ะ”

น้อมใจไม่ได้ตอบอะไรเธอนั่งนิ่งเงียบตลอดการกินข้าวมื้อนั้น

“แม่ค่ะแม่รับขวัญลูกสะใภ้หน่อยสิค่ะ” เรกะติที่เป็นน้อมใจนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก็เอ่ยขึ้น

น้อมใจชั่งใจอยู่นานจากที่เธอเห็นจี้ห้อยคอของทั้งใบเงินและก้านแก้วเธอก็รู้แล้วว่าเด็กทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นพี่น้องกัน สิ่งที่เธอตัดสินใจจะพูดต่อไปนี้มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว มนุษย์ต่างกับสัตว์เดรัจฉานก็ตรงที่ยังรู้ว่าใครคือพ่อ ใครคือแม่ ใครคือพี่ ใครคือน้อง สิ่งที่เธอจะพูดมันคือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับลูกรักของเธอ

“พวกเธอรักกันไม่ได้” น้อมใจพูดขึ้นมาทันที

“ทำไมคะแม่ทำไมเรจะรักกับคุณใบไม่ได้ ไหนแม่บอกว่าแม่ยอมให้เรกับคุณใบรักกันไงค่ะ แล้วแม่มาพลิกลิ้นทำไมตอนนี้” เรกะติรู้สึกน้อยใจมารดาของเธอขึ้นมาในทันที

“ทำไมคะหรือเพราะว่าคุณจะเก็บไว้เอง” ก้านแก้วพูดออกมาด้วยความโมโหแทนพี่สาวของตัวเองเพราะเธอรู้มาว่าน้อมใจและเรกะติไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ

“ไม่ใช่ แต่เพราะเรเป็นน้องของเธอต่างหากใบเงิน ก้านแก้ว” น้อมใจเปิดกระเป๋าและหยิบจี้รูปร่างหน้าตาไม่ได้ต่างกันกับจี้ของก้านแก้วออกมาให้ก้านแก้วได้ดู

ใบเงินรับจี้นั้นมาเพ่งมองพร้อมกับถอดจี้ของตัวเองออกมาเทียบ ก้านแก้วเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อจี้ทั้งสามถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าว ผู้หญิงสี่คนต่างเพ่งมองด้วยสายตาที่แตกต่างกัน

ทั้งใบเงิน ก้านแก้วและเรกะติต่างสะดุ้งเมื่อได้รับรู้ความจริง ทุกอย่างที่ผ่านมามันคืออะไรสวรรค์เล่นตลกอะไรกับพวกเธอทั้งสามคน กว่าก้านแก้วและใบเงินจะเข้าใจกันเรื่องที่ใบเงินและเรกะติรักกัน กว่าใบเงินกับเรกะติจะลงเอยกันได้ มันยุ่งยากมากมายนักแต่เมื่อต้องมารับรู้ว่าเรกะติเป็นน้องสาวของตัวเอง ทั้งใบเงินและก้านแก้วก็ถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลง

“หมายความว่าเรก็คือกิ่งเพชรน้องของพวกเราหรือคะคุณน้อม” ใบเงินรวบรวมสติกลับมาได้ก่อนใครก็ถามขึ้น

“ใช่เธอเข้าใจถูกต้องแล้วใบเงิน” คำตอบของน้อมใจยิ่งเป็นเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในใจของใบเงินและเรกะติ ก้านแก้วกอดพี่สาวของตัวเองและปลอบใจ

“คิดในแง่ดีนะพี่ใบ อย่างน้อยเราก็ได้น้องกลับมาอยู่กับเรา น้องยังไม่ตายไงพี่ใบน้องยังมีชีวิตรอด” ก้านแก้วทั้งดีใจและเสียใจที่กิ่งเพชรน้องคนเดียวของเธอบัดนี้เติบโตจนเป็นสาวสวย แต่สิ่งที่เสียใจก็คือ ความรักครั้งแรกของใบเงินนั้นต้องมาจบลงด้วยการรักสายเลือดเดียวกัน

แล้วเรื่องต่างๆ ก็ถูกเล่าออกมาจากปากของน้อมใจ คนที่รับเลี้ยงดูกิ่งเพชรมาตั้งแต่เหตุการณ์ในวันที่น้อมใจพบกับกิ่งเพชรใต้หน้าผาแห่งนั้น

น้อมใจพยายามตามหาพ่อแม่ของกิ่งเพชร แต่เมื่อเธอตามกลับมาถึงที่ดอยเดียวดายก็พบกว่าพ่อและแม่ของเด็กสาวได้ย้ายหนีไปแล้ว เธอพยายามตามหาแต่ก็ไร้ผล และตัวเธอก็ต้องย้ายตามสามีชาวต่างชาติไปอยู่ที่เมืองนอกครั้นจะให้กิ่งเพชรอยู่ที่เมืองไทยคนเดียวก็เป็นไปไม่ได้ เธอไปแจ้งขอรับกิ่งเพชรเป็นบุตรบุญธรรมและพากิ่งเพชรไปอยู่ด้วย จากนั้นก็เลี้ยงดูกิ่งเพชรเหมือนลูกของตัวเอง

เธอไม่เคยจะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้กิ่งเพชรฟังเพราะเมื่อคิดจะรื้อฟื้นครั้งใด กิ่งเพชรก็จะปวดหัวทุกครั้ง ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนชื่อให้กับกิ่งเพชรว่าเรกะติเป็นภาษากะเหลี่ยงแปลว่าหน้าผาเล็กๆ ที่เธอได้พบกับกิ่งเพชรในครั้งนั้น

เมื่อเรื่องทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาทั้งใบเงินและก้านแก้วก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เรกะติหรือกิ่งเพชรเองก็ได้แต่นั่งฟังด้วยหัวใจที่รุ่มร้อนไม่ต่างกัน

... จบบทที่ ๕ ...



Create Date : 25 สิงหาคม 2551
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 20:56:02 น. 1 comments
Counter : 287 Pageviews.

 
แต่..............

คอยติดตามตอนต่อไปอีกกว่า


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.165.98 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:21:22:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.